มาร่วมเปิดมุมมองที่ผ่านมา สาลิกาเริงร่าจะพาเพื่อน ๆ ท่องโลกผ่านตัวอักษรแล้ว
 
 

หมอรังสิต ยังไงก็เป็นแพทย์พาณิชย์...หรอ

สวัสดีครับ น้อง ๆ
วันนี้เข้ามาคุยกับน้อง ๆ เพราะช่วงนี้คณะผมกำลังดังเลยครับ
คิดว่าหลายคนคงได้อ่านข่าวเกี่ยวกับที่ อย. และแพทยสภากำลังเล่นเรื่องสารกลูทาไธโอน
ซึ่งเป็นสารที่เชื่อกันว่าฉีดแล้วทำให้หน้าขาว (ไม่รู้ในนี้เคยมีใครไปฉีดไหม)
และที่ตอนนี้ดังก็เพราะ เค้าไปตรวจสอบที่วุฒิศักด์คลีนิคครับ

หลายคนไม่รู้ก็อธิบายก่อนนะครับ วุฒิศักดิ์คลีนิคนี่เจ้าของคือ นพ.วุฒิศักดิ๋ครับ
เป็นหมอรังสิตรุ่น 7 (พี่เองก็เคยเจอพี่เค้าแค่ 2-3 ครั้งหนะ)
คือพอพี่เค้าจบแล้ว ก็มาหุ้นกับเพื่อน ๆ ทำคลีนิคผิวหนัง
และใช้หลักการตลาดมาโปรโมตทำให้ตอนนี้ดังมาก ๆ
ปีที่แล้วเค้าแถลงข่าว ผลประกอบการประจำปีได้ 700 ล้าน และมี 40 สาขาทั่วกรุงเทพ

ปัญหามันอยู่ที่ตรงนี้ครับ
คลีนิคของพี่เค้า ก็อย่างที่บอก คือใช้การตลาดนำหน้ามากๆ
หลายคนคงได้ยินโฆษณาที่บอกว่า เพียง 3250 บาท คุณก็จะมีผิวขาวใส เหมือนมีแสงออร่าออกจากตัว ที่กรอกหูทุกวันตามรายการวิทยุ ซึ่งอันนี้พี่เองฟังแล้วก็รู้สึกแย่มาก

คือถือว่าผิดจริยธรรมอย่างแรงเลยนะครับ ทั้งเรื่องโฆษณาเกินจริง ทั้งอวดอ้างสรรพคุณ ทั้งบอกราคาโจ่งแจ้ง (กฎหมายห้ามใช้คำว่าแค่ หรือ เพียง หรือเท่านั้น ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมครับ)

เมื่อกระแสร้อนแรงมาก ๆ และหมอหลายท่านเริ่มเห็นว่ามันเกินไป ก็เลยมีการปราม คือเข้าไปตรวจสอบจริยธรรมครับ
ซึ่งพี่เห็นด้วยอย่างมากเลย
คือหมอมีสิทธ์รวยได้ แต่ต้องไม่ทำอะไรที่มันไปในแนวใช้อาชีพของเราไปหากิน ในทางที่ไม่ควร
หรือไปสร้างความเชื่อผิด ๆ ให้กับคนไข้ซึ่งไม่มีข้อมูล ซึ่งตอนนี้แพทยสภากำลังเล่นงานแล้ว
ซึ่งก็เอาใจช่วยพี่เค้าในฐานะรุ่นพี่สถาบันเดียวกัน และก็อยากให้พี่เค้าลด ๆ เทคนิคการขายแบบนี้บ้างครับ

แต่ที่เล่ามาทั้งหมด รู้ไหมผมอยากบอกอะไรครับ.........
ที่อยากบอกก็คือ

ตอนนี้ถ้าน้อง ๆ หลายคนไปหากระทู้เรื่องนี้
จะเห็นคนทั่วไปจำนวนมาก เข้ามาโจมตีคณะผมอย่างมากเลย เกี่ยวกับคดีนี้
หลายคนบอก เห็นไหมหละ หมอรังสิตก็เห็นแก่เงินทุกคนแหละ
บางคนก็บอก คิดไว้อยู่แล้ว หมอรังสิตจบมาไม่เป็นเจ้าของรพ.เอกชน ก็เจ้าของคลีนิค
หลายคนรุมถล่มคณะของเราโดยอคติและไม่มีเหตุผล
หนังสือพิมพ์ถึงกับใช้คำว่า บุกทลายรังวุฒิศักด์ พบยาเถื่อน คือแม่งทำยังกับเป็นซ่องโจร
ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่เห็นและปวดใจมาก ๆ ครับ

เรื่องคลีนิคผิวหนัง บอกตามตรง ถ้าจะผิด ก็ต้องผิดทั้งหมด
ทั้งนิติพล ทั้งพฤกษา ทั้งผิวดี ทั้งรักษ์ผิว แพน ดร.สมชาย ทุกที่ไม่มีที่ไหนไม่ใช้กลูทาไธโอนครับ
ก็ในเมื่อตลาดลูกค้าต้องการ คลีนิคก็หามาตอบสนอง
เพียงแต่วุฒิศักด์เป็นหมอรังสิตเป็นเจ้าของนี่แหละ
เลยหนักกว่าชาวบ้านเค้า

หมอรังสิตเปิดมา 19 รุ่น มีข่าวลงนสพ. 3 ครั้ง
อันแรกคือหมอรังสิตรุ่น 9 ขโมยรถเพื่อนไปขายหาเงินมาใช้หนี้บอล
อีกอันคือพี่รังสิตรุ่น 3 แต่งงานแล้วถูกสามีที่เป็นหมอฆ่า
และสาม คือข่าววุฒิศักด์นี่แหละ
รังสิตเราไม่เคยมีหมอขายไต ไม่เคยมีข่าวฆ่าคนไข้ หรือรักษาผิด
ไม่ได้เป็นเจ้าของรพเอกชนเช่นบำรุงราษฎร์ หรือรพ.กรุงเทพ ที่มีผลประกอบการปีละหลายหมื่นล้าน
แต่เพียงเพราะเราคือรังสิตครับ ทุกคนจึงรออยู่แล้ว ที่จะถล่มเมื่อเราพลาด เพียงเพราะว่าเราเรียนแพงกว่าชาวบ้านเค้า

อยากให้น้อง ๆ ทุกคนดูข่าวนี้ แล้วเก็บไว้เป็นบทเรียนครับ
หมอรังสิต ทำอะไรต้องยึดมั่นจริยธรรมในวิชาชีพมากๆ
เพราะมีคนจ้องทำลายอยู่แล้ว
ต้องรักกันให้มาก ๆ ช่วยกันเรียน รวมกันให้แน่น ๆ เพื่อให้เกิดพลัง
ต้องพยายาม เป็นหมอที่ดี หมั่นหาความรู้ หมั่นดูแลคนไข้
ต้องพยายามให้มากกว่าหมอที่อื่นครับ
เพราะของเราในสายตาคนข้างนอกเค้าดูถูกพวกเราอยู่แล้ว
ต้องช่วยกันสร้างชื่อเสียงของคณะเรา
ให้ในอนาคตเป็นคณะแพทย์ที่คนข้างนอกเค้าไว้ใจและศรัทธา

อะไรที่มันยาก เมื่อเราผ่านมาได้และมีส่วนช่วยกัน

เมื่อนั้น เราจะภูมิใจครับ ที่พวกเราได้มีส่วนร่วมในการเขียนประวัติศาสตร์และเก ียรติประวัติของแพทย์รังสิตครับ

ปล.ผมเองไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคลีนิคนี้นะคร ับ ไม่ได้ทำคลีนิคสกิน และก็ไม่ได้รู้จักพี่วุฒิศักด์ด้วย เพียงแต่เข้ามาระบายเพราะเห็นสิ่งที่คนข้างนอกเค้าว่าหมอรังสิตแล้วเจ็บใจครับ

ทำไมไม่ออกจากกะลามาดูโลกบ้าง ว่าหมอรังสิตส่วนใหญ่หนะ เค้ามีดี ๆ กันเยอะแยะ
เชื่ออยู่นั่นแหละ ว่าหมอรังสิตเป็นแพทย์พาณิชย์





 

Create Date : 05 ธันวาคม 2550   
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 13:42:16 น.   
Counter : 2826 Pageviews.  


มารู้จักสาลิกาเริงร่ากัน มันมายังไงหว่า

สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่หลงเข้ามาอ่านบล๊อกผมแล้ว
ก่อนอื่นก็ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ
ว่าตอนนี้ผมอายุ 27 ขวบ
ทำงานเป็นหมออยู่ รพ.อำเภอเล็ก ๆ แห่งนึง ในจ.นครศรีธรรมราช
แพลนว่าปีหน้าจะไปเรียนต่อเฉพาะทางแล้วครับ

บ้านอยู่กรุงเทพนะครับ แต่ตอนจบมาจับสลากมือดีไปหน่อย เลยได้มาอยู่จังหวัดนี้
ตอนแรกก็เครียดที่ต้องมาอยู่เมืองคนดุ ไกลบ้านนะครับ ( 800 โลเอง)
แต่พอสัมผัสกับชีวิตตรงนี้จริง ๆ
ตอนนี้ไม่อยากกลับกรุงเทพแล้วครับ
วิถีชีวิตที่เรียบง่าย คนพูดอะไรกันตรง ๆ น้ำใจที่หาได้ยากในเมืองหลวง
ทำให้เราได้เรียนรู้ชีวิตอีกรูปแบบนึง ทำให้เราได้เห็นอะไรดี ๆ อีกมาก

ทำงานไปก็สนุกไปครับ คนไข้น่ารัก ๆ เยอะแยะ (อย่าคิดมากอายุ 60 ++ )
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ดูไม่เหงาก้เพราะโลกอินเตอเน็ตนี่แหละครับ
ไม่ว่าเราจะอยู่ตรงไหน เราก็มีโอกาสได้เข้าไปหาสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น ในทุกมุมโลก
ได้เห็นแง่คิด มุมมองของคนอื่น ๆ ที่หลากหลาย
ทำให้เราเห็นโลกที่มากกว่าชีวิตในโรงพยาบาล
ก็เลยทำให้วันนึง อยากมีช่องว่างเล็ก ๆ
ให้ผมได้เขียนถึงมุมมองของผมบ้าง เผื่อจะมีใครอยากรู้ ว่าเรารู้สึกยังไง
จนทำให้เกิดเป็นบล๊อกนี้ขึ้นมาแหละครับ

สาลิกาเริงร่า ก็เป็นชื่อที่ตั้งมากับบล๊อก
ทำไมต้องสาลิกา ก็เพราะผมเชียร์ทีม newcastle ซึ่งฉายา สาลิกาดง
ทำไมต้องเริงรื่น ก็เพราะฟังแล้วดูมีชีวิตชีวา มีความสุขกับเพื่อนใหม่ ๆ สิ่งดี ๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

เพื่อน ๆ คนไหน อยากคุยก็ยินดีนะครับ
มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ ก็บอกมาได้ (ยกเว้นยืมตังค์)
ส่วนเรื่องลับ ๆ ที่ขอแอบกระซิบ ก็คือ สาลิกาเริงร่า = สาลิกาโบยบินแหละครับ
เพียงแต่บล๊อกสาลิกาโบยบิน เพื่อนบางคนอาจกระอักกระอ่วนใจในการเข้าไปเล่น หรือรับชม
ก็เลยเอาสาลิกาเริงร่ามาใช้อีกอัน (ยืมเลขบัตรน้องชายมาสมัครอะครับ ผมขอโต๊ดดดดดด นะครับ เวบมาสเตอร์)




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2550   
Last Update : 17 ตุลาคม 2550 10:29:45 น.   
Counter : 613 Pageviews.  


ทำไมสาลิกาถึงมาเรียนหมอ

ตอนเด็ก ๆ ส่วนนึงก็มาจากที่บ้าน
คุณพ่อ คุณแม่ผม ศรัทธาในอาชีพนี้มาก
ไม่ได้เป็นหมอนะครับ แต่เห็นภาพหมอช่วยคนไข้ แล้วปลาบปลื้ม
ก็เลยถูกสอนมาแต่เด็ก ๆ ว่าโตขึ้น ถ้ามีโอกาส เป็นหมอให้ได้นะ
แรก ๆ ผมก็เฉย ๆ นะ แถมแอบแอนตี้ เพราะต้องไปหาหมอบ่อย โดนฉีดยาประจำ
ดิ้น ๆ ต้องจับมัดเลย
แต่พอสัมผัสกับอาชีพหมอเรื่อย ๆ จากการไปเฝ้า คุณยาย อากง อาม่า ที่ป่วยบ่อย ๆ
ก็ทำให้รู้สึกว่าอยากเป็นแบบนั้นบ้าง ก็เลยตั้งใจอ่านหนังสือ เพื่ออยากเป็นหมอครับ

พอเข้ามาเรียนจริง ๆ ก็เหนื่อยสาหัสมาก ๆ กว่าจะเรียน จะรู้แต่ละโรค
แถมบางทีพอจะเริ่มเข้าใจเนื้อหาที่อ่าน อ้าว ดันเปลี่ยนคอนเซปต์การรักษาอีกแล้ว กรรม ต้องอ่านใหม่

พอจบมา ก็มาเป็นหมอรพ.ต่างจังหวัด ก็เจอคนไข้ดี ๆ เยอะแยะ พวกคุณลุงคุณป้าที่มารพ.เพื่ออยากให้หมอช่วย เอ็นดูเราเหมือนลูกหลาน อันนี้ยิ่งทำให้เรารู้สึกตัวเองมีค่า รู้สึกดีใจที่เราสามารถช่วยเหลือเค้าได้

และก็เจอคนไข้ประเภทที่มารพ. นึกยามาจากบ้าน มาถึงจดรายการแล้วยื่นให้หมอเลย ว่าเอายาแบบนี้ ต้องฉีดยาเท่านั้น ต้องเอ๊กซเรย์นะ ต้องให้ยาเยอะ ๆ หรือขี้เกียจมาแล้วฝากคนข้างบ้านมาเอายาเอง บางคนพอไม่ได้อย่างที่ต้องการก็โวยวายว่าค่ายามาจากภาษีประชาชน หมอมีสิทธ์อะไรที่จะไม่ให้ หรือพอมารพ.รัฐแล้วรอคิวนาน ก็โวยวายว่าเสียภาษีมาเป็นค่าจ้างข้าราชการ อะไรแบบนี้ และเท่าที่สังเกตุจากการทำงาน พบว่ามีเยอะขึ้นเรื่อย ๆ

ยังไม่รวมประเภทมาขอใบรับรองแพทย์ไปเบิกประกัน พวกเมาแต่ขอให้หมอรับรองว่าไม่เมา แค่แผลถลอกแต่ขอให้หมอเขียนว่าหยุด 5 วัน ขี้เกียจไปเข้าค่ายก็มาขอให้หมอรับรองว่าป่วย พอไม่ได้ดังใจก็ไปโวยวายว่าหมอไม่มีจริยธรรม

เฮ้อ หมออย่างผมไม่เก่งมาก ไม่ได้หน้าตาดี ไม่ได้หวังเรื่องเงิน
ขอแค่อยากให้คนไข้เข้าใจความรู้สึกของคนที่มานั่งตรงนี้ครับ
อย่าเอาแต่ใจตัวเอง อยากให้ใช้เหตุผลเยอะ ๆครับ




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2550   
Last Update : 17 ตุลาคม 2550 10:28:12 น.   
Counter : 724 Pageviews.  


หมอรังสิต แค่มีเงินก็เรียนได้จริงหรือ

ดีใจครับที่ตอนนี้คณะของเรามีคนให้ความสนใจเยอะ มาก ๆ นะ
ไม่รู้เป็นเพราะมีหมอเป็นดารา แล้วเห็นว่าหมอรังสิตส่วนใหญ่หน้าตาดีหรือเปล่าก็ไม่ร ู้
แนะนำตัวก่อนละกันครับ
พี่ชื่อพี่บอมนะครับ จบรังสิตรุ่น 10
ตอนนีทำงานเป็นแพทย์อินเทิน 3 อยู่ที่นครศรีธรรมราชครับ
บ้านอยู่กรุงเทพเน้อ แต่ตอนจับสลากมือดีไปหนอย เลยหลุดมาซะไกลเลย
แต่ตอนนี้ทำงานก็แฮปปี้ดีครับ
ตอนนี้ได้ทุนแล้ว ปีหน้าจะกลับไปเรียนศัลยกรรมยูโรที่ศิริราชครับ
(จะรอดไหมนี่)
วันนี้มาคุยวันแรก ไม่รู้จะเล่าอะไรดี
ก็เล่าประวัติคณะแพทย์รังสิตแบบคร่าว ๆ ให้ฟังก่อนละกันนะครับ

คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเอกชน ตอนนี้ในเมืองไทยมีที่เดียวนะครับ
คือ มหาวิทยาลัยรังสิตครับ

ส่วนหัวเฉียวไม่มีครับ มีแต่แพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยสยามมีแต่เภสัชครับ
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า เมืองไทยเราจำกัดการสร้างคณะแพทย์ครับ
ลองไปหาหนังสือประวัติการก่อตั้งคณะแพทย์รังสิตมาอ่า นดู
จะพบว่าเป็นหนังชีวิตเรื่องนึงเลย

ตั้งแต่ปี 2532 ครับ ดร.อาทิตย์ ท่านมีความคิดที่จะสร้างคณะแพทย์เอกชนขึ้นมา เนื่องจากเห็นว่าทางรัฐบาล ไม่สามารถสร้างบัณฑิตแพทย์ได้เพียงพอกับความต้องการข องประชาชน (ย้อนไปปี 32 สมัยนั้นปีนึง รัฐผลิตหมอได้เพียงปีละ 600 คนครับ)
ท่านก็เห็นว่าแต่ละปี คนไทยส่วนนึงก็ส่งลูกไปเรียนหมอเมืองนอก พวกฟิลิปปินส์ ยุโรป อเมริกา อินเดีย แล้วค่อยกลับมาทำงานในเมืองไทย แล้วทำไมเราไม่สร้างคณะแพทย์ขึ้นมาบ้างโดยเป็นของเอกชน

แค่นั้นแหละครับ ก็เกิดการประท้วงและแอนตี้กันอย่างถล่มทลายของเหล่าแพทย์ในสมัยนั้น ว่าถ้าหากคณะแพทย์เอกชนเกิดขึ้น ก็จะมีแต่ลูกคนรวยมาเรียนหมอ และจบไปก็จะต้องไปถอนทุนกัน จะเกิดแพทย์พาณิชย์ ใครมีเงินก็เรียนได้ เรื่องก็บานปลายจนเอาไปอภิปรายในสภา (สมัยนั้นดร.อาทิตย์เป็นรมต.สาธารณสุขด้วย) แต่ก็ไม่ย่อท้อ สู้จนเกิดเป็นคณะแพทย์ได้

การต่อสู้นั้นไม่ได้เอาปืนมายิงคนที่ไม่เห็นด้วยนะครับ แต่เป็นการทำให้เห็น เอาอาจารย์จากสถาบันการแพทย์ต่าง ๆ ในประเทศนี่แหละมาร่วมร่างหลักสูตร ไปเชิญ ศ.นพ.ประสงค์ ตู้จินดา ซึ่งเป็นปรมาจาริย์ด้านกุมารเวชของเมืองไทยมาเป็นคณบ ดี เอาอาจารย์ไปศึกษาดูงานด้านการพัฒนาคณะแพทยศาสตร์ในต ่างประเทศ เช่นส่งไปดูงานที่ harvard university ( harvard นี่เป็นเอกชนนะครับ) มีการเซ็นสัญญาให้นศพ.รังสิต ต้องไปฝึกงานในรพ.ของรัฐ (ตอนแรกดร.อาทิตย์จะให้ฝึกงานในรพ.เอกชนด้วย แต่โดนทางแพทยสภาค้านว่าเคสไม่หลากหลาย)
มีการกำหนดว่า นักศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิตต้องสอบใบประกอบวิชาชีพ แพทยสภาให้ผ่านก่อน ถึงจะจบเป็นหมอได้ (ของเดิมนี่แพทย์ที่อื่นจบแล้วได้เลยครับ มีแต่ของรังสิตที่ต้องสอบ)

ช่วงตั้งใหม่ ๆ ก็มีคณะแพทย์หลายแห่งนะครับ มาเสนอว่าถ้างั้นให้มาเป็นเครือดีไหม เช่นของจุฬาและมหิดล ก็เสนอว่าให้มาใช้หลักสูตรกับเค้า และตอนจบก็รับปริญยาของจุฬาไป เช่น ปริญญาแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์ วิทยาลัยรังสิต แบบนี้ แต่ทางดร.อาทิตย์และอาจารย์ประสงค์เองท่านก็ไม่ยอม อยากให้คณะแพทย์นี้เป็นของรังสิตแท้ ๆ ก็มีการฝ่าฟันอุปสรรคมาเรื่อยๆ

ปัญหาอีกอันนึงก็คือเมื่อเด็กรังสิตมาฝึกงานที่ราชวิถี หมอในราชวิถีสมัยนั้นหลายท่านก็คัดค้านอย่างรุน แรง เพราะไม่อยากสอนรังสิต มีการทะเลาะกันในห้องประชุมถึงขั้นทุบโต๊ะ ชี้หน้าด่าคณบดี ว่าเป็นทาสน้ำเงิน (ตอนนั้นหมอประสงค์ท่านก็ 60 ปลาย ๆ ครับ ) แต่หมอประสงค์ก็ใช้ขันติ อดทนอธิบายให้กับหมอรุ่นหลานที่เข้าใจท่านผิด ๆ ค่าเทอมทั้งหมดของแพทย์รังสิตตั้งแต่ชั้นปีที่ 4-6 ตกปีละ 150 ล้าน บริจาคเข้าราชวิถีหมดนะครับ ในนามมูลิธิสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต สรุปคือทางรังสิตเองจะได้เฉพาะค่าเทอมช่วงปี 1 -3 เท่านั้นครับ

เงินบริจาคที่เข้าราชวิถี ก็เป็นเงินที่นำไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน ซื้อเครื่องมือ ให้ทุนอาจารย์ไปเรียนเพิ่มเติม สร้างตึกและครุภัณท์ทางการแพทย์ให้กับราชวิถี ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป หลายคนที่มีอคติกับทางแพทย์รังสิตก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นครับ

ตอนนี้แพทย์รังสิตเปิดมาได้ 17 ปี มีหมอจบไปแล้วสิบกว่ารุ่น สิ่งที่น่าภูมิใจคือมีหมอรังสิตไม่ถึง 20 เปอร์เซนต์นะครับ ที่ลาออกไปทำงานเอกชน ส่วนใหญ่จะทำงานในรพ.ของรัฐ ไปเป็นอจ.ที่โรงเรียนแพทย์เยอะมาก ๆ ทั้งจุฬา ศิริราช รามา หลายคนได้รางวัลระดับประเทศเยอะแยะครับ ไม่ใช่ทองชุบแน่นอน

เรื่องการสอบใบประกอบนะครับ หลังจากที่รังสิตเป็นคณะแพทย์แห่งเดียวที่ต้องส อบ ใครไม่ผ่านก็สอบใหม่ ทำให้คนที่จบไปรับรองได้ครับว่าผ่านมาตรฐานแพทยสภาแน่นอน จะเห็นว่าบางคนต้องสอบถึง 5-6 รอบ กว่าจะผ่าน ไม่ใช่ให้ผ่านง่าย ๆ ครับ และทำให้ตอนหลัง เมื่อมีคณะแพทย์ใหม่ ๆ เปิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แพทยสภาจึงออกกฎว่าต่อไปนี้ แพทย์ทุกสถาบัน ต้องสอบใบประกอบวิชาชีพเหมือนรังสิตให้ผ่านก่อน ครับ ถึงจะเป็นหมอได้

ส่วนโมเดลของรังสิตที่เอานศพ.ไปฝากเรียนที่รพ.ราชวิถีนั้น ต่อมาทางกระทรวงก็ได้พัฒนาโมเดลความร่วมมือนี้ เกิดเป็นสถาบันแพทย์พระบรมราชชนกขึ้น คือการสร้างแพทย์ชนบท โดยการให้นศพ.ช่วงปี 1-3 เรียนกับมหาวิทยาลัยส่วนกลาง แต่พอขึ้นชั้นคลีนิคก็ส่งไปทำงานในระพ.จังหวัดที่ตัวเองอยู่ครับ

ฉะนั้นผมภูมิใจที่ได้เรียนในสถาบันแห่งนี้ครับ
และช่วยกันทำสิ่งดี ๆ ให้คนอื่นเค้าเห็นครับ
ว่าเราหมอรังสิต ไม่ใช่แค่หมอรวยขี้เก๊กครับ
ช่วยกันทำให้คนอื่นรู้ครับ ว่าหมอที่นี่ หน้าตาดีและจิตใจงามด้วย
555




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2550   
Last Update : 17 ตุลาคม 2550 10:18:26 น.   
Counter : 13775 Pageviews.  



สาลิกาเริงร่า
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




ยินดีต้อนรับเข้าสู่ blog แห่งนี้นะครับ
สาลิกา มาจากการเชียร์ newcastle ครับ
ส่วนเริงร่า หมายถึงการดีใจที่ได้มาเกิดในโลกของไซเบอร์
โลกที่ความรู้ สิ่งดี ๆ ต่าง ๆ มากมาย เพื่อนดี ๆ มากมาย
ถูกทำให้มาอยู่ใกล้ชิดกัน ให้เราได้มีโลกทัศน์กว้างขึ้น
ก็ขอฝากบล๊อกนี้ไว้ด้วยนะครับ
มีอะไรก็แนะนำกันมาได้ครับ
ขอบคุณครับ
[Add สาลิกาเริงร่า's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com