โอย ยุ่งๆ หายไปนอนเอ้ยนาน มาต่อดีกว่าถึงใหนแล้วเนี่ยะ

หลังจากเป็นแฟนกันแล้วววมันไม่สวยงามไปอย่างที่คิดนะคะ
เราเรียนปีสุดท้ายกำลังจะจบ เครียดมาก เพราะโปรเจคสุดโหด
ส่วนพี่เค้าก็งานยุ่งมาบ้าง ไม่มาบ้าง อาทิตย์นึงเจอกันวันนึงหรือนานกว่านั้น
แต่ก็ดีอย่างค่ะ เราก็เต็มที่กับการเรียน เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันมีไม่กี่คนที่รู้ว่าเรามีแฟน(มารู้ตอนแต่งงาน)

วันว่างเค้าขับรถพากลับบ้านเราก็ถือโอกาสพาไปเจอพ่อแม่ซะเรยย
บ้านเราเป็นแบบนี้นะ ไม่รวยนะ พออยู่พอกิน
ครอบครัวคุณจะรับเราได้มั้ยยย

จนเรียนจบ เราก้อต้องขนของกลับบ้านค่ะ พี่เค้าก้อมาช่วย ทีนี้จากเจออาทิตย์ละครั้ง
มันก้อนานขึ้น เป็นเดือนละครั้ง ในใจคิด ไม่รอดก็เลิกกันไป ถ้าไม่ไหวจะตัดใจซะ เพราะ มันคงเหนื่อยมากกับการมานั่งนับวันเจอกัน
ระยะทางมันเป็นอุปสรรคแน่นอน ชลบุรี กทม ไม่ไกล แต่มันก็ไม่ไกล้

เราเองก็มาหางานที่ กทม ทำ ตกงานอยูสองเดือนได้งานแถวๆพัฒนาการ โหย
ไกลบ้านมากๆ บ้านอยู่บางบัวทอง
พี่เค้าพยายามมาหาสองครั้ง และแล้วเราโดนไล่ออก ด้วยเหตุผลติงต๊องของเจ้าของกิจการ
เราปวดท้องเมนส์ พิงพนักเก้าอี้เอนเอามือกดท้องไว้ เค้ามาเห็นคิดว่าเราแอบนอน
เลยให้ออก เอ๊า ออกก้อออกดิเงินเดือนนิดเดียว ปวดท้องก้อไม่ได้

หลังจากนั้นเลยขอแม่ว่า มาหาสมัครงานกับเพื่อนที่ชลบุรี (ไม่ใช่ข้ออ้างนะคะ)
ก็มากันจริงๆ หางานทำกันหน้ามืด คิดว่าถ้าได้งานที่ชลบุรีก็คงคบต่อ

ถ้าทำงานที่ กทม ขอเลิกดีกว่าคงไม่รอดแน่ๆ

และแล้วก็ได้งานในเครือสหพัฒน์ ค่ะ ก็ถือว่าโชคดี เลยหาที่พักที่บางแสน (เพราะคุ้นเคย และแม่ไม่ให้ไปอยุ่ในเครือฯมันน่ากลัวไป)

ทีนี้พี่เค้าก็มาหาได้บ่อยขึ้น จากเดือนละครั้ง สองครั้งก็เป็นเวลาว่างแวะมา
มาแค่นั่งกินข้าวกันก็กลับ(ขับรถมาประมาณ 40โล ไปกลับ 80โล)

และก็มามั่งไม่มามั่ง

เราเครียดกับที่ทำงานค่ะ เพราะเพิ่งเริ่มทำงานและเจ้านายเขี้ยวมากๆๆๆๆลากใส้เลย

ทำหน้าที่การตลาด แต่ทำทุกอย่าง ตั้งแต่ทำงานเลขา การตลาด หาวัตถุดิบ ต่อรองราคา ฯลฯ เรียกว่าอบรมคอร์ส โหดเลย

เพราะว่าตำแหน่งนี้ เปลี่ยนทุก 6 เดือนถึง 1 ปี ทำงานมาได้ 8 เดือน ไม่ไหวคะ
เหนื่อยมาก น้ำหนัก จาก 52 เหลือ 47 โล ผอมบางจนจะปลิว พี่เค้าบอกไม่ไหวก็ลาออกมา

เราเครียดค่ะ จะออกได้ยังไง ใหนจะค่าใช้จ่ายทางบ้าน ที่ต้องผ่อนบ้านให้แม่ทุกเดือน

ใหนจะหางานใหม่อิก ยากนะคะ

แต่สุดท้ายไม่ไหว ลาออกค่ะ ไม่เอาแล้ว
แต่ได้งานหลังจากลาออกได้ 10 วันค่ะ 555 ขำตัวเอง
ที่ใหม่ ได้เงินเดือนเยอะกว่า สบายกว่า ฯลฯ แต่ปัจจุบัน บริษัท เก่าเนี่ยะ เจ๊งแระ

ในช่วงเวลาที่ทำงานที่ใหม่ ก็ได้เจอกันบ่อยขึ้น และเค้าเริ่มพาไปเจอครอบครัวคะ
ไปเที่ยวไปกินข้าวบ้าง ไม่บ่อยคะ แต่มีบ้างแบบเอาให้เห็นหน้าเห็นตากันก่อนประมาณนั้น

ด้วยความที่เค้าเป็นลูกชายคนเล็กแม่และพี่สาวรักมากหวงมาก
เวลามาหาเรา ตอนแรกๆ เค้าจะโกหกว่าไปดูหนังไป โน่นไปนี่

ทีนี้พอพามาเจอแล้วเค้าบอกเลยว่ามาหาเรา คือจะเคลียร์งานเลย
วันอาทิตย์ จะเคลียร์งานทุกอย่างแล้วออกมาแต่เช้า
มาหาตั้งแต่ 7 โมงเช้า(คิดแล้วยังขำ ตื่นกี่โมงเนี่ยะ)

มาแล้วเป็นไงรู้มั้ยคะ มาเสร็จ ไม่ได้ไปใหนค่ะ มานอน นอนจริงๆ จังๆ
(ไม่ได้หลับนอนกันนะ อย่าคิดมากยังไม่ได้มีไรกันจ้า)

เค้าก็นอนไปเราก็ซักผ้า รีดผ้าของเราไป ต่างไปแค่มีหนุ่ม มานอนเท่านั้นเอง

คือเค้าเหมือนได้พัก ผ่อน คือ มานอน นอน จนถึงประมาณ เที่ยง ตื่นมาหาข้าวกินกัน
ไปดูหนังกัน หรือ ไปเที่ยว พักผ่อนจริงๆ พอประมาณ 5 โมง ก็กลับแล้วค่ะ

ก็เป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ

ออลืมเล่าไป ตอนงานรับปริญญาของเรา
วันซ้อมใหญ่เค้ามาค่ะ มาช่วยถ่ายรูปฝีมือห่วยมากๆ ของบอกเราเลยสวยแบบเบลอๆ

แต่วันจริงเค้าไม่มา เพราะงานวันแซยิดอาเหล่าม่า = แม่ของแม่ คือยายนั่นเอง (ครั้งสุดท้ายค่ะหลังจากนั้นอาเหล่าม่าก็เสียค่ะ เค้ายังว่าดีนะที่ไม่พลาดไม่งั้นเสียใจแย่เลย)


เรามีงอนนิดหน่อย ค่ะ แหมวันจริง
ทั้งแม่ทั้งพี่สาว ทั้งญาติเรามากะเปิดตัวซะหน่อยไม่มาซะได้

มาตอนใหนรู้มั้ยคะ ตอน 1 ทุ่ม ค่ะ เลิกงานแล้ว มาช่วยเก็บชุดครุยไง

แต่ก็ยังดีดีกว่าไม่มา รถติดจะตายยังอุตส่าห์มาก็ดีแระ

ก็มากับตุ๊กตา รับปริญญาดนตรี เซรามิคตัวนึง (ทุกวันนี้ตัวนั้นยังตั้งอยู่หลัง ทีวีห้องนอนแต่สภาพ หมวกปิ่นเพราะฝีมือลูกสาว ไม่ต้องพูดถึงดนตรี พังไปนานแล้วว )




ผ่านไป ทำงานได้ปีกว่า ๆ การคบกันมันก็คืบหน้าค่ะ แหม มาหาบ่อยๆ ใครจะอดใจใหว ทั้งขาว อวบขนาดนั้น 555

ไม่ใช่เรื่องดีนะคะ แต่เราว่ามันไม่ผิด เพียงแต่เราคิดว่าเราเองก็โตแล้ว ทำงานแล้ว
รับผิดชอบตัวเองแล้ว และการที่เราคบใคร เรารักใคร มันไม่ใช่เรื่องผิด

และการคิดแบบนี้คือต้นเหตุที่ทำให้ต้องแต่งงานก่อนเวลา

เราป้องกันตัวเองโดยการกินยาคุม แต่ มันมีเวลาที่ต้องเว้นช่วงและ เราเองก็ขี้เกียจกิน
เพราะว่ามันลืม สารพัด เลยทำให้ท้อง อ๊ะ อ๊ะ นับเวลารวมๆที่คบกันมา 3- 4 ปีแล้วนะเนี่ยะ

คือเราคุยๆกันเรื่องแต่งงานค่ะ เค้าอยากแต่งงานเร็วเรียกว่าขอตั้งแต่เรียนจบแล้ว

แต่เราอยากทำงาน อยากหาเงินเลี้ยงตัวเองและช่วยครอบครัวเลยยังไม่อยากแต่ง
ก็บอกผลัดไปสัก สามสี่ปีนะ ขอเวลาหน่อย ยังไม่พร้อมมมมมม เสียดายความโสด

คราวนี้เห็นจะต้องแต่งแล้ว เพราะท้องแล้ว
รู้เร็วเพราะอาการออกไม่ได้อาเจียนเหมือนในหนังนะคะ แค่
กินยำตีนไก่ทุกวัน และนอน ค่ะ
หลับตั้งแต่ยังไม่ทุ่ม นอนยาวยันสว่างไม่อยากตื่นไปทำงาน

และกินเก่งขึ้น เมนส์ไม่มาเลยไปซื้อที่ตรวจมาลองดู
สองขีด ครับ สองขีด

ซีดทั้งคู่เลย คือตรวจวันที่เค้ามาหาค่ะ

เอาไงดี(วะ) เครียดค่ะ เพราะยังไม่ได้ตั้งตัวไม่ได้เตรียมใจจะมีลูกเลย
เรายังเด็กนะ ยังอยากเที่ยวกลางคืน อยากกินเหล้า(บ้าง)
ยังไม่อยากมีภาระง่ะ ไม่อยากแต่งเข้าบ้านเค้าด้วยฯลฯ

สารพัดเรื่องราวที่ต้องคิดวิ่งเข้ามาในหัว
และคิดว่าต้องบอกแม่ก่อน

เลยคุยกัน
ว่าจะเอาออกรึเอาไว้ดี เค้าบอกแล้วแต่เรานะตัวเค้าพร้อมแต่งงานนะ

(จริงๆตอนนั้นหากเค้าบอกให้เอาออกเราจะเลิกกับผู้ชายคนนี้ค่ะ)

ก็คุยกันว่า จะบอกแม่เราก่อน แล้วเค้าจะไปคุยกับทางบ้านเค้าเรื่องแต่งงาน
และเราคิดว่าจริงๆไม่อยากจัดงานเพราะใหนๆ ก็ใหนๆอิกอย่างเราเป็นคนไม่ชอบพิธีการ
และบอกทางบ้านว่าเราท้องนะ เลยต้องระเห็ดจากบางแสน มาบ้านเค้า มาอยู่บ้านเค้าก่อนแต่งงาน
(ด้วยความห่วงโอเวอร์ของแฟนเรากลัวเราจะเป็นอะไรไป)


และง่ายๆสบายๆ ดีกว่า
แต่ไปๆ มาๆ ทางบ้านเค้ากลับไม่ยอม จะจัดงานให้ได้ (ลูกชายคนเล็กไง)
เลยต้องมีงานแต่ง ตอนเราท้องได้ สองเดือนกว่าๆ พุงยังไม่ออกเพราะท้องสาว
และเราหุ่นดี 555

ได้เป็นคนแรกในรุ่นที่แต่งงานไว กว่าใครและมีลูกก่อนชาวบ้านเค้า
และเป็นงานแต่งที่เพื่อนมาครบทุกคน

มันเหมือนไม่ใช่ความจริงนะคะ
เพราะเราไม่เคยคิดว่าเราจะได้แต่งงาน(ไม่สวยไง)
และเพื่อนบางคนแปลกใจมากพอเราบอกจะแต่งงาน
เพราะท่าทางเรามันแมนๆ ไม่ค่อยจะหวานแหว๋ว มันเลยแปลกใจ ว่าใครมาหลงรักมันได้(วะ)

และแล้วงานแต่งผ่านไป ตอนต่อไปเรามาผจญภัยกับเรื่องลูกกันดีกว่า



Create Date : 22 สิงหาคม 2550
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2554 13:31:22 น. 0 comments
Counter : 223 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่หมูลูกสอง
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add แม่หมูลูกสอง's blog to your web]

MY VIP Friend