โลกจะหมุนไปกับคุณ (Established on 7 January 2006) ........

thelegendary
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




web page counters
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add thelegendary's blog to your web]
Links
 

 

ตระกูล "ชินวัตร" สรุปขายหุ้นชินคอร์ปยกล็อต 40% มูลค่า 8 หมื่นล้านบาท

ตระกูล "ชินวัตร" สรุปขายหุ้นชินคอร์ปให้ "เทมาเซค" บริษัทแม่สิงเทลยกล็อต 40% มูลค่า 8 หมื่นล้านบาท

ระบุได้ข้อสรุปเมื่อครั้งนายกฯ เที่ยวสิงคโปร์ คาดประกาศและโอนเงินสัปดาห์หน้า โดยเปิดช่องให้ซื้อคืนไอทีวี แคปิตอลโอเคและแอร์เอเชียได้ หลังประเมินธุรกิจมือถือถึงยุคอิ่มตัวและหวังแก้ปมผลประโยชน์ทับซ้อน "ไฟแนนเชียล ไทมส์" ประเมินชินวัตรขายหุ้นหวังต่ออายุทางการเมืองให้ "ทักษิณ"

แหล่งข่าวจากกลุ่มบริษัทชินคอร์ป เปิดเผยถึง ความคืบหน้ากรณีที่ตระกูลชินวัตร จะขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ให้กับสิงคโปร์ เทเลคอม (สิงเทล) นั้น สรุปว่าในช่วงปีใหม่ 1-4 มกราคม 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและครอบครัว ได้เดินทางไปสิงคโปร์เพื่อหารือกับสิงเทล และได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากก่อนหน้านี้ ระดับเจ้าหน้าที่ของชินคอร์ปหารือกันมาตลอด นอกจากนั้น ยังได้ลงนามร่วมกัน หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับจากสิงคโปร์ได้สองวัน

ข้อตกลงระหว่างสิงเทลกับชินคอร์ป วันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่าจะให้บริษัทแม่ของสิงเทล คือเทมาเซค โฮลดิงส์ เข้าซื้อหุ้น ที่ตระกูลชินวัตร และดามาพงศ์ ถืออยู่ในชินคอร์ป ประมาณ 40% ซึ่งจะใช้เงินทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาท

เทมาเซค โฮลดิงส์ บรรษัทการลงทุนชั้นนำของรัฐบาลสิงคโปร์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสิงเทล ในอัตรา 59.10% และยังถือหุ้นในดีบีเอส กรุ๊ป อีก 29% โดยสิ้นมีนาคม 2548 เทมาเซค มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งหมด 120,700 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีอยู่ 107,900 ล้านดอลลาร์ และมียอดรวมพอร์ตลงทุนราว 62,700 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เน้นการลงทุนในด้านสื่อสาร

แหล่งข่าว กล่าวว่า เม็ดเงิน 2 พันล้านดอลลาร์ จะมีการโอนกันสองล็อตภายในสัปดาห์หน้า โดยส่วนแรกคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในต้นสัปดาห์ และล็อตที่สอง จะดำเนินการปลายสัปดาห์หน้า

รายงานข่าว ระบุว่า ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ถือหุ้นในชินคอร์ป สิ้นมีนาคม 2548 จำนวน 1,158,380,520 หุ้น คิดเป็น 38.63% ทั้งนี้ หากเม็ดเงินรวมที่เทมาเซค ต้องจ่าย 2 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาท หากเป็นการซื้อทั้งหมด เท่ากับว่า ต้องจ่าย 69 บาทต่อหุ้น

"คุณทักษิณ เริ่มเจรจากับกลุ่มทุนสิงคโปร์ ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว การขายหุ้นนอกจากแก้ปัญหาเรื่องปมข้อสงสัยทางการเมืองแล้ว ยังเห็นว่าธุรกิจสื่อสารเข้าสู่ยุคอิ่มตัวแล้ว และการขายในช่วงที่ขึ้นสูงสุดน่าจะราคาดีกว่าที่จะรอให้ตกต่ำมากกว่านี้ และยิ่งมีการแข่งขันการสูงขึ้นการขายออก ณ วันนี้ ย่อมคุ้มค่า ส่วนคำถามว่า ทำไมจึงไม่ยอมรอ 3 จี อย่างที่ตั้งความหวังไว้ก่อนหน้านี้ เหตุผลคือ 3 จีเป็นแค่เทคโนโลยีใหม่เท่านั้น การมี 3 จีคาดว่าจะยังไม่ช่วยทำให้มาร์จินของบริษัทได้มากกว่าเก่านัก แถมยังเพิ่มความยุ่งยากทางการเมืองด้วย ที่สำคัญ การได้รับเงินถึง 2 พันล้านดอลลาร์ สามารถที่จะไปลงทุนธุรกิจอื่นได้อีกมาก" แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับกลุ่มชินวัตร ปัจจุบันถือหุ้นในชิน คอร์ปอเรชั่น สัดส่วนรวมประมาณ 40% ซึ่งถือโดยนางสาวพิณทองทา ชินวัตร 14.67% นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 13.49% และนายพานทองแท้ 9.8% รวมทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 0.67% ขณะที่ ชิน คอร์ป ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส สัดส่วน 42.86% ของทุนจดทะเบียน ส่วนสิงเทลถือหุ้นอยู่ 19% ในเอไอเอส และถือหุ้น 1.08% ในชินคอร์ป

เปิดทางให้ชินวัตรซื้อคืนบางบริษัท

รายงานข่าวแจ้งว่า เทมาเซค สนใจเฉพาะในส่วนของธุรกิจมือถือ ผ่านใต้การดูแลของบริษัท แอดวานซ์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มชินคอร์ป ดังนั้น ในส่วน "ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก" อาทิเช่น ไอทีวี ,แคปิตอลโอเค,ไทยแอร์เอเชีย หลังจากเทมาเซค ซื้อหุ้นชิน มาแล้วก็จะเปิดขาย ซึ่งผู้ถือหุ้นเดิม "ตระกูลชินวัตร" มีสัญญาที่สามารถซื้อกลับคืนมาได้

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ ประเมินว่า การที่กลุ่มสิงเทลต้องการถือหุ้นแอดวานซ์ เพราะต้องการเข้ามาทำธุรกิจสื่อสารในประเทศไทย แต่การที่ตัดสินใจต้องซื้อหุ้นชินคอร์ป เพราะได้ราคาส่วนลดประมาณ 20% ซึ่งหากเทียบราคาชินคอร์ปกับแอดวานซ์มีความแตกต่างกัน โดยวานนี้ หุ้นชินคอร์ป ปิดตลาดที่ระดับ 44.50 บาทลดลง 0.25 บาท ขณะที่ แอดวานซ์ ปิดที่ระดับ 109 บาทลดลง 3 บาท นอกจากนั้น การที่เทมาเซค ต้องซื้อหุ้นผ่าน ชินคอร์ป เนื่องจากหุ้นแอดวานซ์ ปัจจุบันมีเพดานการ ถือครองของต่างชาติเต็มเพดานแล้ว

ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสข่าวว่าตระกูลชินวัตร จะเหลือหุ้นในชินคอร์ป ไว้บางส่วนไม่เกิน 10% นอกจากนั้น ยังมีเงื่อนไขจากเทมาเซค อนุญาตให้ตั้งนอมินีขึ้นมาใหม่ ในสิงคโปร์ เพื่อเข้าไปถือหุ้นในสิงเทล แทนการใช้ชิน คอร์ป ถือโดยตรง ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่านอมินีดังกล่าวจะเข้าไปถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 10% เพื่อที่จะได้สิทธิเข้าไปเป็นกรรมการในบอร์ดของสิงเทลด้วย ซึ่งจะทำให้เทมาเซค ไม่จำเป็นจ่ายเงินสดทั้งหมด 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการไม่จ่ายเงินสดทั้งหมดนั้น เทมาเซค จำเป็นต้องเก็บเงินลงทุนไว้สำหรับธุรกิจ 3 จีในอนาคต

หลังจากที่สิงเทลเข้ามาถือหุ้นในชิน คอร์ปแล้ว ก็คงต้องมีการทำคำเสนอซื้อหุ้น (เทนเนอร์ ออฟเฟอร์) จากผู้ถือหุ้นรายย่อย และอาจจะเพิกถอนหุ้นชิน คอร์ป ออกจากตลาดหลักทรัพย์



ที่มา กรุงเทพธุรกิจ - 13 มกราคม 2549




 

Create Date : 13 มกราคม 2549    
Last Update : 13 มกราคม 2549 10:55:32 น.
Counter : 445 Pageviews.  

แชมป์อะคาเดมีสอน “แม้ว” อย่าเสแสร้งมัดใจคนดู หนุนโชว์ 24 ชม.



แชมป์อะคาเดมี สอนกลยุทธ์ “ทักษิณ” ก่อนออกเรียลิตี้โชว์ ชี้ จะให้ชาวบ้านเอ็นดูต้องจริงใจเป็นธรรมชาติไม่เสแสร้ง ระบุ ถ้าจะให้แฟร์ต้องถ่ายทอดสดทุกอิริยาบถตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เห็นตัวตนที่แท้จริง อย่าตัดตอนเฉพาะฉากสำคัญ หวังสร้างภาพเท่านั้น

วันนี้ (12 ม.ค.) นายศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ หรืออ๊อฟ วี 4 แชมป์อะคาเดมี แฟนเทเชีย ปี 2 กล่าวว่า เรียลิตี้โชว์ มีอิทธิพลต่อคนดูอย่างยิ่ง ข้อดีคือ ทำให้คนทางบ้านสามารถติดตามพฤติกรรมของเราได้ตลอด 24 ชม. ส่วนจะรักจะชอบหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับบุคลิกของคนที่ถูกถ่าย หากเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เอาใจเขามาใส่ใจเรา จะทำให้มีคนรักและชื่นชม

แชมป์อะคาเดมี ผู้นี้ ยังกล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยที่นายกฯเข้าไปเล่นในเรียลิตี้โชว์ เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะจะทำให้ประชาชนได้รู้จักนิสัยใจคอที่แท้จริงของนายกฯ หากนายกฯมีความตั้งใจทำงานจริง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวนายกฯเอง อย่างไรก็ตาม อยากให้มีการถ่ายทอดสดตลอด 24 ชม.ไม่ใช่เฉพาะแค่เวลาทำงานอย่างเดียว เพราะประชาชนจะได้รู้ว่าหลังเวลาทำงานนายกฯทำอะไรบ้าง ตรงนี้จะเป็นการแฟร์กับคนดูด้วย เชื่อว่า น่าจะมีกระแสตอบรับที่ดี ส่วนตัวก็จะติดตามดูรายการของนายกฯ เช่นกัน เพราะอยากรู้เหมือนกันว่า ทำไมอยู่ๆ ตนเองถึงมีคนรักและชื่นชอบจนมีแฟนคลับที่เหนียวแน่นขนาดนี้

ด้าน นายพิษณุ นิ่มสกุล หรือบอย วี 8 ที่โด่งดังจากอะคาเดมี แฟนเทเชีย ปี 2 กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า เรียลิตี้มีอิทธิพลกับคนดูมาก เพราะทำให้คนดูจะติดตามตัวเรา ทำให้คนที่ไม่เคยเป็นที่รู้จักในสังคมเป็นที่รู้จักขึ้นมาได้ ส่วนกรณีการทำเรียลิตี้โชว์ของนายกรัฐมนตรี ในการเดินทางลงพื้นที่แก้ปัญหาความยากจนที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด นั้น ก็มองว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะหลายคนไม่รู้ว่านายกฯมีระบบการทำงานอย่างไร ประชาชนจะได้รู้มุมมองของนายกฯมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ ตนอยากจะแนะนำว่าการแสดงในเรียลิตี้โชว์นั้น ควรเป็นตัวของตัวเอง ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ อย่าไปเกร็ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินว่า คนที่โด่งดังจากเรียลิตี้คนดูชอบตอนไหน นายพิษณุ กล่าวว่า ไม่เคยถามคนดู แต่คิดว่าน่าจะเป็นเวลาส่วนตัว นอกเหนือเวลาที่เรามีกิจกรรมภาคบังคับ เพราะจะทำให้คนดูได้เห็นตัวตนของเราที่แท้จริง ส่วนที่นายกฯ บอกว่า จะถ่ายเฉพาะตอนทำงานนั้น ความจริงแล้วอยากเสนอให้ถ่ายตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เฉพาะตอนทำงานเท่านั้น เพื่อที่คนดูจะได้เข้าใจ และรู้จักนายกฯมากขึ้น เชื่อว่า กระแสเรียลิตี้ของนายกฯน่าจะออกมาดี คนดูเยอะ เพราะส่วนตัวตนก็ชื่นชมนายกฯ ว่า เป็นคนเก่ง มีอุดมการณ์ ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่านายกฯโหนกระแสเรียลิตี้นั้น ไม่ขอออกความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม ตนจะติดตามชมรายการนี้ด้วยในฐานะคนที่เคยอยู่ในเรียลิตี้โชว์



โดย ผู้จัดการ - 12 มกราคม 2549




 

Create Date : 13 มกราคม 2549    
Last Update : 13 มกราคม 2549 13:59:00 น.
Counter : 489 Pageviews.  

ปิดดีลประวัติศาสตร์ ชินคอร์ปเปลี่ยนมือแล้ว!


ชินวัตรขายยกพอร์ตให้เทมาเสก / ยิ่งลักษณ์ทิ้งเอไอเอส ปิดดีลชินคอร์ป 7 หมื่นล.

ตระกูลชินวัตรบรรลุข้อตกลงขายหุ้น ชินคอร์ป 1.1 ล้านหุ้นให้ เทมาเส็กผู้ถือหุ้นใหญ่

สิงเทล เทเลคอม เผยเบื้องหลังเจรจามาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วโดยมีโกลด์ แมนซากส์ เป็นที่ปรึกษา

พิณทองทา-พานทองแท้รับเละหมื่นล้าน ด้าน "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร "เตรียมทิ้งเก้าอี้ใหญ่เอไอเอส หลังผู้ถือหุ้นใหม่เข้าบริหาร พนักงานระส่ำเช็คข่าวกันวุ่น คาดทิศทางใหม่ชินคอร์ปหลังทุนสิงคโปร์เข้าครอบขายทิ้งธุรกิจเหลือมือถืออย่างเดียว นักวิเคราะห์ประเมินครอบครัวชินวัตรกำเงินสดลงทุนธุรกิจพลังงานต่อ

แม้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (10) บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือบมจ. ชินคอร์ป ไม่ได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นตามที่กระแสข่าวลือมาตลอดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ หาก แหล่งข่าววงการธุรกิจเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า การเจราจาขายหุ้น ชินคอร์ป ซึ่ง

เป็นบริษัทแม่ของธุรกิจในกลุ่มชินวัตรที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วใกล้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายแล้ว โดยตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ตกลงที่จะขายหุ้น ชินคอปร์ ที่มีจำนวนรวมกัน 1,158,540,120 หุ้น หรือ 39.28 % ของทุนจดทะเบียนให้กับ เทมาเส็ค โฮลดิ้ง บริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน สิงเทล สทาเทจิค อินเวสเมนท์ หรือสิงเทล โดยมีโกลด์แมนซากส์ อินเวสเมนท์แบงกิ้งชื่อดังสัญชาติสหรัฐอเมริกาเป็นที่ปรึกษาการเจรจาซื้อ-ขายครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้

พิณทองทา-พานทองแท้รับเละ

ทั้งนี้วันอังคารที่ 10 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นชินคอร์ปปิด 45 บาทไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า หากใช้ราคาหุ้นชินคอร์ปเฉลี่ยสูงสุดต่ำสุดในรอบปี 2548 ที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 40 บาทต่อหุ้น

(9 กุมภาพันธ์ 48 ราคาสูงสุด 47.75 บาทต่อหุ้น 26 พ.ค.48 ราคาต่ำสุด 33.75 บาทต่อหุ้น) เมื่อนำมาราคาเฉลี่ยของปี 2548 คือ 40 บาทต่อหุ้น คำนานกับจำนวนหุ้นที่ตระกูลชินวัตรจะขายทิ้งยกพอร์ต 1,158,540,120 หุ้นแล้วจะมีมูลค่าเท่ากับ 46, 341,604,800 บาท (สี่หมื่นหกพันสามร้อยสี่สิบเอ็นแปดร้อยล้านบาท) หากใช้ฐานราคาดังกล่าว น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาวคนโตของนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือหุ้นสูงสุด จำนวน 440,000,000 หุ้นหรือ 14.67% จะได้รับเงินจากการขายถึง 17,600,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นเจ็ดพันหกร้อยล้านบาทถ้วน)

ส่วน นายพานทองแท้ ชินวัตรซึ่งถือหุ้นในมือ 293,950,220 หุ้น หรือ 9.80%จะได้รับเงิน 11,778,009,200 ล้านบาท และการซื้อ-ขายครั้งนี้ถือว่ามีมูลค่าสูงสุดเท่าที่เคยมีการซื้อ-ขายกิจการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯในประเทศไทย

อย่างไรก็ตามวงการวิเคราะห์หลักทรัพย์เชื่อ่วาการซื้อ-ขายหุ้น ชินคอร์ประหว่างตระกูลชินวัตรกับเทมาเส็กราคาหุ้นน่าจะอยู่ระหว่าง 46-55 บาทต่อหุ้น หรือมูลค่าซื้อ-ขายจะอยู่ระหว่าง 68,000-81,825 ล้านบาทหรือ 70,000 ล้านบาทโดยเฉลี่ย

ยิ่งลักษณ์ทิ้งเอไอเอส

แหล่งข่าวเดียวกับระบุว่าขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังเจรจาเกี่ยวกับบทบาทของผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่ายโดยมีความเป็นไปได้ที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอไอเอส ซึ่งเป็นน้องสาวคนเล็กของ นายกรัฐมนตรี จะลาออกจากบริษัทเพื่อไปบริหารกิจการของครอบครัวชินวัตรอย่าง บมจ.เอสซีแอสเซท ซึ่งถือเป็นกิจการส่วนตัวของคุณหญิง พจมาน ชินวัตร ภรรยา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และผู้ก่อตั้งกลุ่มชินคอร์ป

แหล่งข่าวเดียวกันกล่าวต่อไปว่า เหตุผลที่ตระกูลชินวัตรขายหุ้นใน ชินคอร์ป แทนการขายหุ้น บมจ.เอไอเอส ซึ่ง สิงเทล กิจการในกลุ่มเทมาเส็ต ซึ่งถือหุ้นใน บมจ.เอไอเอส 19.26 % เพราะการขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ป รายได้จะเข้าสู่ครอบครัวชินวัตรโดยตรงและมีความยุ่งยากด้านภาษีน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการขายหุ้น บมจ.เอไอเอส


เบื้องหลังดีลประวัติศาสตร์

สำหรับเบื้องหลังการตัดใจขายทิ้ง บมจ.ชินคอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มชินวัตรที่กิจการในเครือมากมายที่โดดเด่น อาทิ เช่น บมจ.เอไอเอส บมจ.ชินแซทเทิลไล์ท บมจ.ไอทีวี บมจ.แคปิตอลโอเค บมจ.ไทยแอร์เอเชีย เป็นต้น เชื่อว่ามาจากแรงกดดันทางการเมืองในประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนทิ่ทิ่มแทงความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด

ประกอบกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนยุคจากจีเอสเอ็มไปสู่ยุค 3 จี ซึ่งมีประสิทธิภาพในส่งผ่านข้อมูลและเสียงสูงกว่า ซึ่งประมาณว่าผู้เล่นในระบบจะต้องลงทุนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งทางตระกูลชินวัตรประเมินแล้วว่ามูลค่าการลงทุนสูงจนไม่แน่ใจว่าผลตอบแทนที่ได้กลับมาจะคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่

"เรื่องขายหุ้นครั้งนี้ครอบครัวชินวัตรคิดมาตั้งนานแล้วคิดก่อนที่สถานการณ์การเมืองของท่านนายกทักษิณ อยู่ในช่วงขาลง และ เป็นช่วงที่จังหวะและโอกาสลงตัวเพราะตระกูลเบญจรงคกุล ได้ขายหุ้นให้กับเทเลนอร์ไปแล้วก่อนหน้านี้ทำให้ตระกูลชินวัตรยิ่งตัดสินใจเร็วขึ้น" แหล่งข่าวรายหนึ่งในความเห็น

ด้านแหล่งข่าวอีกรายเชื่อว่าการเดินทางไปสิงคโปร์ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2549 ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ครอบครัวชินวัตรได้มีการลงนามบางประการกับเทมาเส็คแล้ว และเขายังกล่าวด้วยว่าการพุ่งขึ้นอย่างผิดคาดของภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงสัปดาห์แรกบางคนเชื่อว่าเป็นเพราะเงินจากสงคโปร์ที่ เข้าไปลงทุนเพื่อรอซื้อ บมจ.ชินคอร์ป


ทิศทางใหม่ชินคอร์ป

ส่วนทิศทางของกลุ่มชินคอร์ป่หลัง เทมาเส็ค เข้ามาถือหุ้นใหญ่จากการประมวลความเห็นนักวิเคราะห์ทางธุรกิจและผู้ติดตามความเป็นไปของธุรกิจในกลุ่มชินวัตรเชื่อว่า ในท้ายที่สุดเทมาเส็คจะเหลือ บมจ.เอไอเอส ไว้เพียงแห่งเดียวส่วนกิจการอื่นๆไม่ว่า ชินแซทเทิลไล์ท ไอทีวี คงขายเงินลงทุนให้กับผู้สนใจต่อไป นอกจากนี้การขายทิ้งหุ้น ชินคอร์ปของตระกูลชินวัตรจะส่งผลให้ บมจ.ไทยแอร์เอเชีย ขณะเดียวกันจากการที่กระแสข่าวตระกูลชินวัตรจะขายทิ้งชินคอร์ปที่โหมกระพือต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วส่งผลให้ พนักงานใน บมจ.เอไอเอส ต่างตรวจสอบข่าวกันวุ่นวายเพราะไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวจริงหรือเท็จเนื่องจาก ทุกครั้งที่สื่อมวลชนรายงานข่าว นายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ชินคอร์ป จะออกมาปฏิเสธว่าไม่จริงทุกครั้ง


เป้าหมายใหม่ชินวัตร

ต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตระกูลชินวัตรเชื่อว่า รายได้จากการขายหุ้น ชินคอร์ป ที่มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท จะถูกนำไปลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานที่มีอนาคตสดใส นักสังเกตุการณ์บางคนมีความเชื่อเช่นนั้นเพราะอุตสาหกรรมพลังงานอยู่ในช่วงขาขึ้นเพราะโอกาสที่ราคาจะกลับไปอยู่ที่ระดับเดิมเป็นไปไม่ได้แล้วทำให้ความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ไม่สูงนัก และจากการตรวจสอบของ"ฐานเศรษฐกิจ"พบว่าปัจจุบันมีโรงกลั่นน้ำมันในไทย 7 แห่ง โดยหนึ่งในนั้นเป็นของ บมจ.ทีพีไอ โพลีน ของตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ที่มีกำลังผลิตถึง 215,000 บราเรลต่อวัน แต่ปัจจุบันใช้กำลังผลิตไม่เต็มที่เนื่องจากบริษัทอยู่ในขั้นตอนของการฟื้นฟูกิจการ

ด้านนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารลูกหนี้ บมจ.ทีพีไอ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องการขายโรงกลั่นทีพีไอแต่อย่างใด ขณะที่ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการปฏิเสธว่า ไม่มีความจำเป็นต้องขายโรงกลั่นดังกล่าว เพราะเป็นสินทรัพย์หลักที่เป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจของทีพีไอ และ หากจะดำเนินการขายก็ต้องอาศัยแผนฟื้นฟูกิจการที่มีกลไกทางกฏหมายเข้ามาเกี่ยวข้องพอควรและที่ผ่านมาในแผนฟื้นฟูกิจการยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้และยืนยันไม่มีความจำเป็นต้องขายโรงกลั่นทีพีไอ

อนึ่งจนถึงวันที่ 10 มกราคม 2549 ยังไม่มีแถลงการณ์จาก บมจ.ชินคอร์ป และ เทมาเส็ค แต่อย่างใด


จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2078 12 ม.ค.-14 ม.ค. 2549




 

Create Date : 11 มกราคม 2549    
Last Update : 12 มกราคม 2549 2:48:49 น.
Counter : 661 Pageviews.  

ครม.แม้วโยก "น้องเขย" นั่งปลัดก.แรงงาน "ถ้าไม่แฮบปี้ก็ย้ายกลับ"



วันที่ 10 ม.ค. 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ครม.มีมติให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ย้ายไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน และให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ปลัดกระทรวงแรงงานไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมแทนว่า เป็นการสลับตัวกันด้วยเหตุผลว่า นายสมชายรับราชการในตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมครบ 4 ปี และต่ออายุได้ 2 ครั้ง ตามกฎระเบียบก.พ.ไม่เช่นนั้นจะต้องมาขอยกเลิกมติครม.เพื่อให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ดังนั้นทุกคนจึงมีความเห็นว่า เมื่อครบกำหนดแล้วต้องหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้เนื่องจากไม่ได้มีความผิดใดๆ ผลงานก็ดี จึงดูว่าจะแลกกันตรงไหน เห็นว่าปลัดกระทรวงแรงงานก็จบกฎหมาย และเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายมาก่อนในฐานะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจจับกุมตามกฎหมายในสมัยก่อน จึงคิดว่าให้ไปอยู่กระทรวงยุติธรรมได้ ต้องสลับเปลี่ยน เพราะกฎหมายไปล็อกว่าเป็นตำแหน่งได้ 4 ปี และต่อได้ไม่เกิน 2 ครั้ง และก็ต่อไป 2 ครั้งแล้วเลยต้องเปลี่ยน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่มีปัญหาในการทำงานกับข้าราชในกระทรวงแรงงานหรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า ไม่มี เพราะเป็นการสลับตำแหน่งกันไม่ได้ไปปิดบังอะไร เพราะปลัดแรงงานก็ยังไม่เกษียณ ปลัดยุติธรรมก็ยังไม่เกษียณ เพียงสลับหน้าที่กัน ย้ายครั้งนี้เพราะเน้นเรื่องกติกาที่ถูกล็อกไว้ จึงต้องเปลี่ยน ส่วนเรื่องการบริหารงานด้านบุคลากรในกระทรวงแรงงานก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะกระทรวงแรงงานต้องมีการพัฒนาเรื่องกฎหมายแรงงานอีกมากพอสมควร ไม่มีปัญหากระทบถึงการทำงานของทั้ง 2 คน เพราะมีอธิบดีอยู่หลายคน

ต่อข้อถามว่า จะให้สมชายไปดำรงตำแหน่งนานหรือไม่กี่ปี พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า “ไหนฮะ ก็เกษียณ 49 เอ๊ย! 50 จำไม่ได้แล้ว น้องเขยเกษียณเมื่อไหร่วะ”

เมื่อถามอีกว่า งานในกระทรวงยุติธรรมจะทำอย่างไรเพราะยังมีหน่วยงานใหม่เกิดขึ้นอีกมาก พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า ก็จะให้ทำอย่างไรเพราะความจริงที่ดีที่สุดคือต่ออายุ แต่ถ้าต่อก็จะถูกวิจารณ์ไปอีกแบบหนึ่ง สลับกันก็ถูกวิจารณ์ไปอีกแบบหนึ่งหากต่ออายุก็เกินเลยที่เราเคยต่อกัน 2 ครั้ง เพราะนี่ต่อมาครบแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามจะกระทบต่อขวัญและกำลังใจของข้าราชการกระทรวงแรงงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า “ก็ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี เอา..ถ้าไม่แฮปปี้ก็ย้ายกลับ”

พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ครม.เห็นชอบให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมสลับตำแหน่งกับนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ปลัดกระทรวงแรงงานว่า การทำงานจะดีขึ้น ส่วนเหตุผลการสลับตำแหน่งครั้งนี้เป็นไปตามความเหมาะสมเพราะกระทรวงแรงงานมีศาลแรงงานที่ดูแลข้อพิพาทแรงงาน โดยนายจารุพงศ์เคยเป็นพนักงานฝ่ายปกครองและตำรวจมาก่อนจึงรู้งานยุติธรรมอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า การโยกย้ายครั้งนี้เป็นการหาทางออกให้นายสมชายหรือไม่ พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวว่า ไม่ใช่ ระบบราชการนั้นต้องทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า โยกย้ายครั้งนี้เป็นการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างนายสมชายและแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนนท์ รองผอ.สำนักนิติวิทยาศาสตร์หรือไม่ พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวว่า ไม่ใช่ อย่าคิดแบบนั้น ทุกคนเป็นข้าราชการต้องมีวินัยทำงานเพื่อชาติและประชาชน ส่วนงานด้านนิติวิทยาศาสตร์นั้นน่าจะดีขึ้น การทำงานนั้นระบบต้องมาก่อนบุคคล

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีระบุว่าข้าราชการต้องตั้งใจทำงานเพื่อเติบโตในหน้าที่ แต่การย้ายข้ามห้วยแบบนี้จะเกิดปัญหาหรือไม่ เพราะกระทรวงเกษตรฯก็เกิดปัญหาแบบนี้มาแล้ว พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวว่า “เหรอครับ ขอไปดูข้อมูลก่อนตอนนี้ยังไม่มีความเห็น”

น.ส.ศันสนีย์ นาคพงษ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ครม.รับทราบการให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ดำรงตำแหน่งมาจนครบวาระและมีการต่ออายุราชการมาแล้ว 2 ครั้ง ให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน เนื่องจากนายสมชายเคยรับผิดชอบงานกระทรวงยุติธรรมที่มีศาลแรงงานอยู่ในสังกัดจำนวนมาก และขณะนี้มีความจำเป็นต้องพัฒนากฎหมายกระทรวงแรงงาน ส่วนนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากนายจารุพงศ์ จบการศึกษาด้านกฎหมายและเคยทำเป็นพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจที่มีหน้าที่สอบสวนตามประมวลวิธีพิจารณาคดีอาญา และมีประสบการณ์บริหารจัดการแผ่นดิน หลายตำแหน่ง เพื่อให้เกิดประโยชน์จึงสลับตำแหน่งในกระทรวงที่ใหญ่ขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงยุติธรรมให้เหตุผลการโยกย้ายครั้งนี้อย่างไร น.ส.ศันสนีย์กล่าวว่า เห็นว่า นายสมชายมีความจำเป็นต้องไปช่วยงานด้านกฎหมายในกระทรวงแรงงาน เพราะมีประสบการณ์ด้านศาลแรงงาน อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีไม่ได้ปรารภเรื่องนี้ เพราะเป็นการเสนอวาระจรที่ใกล้จะหมดเวลาประชุมแล้ว

น.ส.ศันสนีย์ กล่าวว่า ครม.ได้อนุมัติให้พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน กลุ่มงานยุทธศาสตร์และการวางแผน สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้เพื่อรอให้ไปดำรงตำแหน่งที่เหมาะสมต่อไป

น.ส.ศันศนีย์ กล่าวว่า ครม.รับทราบคำสั่งแต่งตั้งสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ผู้แทนการค้าไทยมีอำนาจหน้าที่ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมนานาชาติด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนแทนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์และนายประจวบ ไชยสาสน์ ที่หมดอายุไปคือนายปานปรีย์ มหิธานุกร, นายอุตตมะ สาวนายน และนายสุวิทย์ เมฆินทรีย์ เป็นผู้แทนการค้าไทยคนใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.ยังอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการประจำและข้าราชการการเมืองในตำแหน่งต่างๆดังนี้ รับทราบคำสั่งสำนักนายกฯที่521/2548 เรื่องมอบหมายและมอบอำนาจให้นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี สั่งและปฏิบัติราชการเพิ่มเติมแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้

1.ติดตามเร่งรัดและประสานแก้ไขสื่อลามกทุกประเภทให้หมดไปจากสังคมไทย รวมทั้งสื่อลามกทุกประเภท ตู้เกมส์ การ์ตูนลามกและประสานกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงไอซีทีและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

2.กรณีที่ต้องสั่งการใดๆแทนนายกฯสามารถกระทำได้เท่าที่จำเป็น โดยปนรานกับรองนายกฯ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบภารกิจนั้นๆ

3.รายงานความคืบหน้าการแก้ปัญหาต่อนายกฯเป็นระยะ

ครม.ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการดังนี้1.นายไกรสร บารมีอวยชัย อธิบดีกรมบังคับคดีไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง นายสิรวัต จันทรรัฐ รองอธิบดีกรมบังคับคดีเลื่อนเป็นอธิบดีกรมบังคับคดี และยังมีคำสั่งสำนักนายกฯที่ 2/2549 แต่งตั้งและมอบอำนาจให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติตามพ.ร.บ.กองทุนหมู่บ้านและชุมชนแห่งชาติพ.ศ. 2547 ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 2549



ที่มา ThaiInsider.Com - 10 มกราคม 2549




 

Create Date : 11 มกราคม 2549    
Last Update : 11 มกราคม 2549 2:01:16 น.
Counter : 512 Pageviews.  

"เหลิม-คัมแบ็ค"ลุยแน่ ส่ง 3 ลูกชายตัวดีลง ส.ส.



“เหลิมคัมแบ็ค” ประกาศตั้ง “พรรคทางเลือกใหม่” ลุย “นโยบาย” แข่งกับไทยรักไทย ขอท้าทาย ถ้าเลือกแล้วได้เป็นรัฐบาล จะเลิก “30 บาทรักษาทุกโรค” ทันที แต่จะให้ “รักษาฟรี” กันหมด เตรียมส่ง 3 ลูกชายคนโปรด ลงสมัครส.ส.ในจังหวัดสกลนครสมัยหน้าแน่ ปัดไม่เคยคุยกับ “เสธ.หนั่น-วัฒนา-เสนาะ” เรื่องตั้งพรรคใหม่

วันที่ 10 ม.ค. 2549 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตหัวหน้าพรรคมวลชน เข้ารับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมนายดวง (ดวงเฉลิม) อยู่บำรุง บุตรชาย ซึ่งเข้ารับพระราชทานปริญญามหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน โดยมีสมาชิกในครอบครัว “อยู่บำรุง” พร้อมญาติมิตรมาร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองว่า แม้จะหยุดเล่นการเมืองมาระยะหนึ่ง เนื่องจากติดเรียนหนังสือและกลัวจะเรียนไม่จบ แต่ได้ติดตามการเมืองมาโดยตลอด ซึ่งก่อนจบ 6 เดือน ได้หารือกับอาจารย์ที่สอนและพูดคุยกับนักศึกษาที่เรียนด้วยกันว่า หลังเรียนจบแล้วจะเล่นการเมืองต่อดีหรือไม่ ทุกคนต่างสนับสนุนที่จะให้ตนเล่นการเมืองต่อไป

"ถ้าจะเล่นการเมืองแบบเก่าๆ ขณะนี้ถือเป็นเรื่องยาก เพราะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปิด ภาคอีสานก็เป็นของพรรคไทยรักไทยหมด ใครจะเล่นการเมืองก็ไม่มีโอกาสได้ลงสมัคร"ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการเมืองขณะนี้ไม่ร้อนแรงอย่างที่มีคนวิเคราะห์ โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคไทยรักไทย ไม่มีอะไรเลย รัฐบาลภายใต้พรรคไทยรักไทยอยู่ครบเทอมแน่ๆ จึงต้องมามองที่ทางเลือกใหม่ โดยกลุ่มตนจะตั้งพรรคการเมืองชื่อ “พรรคทางเลือกใหม่” เน้นนโยบายที่จับต้องได้เป็นหลัก เพราะหากไม่ใช้นโยบาย ก็สู้ใครไม่ได้ ซึ่งนโยบายของพรรคไทยรักไทยนั้น ยังเป็นลักษณะแบบครึ่งๆ กลางๆ ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดในแต่ละเรื่องได้ครบถ้วน แต่นโยบายของพรรคทางเลือกใหม่จะเป็นนโยบายที่จับต้องได้ วิจารณ์ได้ และชี้แจงได้ ทั้งนี้ตนพร้อมประกาศว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่พรรคไทยรักไทยเคยท้าทายเอาไว้ เพราะมีสิ่งที่ดีกว่าจะนำเสนอ โดยเฉพาะการรักษาฟรี

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พรรคทางเลือกใหม่อาจเปลี่ยนหัวจากพรรคมวลชนและเปลี่ยนโครงสร้างรวมทั้งนโยบายใหม่ทั้งหมด ขณะนี้ร่างไว้แล้วกว่าร้อยละ 80 ส่วนหัวหน้าพรรคจะเน้นความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทำธุรกิจในช่วงทำการเมือง ซึ่งจากนี้ไปจะเดินหน้าทางการเมืองเต็มตัว ชี้แจงด้านกฎหมายโดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะภาคอีสาน

“ยอมรับว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เสียหายทั้งหมด แต่เป็นครึ่งๆ กลางๆ ตอนนี้ผมมีนักเศรษฐศาสตร์หนุ่มๆ ที่จบจากเมืองนอกจะมาร่วมทีม แต่ยังไม่เปิดเผยตัว เพราะยังไม่ถึงเวลา”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม สามารถสู้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่กล้าเปรียบเทียบ แต่ขอให้จับตาดูการกลับมาเล่นการเมืองใหม่ เพราะจะทำการเมืองให้ดีที่สุด

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าจะต้องใช้เงินถึง 1,000 ล้านบาท ในการทำพรรคการเมือง โดยได้หารือกับพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชนไว้แล้ว ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และตนก็ไม่ได้หารือกับนายวัฒนา อัศวเหม อดีตหัวหน้าพรรคราษฎร และนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้ากลุ่มวังน้ำเย็นแต่อย่างใด เพราะนายเสนาะ เป็นนักการเมืองอาวุโสไม่ต้องการไปยุ่งเกี่ยวด้วย

สำหรับการทาบทาม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย มาเป็นเลขาธิการพรรคทางเลือกใหม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่ได้ทาบทามและยังไม่มีข้อยุติใดๆ แต่นายชูวิทย์ สนิทกับนายดวง บุตรชายคนเล็ก จึงไปมาหาสู่กัน

“ผมจะส่งลูกชายลงเล่นการเมืองทั้ง 3 คน อยู่ในพรรคทางเลือกใหม่ ลงสมัครในเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนคร เพราะชาวอีสานเอ็นดูลูกผมทุกคน ผมดูไว้แล้ว 3 เขต คือ เขต 5 - 6 และ 7” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ส่วนประชาชนจะยอมรับบุตรชายได้หรือไม่ นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนมีความเชื่อมั่นในกติกา ซึ่งขณะนี้กติกาทางสังคมและกฎหมายบ้านเมืองยอมรับในตัวบุตรชายแล้ว ปัญหาต่างๆ ที่เคยมีก็ยกฟ้องหมดแล้ว จึงเชื่อว่าประชาชนจะยอมรับได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับเวลาและการกระทำที่จะมุ่งมั่นทำให้ดีที่สุด

ทั้งนี้ร.ต.อ.เฉลิม สมรส กับ นางลำเนา อยู่บำรุง มีบุตรด้วยกัน 3 คน ประกอบด้วย นายอาจหาญ หรือ โต้ง นายวัน (วันเฉลิม) หรือ หนุ่ม และ นายดวง (ดวงเฉลิม) หรือ ชาย อยู่บำรุง



ที่มา ThaiInsider.Com - 10 January 2006




 

Create Date : 11 มกราคม 2549    
Last Update : 11 มกราคม 2549 1:24:38 น.
Counter : 587 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.