การเดินทางของ เด็กติ๋ม
|
|||
สูงวัย
ไม่น่าเชื่อเลย เราอยู่มาเกือบครึ่งร้อยแล้ว เกิดมาทัน เป็ปซี่ ราคา 1.50 บาท หนังสือพิมพ์ 75 สต. ก็คุ้นอยู่ว่าเคยได้ยิน ค่ารถเมล์ 50 สต. ก็น่าจะผ่านตามาบ้าง หนังญี่ปุ่นที่มี จุง โคชิกะ หรือ ซามูไร พ่อลูกอ่อน ก็ทัน ชืวิตเราราบเรียบมากๆเลย ตอนเด็กๆยังไง ตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนเดิม เงียบๆ เรียบๆ ไม่โลดโผน ที่มีมากขึ้นคือ รับผิดชอบงานอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ความขี้เกียจยังมีเหมือนเดิม แต่พอทำงานก็ได้นะ ได้อยู่ เราอยู่กับความคิดมาตั้งแต่เด็กๆนะ ช่างคิด จินตนาการบรรเจิด เราว่าเราหัวอ่อนมาก แต่ทุกคนบอก ไม่เลย ดื้อค่อดๆ ไม่หรอก เรายอมคน แต่มันมีจุดนึงที่มันถึงจุดพีค พอพีคมันไม่ได้ระเบิดนะคะ มันแค่ปิดการรับรู้ เหมือนกับการทิ้งทุกปัญหาไว้ที่พื้น แล้วเราเดินจากไป เวลาเห็นเด็กวัยรุ่นบางกลุ่ม ดูแรง ดูกร้าน เรายังคิดว่าวันหน้าเค้าจะเป็นยังไงนะเค้าจะหยุดแรง หรือแรงขึ้น เด็กๆหลายคนในชีวิต มักจะพูดเสมอ ว่าทำไมชีวิตครู เนริส์ มาก เรา โอเคนะ ไม่ชอบหัวใจเต้นแรง จะมีก็แต่เรื่อง การเดินทางเนี่ยแหละ ที่ทุกคน งง ว่า ไปได้ไง ไม่กลัวเหรอ เคยคุยกับคนเดินทางด้วยกัน เค้าบอกที่เมืองไทยเค้าไม่ค่อยกล้าเดินทางคนเดียว แต่พอไปต่างประเทศเค้ารู้สึกไม่กลัว เออเนอะ นึกว่าเราคิดไปคนเดียว สรุป ชีวิตกับความคิดเราคงยังเหมือนเดิม ที่เพิ่มขึ้นมา ก็คือ ทักษะการบริหารจัดการการลงทุน (ไม่มีใครคาดคิด) แล้วก็ระยะทางของการท่องเที่ยว แค่นั้นแหละ แค่นั้นจริงๆ ยาไทย
...... ว่าด้วยเรื่อง ยา ..... เนื่องด้วยวิกฤตสุขภาพ ทำให้หลายต่อหลายครั้ง ร่างกายต้องแบกรับสารพัดเคมีที่ถั่งโถม เข้ามาในชีวิต จนถึงวันนึง วันที่รู้สึกว่า ไม่ไหวแล้ว วันที่ส่วนต่างๆ เริ่มพัง ก็เลยหยุดมันหมด ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้นะ ไม่ได้เลวร้ายอะไร ระหว่างนั้นก็มี คนแนะนำ สารพัดหมอ ทุกวิธี เข้าใจคนที่ป่วยหนักๆเลยว่า พอมันหมดหนทาง อะไรก็เอา เข้าใจอย่างสุดซึ้งเลย สำหรับตัวเรา ตอนนี้เราทานยาที่รสชาด เลวร้ายมามาก เคยคิดว่า ยาตัวนี้ รสชาดคงเลวสุดในชีวิตเราแล้ว มั้น ก็ยัง มีเลวได้กว่านั้นอีก มีหลายครั้ง ที่เราคิดว่า หมอพื้นบ้านคนนี้ ต้องเอามูลของเค้ามาให้เราทานแน่ๆเลย คือ ตอนหลังๆ เวลาเจอยาตัวใหม่ๆ แล้วทุกคนเห็นเราทำท่าเฉยๆ จะแบบ น้องไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ เราพูดตลอดเลย ว่ายาที่เราเคยทาน รสชาดเลวร้ายกว่านี้เป็นร้อยเท่า สำหรับการรักษา เคยแม้กระทั่ง โดนหมอพื้นบ้านกดท้อง จนปากเขียวเลย ที่สำคัญ เราร้องจนลูกค้าหมอหนีกลับเลย ทรมานมากๆ นึกถึงช่วงนั้น เราก็ถึกเหมือนกันแฮะ ส่วนยาประดง กับน้ำมันรำข้าวที่เห็น ซื้อไว้ ทานบ้างไม่ทานบ้าง สารพัดยาของเรา ส่วนมากเราจะลืม ไม่มีวินัยน่ะค่ะ เป็นคนเรื่อยๆ นึกได้ก็ทาน สาเหตุที่ซื้อ มันตลกมาก คือรุ่นพี่เราสุนัขเธอเป็นมะเร็ง แล้วทานยาตัวนี้ไป ปรากฏว่า หน้าที่บวมน่ะ หายบวมนะ เธอโทรมา แบบ คุณน้องคะ มันเวริค์มากๆ บ๊อบบี้หน้าดีขึ้นมากเลย .....เอ้า จัดมา ( แต่ว่าหลังจากนั้นสองเดือน บ๊อบบ๊้ไปสวรรค์นะคะ แต่ดิฉันยังอยู่) อีกครั้งกับน้ำมันรำข้าว เพื่อนโทรมา ดูปองค์ โดนสุนัขใหญ่กัด แกเชื่อไม๊ ชั้นให้ทานน้ำมันรำข้าว ทุกวัน แผลหายเร็วมั่กมั่ก อืมมม ตอนนี้ ดูปองค์ยังอยู่นะคะ ไม่ต้องกังวล อาจจะดีหรือไม่ดี ไม่อาจทราบได้ แต่เราก็ยังมีชีวืตอยู่ปกติ สามวันดีสี่วันไข้ แล้วก็วุ่นวายกับสารพัดยาไทย ที่ลืมบ้าง ไม่ลืมบ้าง ก็ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียสน่ะดีที่สุดแล้ว เหตูแห่งโรค บางทีก็คือ ใจ นะคะ ดูแลอารมณ์ของตัวเองกันเถอะค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ
แปลกดี แค่เรามองหาแหวน คาร์เทียร์ วันนี้ก็มี คนถอย แหวนคาร์เทียร์ มาให้ดู
เป็นอะไรมากไม๊เนี่ย ยอมแว้ววววว ไม่ได้ตั้งใจจะกดดัน คนรอบตัวให้เสียเงินเลย เพียงแต่ ตั้งแต่ปีใหม่ เราไม่ได้ใช้เงินเลย ใช้น้อยมากอ่ะค่ะ เอางี้ เด็กๆมาเห็นลิปติกเรา เค้าบอก เค้าไม่เคยเห็นลิปสติกใครหมดแท่งเลย เพิ่งเห็นของเราคนแรก ที่สำคัญ เรามีแค่แท่งเดียว แป้งตลับเดียว คือชีวิตแทบไม่มีรายจ่าย ก็เลยเห็นสมควรว่าซื้อของดีกว่า ตั้งเป้าหมายแรก กระเป๋าแบรนด์ดัง ราคาเท่ากับทอง สิบบาท คิด คิด คิด คิด กริ๊ง โทรปรึกษาคุณเพื่อน ..... ระหว่างกระเป๋า กับทองสิบบาท เอาไรดี เธอบอก ถามโง่ๆ กระเป๋าซิยะ กระเป๋าใส่ของได้ ทองคำแท่งใส่ของไม่ได้นะ อุ๊ยตาย......เหมือนพบแสงสว่างนำทาง เรื่องแค่นี้ ทำไมตรูคิดไม่ออกนะ หลายต่อหลายครั้งที่พยายามซื้อ โน่นนี่น่ะค่ะ สุดท้ายก็ไปตกที่ ทองคำ หรือหุ้นหมด แต่คนรอบตัวมีทริคนะคะ รอว่าเราซื้ออะไร แล้วหลังจากนั้นแค่รอซื้อตาม เพราะทุกครั้งที่เราซื้อ ไม่ว่าหุ้น หรือทองคำ มันจะต้องตกลงในบัดดล อย่างเช่นวันนี้นี่ไง ช่วงที่ผ่านมา ก็เลยคิดว่าจะซื้อคาร์เทียร์ ให้ตัวเอง ไม่ได้ร่ำรวยขนาดที่ต้องใช้ท๊อปแบรนด์นะคะ แต่ว่า จำเป็นต้องซื้อของที่มูลค่ามันไม่ตกน่ะ เพราะไม่ทราบว่า วันหน้าเราอาจมี อุบัติเหตุแห่งชีวิต ข้าวของพวกนี้ ก็พอจะ เล่นแร่แปรธาตุ ได้บ้าง เรื่องนี้เคยสอนรุ่นน้องเลย เธอมีตำแหน่งสูงในหน่วยงาน มีช่วงนึง เธอชอบซื้อนาฬิกา fossil dkny ......etc.... กระเป๋า สารพัด แบรนด์ก๊องแก๊ง ซื้อมันทุกเดือน แล้วมาโชว์เราเรื่อย เธอโชว์แบบน่ารักนะคะ ไม่ได้โชว์แบบอวดรวย เราเลยบอก พอแล้ว ไปทำรายการมาให้ดูสิว่าจ่ายค่านาฬิกา ทั้งปีเท่าไหร่ กระเป๋าทั้งปี จ่ายไปเท่าไหร่ แล้วก็เอาตัวเลขให้เธอดูว่า เพิ่มเงินอีกหน่อย หนูได้กระเป๋าที่เป็นแบรนด์ท๊อป นาฬิกาที่ท๊อป มันไม่เสือมค่า บลา บลา บลา ..... หลังจากนั้นจร้าาาาา......หล่อนมีกระเป๋า แบรนด์ดังมาโชว์ปีละ ใบสองใบ เป็นที่หมั่นไส้ของพี่ๆเพื่อนๆ ตลอด ตลอด แต่เธอก็บอก ขอบคุณนะคะ ที่พี่แนะนำหนู เราเองก็รู้สึกดีนะคะ ที่น้องเค้าใช้เงินแบบคุ้มค่า หนีเงา
เรานั่งคุยกับคุณพ่อ ถีงรุ่นพี่ที่มีหน้าที่การงานดี ใช้ชีวิตหรูหรา แต่เป็นหนี้บัตรเครดิต
จนชีวิตระส่ำระสาย คุณพ่อบอกเค้าไม่ดูพื้นฐานชีวิต แต่เรากลับมองว่าไม่เกี่ยว คุณพ่อคุณแม่ของพี่เค้าเป็นแค่ ลูกจ้างระดับล่างของหน่วยงานรัฐ แต่ก็มีชีวิตสมถะ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย จนสามารถส่งลูกเรียน โรงเรียนดัง มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศ น่านับถือมาก แต่กระนั้น ก็พลาดตรงนี้พี่เค้ามีสังคมหรูหรานี่แหละ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับการโดนทวงหนี้จากบัตรเครดิต ทุกครั้งที่เค้ามายีมเงินเราโปะหนี้ เราบอกเสมอว่า พี่โชคดีกว่าเรามากนัก ใช้จ่ายแต่เพื่อตัวเองเท่านั้น ในขณะที่เราเกิดมากับหนี้สินบ้าบอ ต้องหาเงินมาซัพพอร์ต คนที่จมไม่ลงรอบๆตัว แต่พี่มีพ่อแม่ที่พยายามเก็บเงิน ใช้ชีวีตสมถะ ที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่ช่วยใช้หนี้หลายครั้งแล้ว เราเคยเข้าไปดูแลการเงินให้เค้านะคะ แต่เค้าบอกเค้าขาดไม่ได้ เช่นกาแฟแบรนด์ดัง ทำผมทุกวัน ทำเล็บ ขนมร้านดัง อาหารกลับบ้านร้านหรู มันคงเป็นออกซิเจน สำหรับเค้ามั้ง เวลาเค้าพยายามพาคุณพ่อคุณแม่ ออกมาทานร้านหรู คุณพ่อคุณแม่เค้าจะปฏิเสธ ขอไปทานร้านไก่ย่างบ้านๆดีกว่า แต่คนใกล้ตัวเรากลับปรามาสเค้าเรื่อง รสนิยม สำหรับเรา ไม่นะ เรากลับมองว่า ลึกๆแล้วคุณพ่อคุณแม่เค้าน่าจะกลัวลูกสาวจ่ายเงินเยอะแยะเกินไปมากกว่า ปีนี้เราคงปฎิเสธที่จะช่วยเหลือเค้า เนื่องจากเราหยุดทำงานแล้ว คงไม่มีรายได้ที่จะซัพพอร์ตใครต่อใครแล้ว พอที บางทีเราก็รู้สึกแย่นะ ที่เราเห็นหลายต่อหลายคนที่มายืมเงินเรา โพสรูปมื้ออาหารหรูหรา หรือโชว์ของที่ช็อปปิ้งมา แต่พอโรงเรียนเปิดเทอม กลับมาร้องไห้ ให้เราช่วยโอนค่าเทอมลูกให้ หยุดทำงานก็ดี ต่อไปคงไม่มีเงินให้ใครมาขอลืมเงินอีกแล้ว สามี ช็อปาโฮลิก
จะกล่าวถึง กระทาชายนายสามี วันนี้เดินผ่านร้าน i studio
ท่านชาย ไม่ชอบโทรศัพท์คุณเลย ดีฉัน ไมอ่ะคะ ท่านชาย ช้ามาก ดีฉัน ก็โอเคนะ เร็วกว่าการรับรู้ของเราอีก ท่านชาย เอาใหม่นะ ไอโฟน ดีฉัน ไม่ค่ะ มองไม่เห็น ถ้าซื้อไอโฟน ต้องซื้อ ลาแมร์ด้วย ไม่เอาอ่ะ ท่านชาย งั้นเอา แมคบุคนะ ดีฉัน เป็นไรมากไม๊เนี่ย หล่อนชอบช็อปปิ้งมากๆ แล้วพยายามจะซื้อของตลอดเวลา น้ำหอมเอย กระเป๋าเอย คือถ้าเราอายุสัก 25 นี่โอเคนะ แต่นี่เราแก่จนมีครบทุกอย่างแล้ว ซื้อมาก็รกบ้าน ชอบบ้านโล่งๆนะคะ ไม่อยากซื้อแล้ว ทุกคนบอกโกยเหอะ เอาไว้ก่อน เดี๋ยวเลิกกัน อย่างน้อยก็คุ้ม สำหรับเรา เลิกกันก็จากกันด้วยดีดีกว่า ไม่ใช่ให้เค้ามาว่าลับหลัง เราเองก็มีเงินนะ แล้วเวลาช็อปปิ้ง คุณสามีแกซื้อเยอะจน เราบอกพอแล้ว คนมองจะคิดว่า เราไถเงินคุณนะคะ คือคนภายนอกมองมักจะเข้าใจว่า ข้าวของที่ซื้อนี่คือของเรา สามีจ่าย หารู้ไม่ ว่าเราแค่ช่วยหล่อนถือถุงนะ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้ลองนั่ง ถุงปราด้ายังแขวนคออีก |
อุปสรรคไม่ใช่คำสาป
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] All Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |