โอ้ว...อัมพวา ^_^
ทริปนี้ พวกเราไปเที่ยวฉลองหน้าหนาวกันใกล้เมืองอย่าง...อัมพวา1 Dec 2007ระหว่างทาง เพื่อนแวะซื้อเกลือเม็ดริมทางนัดเจอกับเพื่อนๆที่ดอนหอยหลอด พวกเราที่ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันก็แวะกินร้านเดิม ร้านคุณเป๋าอันดับแรกก็เข้าที่พักก่อนเลยค่ะ เรามาพักโฮมสเตย์ที่ บ้านลุงเกล้า จากคำแนะนำของเพื่อนที่เคยมาพัก และพบว่าของถูกและดี...ยังมีในโลกนี้การเดินทางพอแยกเข้าสมุทรสงครามแล้ว ตรงมาเรื่อยๆ ข้ามคลองผีหลอกทางเข้าอยู่ข้างวัดช่องลมค่ะ ทางเดียวกับร้านครัวครูหอม ตรงเข้าไปเรื่อยๆ เจอสามแยกเลี้ยวซ้าย ตรงไปอีก เจอหมู่บ้านไพรจิตต์ เลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอบ้านลุงเกล้าอยู่ซ้ายมือจ้า เบอร์ติดต่อ 034-718239 บ้านลุงเกล้า คิดรายหัวค่ะ ราคา 250 บาทต่อคน (ที่พักพร้อมอาหารเช้า เครื่องดื่มและผลไม้ฟรี) ตอนนี้ลุงมีบ้าน2หลัง หลังเล็กกับหลังใหญ่ แต่บ้านเจ้าของบ้านก็อีกหลังนึงนะเราพักบ้านหลังใหญ่ หลังนี้ล่ะ....เคหาสน์แห่งรัก นี้รอเราพักพิงใจ ภายในยังใหม่และสะอาดสะอ้าน มีพัดลมด้วยจ้ะ(ไม่มีแอร์และน้ำอุ่น) อากาศถ่ายเทสะดวก ช่วงที่เราไปกัน อากาศกำลังหนาว แอร์ไม่ต้องมีเลยทางเดินไปท่าน้ำ มีเจ้าสุนัขแสนรู้นั่งทำ MV อยู่ ใครรักสุนัขคงชอบที่นี่ น้องหมาหลายตัวแสนรู้และเชื่องด้วยณ ท่าน้ำวิวดีค่ะ แม่น้ำแม่กลองเรือนักท่องเที่ยวผ่านหน้าบ้านกันเลยที่นี่เป็นบ้านสวนค่ะ ผลไม้เต็มไปหมดเลย กินกันไม่ไหวแถมอร่อยมากด้วยมีมุมให้ถ่ายรูปกันด้วยพักกันหายเหนื่อย เราออกไปเที่ยวตลาดน้ำยามเย็น อัมพวากัน ระหว่างทางไปแวะค่ายบางกุ้งกันก่อนไหว้พระกันก่อนค่ะฮาฮาค่ะเด๋วนี้ รูปปั้นศิลปะการต่อสู้ เค้าทาสีกันแล้วเลียนแบบบ้างก่อนอำลาค่ายบางกุ้งนี่ขนาดจะไปตลาดน้ำแล้ว ยังจะแวะหาของกินหน้าวัดอีกส้มอะไรจำไม่ได้ แถวอัมพวามีเยอะ คล้ายส้มเขียวหวานแต่ลูกใหญ่มาก แม่ค้าใจดีลดแลก แจกแถม ชิมจนอิ่ม ไอติมกะทอก็อร่อยวันนี้คนเยอะมาก หาที่จอดรถลำบากจริงๆ มาพบเจ้านี่ เจ้าน้ำเพชร หมายอดกตัญญู เลี้ยงเจ้าของและผองเพื่อน มานั่งขอทาน ขนาดเรากลับดึกยังเห็นมันคาบตะกร้าหลับขอทานอยู่เลย น่าสงสารจังร้านสวยๆของใหม่ๆเกิดเต็มไปหมด ต่างจากปีก่อนคนเป็นล้านเลย น่าตกใจมาก เราไม่ได้เดินนะ ไหลไปเองหยุดถ่ายรูปกลางสะพานก็เกรงใจ คนแน่นมากกลัวสะพานถล่มแบบท่านบรรหารยืนรอกันจนแสบท้อง เพราะมีของกินเต็มไปหมดแต่ว่าไม่มีที่ให้นั่งกิน จนค่ำในที่สุดเราก็หาที่นั่งได้ แล้วก็ซื้อมากินซะเต็มพิกัด ทั้งอร่อยและถูกเสร็จแล้วก็เดินย่อยกัน แล้วก็กลับโฮมสเตย์ (โปรดสังเกต พ่อค้าร่วมแจมในภาพนี้ อมยิ้มด้วย) มาที่อัมพวา ประทับใจอัธยาศัยของผู้คนที่นี่มากกลับถึงบ้านพัก เจอลุงเกล้า เค้านึกว่าเราไปดูหิ่งห้อยแล้วเพราะกลับดึกเลยเอาเรือไปเก็บ แต่พอบอกว่ายังไม่ได้ดูลุงก็รีบพาพวกเรามาดูที่ท่าน้ำ ซึ่งก็พอมีให้เห็นบ้าง ลุงเกล้าบอกว่าพวกเรือยนต์ชอบพานั่งท่องเที่ยวมาดูที่หน้าบ้านลุงด้วยล่ะเพราะมีต้นลำพูเยอะ บางบ้านโค่นต้นลำพูทิ้งเพราะรำคาญเสียงเครื่องยนต์(ขนาดพวกเรายืนอยู่ท่าน้ำ เจอเรื่อมาเป็นสิบๆภายในเวลาไปถึงสิบนาที เสียงดังมาก เข้าใจชาวบ้านเค้าเลย แต่เด๋วนี้หิ่งห้อยน้อยลงเพราะน้ำมันจากเครื่องยนต์ทำให้ตัวอ่อนของหิ่งห้อยที่อยู่ในดินเลนมันตาย แต่ดูไม่จุใจ ลุงเกล้าอาสาพาพวกเราพายเรือยามค่ำคืนไปชมหิ่งห้อยในลำน้ำแม่กลองกันเลย ลุงเกล้ามีลูกทีมอีกคนเป็นคุณอาใจดีเช่นกันอากาศหนาวมากๆคืนนี้ นั่งเรือไปสั่นไป ลุงเกล้าแนะว่า พายเองจะไม่หนาวแต่นั่งเฉยๆจะหนาว แต่เราขอยอมหนาวเพราะไม่อยากเมื่อย ระหว่างนั้นแถวๆตลาดเสี่ยงตายเมือง เหมือนมีงานอะไรสักอย่าง ปล่อยโคมขึ้นสู่ท้องฟ้าสวยมากคิดดูว่าแหงนหน้ามองฟ้าก็เจอโคมเรียงแถวลอยฟ้า มองต่ำลงมาเจอหิ่งห้อยเป็นกอๆ เหมือนต้นคริสมาสต์ย่อมๆอ่ะ น่าสุขใจยิ่งนักประกอบกับฟังเรื่องเล่าต่างๆจากลุงเกล้า ระหว่างพายเรือยามค่ำคืน สนุกมากพายกลับมาถึงบ้านก็แยกย้ายอาบน้ำ พอเราอาบเสร็จ แอบมี Surprise จากเพื่อนๆด้วยเค้กวันเกิด แถมลุงเกล้าเอากล้วยมาให้อีกหวีนึงอร่อยมาก ฉลองล่วงหน้าวันเกิด 1 ชั่วโมง นั่งกินกันลมเย็นๆที่ท่าน้ำ จุดเทียนกันโรแมนซ์ซะ ขอบใจมากๆจ้าคืนนี้นอนหลับกันสบายๆ อากาศเย็นมาก2 Dec 2007เช้าแล้วน้ำลงเช้านี้มีข้าวต้มกุ้ง สุดยอดอร่อย อุดมไปด้วยกุ้งสดๆและหมูสับ ไม่เคยกินที่ไหนอร่อยขนาดนี้ มีมันกุ้งลอยฟ่องคล้ายน้ำพริกเผาเลยคิดแล้วอยากกินอีก คิดดูว่าแค่ช่วงเช้าก็กินไป 1.5 หม้อใหญ่ๆอ่ะ (8คน)นอกจากข้าวต้มก็มีกาแฟ โอวัลตินชงเองอร่อยเอง ยังมีขนมครก ปาท่องโก๋ผลไม้ไม่อั้น กล้วย ชมพู่ ลูกจาก มะพร้าว แล้วผลไม้ไรอีกจำไม่ได้เยอะมากกินแทบไม่ไหวกินไปฟังเรื่องเล่าต่างๆจากลุงเกล้าอย่างสนุกสนานได้รู้ว่าแกไม่มีโฆษณาตามสื่อทางinternet คนที่มาก็ปากต่อปาก อ่านสมุดเยี่ยมแล้วมีแต่คนประทับใจโฮมสเตย์ของลุงเกล้ามาก...รวมทั้งพวกเราด้วยลุงบอกว่า คนไม่ค่อยมาพักเพราะว่าไม่มีแอร์ ลุงเองบอกว่ายังไม่มีเงินจะติดแอร์ให้ ช่วงนี้อากาศเย็นไม่ติดก็นอนหนาวแล้ว แต่พอหน้าร้อนคนอื่นอาจจะลำบาก ลูกค้าก็คงน้อยกว่าเดิม ก็ลุงเก็บค่าหัวลูกนี่นาเลยยังไม่มีทุนติดแอร์ให้ลูกค้าแต่ว่าทำแบบนี้ มันได้บรรยากาศวิถีชีวิตแบบชาวบ้านๆดีแท้ระหว่างนี้จะมีญาติของลุงเกล้าเค้ามาต้อนรับ ชวนคุยและบริการดีมากเหมือนเครือญาติ พวกเรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง นั่งฟังญาติผู้ใหญ่เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟังนอกจากนี้คนข้างบ้าน เพื่อนบ้านลุงเกล้าแวะเวียนมาหาก็เค้ามาทักทายและชวนคุยอย่างสนุกสนาน ช่างเป็นบรรยากาศเหมือนมาบ้านญาติผู้ใหญ่โดยแท้ ชีวิตแบบนี้ล่ะที่หาได้จากสังคมในชนบททั่วไป รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกลุงเกล้ามีโบรชัวร์ด้วย พวกเราเอากลับมาหลายใบ ไว้แจกเพื่อนๆที่Officeสายมาก...น้ำเริ่มขึ้นอีกแล้ว ชักชวนเพื่อนมาเล่นน้ำคลองกันดีกว่า หาเล่นยากส์น๊าเพื่อนๆหลายคนไม่กล้าเล่นน้ำคลองเพราะไม่เคยเล่นอุปกรณ์เล่นน้ำมีให้พร้อม ขอโดดน้ำหน่อย...เล่นน้ำคลองรังสิตมาตั้งแต่เด็กน้ำมันไหลค่ะ โดดปุ๊บไหลเลยว่ายทวนน้ำกลับมาที่ท่า อย่างเหนื่อยเล่นตั้งแต่สายมากๆจนเกือบเที่ยงอ่ะ มิน่าล่ะมันร้อนแสบตัวแต่น้ำเย็นมากๆ ต้องมีตัวช่วยแบบนี้เล่นซะตัวดำหน้าดำเลยเรา รีบมาอาบน้ำ(เย็นๆ) แล้วก็หิวซะแล้วแต่ว่าแรงไม่มีพอหิ้วท้องออกไปกินข้างนอก เลยขอให้ลุงอุ่นข้าวต้มที่เหลือเมื่อเช้ามาให้กินรองท้องกันอีกรอบ มหกรรมการกินเริ่มขึ้นอีกครั้ง ครานี้คุณอาเอาปูอัด(อร่อยมากๆ เนื้อเป็นเนื้อ ไม่ใช่แป้ง)มาให้กิน หมดไป2แพคใหญ่ ผลไม้ต่างๆก็ร่อยหรอ ข้าวต้มขอดหม้อไม่เหลือ เค้าเห็นพวกเราหิวมากเลยจะเจียวไข่มาให้กินกับข้าว แต่เราต้องรีบปฏิเสธเพราะเกรงใจจังอันนี้แค่รองท้องเท่านั้นอำลาบ้างลุงเกล้าก็เกือบบ่าย2 จ่ายเงินส่วนที่เหลือ พี่เค้าไม่คิดค่าพายเรือพาชมหิ่งห้อยแต่ก็ทิปเค้าไปเพราะบริการดีมาก แถมยังไม่กินข้าวมื้อเที่ยงซะอีก กินโน่นนี่ไม่อั้น นี่ถ้าไม่รีบกลับคงกินมื้อเย็นอีกรอบกลับไปอย่างประทับใจสุดๆขากลับแวะกินข้าวที่ Bangkok Seaview ทะเลบางขุนเทียนกันค่ะกว่าจะไปถึงท่าเรือนี่สุดโหด ไกลก็ไกล ที่สำคัญถนนเละมากเพราะทำทางอยู่ ถึงเย็นเลยอ่ะ แนะนำว่าถ้าใครจะไปให้ใช้เส้นทางที่จะเข้าไปศาลพันท้ายนรสิงห์ จะเป็นถนนลาดยางอย่างดีไม่ใช่ดินลูกรังหลุมๆบ่อๆแบบเส้นทางหน้าครัวแสวงซีฟู๊ดระหว่างทางไปร้านต้องนั่งเรือไปค่ะก่อนพาขึ้นร้าน เลยพาไปกลางทะเล น่ากลัวอย่างแรง เรื่อหางยาว ว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ได้ใส่ชูชีพ ไปดูเสาแนวไฟฟ้า ตรงที่เคยเป็นแผ่นดินมาก่อน สยองจริงๆถึงร้านแล้ว วิวดีค่ะ นั่งกินกลางทะเลแบบนี้ได้อารมณ์อีกแบบระหว่างรออาหาร ก็ถ่ายรูปกัน ช่างกล้ามากนั่งห้อยขาแบบนั้นได้ เพราะไม้มันผุ ยวบยาบแล้วสยองจัง แต่ที่สยองยิ่งกว่าคือห้องน้ำ นั่งทำธุระอยู่นี่มองเห็นน้ำทะเลเบื้องล่างผ่านรูไม้ผุๆรูใหญ่ โยกไปโยกมา กลัวตกลงไปพร้อมโถ พร้อมอึตัวเองกินอาหารมื้อนี้อย่างอร่อย อาหารเค้าสดดีมาก กุ้งตัวใหญ่หวานกรอบเชียวเจ๊คนนี้ ไม่ทราบ...โกรธหนุ่มที่ไหนมา เลยระบายอารมณ์ด้วยการทุกปูอย่างเมามันส์ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เหมือนงานเลี้ยงต้องเลิกรานั่งเรือกลับแล้วล่ะ ขากลับใช้เส้นทางมาทางศาลพันท้าย ทำให้ใช้เวลาแป๊บเดียว แต่เปลี่ยวน่าดูจบทริปนี้ 2 วัน1คืน หมดไปคนละ 700 บาท ประหยัดดีแท้ ประทับใจจังขอขอบคุณ-ลูกทัวร์ขาประจำและหน้าใหม่-ลุงเกล้าและครอบครัว น้องหมาทุกตัวมี่บ้านลุงเกล้า รวมทั้งเพื่อนบ้านย่านนั้น-พ่อค้าแม่ค้าหน้าวัดบางกุ้งและตลาดน้ำอัมพวา-อาหารทะเลสดๆที่ ร้านคุณเป๋า ดอนหอยหลอด และ Bangkok Seaview บางขุนเทียนสนใจจองที่พัก อัมพวา ตรงนี้เลยจ้ะ
สุพรรณ วันรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากมีวันหยุดยาว แต่ไม่ได้ plan ไว้ล่วงหน้า จึงคิดไปเที่ยวใกล้ๆเมืองกันดีกว่า ออกเดินทาง 8 โมงเช้า ของวันที่ 11 ธันวา9.30 น. ก็มาถึง ตลาดสามชุก ตลาดเก่าแก่ เนื่องจากยังไม่ได้ทานอารายมาเลย กะจะฝากผีฝากไข้ เอ้ย!!!ไม่ใช่ ฝากท้องที่นี่ เหลือบไปเห็นร้านนี้ประเดิมจานแรกของวัน ด้วยข้าวห่อใบบัวรสชาดใช้ได้เลยอีกจานด้วย ก๋วยเตี๋ยวบก หน้าตาธรรมดาแต่อร่อยดี หมดมื้อเช้าไป45บาท(มีน้ำฟรี บริการตัวเอง)ถูกจัง แล้วก็เดินเข้ามาในตลาด สะดุดที่ ทองม้วนทรงเครื่อง หน้าตาน่ากิน ถุงละ 20 บาท แต่เรากินไม่หมดเลยขอซื้อ 10 บาท(6อัน) ลองกินดูก็คล้ายๆขนมเบื้องแต่รสแปลกๆอร่อยดี.....อร่อยอีกและ ขนมกงนี่ หากินยากนะหันไปทางไหนก็มีแต่ขนมไปบ้าน“ บ้านขุนจำนงจีนารักษ์ ”ดีกว่า มีแผนผังตลาดสามชุกด้วยขอถ่ายกับตู้เย็นเก่าที่บ้านท่านขุนหน่อยบ้านไม้เก่าแห่งนี้ ได้กลิ่นไอของอดีตจิงๆมีสมุดเยี่ยมด้วยนาขอรูปคู่สักภาพเป้าหมายต่อไป เราจะมาถ่ายรูปที่นี่รูปโบราณๆ รวมทั้งเครื่องแต่งกายที่ดูย้อนยุค น่าสนใจยิ่งนัก แต่ปรากฏว่าร้านปิดขอรับ ได้ยินคนแถวๆนั้นบอกว่าร้านปิดวันอาทิตย์ โอ้พระเจ้า อุตส่าห์มาทั้งที สายตาเหลือบไปเห็นป้ายบอกว่า "เปิด14.00" เลยกะว่าขอกลับจะแวะมาดูอีกที(ไม่ยอมอ่ะ เค้ามาแว้วนิ) แวะช้อปในย่านบ้านเก่าซะหน่อยหลังจากผิดหวังกะร้านถ่ายรูป ก็เดินผ่านมาที่โรงแรมเก่าแก่แห่งนี้ ดูคลาสสิกมากๆ อย่างงี๊คราวหน้าจะพาคณะนกทัวร์มานอนที่นี่กันสักคืน ออกจากสามชุก มุ่งสู่จุดหมายต่อไปไปตามป้ายเลยนะถึงแล้วบึงฉวากค่าเข้าชมไม่แพงเหมือนที่ไหนสักแห่งที่เพิ่งเปิดใหม่แถวๆสยามถึงจะมีน้ำพุ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อากาศโดยรอบเย็นเอาซะเลยที่พื้นทางเดินเค้าน่ารักอ่ะ มีรูปปลาเล็กๆด้วยป.ปลา มาหน้าหลายตาคนเยอะมั่กๆเคยเห็นแต่คนบ้า แต่ปลาบ้า นี่สิมันหน้าตาแบบนี้รึเนี่ย ทำไมมันบ้าหว่า รึว่ามันกินยาบ้าเจ้าตัวนี้พวกเราคุ้นเคยกันดี ในรูปของทอดมัน มันคือ ปลากรายนั่นเอง ไม่ได้การแสดงเพราะว่าคนเยอะมากๆวันนี้ขี้เกียจเบียดเสียด ออกมาที่นี่ดีกว่าไม่กล้าถ่ายกะตัวเป็นๆอ่ะขอบอกว่าจระเข้ที่สุพรรณฉลาดที่สุดในโลก ฉลาดแค่ไหนดูเอาเองละกันนอกจากสุพรรณจะมีจระเข้ที่ฉลาดแล้ว ยังสร้างความตกใจแกเรายิ่งนักที่เห็น เต่ากินโครงไก่สดๆ ฉีกเนื้อกินเคียงข้างจระเข้อย่างน่ากลัวเชียวหยุดความน่ากลัวของเจ้าเต่าไว้แค่นี้ดีกว่าเราก็ออกจากดูสัตว์น้ำ เลาะริมบึงมาเรื่อยๆที่นี่มีบริการเรือชมบึง ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็กก็ 20 บาท ไม่แพงเลยพักผ่อนริมบึงไปกันแค่2คนก็เงี๊ยะแหละ หารูปคู่ไม่ค่อยได้เลยสงสัยต้องหาขาตั้งกล้องซะบ้างแล้วหลังจากหายเหนื่อยก็หิวแล้ว จะบ่ายแล้ว หมดแรงข้าวห่อใบบัวแล้ว ต้องฝากท้องร้านนี้ซะแล้ว บ้าน ต้นปาล์ม น้ำปาย บึงฉวากอำลาบึงฉวากแล้ว กลับกทม.กันดีกว่า แต่ว่ายังอยากเข้าไปดูว่าร้านถ่ายรูปจะยังคงเปิดอยู่รึไม่ ไหนๆก็มาแล้ว อย่าให้เสียเที่ยวน่า จากนั้นรีบดิ่งมาที่ร้าน โอ้ เปิดแล้วเหรอ ดีใจจังมาไม่เสียเที่ยวคิวนานเลยคนเยอะ แต่ก็จะรอแต่พอได้ถ่ายถึงรู้ว่าทำไมลูกค้าเยอะ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีจิงๆ 1 act ได้รูป2ใบ เป็นขาวดำ และ ซีเปีย ราคา 250 บาท รอรับได้ที่บ้านเลย ประมาณ 3 อาทิตย์ ขอภาพเก่าๆบ้างให้เข้ากับบรรยากาศคอแห้งแวะที่นี่เลยลูกค้าเยอะ มือแทบพันกันสนนราคาแก้วละ 10 บาท ไม่แพงแถมอร่อยอร่อยป่ะขอสะพานสักภาพกลับบ้านแว้ว ก่อนกลับอย่าลืมแวะที่นี่นะ ของฝากหลากหลาย ขาดเจ้านี่บ่ได้เลยนะค่าของฝากแพงกว่าค่าน้ำมันซะอีกจบทริปนี้ก็อร่อย อิ่มท้อง แต่แดดร้อนไปหน่อย ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย รอคณะนกทัวร์อีกรอบ
เมืองโบราณ
วันอาทิตย์ที่ 7 May 2006 หลังจากไปงานบวชเพื่อนที่พระประแดง พวกเราก็หาเรื่องเที่ยวอีกตามเคย วันนี้เลยมากันที่เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท หากจะนำรถเข้าไปคันละ 50 บาท นอกจากนี้มีจักรยานให้ขี่เที่ยวชม หรือ รถรางพร้อมไกด์และนี่คือ ประตูเมืองเจดีย์แรกที่เราพบ พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราชพระบรมธาตุไชยา สุราษฎร์ธานียังจำได้มั๊ย วันนี้ซื้อขนมโบราณกลับมาเยอะเลยจุดขายของที่ระลึก โบราณๆทั้งนั้นเลย ที่ตลาดโบราณร้านตัดผมโบราณมีที่ไหนให้ไปอีกบ้างร้านขนมไทย แม่ค้าน่ารัก พูดเก่งจิงๆกองทัพเดินด้วยท้อง แวะซื้อน้ำกันก่อนแก้วดินเผา 20 บาทบ้านขุนราชบรรเลงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท กรุงเทพณ เรือนทับขวัญมีท่าน้ำ ให้นั่งเล่นด้วย น่าอยู่ดีเหมือนกันพระที่นั่งจอมทอง อยุธยาพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท อยุธยาตลาดน้ำแวะกินก๋วยเตี๋ยวริมน้ำกันหน่อยป้ายโฆษณาโบราณวิวนี้ มองออกไปจากร้านก๋วยเตี๋ยวพิพิธภัณฑ์ หอคำ ลำปางม้าสวยจังมีกวางเป็นฝูงเลยอ่ะ น่ารักจังทางขึ้น ปราสาทพระวิหาร ศรีสะเกษ น่าเสียดายที่กล้องแบตหมดพอดี เลยไม่มีรูปต่อจากนี้หลังจากเที่ยวชม แต่ไม่ทั่วเพราะมันใหญ่มาก เวลาเราก็น้อย เลยไปทานข้าวเย็นกันต่อที่ สถานตากอากาศ บางปู แย่จังที่น้ำลดหมดเหลือแต่โคลน แต่คนก็เยอะมากๆ เราเลือกกินในห้องแอร์เพราะอากาศร้อนมาก อาหารราคาค่อนข้างสูงแถมไม่สดอีกต่างหาก รสชาดพอใช้ได้ แยกย้ายกันกลับบ้านก็เกือบทุ่มนึงพอดี
อัมพวา วันตรุษจีน
คราวนี้เป็นทริปที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน อยู่ดีๆเห็นว่าว่างก็ไปกันเลย ออกเดินทางสายๆแก่ของวันที่ 28 Jan 2006 นี่คือสภาพรถติดตอนเที่ยงที่สะพานพระราม9แวะกินข้าวเที่ยงที่ดอนหอยหลอด ร้านคุณเป๋า นั่งเย็นๆริมทะเลไม่ชอบกินผัดฉ่า เลยสั่งหอยหลอดผัดพริกเผามาแทน 100 บาทอร่อยดีน่ะ แล้วก็ต้มส้มปลากระพง 150 บาท(ถ่ายรูปไม่ทัน) หวานไปหน่อย รู้สึกว่าอาหารราคาสูงไปนิดอิ่มแล้วก็ขับรถดิ่งมาที่ อุทยานร.2 กันเลย ที่นี่อยู่ใกล้ๆกับวัดอัมพวัน ค่าเข้าชมคนละ 20 บาทที่นี่มีบ้านทรงไทยหลายหลัง รวมทั้งข้าวของเครื่องสมัยโบราณอีกด้วย แต่แดดร้อนมาก เอาร่มติดมือไว้ก็ดี สำหรับใครที่เมื่อยก็มีบริการนวดฝ่าเท้าด้วยตอนนี้แค่บ่าย3เอง เราไปค่ายบางกุ้งกันก่อนดีกว่า ที่นี่มีโบสถ์ต้นไม้ด้วย ไปถึงก็ทำบุญ ไหว้พระ มีมุมให้ถ่ายรูปวิว Unseen ด้วยล่ะ มุมนี้เลยเดินวนไปมาก็เจอะกับ ลิ้นจี่ลูกยักษ์แถมมีรูปปั้น ศิลปะการต่อสู้ด้วยบ่าย4แล้วนิ กลับมาที่ตลาดน้ำอัมพวา กันดีกว่า จอดรถฟรีที่วัดข้างๆได้เลยระหว่างทางเดินเข้ามาตรงคลอง อาหารเยอะมาก เลือกไม่ถูกเลย น่ากินทั้ง แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเพราะมัวตื่นตาตื่นใจมีอาหารหลากหลายและราคาไม่แพงสะดุดตากับปลาหมึกที่กะลังสุกบนเตา เลยต้องนั่งรอเพราะคิวย้าวยาวในที่สุดก็ได้มาแล้วล่ะ ปลาหมึกย่าง1ตัวใหญ่ๆ น่ากินมาก 50 บาทเองน่ะตามด้วยยำส้มโอ 20 บาท ส้มโอหวานดีจังวันนี้เป็นวันตรุษจีนด้วยรึเปล้าน๊อ เรือเลยมาน้อยๆมีร้านค้ามากมายริมคลอง น่านั่งแถมมีนวดผ่อนคลายริมคลองด้วย จากนั้นเราก็ข้ามไปอีกฝั่งดีกว่าข้ามไปอีกฝั่ง ขนมมากมาย ไม่เคยกินก็เยอะ ราคาไม่แพง เราซื้อทั้งกุยช่าย ห่อหมกย่าง ขนมจีบ ดูดน้ำเก็กฮวยเย็นๆในแก้วดินเผา ชื่นใจจิงๆ ขอปิดท้ายด้วย ลูกชุบสวนสัตว์ สนนราคาตัวละ 5 บาทเท่านั้น กินปลาตัวเดียวอิ่มเลยวันนี้ไม่ได้ตั้งใจมาดูหิ่งห้อย เลยอดเลย