ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

เทคนิคการรับประทานอาหารให้สุขภาพดี

เทคนิคการรับประทานอาหารให้สุขภาพดี

คำว่า "อาหาร" กับ "สุขภาพ" เป็นสิ่งที่คู่กันค่ะ ไม่ว่าใครก็อยากมีสุขภาพที่ดีกันทั้งนั้น ยิ่งเวลาทานอาหารแล้วละก็ ทำให้สุขภาพดี หุ่นดี ยิ่งทำให้เรารู้สึกดี  และกระแสนี้เอง ที่กำลังได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก การกินเพื่อสุขภาพคือสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องให้ความใส่ใจ เพราะการกินไม่ใช่แค่การสนองความต้องการหรือให้อิ่มท้องเท่านั้น หากแต่ยังต้องคำนึงถึงผลที่มีต่อสุขภาพด้วย วันนี้ เอมิลี่ มีเคล็ดลับการรับประทานอาารให้ได้สุขภาพที่ดีมาฝากกันค่ะ

1.ทานอาหารเช้าเป็นประจำ เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด และควรเป็นมื้อที่มีคุณค่าครบทั้ง 5 หมู่ และทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะช่วยเติมพลังให้ร่างกายและสมองแล้ว ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ช่วยให้การเผาผลาญ พลังงานดีขึ้น

2.เลือกอาหารจากธรรมชาติไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์(มอลต์) ถั่ว ข้าวสาลี (โฮลวีต) เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่า นี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และยังเป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุ วิตามิน โปรตีนที่ปราศจากคอเลสเตอรอลและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีสารแอนติออกซิแดนต์ ใยอาหาร และปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงชองการเป็น โรคหัวใจ นอกจากนี้ ยังช่วยลดคอเลสเตอรอล และความดันโลหิตได้ หรืออาจเลือกอาหารที่มีส่วนผสมของธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮลวีต ซีเรียลจากมอลต์ เป็นต้น


3.เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหารและทานเป็นประจำ เพื่อเพิ่ม วิตามิน เกลือแร่และสารอื่นๆที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ และยังช่วยนำคอเลสเตอรอล และสารก่อมะเร็งบางชนิด ออกจากร่างกายไปด้วย ทำให้ลดการสะสมของสารก่อมะเร็งบางชนิด และมีกากใยช่วยในการขับถ่าย ช่วยให้กระบวนการต่างๆในร่างกายดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4.ลดขนมขบเคี้ยวและขนมอบกรอบ ที่มีแต่ไขมัน เกลือ น้ำตาลและสารปรุงแต่งอื่นๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากอยากทานขนมอาจหันมาทานขนมที่มีส่วนผสมของธัญพืชเพื่อ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับขนมที่มีประโยชน์น้อย อย่างไรก็ตาม ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น

5.กินปลา ไข่และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยเสริมสร้างร่างกายในผู้เยาว์ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ที่เสื่อมสลายในผู้สูงวัย ทั้งยังเป็นส่วนประกอบของสารสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ไขมันในเส้นเลือดสูง เป็นต้น

6.ดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแทนน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีน้ำตาลสูง การดื่มน้ำผักผลไม้ ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกันค่ะ เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุกว่า 50 ชนิด เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย

7.ดื่มน้ำและนมให้เป็นนิสัย ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย และมีน้ำหล่อเลี้ยงในเซลล์ต่างๆของร่างกาย และควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1-2 แก้ว ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอุดมไปด้วยคุณค่าโภชนาการที่สูง ทั้งยังช่วยในการเจริญเติบโตของเด็กๆ ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง โดยชนิดของนมขึ้นอยู่กับวัย หากเป็นเด็กที่กำลังเจริญเติบโต ควรเป็นนมจืดธรรมดา แต่ในผู้สูงอายุควรเป็นนมพร่องมันเนย เพื่อลดคอเลสเตอรอล


8.งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์เป็นสารเสพติด บั่นทอนสุขภาพ ทำให้การทำงานของระบบประสาทและสมองช้าลง และยังก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายด้วย  ทั้งยังเป็นตัวพาสารพิษเข้าสู่ร่างกายได้รวดเร็ว เพราะดูดซึมเร็ว คนที่ติดแอลกอฮอล์มักขาดวิตามินและแร่ธาตุ และมักเป็นโรคตับแข็ง  ปริมาณอาหารแค่ไหนจึงจะพอเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ในแง่รูปธรรมการกำหนดปริมาณอาหารในแต่ละหมวดหมู่จึงมีความจำเป็น พร้อมกันนี้การแนะนำอาหารในแต่ละหมวดให้สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ก็จะเป็น ประโยชน์แก่ผู้สูงอายุเพื่อให้เกิดความหลากหลายของการเลือกบริโภคอาหารวิธี การตรวจดูได้ว่าได้รับอาหารน้อยเกินไปหรือไม่คำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index, BMI) ถ้า BMI เกินมาตรฐาน คืออ้วนไป แสดงว่ารับประทานมากกว่าที่ร่างกายต้องการใช้นั้นเองค่ะ

9.หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด หวานจัด เค็มจัด อาหารหวานจัด เช่น พวกขนมหวานต่างๆ หรือการเติมน้ำตาลในเครื่องดื่มต่างๆ ถ้ากินมากๆจะเป็นพลังงานส่วนเกิน ที่สามารถเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายได้นั้นเองค่ะ  สำหรับอาหารเค็มจัดจะมีโซเดียมอยู่มาก ถ้ากินเป็นประจำ จะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้  ควรหลีกเลี่ยงการเติมเครื่องปรุงรสใดๆก่อนการชิมอาหาร เพื่อลดการบริโภค


10.กินอาหารสะอาดปราศจากการปนเปื้อน เลือกซื้ออาหารสดสะอาด ล้างผักให้สะอาดก่อนปรุง เก็บอาหารที่ปรุงสุกปิดฝาให้มิดชิด ถ้ามีอาหารเหลือเก็บในตู้เย็น และควรเลือกซื้ออาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่เติมสีและอาหารสุกๆดิบๆ

ที่มา: thaibio.com




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2557 21:05:10 น.   
Counter : 1219 Pageviews.  

มือถือรุ่นใหม่สุดแปลกมีนิสัยส่วนตัว

"แอลจี"เปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่สุดแปลก"อาคา"ที่มีนิสัยส่วนตัวทั้งยังมีแววตาและการกระพริบตามตามบุคลิก

โทรศัพท์มือถือ "แอลจี อาคา" ไม่เน้นความสามารถของฮาร์ดแวร์ แต่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้โทรศัพท์ที่ต้องการความแตกต่าง และรักโทรศัพท์เหมือนเพื่อนคู่ใจ โดยผลิตออกมาให้มีบุคลิกแตกต่างถึง 4 แบบ ได้แก่ เอ๊กกี้ โทรศัพท์ตัวเครื่องสีเหลืองที่มีความเป็นเพลย์บอย สายตาบาดใจสาวๆ, วูคกี้ โทรศัพ์สีขาว มีบุคลิกติงต๊อง ขี้เล่น ร่าเริง ส่วนโซล มาพร้อมกับตัวเครื่องสีกรมท่า เรียบร้อย รักการเรียน และชอบฟังเพลง ขณะที่โยโย่ เครื่องสีชมพู นิสัยอ่อนหวานซ่อนเปรี้ยว

แอลจี อาคา มาพร้อมกับฝาครอบ ที่เมื่อเลิกใช้งาน เพียงแค่นำฝาครอบที่อยู่ด้าน ถอดแล้วครอบหน้าจอโทรศัพท์ ระบบจะอยู่ในโหมดล็อคหน้าจอ และจะมีดวงตากระพริบตลอดเวลา

ทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.4 หรือ คิทแคท ระบบประมวลผล 4 ควอด ความเร็ว 1.2 กิกะเฮิร์ตซ์ กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

ขณะนี้โทรศัพท์รุ่นดังกล่าวยังวางขายเฉพาะในเกาหลีใต้เท่านั้น และยังไม่มีแผนจำหน่ายในต่างประเทศ โดยมีราคาอยู่ที่ 455.56 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15,000 บาท




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2557 21:04:21 น.   
Counter : 1297 Pageviews.  

แพร่-ไม่เคยเห็น ตัวตุ่นสีขาว

แพร่-ไม่เคยเห็น ตัวตุ่นสีขาว

แพร่-ไม่เคยเห็น ตัวตุ่นสีขาว

ชาวบ้านในจังหวัดแพร่ ออกไปขุดหาของป่าในไร่ข้าวโพด พบตัวตุ่นสีขาว ระบุเป็นเรื่องแปลกเพราะปกติมีเพียงสีเทากับสีน้ำตาลเท่านั้น

นายผดุง ประภาพิน อายุ 60 ปี ชาวบ้านนาไร่เดียว ตำบลเตาปูน อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ซึ่งมีอาชีพปลูกไร่ข้าวโพด ได้เดินทางมาพบกับผู้สื่อข่าวพร้อมนำตัวตุ่นที่มีสีขาวทั้งตัวมาให้ดู เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องแปลกที่ตัวตุ่นมีสีขาวเผือก เพราะปกติเห็นมีสีเทากับสีน้ำตาลเท่านั้น

ส่วนตุ่นสีขาวตัวนี้ มีลำตัวยาว 6 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 300 กรัม ขนมีสีขาวทั้งตัว ลักษณะเชื่องและน่ารัก ซึ่งลักษณะของตัวตุ่นทั่วไปมักจะมีสีน้ำตาล หรือ สีเทา เท่านั้น แต่สำหรับสีขาวเผือกทั้งตัวยังไม่เคยพบเคยเห็นที่ใดมาก่อน นายตุ่น บอกว่าตอนนี้มีเพื่อนบ้านมาขอซื้อตัวละ 2,000 บาท แต่ ไม่ขาย เพราะเชื่อว่าตุ้นตัวนี้จะเป็นตัวนำโชค เพราะจับได้ช่วงใกล้เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จึงน่าจะให้โชคในปีใหม่นี้




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2557 21:03:13 น.   
Counter : 1684 Pageviews.  

ทางตัดรถไฟกับถนน : เรื่องจริงที่หลายคน (อาจจะ) ไม่รู้

ความหมายของทางตัด
ทางรถไฟผ่านถนนเสมอระดับ หรือทางผ่านเสมอระดับ เป็นส่วนของทางรถไฟที่ตัดผ่านถนนในแนวเสมอระดับ ไม่ยกระดับเป็นสะพานหรือลดระดับเป็นทางลอด ทางผ่านเสมอระดับที่สมบูรณ์ ด้านถนนจะต้องมีสัญญาณเตือนหยุดการจราจรทางถนน และอาจมีคาน (หรือสายลวด) กั้นเครื่องกั้น ส่วนทางรถไฟ ต้องมีสัญญาณผ่านถนนเสมอระดับหรือสัญญาณประจำที่ทำหน้าที่แจ้งพนักงานขับรถให้ทำขบวนผ่านทางผ่านนั้นได้ อย่างไรก็ตามมีทางผ่านเสมอระดับจำนวนหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ

เครื่องกั้นถนนที่ใช้ในประเทศไทยมีทั้งแบบคานปิดเต็มถนน คานปิดครึ่งถนน สายลวดคนหมุน หรือแผงเข็น ทั้งนี้ อาจจัดให้มีสัญญาณผ่านถนนเสมอระดับทาง หรือพนักงานคอยให้สัญญาณอนุญาตด้วยก็ได้ 

ปัจจุบันทางตัดมีอยู่ 2,518 แห่ง แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
ทางตัดที่มีคานกั้นถนน     834     แห่ง
ทางตัดที่มีไฟเตือน     40     แห่ง
ทางตัดที่มีป้ายจราจรเตือน    788     แห่ง
ทางลักผ่าน     590     แห่ง
ทางตัดผ่านของเอกชน    5     แห่ง
ทางตัดที่เป็นสะพานข้าม (Overpass)     144     แห่ง
ทางตัดที่มีลอดใต้ทางรถไฟ (Underpass)     117     แห่ง
ที่มา: สำนักงานนโยบายและแผน การรถไฟแห่งประเทศไทย

(1) จุดตัดทางรถไฟแบบต่างระดับ คือ ทางตัดผ่านทางรถไฟที่แยกการสัญจรของรถยนต์และขบวนรถไฟออกจากกันมีทั้งแบบก่อสร้างสะพานข้ามและทางลอดใต้ทางรถไฟ ซึ่งเป็นแนวทางการป้องกันอุบัติเหตุได้โดยสมบูรณ์ แต่จุดตัดทางรถไฟรูปแบบนี้ มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เนื่องจากการก่อสร้างทางตัดผ่านต่างระดับต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ต้องพิจารณาคัดเลือกจุดตัดทางรถไฟเฉพาะที่มีความจำเป็นและมีความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจและวิศวกรรมเท่านั้น

ประเภท : Overpass และ Underpass
สัญญาณเตือน : ไม่มี (เพราะไม่ตัดผ่านทางรถไฟในระดับเดียวกัน)
คานกั้น : ไม่มี (เพราะไม่ตัดผ่านทางรถไฟในระดับเดียวกัน)
จำนวน : Overpass 144 แห่ง / Underpass 117 แห่ง
สถานะ : ถูกกฎหมาย / มีการขออนุญาตตัดผ่าน

(ทางผ่านแบบ Overpass : ถนนข้ามทางรถไฟเป็นสะพาน)


(ทางผ่านแบบ Underpass : ถนนลอดใต้ทางรถไฟ)

(2) จุดตัดทางรถไฟแบบมีเครื่องกั้น คือ ทางตัดผ่านทางรถไฟที่ติดตั้งเครื่องกั้นเพิ่มเติมจากการควบคุมด้วยเครื่องหมายจราจร รวมทั้งอาจมีสัญญาณไฟวาบเตือนเมื่อรถไฟจะวิ่งผ่าน โดยที่สัญญาณไฟวาบนี้จะมีเสียงเตือนประกอบด้วย ทางตัดผ่านประเภทนี้ส่วนใหญ่จะใช้ในบริเวณที่มีทางตัดผ่านทางรถไฟกับถนนในตัวเมืองหรือบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่นและบนทางหลวงแผ่นดิน
เครื่องกั้นถนนอัตโนมัติมีหลักการอย่างง่าย ๆ คือ เมื่อรถไฟใกล้จะถึงทางผ่านเสมอระดับ ซึ่งใช้หลักทำงานจากการนับล้อ โดยใช้ไฟฟ้าที่ไหลอยู่ในราง เป็นตัวทำให้เครื่องกั้นส่งเสียงดังขึ้น พร้อมกับค่อย ๆ ลดคานกั้นลง เมื่อคานกั้นลงเต็มที่แล้ว เครื่องกั้นบางแห่งจะหยุดส่งเสียง แต่บางแห่งไม่หยุด พนักงานขับรถหรือช่างเครื่องบนขบวนรถ มีหน้าที่เปิดหวีด เมื่อขบวนรถผ่านพ้นทางรถไฟดีแล้ว เครื่องกั้นจึงจะหยุดสัญญาณเตือนและคานกั้นจะยกขึ้น
ส่วนกรณีเครื่องกั้นถนนแบบมีพนักงานควบคุม คือ พนักงานจะได้รับแจ้งผ่านวิทยุสื่อสาร เมื่อรถไฟใกล้ถึงจุดดังกล่าว ก็จะควบคุมคานกั้นให้ทำงาน

ประเภท : ทางตัดผ่านเสมอระดับแบบมีเครื่องกั้น
สัญญาณเตือน : ป้ายจราจร / สัญญาณไฟวาบ / เสียงสัญญาณ
คานกั้น : มี (ทั้งแบบเต็มถนน และ ครึ่งถนนกั้นเฉพาะเลนนั้นๆ)
จำนวน : 834 แห่ง (รวมทั้งแบบมีพนักงานควบคุม และ อัตโนมัติ)
สถานะ : ถูกกฎหมาย / มีการขออนุญาตตัดผ่าน

(ทางตัดแบบมีคานกั้น : พนักงานควบคุม)

(ทางตัดแบบมีคานกั้น : อัตโนมัติ)

(3) จุดตัดทางรถไฟแบบมีไฟเตือน คือ ทางตัดผ่านรถไฟที่ได้ติดตั้งสัญญาณเตือน ไม่ว่าจะเป็นป้ายจราจร สัญญาณไฟวาบ และสัญญาณเสียง เพื่อใช้ในการเตือนผู้ขับขี่ยวดยาน แต่ไม่มีคานกั้นปิดถนน ซึ่งเป็นทางตัดที่ถูกใช้มากในต่างประเทศ (ด้วยข้อระเบียบบังคับทางจราจรสูง จึงทำให้ไม่มีปัญหาการตัดหน้ารถไฟ แม้สัญญาณเตือนทำงาน) 
หลักการทำงาน คือ เมื่อรถไฟผ่านจุดที่ติดตั้ง sensor ไฟฟ้าที่ไหลอยู่ในรางจะเป็นตัวทำงานร่วมและทำให้สัญญาณไฟวาบทำงาน (หลักการเหมือนเครื่องกั้นอัตโนมัติ แต่ไม่มีคานกั้นเท่านั้น)

ประเภท : ทางตัดผ่านเสมอระดับแบบมีไฟเตือน
สัญญาณเตือน : ป้ายจราจร / สัญญาณไฟวาบ / สัญญาณเสียง
คานกั้น : ไม่มี
จำนวน : 40 แห่ง
สถานะ : ถูกกฎหมาย / มีการขออนุญาตตัดผ่าน

(ทางตัดแบบมีไฟเตือน / ไม่มีคานกั้น แต่มีสัญญาณเตือนเป็นไฟ)

(4) จุดตัดทางรถไฟแบบควบคุมด้วยเครื่องหมายจราจร คือ ทางตัดผ่านทางรถไฟที่มีการควบคุมด้วยป้ายจราจรและเครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง เช่น ป้ายหยุด ป้ายเตือนรถไฟล่วงหน้า ป้ายจำกัดความเร็ว เครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง จุดตัดทางรถไฟประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเหมาะกับทางตัดผ่านบนทางหลวงหรือถนนนอกเมืองที่ห่างจากชุมชน ซึ่งจำนวนยานพาหนะสัญจรไปมามีไม่มากนัก และส่วนมากเป็นยานพาหนะของผู้อาศัยอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ
ทางผ่านเสมอระดับมักจะมีเครื่องหมายจราจรสำหรับเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ระมัดระวังถึงรถไฟที่อาจผ่านทางผ่านนั้นได้ เครื่องหมายที่ใช้เตือนเพื่อความปลอดภัยด้านถนนจะใช้ป้ายเตือน ทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีอำพัน มีรถจักรไอน้ำหรือรั้วกั้นบนป้ายนั้น นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณเตือนเป็นรูปกากบาทเขียนข้อความ “ระวังรถไฟ” เพิ่มอีกด้วย ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างสัญญาณที่พบเห็นได้บ่อยบริเวณทางรถไฟผ่านถนนเสมอระดับ

(ป้ายเตือนที่ถูกติดตั้งบริเวณทางรถไฟ)

ประเภท : ทางตัดผ่านเสมอระดับแบบมีป้ายจราจร
สัญญาณเตือน : ป้ายจราจร / ป้ายลดความเร็ว / ป้ายระวังรถไฟ
คานกั้น : ไม่มี
จำนวน : 788 แห่ง
สถานะ : ถูกกฎหมาย / มีการขออนุญาตตัดผ่าน


ทางตัดประเภทนี้ จะไม่มีคานกั้น แต่มีป้ายจราจร ซึ่งเป็นป้ายบังคับ กำกับเอาไว้อย่างชัดเจน


    ทางตัดผ่านแบบนี้จะมีค่อนข้างเยอะมากในประเทศไทย ด้วยข้อกำหนดในการตัดผ่านทางรถไฟนั้นได้ถูกระบุไว้ว่า 
กรณีที่เป็นการขออนุญาตสร้างทางตัดผ่านเสมอระดับผู้ขออนุญาตต้องยอมรับเงื่อนไขตลอดจนค่าใช้จ่ายดังนี้
(๑) ผู้ขออนุญาตต้องทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเหนือพื้นดินไว้กับการรถไฟแห่งประเทศไทยและต้องชำระค่าธรรมเนียมตามระเบียบของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(๒) การสร้างทางตัดผ่านเสมอระดับในเขตที่ดินรถไฟนอกเหนือจากการสร้างทางตัดผ่านเสมอระดับส่วนที่การรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการเอง ผู้ขออนุญาตต้องดำเนินการสร้างด้วยทุนทรัพย์ของตนเอง ผู้ขออนุญาตต้องออกค่าใช้จ่ายในการสร้าง ปรับปรุงและบำรุงรักษาต่าง ๆ เช่น ค่าติดตั้งเครื่องกั้นถนน ค่าจ้างพนักงานกั้นถนน


ซึ่งกล่าวคือ เจ้าของผู้ตัดถนนผ่าน ไม่ว่าจะเป็น อบต. อบจ. ทางหลวง หรือ เอกชน จะต้องรับผิดชอบในการติดตั้งเครื่องกั้น หรือป้ายจราจร ป้ายเตือน ในจุดตัดดังกล่าว ในกรณีที่ขอตัดผ่านภายหลังจากที่ทางรถไฟสร้างแล้ว


(5) ทางลักผ่าน คือ ทางตัดผ่านทางรถไฟ ที่เป็นทางเข้า-ออกประจำของเอกชนหรือผู้อยู่อาศัยบริเวณนั้นๆ ผู้ทำทางตัดผ่านอาจจะเป็นประชาชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล แต่ไม่ได้มีการขออนุญาตทำทางตัดผ่านจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือไม่ได้รับอนุญาตจากการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงเป็นทางตัดผ่านที่ไม่มีการควบคุมด้านความปลอดภัย ซึ่งในปัจจุบันนี้พบว่ามีจำนวนมากและยากต่อการควบคุมให้อยู่ในมาตรฐานความปลอดภัย


ประเภท : ทางลักผ่าน
สัญญาณเตือน : ไม่มี
คานกั้น : ไม่มี
จำนวน : 590 แห่ง
สถานะ : ผิดกฎหมาย / ไม่มีการขออนุญาตตัดผ่านทางรถไฟ




วิธีสังเกตว่าอันไหนคือทางลักผ่าน อันไหนคือทางตัดแบบป้ายจราจร
ให้ดูป้ายเตือนของทางหลวง แบบนี้

ถ้าไม่มี... หรือ มีแต่เขียนด้วยมือเอง คือทางลักผ่าน


จำนวนทางตัดผ่าน (2557)



ด้วยทางสายใต้เป็นเส้นทางที่ยาวที่สุด และ มีทางแยกมากที่สุด ก็ทำให้มีจำนวนทางตัดมากที่สุดเช่นกัน โดยเฉพาะทางลักผ่าน จะเห็นได้ว่ามีมากกว่าสายอื่นแบบหลายเท่า (แค่สายกาญจนบุรี ก็แบบว่า 50 เมตร 100 เมตร มีที่นึงแล้ว) ซึ่งทางลักผ่านนั้นมีปัญหากับการเดินรถมาก เนื่องจาก ป้ายเตือนไม่มี (ทั้งของรถไฟและรถยนต์) การหยุดรถไฟนั้นยากยิ่งกว่าการหยุดรถยนต์ ยิ่งการขับรถที่วินัยดีมากกกกกก (กัดฟัน) ของคนไทย





 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2557 21:00:51 น.   
Counter : 2068 Pageviews.  

เลอค่า Mazda CX-3 เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกที่สหรัฐฯ

Mazda CX-3 รถครอสโอเวอร์คันจิ๋ว ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วที่งาน Los Angeles Auto Show 2014 ในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา


มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 เป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดซับคอมแพ็ค ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มเดียวกับ Mazda 2 มิติตัวถังมีความยาว 4,275 มม. กว้าง 1,765 มม. สูง 1,550 มม. ระยะฐานล้อที่ 2,570 มม. ขณะที่ความสูงระดับสายตาอยู่ที่ 1,250 มม. ช่วยให้มีทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ รวมถึงปรับตำแหน่งของแป้นคันเร่งและแป้นเบรค ออกแบบตามสรีระของผู้ขับให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

เครื่องยนต์ของ ซีเอ็กซ์-3 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 1.5 ลิตร ขึ้นอยู่กับตลาดของแต่ละประเทศ ขณะที่ญี่ปุ่นมีให้เลือกเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 1.5 ลิตรเท่านั้น ระบบส่งกำลังมีทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด รวมถึงยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือกด้วย

ประธานบริหารของมาสด้ายังได้กล่าวในงานเปิดตัวที่สหรัฐฯอีกว่า "อเมริกาเหนือถือเป็นตลาดสำคัญของมาสด้า ซึ่งเรารู้สึกดีใจที่ได้เปิดตัว CX-3 เป็นครั้งแรกของโลกที่นี่ รวมถึงมีความมั่นใจในการทำตลาดอีกด้วย"

รถยนต์นั่งประเภทครอสโอเวอร์ในกลุ่ม B-Segment ที่กำลังวางจำหน่ายในปัจจุบัน มีตั้งแต่ FordEcoSport, Nissan Juke, Peugeot 2008, MINI Crossover ทางมาสด้าจึงได้ส่ง CX-3 เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มนี้ด้วย

ส่วนราคาของ Mazda CX-3 ใหม่ ยังไม่ถูกเปิดเผย แต่คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายเป็นที่แรกในประเทศญี่ปุ่น แล้วจึงขยายต่อไปในอีกหลายประเทศ

คลิกชมภาพต่อไป

คลิกชมภาพต่อไป




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2557 22:24:31 น.   
Counter : 1874 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]