สมาชิกหมายเลข 3757609
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3757609's blog to your web]
Links
 

 

โบรกเชียร์ TRUE ชี้ชัดกำไรฟื้น-เป้า 10.32 บ.

คาดหุ้น “ทรู” รับรู้ Synergy โอกาสสดใส แม้วิกฤต SVB ครอบงำตลาด
 
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ร่วงหนักปิดลบ 26.58 จุด กังวลวิกฤต SVB แต่โบรกฯ ยังมองบวก แนะจังหวะเก็งอัปไซด์ คาดหุ้น “ทรู” รับรู้ Synergy โอกาสสดใส



วันนี้ (14 มี.ค.) รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลดลงรับ Sentiment เชิงลบจากกระแส SVB (Silicon Valley Bank) ซึ่งเป็นธนาคารในสหรัฐฯ ที่ปล่อยกู้ให้ธุรกิจสตาร์ทอัปในกลุ่มเทคโนโลยีปิดกิจการ จากการประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง นักวิเคราะห์มองว่าเป็นจังหวะในการเข้าทำกำไรจากอัปไซด์ ซึ่งเป็นความกังวลของตลาดระยะสั้น ทำให้เป็นโอกาสในการเข้าเก็งกำไร รวมถึงหุ้นทรูรับรู้การ Synergy จึงคาดว่ามีแนวโน้มและโอกาสสดใส

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่า TRUE จะสร้างกำไรสุทธิในปี 2566 ที่ 5.3 พันล้านบาท และกำไรสุทธิในปี 2567 ที่ 1.07 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิในปี 2568 ที่ 1.81 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ยังคาดเงินปันผลสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 0.17 บาทต่อหุ้น อัตราเงินปันผลตอบแทน 2% และในปี 2567 อยู่ที่ 0.32 บาทต่อหุ้น อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.8% และในปี 2568 อยู่ที่ 0.53 บาทต่อหุ้น อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.2% จากราคาหุ้นอ้างอิงที่ 8.51 บาท

นอกจากนี้ บทวิเคราะห์ของ บล.กสิกรไทย แสดงความคิดเห็นว่า ส่วนที่ยากที่สุดของ TRUE ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ความรุนแรงของการแข่งขันลดลง ภาพรวมของธุรกิจมีโมเมนตัมเชิงบวก TRUE จะเริ่มเห็นกำไรตั้งแต่ปี 2566 และจะรับรู้ผลของการ Synergy สูงที่สุด คือ ปี 2568 พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้ NT สิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคม ปี 2568 พูดง่ายๆ คือ อนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้าใน TRUE นั่นเอง

ทั้งนี้ TRUE มี Outperform call และราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 10.32 บาท จากการพลิกกลับของกำไรอย่างรวดเร็วตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 จากการประหยัดต้นทุน และต้นทุนการลงทุนกว่า 60% มูลค่าตามราคาตลาดที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งรายได้จากโทรคมนาคมมากที่สุด และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินลงทุนเพื่อการดำเนินงานของบริษัท หรือ ROIC ที่ดีขึ้น โดย TRUE ตั้งเป้าหมายที่จะขยายความครอบคลุมของ 5G จาก 80% ของประชากรในปี 2565 เป็น 98% ในปี 2569 ทำให้ TRUE อยู่ในตำแหน่งโครงสร้างพื้นฐานเซลลูลาร์ที่ดีที่สุดในตลาด

ที่มา : MGR


 




 

Create Date : 14 มีนาคม 2566    
Last Update : 14 มีนาคม 2566 14:20:35 น.
Counter : 535 Pageviews.  

ไขข้อข้องใจ ทำไมต้องช่วยตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน?

 
ปัจจุบันตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนของไทยมีการพัฒนาไปมาก โดยมีขนาดถึง 3.6 ล้านล้านบาท หรือกว่าร้อยละ 20 ของ GDP และเป็นแหล่งระดมเงินทุนและแหล่งออมที่สำคัญ เป็นช่องทางจัดสรรเงินทุนที่มีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากระบบสถาบันการเงิน 
 
 
ในด้านการออม ตราสารหนี้เป็นแหล่งลงทุนสำคัญของประชาชน ทั้งการลงทุนโดยตรง และการลงทุนผ่านกองทุนต่าง ๆ เช่น กองทุนรวม สหกรณ์ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนประกันสังคม โดยการลงทุนของประชาชนในตราสารหนี้ภาคเอกชนมีขนาดถึง 1 ใน 3 ของเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น การทำให้ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนยังคงมีสภาพคล่องและดำเนินการต่อไปได้ ก็เป็นการรักษามูลค่าเงินออมของประชาชน และป้องกันไม่ให้ความตื่นตระหนกของนักลงทุนบางส่วนมากระทบเงินออมของประชาชนส่วนใหญ่ได้ 
 
ในด้านการระดมทุน การช่วยเสริมสภาพคล่องให้ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน ช่วยให้บริษัทที่มีคุณภาพมีเงินทุนไปดำเนินกิจการต่อ หลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่ครบกำหนดที่อาจนำไปสู่การปิดกิจการและการเลิกจ้างพนักงาน 
 
การกล่าวว่าผู้ที่จะได้รับผลกระทบเป็นแค่คนส่วนน้อยนั้นอาจไม่ถูกนัก เพราะปัจจุบันมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนอยู่เป็นจำนวนมากทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม
 




 

Create Date : 24 เมษายน 2563    
Last Update : 24 เมษายน 2563 17:17:12 น.
Counter : 563 Pageviews.  

7 Innovation Awards ดัน SMEs ไทยก้าวไกลยั่งยืน









โครงการประกวดรางวัลสุดยอดนวัตกรรม
7 Innovation Awards ภายใต้โครงการความร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมสำหรับประเทศหรือ Thailand Synergy เพื่อ SMEs ไทย"เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน 11 องค์กรได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.),สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.), สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(อสท.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สป.วท.), สมาคมหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ไทย (Thai-BISPA),หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย,สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) และบริษัทซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

โครงการนี้เป็นการค้นหานวัตกรรมให้กับองค์กรและประเทศชาติโดยสานประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม และสนับสนุนการสร้าง Ecosystem ให้กับนวัตกรรมที่สามารถเชื่อมโยงกระบวนการคิดและกระบวนการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจากต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ หรือ“จากหิ้งสู่ห้าง”

โดยมีเป้ามายของโครงการที่คำนึงถึงการ Synergy ของหน่วยงานต่าง ๆ(ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวงจรชีวิตของการทำนวัตกรรม (InnovationLife Cycle) ทำให้เกิดการเรียนรู้ในเชิงบูรณาการและการพัฒนาสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการ SMEs และให้กับประเทศชาติร่วมกันเพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน 

จำนวนผลงานนวัตกรรมของผู้ประกอบการ
SMEs ที่เข้าสู่โครงการฯ ได้รับการพัฒนาบ่มเพาะธุรกิจต่อยอดสู่ช่องทางตลาดต่าง ๆ และได้รับรางวัลสุดยอดนวัตกรรม 7 InnovationAwards โดยเฉลี่ยอย่างน้อยปีละ 20 ผลงาน 



โครงการประกวดรางวัลสุดยอดนวัตกรรม 7 Innovation Awards ภายใต้โครงการความร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมสำหรับประเทศหรือ Thailand Synergy เพื่อ SMEs ไทยจึงถือว่าเป็น Innovation Platform ที่จะเชื่อมอุปสงค์ของตลาด(Demand) และอุปทาน (Supply) ซึ่งเป็นสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมที่มาจากผลงานวิจัย โดยผู้เชี่ยวชาญในมหาวิทยาลัยรวมถึงผู้ประกอบการ SMEs ไทย ที่มีศักยภาพและมีนวัตกรรมซึ่งมีอยู่จำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วประเทศที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยและยังไม่ได้ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย หรือยังไม่มีการขยายผลไปยังผู้บริโภคในเชิงพาณิชย์

ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับทราบถึงมุมมองความต้องการของลูกค้า และตลาด และจะได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ เพื่อพัฒนาสินค้าตั้งแต่เป็นแนวคิด (
Concept) ไปสู่การทำสินค้าต้นแบบเพื่อการทดลองตลาดและการผลิตเพื่อการจำหน่ายไปจนถึงการขยายตลาดและขยายกิจการไปสู่ระดับประเทศและระดับโลกก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันระหว่างทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

เมื่อผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมกับโครงการนี้ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจก็จะมีการขยายงานและขยายกำลังผู้ผลิตเกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ในแต่ละชุมชนเพิ่มมากขึ้นและที่สำคัญคือสินค้าในภาคเกษตรก็จะถูกแปรรูปไปเป็นสินค้าอุตสาหกรรมได้มากขึ้นเกิดมูลค่าที่เพิ่มขึ้น เช่น ข้าวที่เคยขายได้กิโลกรัมละ
20 บาทเมื่อแปรรูปเป็นแป้งเด็ก (แป้งเด็กไรซ์แคร์)แล้วสามารถขายได้กิโลกรัมละหลายร้อยบาท เป็นต้นช่วยให้รายได้ที่เกิดจากการขายสินค้าการเกษตรเพิ่มสูงขึ้นและเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 

ตัวอย่างนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากโครงการ 

ผลงานบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม เกรซ จาก บริษัทบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลผลงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ด้านสังคมในช่วงต้นเดือนมีนาคม
2557 จากการประกวดสุดยอดนวัตกรรม7 Innovation Awards 2014 มียอดขายสูงขึ้นหลังจากได้รับรางวัลจาก 266 ล้านบาท (ในปี 2557) เพิ่มเป็น590 ล้านบาท (ในปี 2558) หรือเพิ่มขึ้น121 % และมีแผนการขายในปี 2559 อยู่ที่720 ล้านบาท บรรจุภัณฑ์เกรซ ทำจากเยื่อชานอ้อยไม่ก่อให้เกิดสารอันตรายเป็นโทษแก่ร่างกายโดยใช้เป็นภาชนะใส่อาหารแทนโฟมและพลาสติก ช่วยตอบโจทย์ของผู้บริโภคในด้านสุขภาพและไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถย่อยสลายเองได้ใน 45 วัน


ผลงาน สโนว์เกิร์ล (
Snow Girl) จากบริษัท สยาม เนเชอรัลโปรดักซ์ จำกัด ได้รับรางวัลผลงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจจากการประกวดสุดยอดนวัตกรรม 7 Innovation Awards 2014 มียอดขายที่เติบโตจาก18 ล้านบาท ในปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 30ล้านบาท ในปี 2557 และเพิ่มขึ้นเป็น 50ล้านบาท ในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้น 66% 

 



ผลงาน น้ำเต้าหู้โทฟุซัง จากบริษัท โทฟุซัง จำกัดได้รับรางวัลผลงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ จากการประกวดสุดยอดนวัตกรรม 7 Innovation Awards 2014 มียอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะที่จำหน่ายผ่านช่องทางของ ซีพี ออลล์ เติบโตจาก 22.03 ล้านบาท ในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 110.07 ล้านบาท ในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้น 400 % ซึ่งเมื่อยอดขายน้ำเต้าหู้โทฟุซัง เติบโตได้มากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรไทยมีรายเพิ่มสูงขึ้นจากการจำหน่ายถั่วเหลือง 



ผลงาน แป้งผงศรีจันทร์จากบริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัดได้รับรางวัลผลงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ จากการประกวดสุดยอดนวัตกรรม 7 Innovation Awards 2015 มียอดขายสูงขึ้นหลังจากได้รับรางวัลจาก 161.58 ล้านบาท ในปี 2557 เพิ่มเป็น331.47 ล้านบาท ในปี 2558 ซึ่งหากพิจารณายอดขายเฉพาะที่ผ่านช่องทางของซีพี ออลล์ ก็พบว่ามียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน คือจาก 33.88ล้านบาท ในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 133.57ล้านบาท ในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้น 294 % 



ผลงาน ครีมบำรุงผิวหน้าเดิมมาดิก (
Dermadict) จากบริษัท เอเชีย คอสเมติกส์ กรุ๊ป จำกัด ได้รับรางวัลผลงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจจากการประกวดสุดยอดนวัตกรรม 7 InnovationAwards 2014 มียอดขายที่เติบโต เติบโตจาก 15.09 ล้านบาท ในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 47.35 ล้านบาท ในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้นถึง 213 %



/////////////////////////// 

7 Innovation Awards






#7InnovationAwards #SMEsไทย #SME #ผู้ประกอบการรายย่อย#ผู้ประกอบการ #สุดยอดนวัตกรรม #นวัตกรรม #โครงการสร้างสรรค์ #สังคมคุณภาพ #สังคมยั่งยืน#ชุมชนยั่งยืน #ความเป็นอยู่อย่างยั่งยืน #ซีพีออลล์ #โครงการซีพี...เพื่อความยั่งยืน #ซีพีเพื่อความยั่งยืน




 

Create Date : 07 เมษายน 2560    
Last Update : 7 เมษายน 2560 20:17:18 น.
Counter : 1226 Pageviews.  

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.