lozocat
ตะลอนทัวร์ทั่วไทย ที่พักสุดเก๋ อาหารอร่อย กับ นกทัวร์
บันทึกนักเดินทาง รีวิวที่พัก แนะนำร้านอาหาร จองโรงแรมราคาพิเศษ

โอ้ว...อัมพวา ^_^

ทริปนี้ พวกเราไปเที่ยวฉลองหน้าหนาวกันใกล้เมืองอย่าง...อัมพวา
1 Dec 2007
ระหว่างทาง เพื่อนแวะซื้อเกลือเม็ดริมทาง

นัดเจอกับเพื่อนๆที่ดอนหอยหลอด พวกเราที่ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันก็แวะกินร้านเดิม ร้านคุณเป๋า


อันดับแรกก็เข้าที่พักก่อนเลยค่ะ เรามาพักโฮมสเตย์ที่ บ้านลุงเกล้า จากคำแนะนำของเพื่อนที่เคยมาพัก และพบว่าของถูกและดี...ยังมีในโลกนี้

การเดินทาง
พอแยกเข้าสมุทรสงครามแล้ว ตรงมาเรื่อยๆ ข้ามคลองผีหลอก
ทางเข้าอยู่ข้างวัดช่องลมค่ะ ทางเดียวกับร้านครัวครูหอม ตรงเข้าไปเรื่อยๆ เจอสามแยกเลี้ยวซ้าย ตรงไปอีก เจอหมู่บ้านไพรจิตต์ เลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอบ้านลุงเกล้าอยู่ซ้ายมือจ้า เบอร์ติดต่อ 034-718239

บ้านลุงเกล้า คิดรายหัวค่ะ ราคา 250 บาทต่อคน (ที่พักพร้อมอาหารเช้า เครื่องดื่มและผลไม้ฟรี) ตอนนี้ลุงมีบ้าน2หลัง หลังเล็กกับหลังใหญ่ แต่บ้านเจ้าของบ้านก็อีกหลังนึงนะ
เราพักบ้านหลังใหญ่ หลังนี้ล่ะ....เคหาสน์แห่งรัก นี้รอเราพักพิงใจ

ภายในยังใหม่และสะอาดสะอ้าน มีพัดลมด้วยจ้ะ(ไม่มีแอร์และน้ำอุ่น) อากาศถ่ายเทสะดวก ช่วงที่เราไปกัน อากาศกำลังหนาว แอร์ไม่ต้องมีเลย

ทางเดินไปท่าน้ำ มีเจ้าสุนัขแสนรู้นั่งทำ MV อยู่ ใครรักสุนัขคงชอบที่นี่ น้องหมาหลายตัวแสนรู้และเชื่องด้วย

ณ ท่าน้ำวิวดีค่ะ แม่น้ำแม่กลอง

เรือนักท่องเที่ยวผ่านหน้าบ้านกันเลย

ที่นี่เป็นบ้านสวนค่ะ ผลไม้เต็มไปหมดเลย กินกันไม่ไหวแถมอร่อยมากด้วย
มีมุมให้ถ่ายรูปกันด้วย

พักกันหายเหนื่อย เราออกไปเที่ยวตลาดน้ำยามเย็น อัมพวากัน ระหว่างทางไปแวะค่ายบางกุ้งกันก่อน

ไหว้พระกันก่อนค่ะ

ฮาฮาค่ะ

เด๋วนี้ รูปปั้นศิลปะการต่อสู้ เค้าทาสีกันแล้ว

เลียนแบบบ้าง

ก่อนอำลาค่ายบางกุ้ง

นี่ขนาดจะไปตลาดน้ำแล้ว ยังจะแวะหาของกินหน้าวัดอีก

ส้มอะไรจำไม่ได้ แถวอัมพวามีเยอะ คล้ายส้มเขียวหวานแต่ลูกใหญ่มาก แม่ค้าใจดีลดแลก แจกแถม ชิมจนอิ่ม ไอติมกะทอก็อร่อย

วันนี้คนเยอะมาก หาที่จอดรถลำบากจริงๆ มาพบเจ้านี่ เจ้าน้ำเพชร หมายอดกตัญญู เลี้ยงเจ้าของและผองเพื่อน มานั่งขอทาน ขนาดเรากลับดึกยังเห็นมันคาบตะกร้าหลับขอทานอยู่เลย น่าสงสารจัง

ร้านสวยๆของใหม่ๆเกิดเต็มไปหมด ต่างจากปีก่อน

คนเป็นล้านเลย น่าตกใจมาก เราไม่ได้เดินนะ ไหลไปเอง

หยุดถ่ายรูปกลางสะพานก็เกรงใจ คนแน่นมากกลัวสะพานถล่มแบบท่านบรรหาร

ยืนรอกันจนแสบท้อง เพราะมีของกินเต็มไปหมดแต่ว่าไม่มีที่ให้นั่งกิน จนค่ำ

ในที่สุดเราก็หาที่นั่งได้ แล้วก็ซื้อมากินซะเต็มพิกัด ทั้งอร่อยและถูก

เสร็จแล้วก็เดินย่อยกัน แล้วก็กลับโฮมสเตย์ (โปรดสังเกต พ่อค้าร่วมแจมในภาพนี้ อมยิ้มด้วย) มาที่อัมพวา ประทับใจอัธยาศัยของผู้คนที่นี่มาก

กลับถึงบ้านพัก เจอลุงเกล้า เค้านึกว่าเราไปดูหิ่งห้อยแล้วเพราะกลับดึกเลยเอาเรือไปเก็บ แต่พอบอกว่ายังไม่ได้ดูลุงก็รีบพาพวกเรามาดูที่ท่าน้ำ ซึ่งก็พอมีให้เห็นบ้าง ลุงเกล้าบอกว่าพวกเรือยนต์ชอบพานั่งท่องเที่ยวมาดูที่หน้าบ้านลุงด้วยล่ะเพราะมีต้นลำพูเยอะ บางบ้านโค่นต้นลำพูทิ้งเพราะรำคาญเสียงเครื่องยนต์(ขนาดพวกเรายืนอยู่ท่าน้ำ เจอเรื่อมาเป็นสิบๆภายในเวลาไปถึงสิบนาที เสียงดังมาก เข้าใจชาวบ้านเค้าเลย แต่เด๋วนี้หิ่งห้อยน้อยลงเพราะน้ำมันจากเครื่องยนต์ทำให้ตัวอ่อนของหิ่งห้อยที่อยู่ในดินเลนมันตาย แต่ดูไม่จุใจ ลุงเกล้าอาสาพาพวกเราพายเรือยามค่ำคืนไปชมหิ่งห้อยในลำน้ำแม่กลองกันเลย ลุงเกล้ามีลูกทีมอีกคนเป็นคุณอาใจดีเช่นกัน

อากาศหนาวมากๆคืนนี้ นั่งเรือไปสั่นไป ลุงเกล้าแนะว่า พายเองจะไม่หนาวแต่นั่งเฉยๆจะหนาว แต่เราขอยอมหนาวเพราะไม่อยากเมื่อย ระหว่างนั้นแถวๆตลาดเสี่ยงตายเมือง เหมือนมีงานอะไรสักอย่าง ปล่อยโคมขึ้นสู่ท้องฟ้าสวยมาก
คิดดูว่าแหงนหน้ามองฟ้าก็เจอโคมเรียงแถวลอยฟ้า
มองต่ำลงมาเจอหิ่งห้อยเป็นกอๆ เหมือนต้นคริสมาสต์ย่อมๆอ่ะ น่าสุขใจยิ่งนัก
ประกอบกับฟังเรื่องเล่าต่างๆจากลุงเกล้า ระหว่างพายเรือยามค่ำคืน สนุกมาก

พายกลับมาถึงบ้านก็แยกย้ายอาบน้ำ พอเราอาบเสร็จ แอบมี Surprise จากเพื่อนๆด้วยเค้กวันเกิด แถมลุงเกล้าเอากล้วยมาให้อีกหวีนึงอร่อยมาก ฉลองล่วงหน้าวันเกิด 1 ชั่วโมง นั่งกินกันลมเย็นๆที่ท่าน้ำ จุดเทียนกันโรแมนซ์ซะ ขอบใจมากๆจ้า

คืนนี้นอนหลับกันสบายๆ อากาศเย็นมาก
2 Dec 2007
เช้าแล้วน้ำลง

เช้านี้มีข้าวต้มกุ้ง สุดยอดอร่อย อุดมไปด้วยกุ้งสดๆและหมูสับ ไม่เคยกินที่ไหนอร่อยขนาดนี้ มีมันกุ้งลอยฟ่องคล้ายน้ำพริกเผาเลยคิดแล้วอยากกินอีก คิดดูว่าแค่ช่วงเช้าก็กินไป 1.5 หม้อใหญ่ๆอ่ะ (8คน)

นอกจากข้าวต้มก็มีกาแฟ โอวัลตินชงเองอร่อยเอง ยังมีขนมครก ปาท่องโก๋
ผลไม้ไม่อั้น กล้วย ชมพู่ ลูกจาก มะพร้าว แล้วผลไม้ไรอีกจำไม่ได้เยอะมากกินแทบไม่ไหว


กินไปฟังเรื่องเล่าต่างๆจากลุงเกล้าอย่างสนุกสนาน
ได้รู้ว่าแกไม่มีโฆษณาตามสื่อทางinternet คนที่มาก็ปากต่อปาก อ่านสมุดเยี่ยมแล้วมีแต่คนประทับใจโฮมสเตย์ของลุงเกล้ามาก...รวมทั้งพวกเราด้วย
ลุงบอกว่า คนไม่ค่อยมาพักเพราะว่าไม่มีแอร์ ลุงเองบอกว่ายังไม่มีเงินจะติดแอร์ให้ ช่วงนี้อากาศเย็นไม่ติดก็นอนหนาวแล้ว แต่พอหน้าร้อนคนอื่นอาจจะลำบาก ลูกค้าก็คงน้อยกว่าเดิม ก็ลุงเก็บค่าหัวลูกนี่นาเลยยังไม่มีทุนติดแอร์ให้ลูกค้า
แต่ว่าทำแบบนี้ มันได้บรรยากาศวิถีชีวิตแบบชาวบ้านๆดีแท้

ระหว่างนี้จะมีญาติของลุงเกล้าเค้ามาต้อนรับ ชวนคุยและบริการดีมากเหมือนเครือญาติ พวกเรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง นั่งฟังญาติผู้ใหญ่เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง
นอกจากนี้คนข้างบ้าน เพื่อนบ้านลุงเกล้าแวะเวียนมาหาก็เค้ามาทักทายและชวนคุยอย่างสนุกสนาน ช่างเป็นบรรยากาศเหมือนมาบ้านญาติผู้ใหญ่โดยแท้ ชีวิตแบบนี้ล่ะที่หาได้จากสังคมในชนบททั่วไป รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ลุงเกล้ามีโบรชัวร์ด้วย พวกเราเอากลับมาหลายใบ ไว้แจกเพื่อนๆที่Office

สายมาก...น้ำเริ่มขึ้นอีกแล้ว ชักชวนเพื่อนมาเล่นน้ำคลองกันดีกว่า หาเล่นยากส์น๊า
เพื่อนๆหลายคนไม่กล้าเล่นน้ำคลองเพราะไม่เคยเล่น

อุปกรณ์เล่นน้ำมีให้พร้อม ขอโดดน้ำหน่อย...เล่นน้ำคลองรังสิตมาตั้งแต่เด็ก

น้ำมันไหลค่ะ โดดปุ๊บไหลเลยว่ายทวนน้ำกลับมาที่ท่า อย่างเหนื่อย

เล่นตั้งแต่สายมากๆจนเกือบเที่ยงอ่ะ มิน่าล่ะมันร้อนแสบตัวแต่น้ำเย็นมากๆ ต้องมีตัวช่วยแบบนี้

เล่นซะตัวดำหน้าดำเลยเรา รีบมาอาบน้ำ(เย็นๆ) แล้วก็หิวซะแล้วแต่ว่าแรงไม่มีพอหิ้วท้องออกไปกินข้างนอก เลยขอให้ลุงอุ่นข้าวต้มที่เหลือเมื่อเช้ามาให้กินรองท้องกันอีกรอบ มหกรรมการกินเริ่มขึ้นอีกครั้ง ครานี้คุณอาเอาปูอัด(อร่อยมากๆ เนื้อเป็นเนื้อ ไม่ใช่แป้ง)มาให้กิน หมดไป2แพคใหญ่ ผลไม้ต่างๆก็ร่อยหรอ ข้าวต้มขอดหม้อไม่เหลือ เค้าเห็นพวกเราหิวมากเลยจะเจียวไข่มาให้กินกับข้าว แต่เราต้องรีบปฏิเสธเพราะเกรงใจจังอันนี้แค่รองท้องเท่านั้น

อำลาบ้างลุงเกล้าก็เกือบบ่าย2 จ่ายเงินส่วนที่เหลือ พี่เค้าไม่คิดค่าพายเรือพาชมหิ่งห้อยแต่ก็ทิปเค้าไปเพราะบริการดีมาก แถมยังไม่กินข้าวมื้อเที่ยงซะอีก กินโน่นนี่ไม่อั้น นี่ถ้าไม่รีบกลับคงกินมื้อเย็นอีกรอบกลับไปอย่างประทับใจสุดๆ

ขากลับแวะกินข้าวที่ Bangkok Seaview ทะเลบางขุนเทียนกันค่ะ
กว่าจะไปถึงท่าเรือนี่สุดโหด ไกลก็ไกล ที่สำคัญถนนเละมากเพราะทำทางอยู่ ถึงเย็นเลยอ่ะ แนะนำว่าถ้าใครจะไปให้ใช้เส้นทางที่จะเข้าไปศาลพันท้ายนรสิงห์ จะเป็นถนนลาดยางอย่างดีไม่ใช่ดินลูกรังหลุมๆบ่อๆแบบเส้นทางหน้าครัวแสวงซีฟู๊ด

ระหว่างทางไปร้านต้องนั่งเรือไปค่ะ

ก่อนพาขึ้นร้าน เลยพาไปกลางทะเล น่ากลัวอย่างแรง เรื่อหางยาว ว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ได้ใส่ชูชีพ ไปดูเสาแนวไฟฟ้า ตรงที่เคยเป็นแผ่นดินมาก่อน สยองจริงๆ

ถึงร้านแล้ว วิวดีค่ะ นั่งกินกลางทะเลแบบนี้ได้อารมณ์อีกแบบ

ระหว่างรออาหาร ก็ถ่ายรูปกัน ช่างกล้ามากนั่งห้อยขาแบบนั้นได้ เพราะไม้มันผุ ยวบยาบแล้วสยองจัง แต่ที่สยองยิ่งกว่าคือห้องน้ำ นั่งทำธุระอยู่นี่มองเห็นน้ำทะเลเบื้องล่างผ่านรูไม้ผุๆรูใหญ่ โยกไปโยกมา กลัวตกลงไปพร้อมโถ พร้อมอึตัวเอง

กินอาหารมื้อนี้อย่างอร่อย อาหารเค้าสดดีมาก กุ้งตัวใหญ่หวานกรอบเชียว

เจ๊คนนี้ ไม่ทราบ...โกรธหนุ่มที่ไหนมา เลยระบายอารมณ์ด้วยการทุกปูอย่างเมามันส์

ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เหมือนงานเลี้ยงต้องเลิกรา

นั่งเรือกลับแล้วล่ะ ขากลับใช้เส้นทางมาทางศาลพันท้าย ทำให้ใช้เวลาแป๊บเดียว แต่เปลี่ยวน่าดู

จบทริปนี้ 2 วัน1คืน หมดไปคนละ 700 บาท ประหยัดดีแท้ ประทับใจจัง

ขอขอบคุณ
-ลูกทัวร์ขาประจำและหน้าใหม่
-ลุงเกล้าและครอบครัว น้องหมาทุกตัวมี่บ้านลุงเกล้า รวมทั้งเพื่อนบ้านย่านนั้น
-พ่อค้าแม่ค้าหน้าวัดบางกุ้งและตลาดน้ำอัมพวา
-อาหารทะเลสดๆที่ ร้านคุณเป๋า ดอนหอยหลอด และ Bangkok Seaview บางขุนเทียน


สนใจจองที่พัก อัมพวา ตรงนี้เลยจ้ะ




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2550    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2552 12:31:40 น.
Counter : 3913 Pageviews.  

สุพรรณ วันรัฐธรรมนูญ

เนื่องจากมีวันหยุดยาว แต่ไม่ได้ plan ไว้ล่วงหน้า จึงคิดไปเที่ยวใกล้ๆเมืองกันดีกว่า ออกเดินทาง 8 โมงเช้า ของวันที่ 11 ธันวา

9.30 น. ก็มาถึง ตลาดสามชุก ตลาดเก่าแก่

เนื่องจากยังไม่ได้ทานอารายมาเลย กะจะฝากผีฝากไข้ เอ้ย!!!ไม่ใช่ ฝากท้องที่นี่ เหลือบไปเห็นร้านนี้

ประเดิมจานแรกของวัน ด้วยข้าวห่อใบบัวรสชาดใช้ได้เลย

อีกจานด้วย ก๋วยเตี๋ยวบก หน้าตาธรรมดาแต่อร่อยดี

หมดมื้อเช้าไป45บาท(มีน้ำฟรี บริการตัวเอง)ถูกจัง แล้วก็เดินเข้ามาในตลาด สะดุดที่ ทองม้วนทรงเครื่อง หน้าตาน่ากิน ถุงละ 20 บาท แต่เรากินไม่หมดเลยขอซื้อ 10 บาท(6อัน) ลองกินดูก็คล้ายๆขนมเบื้องแต่รสแปลกๆอร่อยดี.....อร่อยอีกและ

ขนมกงนี่ หากินยากนะ

หันไปทางไหนก็มีแต่ขนม

ไปบ้าน“ บ้านขุนจำนงจีนารักษ์ ”ดีกว่า มีแผนผังตลาดสามชุกด้วย

ขอถ่ายกับตู้เย็นเก่าที่บ้านท่านขุนหน่อย

บ้านไม้เก่าแห่งนี้ ได้กลิ่นไอของอดีตจิงๆ

มีสมุดเยี่ยมด้วยนา

ขอรูปคู่สักภาพ

เป้าหมายต่อไป เราจะมาถ่ายรูปที่นี่

รูปโบราณๆ รวมทั้งเครื่องแต่งกายที่ดูย้อนยุค น่าสนใจยิ่งนัก แต่ปรากฏว่าร้านปิดขอรับ ได้ยินคนแถวๆนั้นบอกว่าร้านปิดวันอาทิตย์ โอ้พระเจ้า อุตส่าห์มาทั้งที สายตาเหลือบไปเห็นป้ายบอกว่า "เปิด14.00" เลยกะว่าขอกลับจะแวะมาดูอีกที(ไม่ยอมอ่ะ เค้ามาแว้วนิ)

แวะช้อปในย่านบ้านเก่าซะหน่อย

หลังจากผิดหวังกะร้านถ่ายรูป ก็เดินผ่านมาที่โรงแรมเก่าแก่แห่งนี้ ดูคลาสสิกมากๆ อย่างงี๊คราวหน้าจะพาคณะนกทัวร์มานอนที่นี่กันสักคืน

ออกจากสามชุก มุ่งสู่จุดหมายต่อไป

ไปตามป้ายเลยนะ

ถึงแล้วบึงฉวาก

ค่าเข้าชมไม่แพงเหมือนที่ไหนสักแห่งที่เพิ่งเปิดใหม่แถวๆสยาม

ถึงจะมีน้ำพุ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อากาศโดยรอบเย็นเอาซะเลย

ที่พื้นทางเดินเค้าน่ารักอ่ะ มีรูปปลาเล็กๆด้วย

ป.ปลา มาหน้าหลายตา

คนเยอะมั่กๆ

เคยเห็นแต่คนบ้า แต่ปลาบ้า นี่สิมันหน้าตาแบบนี้รึเนี่ย ทำไมมันบ้าหว่า รึว่ามันกินยาบ้า

เจ้าตัวนี้พวกเราคุ้นเคยกันดี ในรูปของทอดมัน มันคือ ปลากรายนั่นเอง

ไม่ได้การแสดงเพราะว่าคนเยอะมากๆวันนี้ขี้เกียจเบียดเสียด ออกมาที่นี่ดีกว่า

ไม่กล้าถ่ายกะตัวเป็นๆอ่ะ

ขอบอกว่าจระเข้ที่สุพรรณฉลาดที่สุดในโลก ฉลาดแค่ไหนดูเอาเองละกัน

นอกจากสุพรรณจะมีจระเข้ที่ฉลาดแล้ว ยังสร้างความตกใจแกเรายิ่งนักที่เห็น เต่ากินโครงไก่สดๆ ฉีกเนื้อกินเคียงข้างจระเข้อย่างน่ากลัวเชียว

หยุดความน่ากลัวของเจ้าเต่าไว้แค่นี้ดีกว่าเราก็ออกจากดูสัตว์น้ำ เลาะริมบึงมาเรื่อยๆที่นี่มีบริการเรือชมบึง ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็กก็ 20 บาท ไม่แพงเลย

พักผ่อนริมบึง

ไปกันแค่2คนก็เงี๊ยะแหละ หารูปคู่ไม่ค่อยได้เลยสงสัยต้องหาขาตั้งกล้องซะบ้างแล้ว

หลังจากหายเหนื่อยก็หิวแล้ว จะบ่ายแล้ว หมดแรงข้าวห่อใบบัวแล้ว ต้องฝากท้องร้านนี้ซะแล้ว บ้าน ต้นปาล์ม น้ำปาย บึงฉวาก

อำลาบึงฉวากแล้ว กลับกทม.กันดีกว่า แต่ว่ายังอยากเข้าไปดูว่าร้านถ่ายรูปจะยังคงเปิดอยู่รึไม่ ไหนๆก็มาแล้ว อย่าให้เสียเที่ยวน่า

จากนั้นรีบดิ่งมาที่ร้าน โอ้ เปิดแล้วเหรอ ดีใจจังมาไม่เสียเที่ยว

คิวนานเลยคนเยอะ แต่ก็จะรอ

แต่พอได้ถ่ายถึงรู้ว่าทำไมลูกค้าเยอะ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีจิงๆ 1 act ได้รูป2ใบ เป็นขาวดำ และ ซีเปีย ราคา 250 บาท รอรับได้ที่บ้านเลย ประมาณ 3 อาทิตย์

ขอภาพเก่าๆบ้างให้เข้ากับบรรยากาศ

คอแห้งแวะที่นี่เลย

ลูกค้าเยอะ มือแทบพันกัน

สนนราคาแก้วละ 10 บาท ไม่แพงแถมอร่อย

อร่อยป่ะ

ขอสะพานสักภาพ

กลับบ้านแว้ว ก่อนกลับอย่าลืมแวะที่นี่นะ

ของฝากหลากหลาย

ขาดเจ้านี่บ่ได้เลยนะ

ค่าของฝากแพงกว่าค่าน้ำมันซะอีก

จบทริปนี้ก็อร่อย อิ่มท้อง แต่แดดร้อนไปหน่อย ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย รอคณะนกทัวร์อีกรอบ




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2552 11:19:01 น.
Counter : 1435 Pageviews.  

เมืองโบราณ

วันอาทิตย์ที่ 7 May 2006 หลังจากไปงานบวชเพื่อนที่พระประแดง พวกเราก็หาเรื่องเที่ยวอีกตามเคย วันนี้เลยมากันที่เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท หากจะนำรถเข้าไปคันละ 50 บาท นอกจากนี้มีจักรยานให้ขี่เที่ยวชม หรือ รถรางพร้อมไกด์และนี่คือ ประตูเมือง

เจดีย์แรกที่เราพบ พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช

พระบรมธาตุไชยา สุราษฎร์ธานี

ยังจำได้มั๊ย วันนี้ซื้อขนมโบราณกลับมาเยอะเลย


จุดขายของที่ระลึก โบราณๆทั้งนั้นเลย ที่ตลาดโบราณ

ร้านตัดผมโบราณ

มีที่ไหนให้ไปอีกบ้าง

ร้านขนมไทย แม่ค้าน่ารัก พูดเก่งจิงๆ

กองทัพเดินด้วยท้อง แวะซื้อน้ำกันก่อนแก้วดินเผา 20 บาท

บ้านขุนราชบรรเลง

พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท กรุงเทพ


ณ เรือนทับขวัญ

มีท่าน้ำ ให้นั่งเล่นด้วย น่าอยู่ดีเหมือนกัน

พระที่นั่งจอมทอง อยุธยา

พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท อยุธยา

ตลาดน้ำ




แวะกินก๋วยเตี๋ยวริมน้ำกันหน่อย

ป้ายโฆษณาโบราณ

วิวนี้ มองออกไปจากร้านก๋วยเตี๋ยว

พิพิธภัณฑ์ หอคำ ลำปาง

ม้าสวยจัง

มีกวางเป็นฝูงเลยอ่ะ น่ารักจัง

ทางขึ้น ปราสาทพระวิหาร ศรีสะเกษ น่าเสียดายที่กล้องแบตหมดพอดี เลยไม่มีรูปต่อจากนี้

หลังจากเที่ยวชม แต่ไม่ทั่วเพราะมันใหญ่มาก เวลาเราก็น้อย เลยไปทานข้าวเย็นกันต่อที่ สถานตากอากาศ บางปู แย่จังที่น้ำลดหมดเหลือแต่โคลน แต่คนก็เยอะมากๆ เราเลือกกินในห้องแอร์เพราะอากาศร้อนมาก อาหารราคาค่อนข้างสูงแถมไม่สดอีกต่างหาก รสชาดพอใช้ได้ แยกย้ายกันกลับบ้านก็เกือบทุ่มนึงพอดี




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2549 20:03:46 น.
Counter : 1930 Pageviews.  

อัมพวา วันตรุษจีน

คราวนี้เป็นทริปที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน อยู่ดีๆเห็นว่าว่างก็ไปกันเลย ออกเดินทางสายๆแก่ของวันที่ 28 Jan 2006 นี่คือสภาพรถติดตอนเที่ยงที่สะพานพระราม9

แวะกินข้าวเที่ยงที่ดอนหอยหลอด ร้านคุณเป๋า นั่งเย็นๆริมทะเล

ไม่ชอบกินผัดฉ่า เลยสั่งหอยหลอดผัดพริกเผามาแทน 100 บาทอร่อยดีน่ะ แล้วก็ต้มส้มปลากระพง 150 บาท(ถ่ายรูปไม่ทัน) หวานไปหน่อย รู้สึกว่าอาหารราคาสูงไปนิด

อิ่มแล้วก็ขับรถดิ่งมาที่ อุทยานร.2 กันเลย ที่นี่อยู่ใกล้ๆกับวัดอัมพวัน ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท

ที่นี่มีบ้านทรงไทยหลายหลัง รวมทั้งข้าวของเครื่องสมัยโบราณอีกด้วย แต่แดดร้อนมาก เอาร่มติดมือไว้ก็ดี สำหรับใครที่เมื่อยก็มีบริการนวดฝ่าเท้าด้วย

ตอนนี้แค่บ่าย3เอง เราไปค่ายบางกุ้งกันก่อนดีกว่า ที่นี่มีโบสถ์ต้นไม้ด้วย ไปถึงก็ทำบุญ ไหว้พระ มีมุมให้ถ่ายรูปวิว Unseen ด้วยล่ะ มุมนี้เลย

เดินวนไปมาก็เจอะกับ ลิ้นจี่ลูกยักษ์

แถมมีรูปปั้น ศิลปะการต่อสู้ด้วย


บ่าย4แล้วนิ กลับมาที่ตลาดน้ำอัมพวา กันดีกว่า จอดรถฟรีที่วัดข้างๆได้เลยระหว่างทางเดินเข้ามาตรงคลอง อาหารเยอะมาก เลือกไม่ถูกเลย น่ากินทั้ง แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเพราะมัวตื่นตาตื่นใจ

มีอาหารหลากหลายและราคาไม่แพง

สะดุดตากับปลาหมึกที่กะลังสุกบนเตา เลยต้องนั่งรอเพราะคิวย้าวยาว

ในที่สุดก็ได้มาแล้วล่ะ ปลาหมึกย่าง1ตัวใหญ่ๆ น่ากินมาก 50 บาทเองน่ะ

ตามด้วยยำส้มโอ 20 บาท ส้มโอหวานดีจัง

วันนี้เป็นวันตรุษจีนด้วยรึเปล้าน๊อ เรือเลยมาน้อยๆ

มีร้านค้ามากมายริมคลอง น่านั่งแถมมีนวดผ่อนคลายริมคลองด้วย จากนั้นเราก็ข้ามไปอีกฝั่งดีกว่า

ข้ามไปอีกฝั่ง ขนมมากมาย ไม่เคยกินก็เยอะ ราคาไม่แพง เราซื้อทั้งกุยช่าย ห่อหมกย่าง ขนมจีบ ดูดน้ำเก็กฮวยเย็นๆในแก้วดินเผา ชื่นใจจิงๆ ขอปิดท้ายด้วย ลูกชุบสวนสัตว์ สนนราคาตัวละ 5 บาทเท่านั้น กินปลาตัวเดียวอิ่มเลย

วันนี้ไม่ได้ตั้งใจมาดูหิ่งห้อย เลยอดเลย




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2549 20:01:38 น.
Counter : 1198 Pageviews.  


อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หวัดดีจ้า ถ้าคุณเข้ามา Blog เรา แสดงว่าคุณคุยภาษาเดียวกับเราแล้วนะ ^_^

เรารักการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นทะเลหรือภูเขา ถ้าเป็นไปได้ชีวิตนี้อยากตะลอนไปทั่วเลย ฝันอยากทำทัวร์และเปิดรีสอร์ทเล็กๆ
Hotels2thailand.com
Free CursorsMyspace LayoutsMyspace Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.