รักกันไม่สู้รู้...ใจกัน (ตราบใดที่เงาต้นไม้ยังเปลี่ยนทิศ จิตใจคนย่อมเปลี่ยนแปลง)

อยู่ในใจ จบคับ..จบ

อากาศและเพื่อนๆ ออกตามหาหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง แม้ไม่รู้ว่าต้องไปตามที่ไหนแต่มันก็ดีกว่าการนั่งอยู่เฉยๆ
“ เอาอย่างไรต่อดีวะ ” กรถามความคิดเห็นเมื่อจนปัญญา แต่คำตอบที่ได้คือความเงียบจากชายหนุ่ม และตอนนี้สิ่งที่เอกกลัวกำลังจะเกิดขึ้นเขารู้ได้จากสายตาที่ว่างเปล่าของเพื่อนรัก อากาศกำลังจะกลับไปเป็นแบบเดิมเขากำลังจะตาย...ตายทั้งที่ยังหายใจ
“ คลึก คลึก คลึก ” เสียงส้นรองเท้าหนังกระทบพื้นไม้ดังก้องร้านที่ขณะนี้มีแต่ความเงียบเข้าคลอบงำ “ ขอโทษนะ ร้านนี้มีคนชื่ออากาศอยู่ใช่ไหมครับ? ” เสียงทุ้มสุภาพของหนุ่มใหญ่กล่าวทำลายความเงียบ ทุกคนหันมาตามต้นเสียงด้วยความงวยงง
“ เอ่อ ครับ มีครับ ” กรตอบแทนเพื่อนๆ
“ พอมีเวลาคุยกันสักครู่ไหม? ”
“ เอ่อ....คือ ” กรอ้ำอึ่งด้วยความไม่แน่ใจในตัวเพื่อน
“ ผมแค่อยากคุยเรื่องน้ำ ” ชายแปลกหน้าพูดตัดบทด้วยกลัวเสียเวลาแล้วเดินนำไปยังหน้าร้าน อากาศลุกขึ้นเดินตามเขาออกไปอย่างรีบร้อน
“ คุณคืออากาศใช่ไหม? ผมชื่ออัครฤทธิ์เป็นพ่อของน้ำหนาว ” เขาแนะนำตัว
“ ครับ สวัสดีครับ ” อากาศยกมือขึ้นทำความเคารพพร้อมกับกัดฟันแน่น
“ น้ำอยู่ที่บ้านใช่ไหมครับ? ” เขาถามอย่างควบคุมอารณ์ที่สุด
“ เดี๋ยวผมจะพาคุณไป ” เขากล่าวสั้นๆ และเดินนำขึ้นรถไป

ทันทีที่รถเก๋งสีดำทั้งคันจอดนิ่งหน้าคฤหาสน์สีขาวชายหนุ่มก็ลงจากรถอย่างรีบร้อนพุ่งเข้าประตูไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อเธออย่างควบคุมอารณ์ไม่ได้ จนกระทั่งได้พบร่างหญิงสาวนอนสงบอยู่บนเตียงกว้างอากาศโผเข้ากอดร่างบางเต็มแรงด้วยความโหยหา ความเยือกเย็นของร่างหญิงสาวแผ่เข้าสู่ขั้วหัวใจของเขาเพื่อยืนยันความจริงที่ว่าบัดนี้เธอได้จากเขาไปแล้วจริงๆ สิ่งที่เขากลัวมาตลอดได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
อากาศจุมพิตที่หน้าผากเย็นเฉียบของหญิงสาวก่อนที่จะช้อนร่างไร้วิญญาณขึ้นและก้าวเดินจากไป แม้ชายแปลกหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของร่างหญิงสาวที่เขาอุ้มอยู่จะพยายามบอกหรืออธิบายอะไรก็ตาม เขาไม่จำเป็นต้องรับฟังอะไรอีกแล้วเพราะมันผ่านไปแล้วเธอได้จากเขาไปแล้ว.....ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงมันอีก

.......................................................................................................

“ กาศ ถ้าวันหนึ่งน้ำเป็นอะไรไป กาศช่วยหาดอกหญ้าสวยๆ กับกุหลาบขาวมาให้น้ำด้วยนะ น้ำชอบ น้ำจะได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นดอกหญ้าที่สวยและมีค่าบริสุทธิ์เทียบเคียงได้กับกุหลาบขาว แล้วช่วยพาน้ำมาที่บ้านของกาศด้วยนะ น้ำอยากคุยกับแม่ของกาศแน่ะ ” และนี่เป็นสาเหตุที่งานวันนี้ถูกจัดขึ้นที่บ้านไม้สีน้ำตาลหลังเล็ก พื้นที่ของความทรงจำทุกอย่างของเขา

‘แล้วคงไม่นาน ฉันและเธอเราต่างรู้ว่ารักมันจบ ฉันรักเธอ แม้มันจะไม่ดีแต่ใจฉันยังคงอยากจะรู้อยากจะคิดอยากจะลองอยากจะนึกอยากจะย้อนอยากจะเพ้อเก็บเธอไว้ในใจ จบลงแล้วก็ยังคิดก็ยังเพ้อถึงเธออยู่ ในส่วนลึกไม่ลืม
อยู่ในใจอยู่ในกายจะมีเธออยู่ในหัวใจฉัน อยู่ในใจอยู่ในกายจะมีเธออยู่ในหัวใจกันและกัน
อยากจะย้อนเวลาเก่าก่อนที่ฉันจะเลยผ่านสิ่งสุดท้ายที่ฉันมีเธออยู่ รู้อยู่ อยากจะรู้อยากจะคิดอยากจะลองอยากจะนึกอยากจะย้อนเก็บเธอไว้ในใจ จบลงแล้วก็ยังคิดถึงเธออยู่ในส่วนลึกไม่ลืม
อยู่ในใจฉันจนนานตลอดกาล .... อยู่ในหัวใจฉัน........จะมีฉันและเธออยู่เคียง’

บทเพลงสุดท้ายถูกขับร้องด้วยชายหนุ่ม ด้วยสัญญาที่ว่าน้ำยังไม่เคยได้ฟังเขาร้องเพลงสักครั้งทั้งที่ซ้อมดนตรีด้วยกันมาตลอด และนี่ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเปิดปาก....ในเมื่อการพูดมันไร้ประโยชน์

มันไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยการพบกันมันไร้ความหมาย.......เมื่อความตายมาเยือน

จบแล้วนะจ๊ะ.....
งงกันป่าวอ่ะ.....ไงๆ ก็ติชมกันด้วยนะ ติเพื่อก่อนะ
นี่เรื่องที่สองในชีวิตเองอาจผิดพลากก็ขออภัยกันด้วยนะ ส่วนเรื่องแรกน่ะไม่กล้าเอามาลง อาย
อ่อขอโทษด้วยถ้าเขียนหนังสือผิด (เป็นนิสัยที่แก้ไม่หายเสียทีอ่ะ)
......สุดท้ายก็.....
ขอบคุณมากสำหรับคนที่ติดตามเป็นกำลังใจให้แก่กัน
แล้วพบกันใหม่นะจ๊ะ




 

Create Date : 27 กันยายน 2550    
Last Update : 27 กันยายน 2550 23:47:04 น.
Counter : 346 Pageviews.  

อยู่ในใจ 3

..................ต่อค่ะ...............

แสงแดดสาดส่องร่างชายหญิงที่นอนเปลือยกายกอดก่ายกันอยู่กลางบ้านไม้ที่ว่างเปล่าหลังจากที่พายุอารมณ์ที่ถูกเก็บกักมานานได้ถูกระบายออกทางร่างกายอย่างสุขสันต์ อากาศลุกไปเอาผ้าห่มมาคลุมกายหญิงสาว
“ นายรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ” น้ำหนาวเอ่ยลอยๆ ไม่สนใจว่าชายหนุ่มจะฟังหรือไม่ก็ตาม “ พ่อฉันจะขายฉัน ” เธอเงียบไปพักใหญ่ “ เขาขายฉันให้เพื่อนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
“ ฮ่าๆ... ” เธอหัวเราะแกนๆ ออกมาแต่เสียงหัวเราะนั้นก็ถูกกลืนหายไปกับรอยจูบที่หนักหน่วงและรวดเร็วจากชายหนุ่ม อากาศพอจะรู้เขารู้ว่าเธอเป็นดอกไม้ที่บอบช้ำมาแต่นั่นก็หาสำคัญไม่ เขาไม่ต้องการรับรู้ในสิ่งที่เธอพยายามจะบอก........มันไม่สำคัญ
“ ขอบใจ...แต่ฉันอยากจะให้นายรู้ไว้ เพราะถ้าวันใดวันหนึ่งที่ฉันไม่อยู่นายจะได้เข้าใจ” น้ำหนาวกล่าวหลังจากพละออกจากร่างกำยำ “ ฉันก็เป็นเพียงวัตถุต่อรองอย่างหนึ่งทางธุรกิจเท่านั้น ทั้งฉันและแม่ของฉัน..........ฉันพาวนาเสมอให้ได้พบกับความอบอุ่นความรักจริงๆ สักครั้งในชีวิต การได้พบกับนายฉันถือเป็นพรที่วิเศษสุดที่พระเจ้ามอบให้ฉันฉันไม่รู้หรอกนะว่านายคิด อย่างไร และยิ่งไม่รู้ด้วยว่ารักนายหรือไม่แต่ถึงตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับฉันได้อยู่กับนายแบบนี้ก็พอแล้วแม้ตายก็ไม่เสียดาย ” อากาศได้แต่นิ่งฟังอย่างเงียบๆ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของความรักหรือความว่างเปล่าในจิตใจของคนสองคนที่ต้องการแสวงหากันแน่ แต่ก็อย่างที่เธอพูด.........แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้แม้ตายก็ไม่เสียดาย
เพียงความคิดเท่านี้ก็ทำให้ความกลัวแล่นเข้าสู่ขั้วหัวใจของเขา หนาวเย็นและหวาดหวั่นอย่างหน้าประหลาดทั้งที่เขาคิดว่าชาตินี้คงจะไม่มีโอกาสได้รู้สึกแบบนี้อีกแล้วหลังจากเสียแม่ไป แต่ตอนนี้มันหวนกลับมาอีกแล้วเมื่อมีการได้มาย่อมมีการเสียไป..........และเขาไม่พร้อมที่จะสูญเสียอีกเป็นครั้งที่สอง
.....................................................................................................
“ นี่เมื่อไหร่จะเลิกทำหน้าแบบโลกแบบนั้นสักทีวะ แฟนก็มีแล้ว น่ารักซะด้วยมึงจะเอาอะไรอีก........ไอ้พระเองขี้เก๊ก ” วายุเอ่ยกวนอารมณ์เพื่อน
“ กูก็เป็นของกูแบบนี้...ทำไม..หรือมึงมีปัญหา ” อากาศกล่าวโต้ตอบเพื่อน และนั่นก็ทำให้ทุกคนสบายใจ อย่างน้อยเจ้าชายไม่พูดก็หัดที่จะต่อปากต่อคำกับเพื่อนได้แล้ว
“ เออ! กูก็เป็นหวังกลัวว่าน้ำเขาจะเบื่อหน้ามึงซะก่อน.........อ่อย! ไม่น่าเลย น้ำนะน้ำไม่รู้ชอบมันได้ยังไงไอ้มนุษย์ไร้อารมณ์นี่ ชอบยุซะยังจะดีกว่า ”
“ เออ! แต่ตอนนี้กูเริ่มมีอารมณ์แล้ว...อยากอัดคนว่ะ ” บทสนทนาไร้สาระที่เขาไม่เคยเอ่ยค่อยๆ หลุดออกมามันเป็นเช่นนี้หลายวันแล้วตั้งแต่กลับมา น้ำหนาวหัวเราะคิกเมื่อเห็นผู้ชายยั่วกัน
“ พอแล้วๆ น้ำชอบที่กาศเป็นแบบนี้ และก็ชอบที่ยุเป็นแบบนี้ด้วย ” เธอตัดบท
“ เฮ้ย! ได้ยินป่าวไอ้กาศ แฟนมึงเนี่ยเจ้าชู้ใช่ย่อยนะ ” กรเสริมทัพ ขณะที่อากาศลุกเดินออกไปไกลแล้ว
“ ไปกันใหญ่แล้วไม่เอาแล้วไม่คุยกับพวกนายแล้ว ” หญิงสาวผู้ถูกกล่าวถึงพูดและวิ่งตามชายหนุ่มที่เดินออกไปก่อนหน้านี้
“ กาศ วันนี้ไปสวนสนุกกันนะ น่านะ ฉันอยากไปยังไม่เคยไปเลยสักครั้งในชีวิต ” น้ำหนาวออดอ้อนชายหนุ่มที่ตอนนี้จะเรียกว่าแฟนก็คงจะไม่ผิดนักให้ไปเดทด้วยกัน
“ โตป่านนี้ไม่เคยไป เงินก็มี”
“ ถึงเคยก็ไม่ใช่กับนาย ” ด้วยเหตุผลของเธอทำให้ชายหนุ่มยอมจำนนแต่โดยดี
ทั้งคู่จับจูงมือกันเล่นเครื่องเล่นขึ้นอันนั้นลงอันนี้กันอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่าหลงลืมช่วงเวลาไม่ว่าจะเป็น อดีต หรืออนาคตใดๆก็ตาม ณ ตอนนี้มันไม่มีความหมายใดเลยเมื่อได้อยู่ด้วยกันไม่ว่าที่ผ่านมามันจะเจ็บปวดโหดร้าย หรือน่ารื่นรมย์เพียงใดก็ตาม
“ โอ๊ย! เหนื่อยแล้วหิวด้วย ” น้ำหนาวเอ่ยหลังกระหืดกระหอบลงจากเครื่องเล่น
“ กินอะไรกันดีละ ”
“อืม...ก๋วยเตี๋ยวแล้วกัน ง่ายดี ”
“ โห! คุณอากาศมาเดทกับสาวทั้งทีลงทุนมากๆ เลย ”
“ พูดมากออกเองนะ ” พูดจบอากาศก็เดินนำออกไป ขณะที่หญิงสาวกำลังจะวิ่งตามนั่นเองก็มีกลุ่มชายหนุ่มร่างกำยำในชุดดำ 4 – 5 เขามาขวางตัวเธอไว้
“ เอะ! อะไรกันเนีย ” น้ำหนาวร้องเสียงหลง อากาศวิ่งกลับมาทันทีที่เห็นเหตุการณ์
“ กลับบ้านเถอะครับคุณหนู ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้นพร้อมๆ กับอุ้มตัวเธอไปอย่างอุกอาจ อากาศวิ่งตามอย่างสุดแรงร้องตะโกนโวยวายให้คนช่วยแต่ก็คว้าไว้ได้เพียงความว่างปล่าว.....ภาพเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อนเกิดซ้อนทับมาในหัวอย่างห้ามไม่ได้
......................................................................................................

“ พ่อครับ ....พ่อ ......พ่อจะไปไหน พ่ออย่าทิ้งผมกับแม่ไป? ฮือๆ ฮือ ” เด็กชายตัวเล็กร้องเสียงหลงวิ่งตามรถเก๋งคันงามที่ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“ แม่ครับพ่อไปแล้ว ฮึก.. พ่อทิ้งเราแล้ว ” เขาเดินคอตกสะอึกสะอื้นกลับเข้ามาในบ้าน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องช๊อคกับภาพตรงหน้าเมื่อผู้เป็นแม่ไม่ยอมอยู่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไป
หญิงวัยกลางใบหน้าอาบไปด้วยคราบน้ำตาดวงตาเบิกกว้างทอดกายนอนจมกอเลือดอย่างหน้าอนาถ เด็กหนุ่มยืนตัวสั้นกัดฟันแน่นอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะค่อยๆ ก้าวขาเข้าไปใกล้ๆ ร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นแม่เอื้อมมือไปปิดเปลือกตาให้ตามที่เคยเห็นในทีวี นำผ้ามาซับและเช็ดเลือดที่ไหลนองจะสะอาด เขาได้แต่คิดวนกลับไปกลับมาหาเหตุผลดีๆ สักข้อให้กับการกระทำต่างๆ ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่คน ความคิดของผู้ใหญ่เขาไม่มีวันเข้าใจได้จะถึงวันนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจ...
คำว่า ‘ รัก ’ คำที่พ่อพร่ำบอกกับแม่ทุกวัน...แต่แล้วสุดท้ายพ่อก็ทิ้งแม่ไป คำที่แม่บอกกับเขาทุกเช้าที่ลืมตาขึ้นมา...สุดท้ายแม่ก็ทิ้งเขาไป ถ้อยคำใดเล่าที่จะมีอำนาจพอที่จะรั้งให้คนที่เรารักอยู่กับเราไปชั่วชีวิต.............ไม่มีเลย.........ไม่มีประโยชน์ใดเลยที่จะเอื้อนเอยคำใดๆ อีกต่อไป

......................................................................................................




 

Create Date : 27 กันยายน 2550    
Last Update : 27 กันยายน 2550 23:28:17 น.
Counter : 280 Pageviews.  

อยู่ในใจ 2

นึกว่าจะไม่มีคนอ่านแล้วซิ ขอบคุณค่ะ
.........ต่อนะคะ..............

อากาศเปิดประตูบ้านไม้หลังเล็กอย่างคล่องแคล่ว สองชายหญิงก้าวเข้าไปในบ้านที่เงียบสงบ ภายในบ้านสะอาดสะอ้านหากแต่ความว่างป่าวภายในบ้านก็ทำให้ทราบได้ทันทีว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มาเป็นเวลานานแล้ว น้ำหนาวเดินตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ก่อนหน้านี้ของเจ้าของบ้านก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นดังที่เห็นในวันนี้
“ บ้านหลังนี้น่ารักมากเลยนะ เจ้าของบ้านคงจะมีความสุขมากทีเดียว ” เธอพูดอย่างน้อยใจในโชคชะตาตัวเองที่แม้จะมีบ้านหลังใหญ่โต แต่มันก็ไม่เคยมีไอของความอบอุ่นให้เธอสัมผัสได้เช่นบ้านหลังนี้เลยสักนิด จบบางครั้งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอใช่ลูกของพ่อจริงหรือไม่
อากาศเดินไปเปิดหน้าต่างให้แสดงตะวันยามเย็นส่องผ่านเข้ามา และไม่ลืมที่จะนำดอกหญ้าที่เก็บตามข้างทางก่อนถึงบ้านใส่ในแจกันหน้ารูปหญิงวัยกลางคนที่วางอยู่บนหิ้งเหนือหัวดังเช่นทุกครั้งที่เขากลับมา...
“ แม่นายใช่ไหม? ” น้ำหนาวถามอย่างคนเดาเหตุการณ์ อากาศได้แต่พยักหน้าน้อยๆ และทำท่าจะเดินจากไปหากไม่ได้ยินประโยคที่ไม่คิดว่าจะมีใครพูดให้ได้ยินดังขึ้น
“ มันไร้ประโยชน์ใช่ไหมที่จะพูด ” หญิงสาวพูดเหมือนนั่งอยู่ในใจของเขา อากาศปิดเปลือกตาลงกัดฟันแน่น “ มันผ่านไปแล้ว ” น้ำเสียวแหบพร่าแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่เคยปิดสนิทอย่างเจ็บปวดและนั่นเป็นครั้งแรกที่เขายอมเปิดปากพูด
น้ำหนาวเดินเข้ามากุมมือชายหนุ่มแน่น เธอไม่รู้หลอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้ เหมือนๆ กันที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอผ่านอะไรมาบ้าง แต่เธอก็พอจะรู้ว่ามันเจ็บปวดมาทีเดียวเจ็บปวดพอที่จะทำให้ชายคนหนึ่งทิ้งชีวิตที่เหลืออยู่ทั่งหมดไป เธอมองดวงตาเย็นชาที่บัดนี้วามวาวไปด้วยน้ำใสๆ ที่คลอเคลียอยู่ภายใน มือนุ่มรูปคลำใบหน้ากล้านอย่างเบามือชายหนุ่มโน้มตัวลงประทับรอยจูบลึกซึ้งลงบนปากนุ่มอย่างเผลอไผล แต่ก็ต้องถอนริมฝีปากทันที่ที่ใบหน้ากร้านสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากน้ำใสๆ ที่ไหลลงอาบแก้มนวล เขามองคนตรงหน้าที่บัดนี้ใบหน้าเลอะไปด้วยธารน้ำตาใช้มือหนาเช็ดมันออกจากใบหน้านวลอย่างเบามือ
“ ฉันรู้ เธอเองก็เจ็บปวดเช่นกัน ” แม้เขาจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอพบเจอกับอะไร แต่ภาพที่เธอร้องไห้แทบขาดใจยามเมื่อที่พบกันครั้งแรกก็ทำให้เขาพอจะรู้ได้ว่าเธอเจ็บปวดไม่ใช่น้อย
อากาศประทับจุมพิตแผ่วเบาลงบนเปลือกตาเพื่อปลอบโยนและเรื่อยมาจนถึงพวงแก้มมาหยุดนิ่งเนิ่นนานที่เรียวปากบางแทรกปลายริ้นร้อนถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดให้กับเธอ น้ำหนาวแหงนหงายใบหน้าขึ้นรับมันอย่างเต็มในและโอบกอดร่างกำยำไว้แน่น ทั้งสองแรกรอยจูบอุ่นร้อนปวดร้าวกอดก่ายแลกเปลี่ยนความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของกาลเวลาที่ยาวนานกับชีวิตที่โดดเดียวให้แก่กันและกันอย่างลึกซึ้งตราบนานเท่านาน


...................................................................................................

“ เฮ้ วันนี้น้ำหนาวยังไม่มาอีกหรอ? ” วายุถามแกมบ่น
“ ก็เห็นๆกันอยู่ ” กรกวนอารมณ์เพื่อน “ ไอ้กาศอีกคนหายไปเลย ไม่รู้ไปด้วยกันหรือป่าว? ” พูดกลั่วหัวเราะ “ อย่าพูดพร่อยๆนะโว้ยไอ้ยุ ผู้หญิงเขาเสียหาย ”
“ กูก็พูดไปตามที่เห็น หรือพวกมึงไม่สังเกตว่าสองคนนี้มีบางอย่างที่ต่างไปจากพวกเรา ”
ไม่มีคำโต้ตอบใดๆ เพราะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาแม้ว่าน้ำหนาวจะให้ความสนิทสนมกับทุกคนเท่ากันแต่กับอากาศมีบางสิ่งที่เกิดขึ้นในการไม่พูดจาของทั้งสองฝ่ายเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้ แววตาเหงาๆร้าวลึกนั่นยามจ้องมองชายหนุ่มที่พวกเขาคุ้นเคยมันมีความในมากมาย หากแต่พวกเขารู้ดีว่าจะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตราบใดที่อากาศยังคงเก็บงำความหลังไว้
“ สวัสดีทุกๆ คน” ไม่ทันที่ความคิดจะก้าวกระโดดไปไกลนักเสียงหญิงสาวที่ทุกคนกล่าวถึงก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับประตูร้านที่เปิดกว้างออก
“ อ้าว! กำลังบ่นถึงอยู่เลย หายไปไหนมาหลายวัน? ” วายุถามอย่างใคร่รู้ หากแต่หญิงสาวเพียงแต่อมยิ้มเล็กๆ และชายตามองไปยังชายหนุ่มที่กำลังเดินตามหลังเข้ามา อากาศพยักหน้าเล็กๆ เป็นการทักทายก่อนจะเดินตรงไปยังมุมของตนเพื่อซ้อมเพลงที่ห่างหายมาหลายวันพร้อมๆกับน้ำหนาวที่เดินตามไปอย่างร่าเริง
“ กลับบ้านมาหรือ? ” เอกถามเพื่อนรักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปแล้ว อากาศพยักหน้าน้อยๆ เป็นการตอบรับ “ กับน้ำ?” เขาถามย้ำเพื่อนความมั่นใจในอะไรบางอย่าง
“ มันไม่ง่ายอย่างที่แกคิดหรอกนะ ” อากาศย้ำให้เพื่อนรักหยุดความคิดอะไรก็ตามที่เขากำลังคิดอยู่ เพื่อให้รู้ความจริง ความจริงที่เขาเองก็เพิ่งรู้ก่อนจะกลับมาไม่นาน
เอกรับรู้ได้ทันทีถึงแววตาหวาดหวั่นของเพื่อนรัก แต่ใครล่ะจะเปลี่ยนแปลงได้....
.......................................................................................................




 

Create Date : 27 กันยายน 2550    
Last Update : 27 กันยายน 2550 23:23:00 น.
Counter : 234 Pageviews.  

อยู่ในใจ

อยู่ในใจ
หากพบกันแล้วต้องพรากจากเช่นนั้นเราก็อย่าได้รู้จักกันเลยจะดีกว่า........
ณ ต้นไม้ใหญ่ริมฟุตบาทของถนนที่ว่างเปล่ากลางเมืองใหญ่ ท่ามกลางความมืดมิดของรัตติกาล สายลมเย็นยะเยือกพัดมาระเรื่อยๆ สัมผัสผิวของหญิงสาวร่างบางที่ทิ้งตัวนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ ส่งเสียงสะอึกสะอื้นเบาๆ ทำลายความสงบเงียบของค่ำคืน
‘ โป๊ก ’ เสียงวัตถุของแข็งบางอย่างกระทบเข้ากับศีรษะของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมองตามวัตถุต้นเสียง สายตาปะทะเข้ากับร่างกำยำของชายหนุ่มในชุดแจ๊คเกตหนังสีดำกับกีต้าร์โปร่งตัวเขื่อง แน่นอนว่าเสียงเมื่อครู่นี้ย่อมเกิดเนื่องด้วยเจ้ากีต้าร์ตัวนี้นี่เองที่ไปกระทบเข้ากับศีรษะของเธออย่างจงใจ เธอมองเขาด้วยสายตาที่ไร้แววแม้จะมีน้ำใสๆ คลออยู่ในดวงตาคู่นั้นก็ตามแต่มันชั่งดูโดดเดี่ยวและเจ็บปวดเสียเหลือเกิน ชายหนุ่มมองตอบจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยนั้นของเธอประหนึ่งจะให้มันทะลุเข้าไปถึงภายในจิตใจของเธอ แล้วเขาก็ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เธอ ความเงียบเข้าครอบงำบริเวณก่อนที่เสียงโฮดังลั่นจะระเบิดขึ้นด้วยความคับแค้นใจหญิงสาวก้มหน้าลงใช้ไหล่กว้างของชายแปลกหน้าเป็นที่ซับน้ำตาจวบจนแสงอรุณรุ่งของวันใหม่มาเยือน ชายหนุ่มเขย่าร่างหญิงสาวที่เอนกายหลับใหลอยู่บนไหล่ของเขาด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการร้องไห้ที่ยาวนานของคืนอันปวดร้าวที่เพิ่งผ่านพ้นไป
เธอขยับกายลุกขึ้นช้าๆ “ ขอบคุณ” หญิงสาวกล่าวสั้นๆ และทำท่าจะจากไปหากแต่ชะงักไปด้วยมือหนาที่รั้งต้นแขนของเธอเอาไว้และดึงเธอให้เดินตามไป
........................................................................................................
‘ ดวงตะวันเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้ามีเวลาให้คนเราอีกมากมายพาชีวิตก้าวไปสู่ยังจุดหมายถึงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็น่าลอง...โอ้ชีวิตมีอะไรตั้งเยอะแยะมีเกิดแก่เจ็บตายคล้ายๆกัน แต่สิ่งที่มีไม่เหมือนคือความฝันอยู่ที่ใครจะคว้ามันให้อยู่มือ... ’ เสียงเพลงเพื่อชีวิตดังผ่านสายลมหนาวมากระทบหูชายหญิงผู้มาเยือนใหม่
“โอ๊ะ โอ! ดูซิว่าวันนี้ใครมาร้านของเรา” เสียงชายหนุ่มในร้านร้องทักทายเพื่อนผู้มาเยือนอย่างสนิทสนม ชายหนุ่มยิ้มรับคำเพื่อนและเดินนำเธอเข้าไปหาเพื่อนๆ
“ แม่เจ้าโว้ย ! นางฟ้าตกสวรรค์มาหรือไงวะนั่น” กรอุทานขึ้นเสียงดังทันทีที่เห็นหญิงสาว
“ ใครวะ น่ารักดี ” วายุพึงพำเบาๆ อย่างรักษาภาพพจน์
“ สวัสดีครับ วายุครับ ” คนพูดแนะนำตัวอย่างไม่รอช้าตามด้วยสมาชิกในวง
“ กรครับ เอกครับ ”
หญิงสาวยิ้มตอบเล็กน้อยแล้วจึงแค่นบอกชื่อของตนไปตามมารยาท “ น้ำหนาวค่ะ”
ชายหนุ่มแสดงสีหน้าพอใจแล้วจึงเดินไปยังที่ประจำของตนก้มหน้าก้มตาเล่นกีต้าร์ของตนโดยไม่ใยดีหญิงสาวที่ตนได้พามาเลยแม้แต่น้อย
“ อย่าได้ใสใจเลย ” วายุบอกกับน้ำหนาวแล้วชักชวนเพื่อนใหม่มานั่งที่โต๊ะด้วยกัน
“เธอเล่นดนตรีเป็นไหม? ” เอกเริ่มบทสนทนาอย่างจริงใจ
“ เราเล่นเปียโน ”
“แต่เราชอบหีบเพลงปากมากกว่ามันดูไม่สูงเกินไป” เธอกล่าวเสริม
“ ดนตรีไม่มีสูงมีต่ำหลอก เล่นดนตรีได้ก็ดีแล้วแสดงว่าเราไปกันได้ ” เอกบอก
“ ไปกันได้ ” น้ำหนาวทวนคำพร้อมกับมองไปที่ชายหนุ่มผู้เชื้อเชิญเธอมา
“เธอมากับไอ้กาศได้อย่างไร? ” กรถามอย่างสงสัยเพราะไม่คิดว่าเธอจะเป็นอะไรที่เกินเลยไปมากกว่าคนรู้จัก หากแต่ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยเห็นเพื่อนรักพาใครเข้ามาที่ร้านเลย
วายุแอบยิ้มเล็กๆ กับคำถามที่เขาเองก็ใคร่รู้ไม่แพ้กัน
“ เดินมาเรื่อยๆ ” เธอตอบพลางส่งยิ้มจางๆ ให้กับชายหนุ่ม
อากาศมองตอบเธอพร้อมกับขยับมือลงบนสายกีต้าร์บรรเลงเป็นเพลง ‘ยิ้มเหงาๆ...’
น้ำหนาวนั่งยิ้มกับเสียงดนตรีถึงแม้จะเพิ่งขี้น Intro แต่เธอก็จำได้ เธอรู้จักเพลงนี้ดี แม้จะนานมากแล้วที่เพลงเพลงนี้ห่างหายไปจากชีวิตของเธอ แต่เธอก็ยังคงจดจำทุกๆ ท่วงทำนองในเพลงนี้ได้เป็นอย่างดี
“ยิ้มเหงาๆ เศร้าพองามๆ มีคนถามว่าเธอคือใครทั้งๆโลกนี้ก้าวไปแสนไกลเธอยังสดในอยู่ในโลกเก่า ... เศร้างามๆ ได้โปรดอย่าถามถึงความทรงจำเรื่องความพลัดพรากจากคนที่เธอรัก
ยิ้มเหงาๆ เศร้าพองามๆ มันคือนิยามของความทุกข์ยาก ถ้าครึ่งโลกร้ายที่ฉันถางถากเป็นครึ่งโลกสวยขอมอบให้เธอ ”
เธอเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างเคยชิน โดยไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีสายตาหลายคู่ของบรรดาเพื่อนใหม่จ้องมองเธออยู่ รวมถึงแววตาประหลาดที่ฉายแววพึงพอใจจากชายผู้บรรเลงเพลงที่จับจ้องมายังเธออย่างค้นหา
สิ้นเสียงเพลง ทุกคนปรบมือเป็นเกียรติแก่เธอ
“ เสียงใช่ได้นะ ” เอกเอ่ยชม
“ ขอบใจ ”
“ สนใจมาร่วมวงกับเราไหม ? ”
“ ยังไม่ต้องตอบก็ได้ วันนี้ลองร้องดูก่อนถ้าชอบก็ค่อยว่ากันทีหลัง ”
“ ว่าไงไอ้กาศ ได้หรือป่าว? ” วายุถามเพื่อน
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากกีต้าร์ สบตาหญิงสาว แล้วจึงหันไปพยักหน้ากับเพื่อนๆ ในวง
“ ไอ้กาศมันไม่ว่าอะไร แล้วเธอล่ะสนใจไหม? ”
น้ำหนาวพยักหน้ารับคำ เอกกล่าวสั้นๆ ก่อนจะจับไม้กลองขึ้นตีอย่างคุ้นเคย
“ เริ่มกันเลย ...one two three...”

?????????????????????????????????????????????????????????????????????

หญิงสาวก็ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของวงโดยไม่ได้ตั้งใจได้อาทิตย์กว่าๆแล้ว เสียงร้องของเธอเป็นที่ชื่นชอบของแขกที่มาเยือนร้านเป็นอย่างมากทีเดียวรวมไปถึงท่าทางเศร้าๆ เหงาๆลึกๆเหมือนคิดถึงใครอยู่ตลอดเวลาของเธอยิ่งทำให้เธอเป็นที่สนใจยิ่งของเพื่อนใหม่ที่ได้ใกล้ชิดกับเธอ หากแต่เธอก็ยังไม่เคยเอื้อนเอ่ยถึงสิ่งต่างๆในชีวิตของเธอมากไปกว่าสิ่งที่คนนอกควรจะรู้ แม้แต่กับอากาศชายหนุ่มที่เป็นผู้นำพาเธอมา ณ ที่แห่งนี้ ไม่มีบทสนทนา เธอไม่เคยได้ยินถ้อยคำใดๆ หลุดออกมาจากปากของเขาเลย แม้เธอจะใช้เวลาอยู่กับเขาเกือบทั้งวันเพื่อต่อเพลง แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเธอเท่ากับการที่เธอได้มาพบกับเขา ได้เล่นดนตรี ได้ทำในสิ่งที่อยากทำมันทำให้ชีวิตของเธอมีความสุขทุกวัน
“ ขอบใจมากนะ สนุกมาก ” น้ำหนาวเอ่ยสั้นๆ ก่อนกลับดังเช่นทุกวัน อากาศยืนมองตามร่างหญิงสาวที่เดินลับสายตาไปพักใหญ่ แล้วจึงหมุนตัวกลับไปคว้ามอเตอร์ไซน์คู่ใจขับตามเธอไปอย่างรวดเร็ว จนเห็นร่างหญิงสาวที่กำลังเดินเรื่อยไปตามถนนที่ทอดยาว เขาค่อยๆ ขยับเจ้าเพื่อนยากเข้าไปเทียบร่างของเธอ น้ำหนาวหันมามองเขาทั้งคู่หยุดนิ่งสบตากันพักใหญ่ก่อนที่น้ำหนาวจะตัดสินใจกระโดดขึ้นซ้อนท้ายเจ้าเพื่อนยากของเขาทยานออกสู่ถนนใหญ่ที่ทอดยาวไกลออกไปสุดสายตา
เจ้ามอเตอร์ไซน์คันยักษ์แหวกอากาศออกจากถนนใหญ่ที่มีแสงไฟสาดส่องสว่างไสวเข้าสู่ถนนที่เงียบสงัดรายล้อมด้วยไม้ใหญ่ริมทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ลมแรงเนื่องด้วยความเร็วของรถปะทะเข้ากับผิวหน้าบางของเธออย่างไม่ปราณี หญิงสาวกอดเอวชายหนุ่มตรงหน้าหวังให้ร่างกำยำช่วยกำบังสายลมอันรุ่นแรงประกอบกับความหนาวเย็นแห่งคิมหันต์ฤดู ยิ่งทำให้เธอกระชับวงแขนที่กอดเข้าแนบแน่นขึ้นจนชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของบางสิ่งจากเธอที่เบียดแนบชิดกับแผ่นหลังของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
แสงสีทองของวันใหม่กำลังจะสาดส่องลงมา ท้องฟ้าเป็นสีส้มระเรื่อๆ ทั้งคู่กำลังจะก้าวผ่านค่ำคืนอันเหน็บหนาวและยาวนานไปพร้อมๆกัน อากาศลดความเร็วของพาหนะลงจะกระทั่งจอดนิ่งสนิท ณ ยอดดอยแห่งหนึ่ง แล้วจับจูงมือหญิงสาวลงจากรถมาชมแสงแรกของวันพร้อมกัน
“ สวยเหลือเกิน ขอบใจมากนะ” หญิงสาวกล่าวและเงยหน้ารับแสดงตะวันอย่าอิ่มเอมอากาศมองกิริยาของเธออย่างพอใจและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าปิดเปลือกตาลงช้าๆ ปล่อยใจไปตามสายลมความสงบเยือกเย็นเข้าจับขั้วหัวใจ แต่แล้วหัวใจของเข้าก็ต้องกระตุกวูบลงเมื่อสัมผัสอ่อนนุ่มๆ จากริมฝีปากของหญิงสาวประทับลงบนผิวหน้ากระด้างของเขาอย่างจงใจ แต่เขาก็หาได้แสดงกริยาอันใดที่ทำให้หญิงสาวได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาไม่เขายังคงหลับตาพริ้มหากแต่ที่แปลกออกไปคือความรู้สึกที่หาสิ่งเปรียบได้ยาก บอกได้เพียงว่า

‘บางอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป...ตลอดกาล’

.....ติดตามต่อ....





 

Create Date : 26 กันยายน 2550    
Last Update : 26 กันยายน 2550 15:33:10 น.
Counter : 522 Pageviews.  


เสื้อกันหนาว
Location :
กาญจนบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




You will chang your Way or chang your Mine ?
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เสื้อกันหนาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.