จ่อขึ้นค่าขนส่ง LPG อีก 5 บาท อ้างราคาเดิมขาดทุน
จ่อโขกค่าขนส่ง LPG ขึ้น 5 บาท อ้างแบกขาดทุน-ด้านโชห่วยแห่ขายก๊าซหุงต้มรับชุมชนโต (ไทยโพสต์)
โรงบรรจุแก๊สแอลพีจีเล็งโขกค่าขนส่งขึ้นอีก 5 บาทต่อถัง อ้างราคาเดิม 10 บาทต่อถังขาดทุน ส่งผลต้องแบกรับภาระมาตลอด ส่วนเรื่องค่าแรง 300 บาท เผยขอเวลาสรุปผลกระทบก่อนยื่นกระทรวงพาณิชย์ ด้านร้านโชห่วยแห่ขายแอลพีจีขนาด 15 กก. รับชุมชนขยายตัว
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงบรรจุก๊าซแอลพีจีได้ขอปรับขึ้นค่าขนส่งก๊าซอีก 5 บาทต่อถังที่มีขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัม เนื่องจากค่าขนส่งอัตราเดิมคิดบนพื้นฐานของราคาน้ำมันดีเซลที่ 22-24 บาทต่อลิตรเท่านั้น แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่กว่า 28 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ร้านค้าต้องแบกรับต้นทุนมาตลอด เนื่องจากปัจจุบันค่าขนส่งก๊าซแอลพีจีขนาดถังบรรจุ 15 กิโลกรัม คิดที่ 10 บาทต่อถัง ซึ่งกรณีนี้ไม่รวมกรณีการส่งแบบเร่งด่วนที่จะต้องบวกค่าขนส่งเพิ่มตามระยะทาง
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลที่รัฐบาลปรับลดภาษีสรรพสามิตลงนั้น ได้ทยอยปรับราคาเพิ่มและมีแนวโน้มจะเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จึงไม่แน่ใจว่าที่สุดแล้วรัฐบาลจะตรึงราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรหรือไม่ ดังนั้นทางสมาคมจึงได้ขอให้โรงบรรจุก๊าซชะลอแผนการปรับขึ้นค่าขนส่งไว้ชั่วคราว เพื่อรอดูทิศทางของราคาน้ำมันดีเซล และการสำรวจผลกระทบร้านค้าแอลพีจีทั่วประเทศ
ส่วนกรณีนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบทั้งหมดก่อนที่จะนำเสนอต่อกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์พิจารณาต่อไป ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 เดือนนับจากนี้น่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว
"ตามระเบียบแล้วเอกชนขอขึ้นกับเอกชน คือเราต้องเจรจากันเอง แต่ทุกวันนี้ค่าขนส่งที่ร้านค้าคิดค่าบริการประชาชนที่ 10 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม เราเองก็แย่อยู่ เมื่อโรงบรรจุขอขยับอีกเราก็ต้องโยนไปให้ประชาชนผู้บริโภครับแทน ซึ่งเราเองก็ยังไม่อยากทำเช่นนั้น จึงอยากขอเวลาระยะหนึ่ง เพราะเห็นว่ารัฐควรจะเร่งปรับโครงสร้างแอลพีจีทั้งระบบ เนื่องจากราคาเนื้อก๊าซที่รัฐจะขึ้นมันคนละส่วนกับค่าการตลาดและขนส่งที่เราต้องการให้ปรับด้วย" นายชิษณุพงศ์กล่าว
สำหรับการขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมตามที่รัฐบาลยืนยันที่จะปรับอีก 3 บาทต่อกิโลกรัม ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะทำให้แอลพีจีอุตฯ ขยับเพิ่มเป็น 6 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะผลักดันให้ภาคการผลิตหันมาใช้แอลพีจีขนาด 48 กิโลกรัมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงงานขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) เนื่องจากรัฐเปิดช่องให้ใช้ได้กรณีที่ไม่เกิน 1,000 กิโลกรัมต่อเดือน จึงทำให้เอกชนเริ่มติดต่อโรงบรรจุและร้านค้าเพื่อขอจองถังมากขึ้น
ด้านแหล่งข่าวจากสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เปิดเผยว่า ขณะนี้ร้านค้าโชห่วยมีการนำก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) มาจำหน่ายมากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกและเข้าถึงตรงผู้บริโภค ซึ่งแนวโน้มมีอนาคตขยายตัวเพิ่มมากขึ้นตามการขยายตัวของชุมชน เนื่องจากกฎหมายเปิดช่องให้สามารถดำเนินการได้ โดยต้องครอบครองถังขนาด 15 กิโลกรัม ได้ไม่เกิน 4 ถัง
"ปัจจุบันร้านค้าที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเพื่อขายก๊าซแอลพีจีนั้นมีประมาณ 5,000 แห่ง แต่ตัวที่ขายตามโชห่วยคาดว่าจะมีมากนับ 10,000 แห่ง แต่ตัวเลขนี้ไม่ชัด เพราะส่วนใหญ่จะนำไปบรรจุกับโรงบรรจุก๊าซ ซึ่งจะมีการปิดบังตัวเลขอยู่" แหล่งข่าวกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
| Create Date : 17 กันยายน 2554 |
| Last Update : 17 กันยายน 2554 16:19:48 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1578 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [
