Group Blog
 
All Blogs
 
ต่อตอนที่ 6


North Trip Story 6
.... หลังจากอาบน้ำ จากห้องน้ำที่โอ่โถง..อุปกรณ์ทุกอย่างถูกจัดเรียงและเก็บลงกล่องพลาสติกอย่างเป็นระเบียบ เพราะคงไม่ต้องใช้งานอีกแล้วกับทริปนี้... เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตา เรามายืนรวมอยู่บริเวณลานหญ้าด้านหน้าของป่าสนริมทะเลสาบ..เก็บภาพเป็นความประท ับใจ ทุกคนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าปกติ ยกเว้นเจ๊มัชรูม ที่ไม่รู้ว่าไปหาชุดชาวเขามาจากไหน มองๆ ไปก็แยกไม่ออกเหมือนกัน เพราะดูกลืนไปกับสถานที่และผู้คนท้องถิ่นที่นั่น..ยังไม่พอครับ ประโยคที่เธอชักชวนพวกเราถ่ายรูปก็กลืนไปกับภาษาถิ่นไม่แพ้กัน "ถ่ะ รุ่ หะ บ่ะ"..แปลได้ความว่า "ถ่ายรูปห้าบาท" เราสนุกไปกับการโพสท่า..กระโดดตัวลอย กำมือขวาโค้งเข้าหาศีรษะ...ชูสองนิ้ว เอียงคอ 45 องศา..ส่วนใหญ่ที่ทำท่ากันอยู่นี่คือกลุ่มคนที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ทั้งนั้นนะครับ..ท่านซุปเปอร์เฮงยังกระโดดตีลังกาไปมาหน้ากล้อง พร้อมๆกับจังหวะที่ Mr.Escape ลั่นชัตเตอร์พอดิบพอดี..นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ มองมาที่กลุ่มเรา โดยเฉพาะจับจ้องอยู่ที่เจ๊มัชรูม หวังจะมาขอถ่ายรูปด้วย คงเข้าใจผิดว่าเป็นชาวเขาจริงๆ..เธอหันไปหานักท่องเที่ยวที่มองเข้ามา "ถ่ะ รุ่ สิ บ่ะ" เพิ่มเป็นสิบบาทแล้วครับ....เมื่อเก็บของขึ้นรถเสร็จ คณะของเราก็ออกเดินทางกันต่อ ทิวสนค่อยๆ ลับสายตาเรา***งออกไปเรื่อยๆ หลายคนบอกว่าอยากกลับมาที่นี่อีก แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นวันที่อากาศหนาวและหมอกลงจัดกว่านี้เท่านั้น เพราะยังคาใจอยู่....เราย้อนกลับเส้นทางเดิม ผ่านหมู่บ้านและทุ่งนา เส้นทางยังคดเคี้ยว.. เมื่อเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง Escape คันหน้า วอ.สื่อสารมาถามว่า "เห็นอะไรกลิ้งผ่านไปข้างหน้าหรือเปล่า" ผมไม่ทันสังเกต รถทั้งสามคันแล่นทำเวลากันด้วยคสามเร็วค่อนข้างสูงพอสมควร... จุ๋มเป็นคนเดียวในคณะที่เห็นวัตถุทรงกลมกลิ้งกระเด็นออกไปจากตัวรถ "ช่วยดูที่ล้อให้ทีว่าฝาครอบล้อยังอยู่ครบหรือเปล่า" เสียง Mr.Escape วอ.กลับมาอีกครั้ง..ผมเร่งความเร็วเข้าไปดูใกล้ๆ ฝาครอบล้อหายไปอันหนึ่งจริงๆ "ไปรอที่ปั๊มข้างหน้าก่อน" หลังจาก วอ.บอกเรา Escape สีดำ U-turn กลับ เพื่อไปตามหาฝาครอบล้อกลับคืนมา...ฝาครอบล้อราคาเหยียบพันกำลังจากพวกเราไปอย่า งไม่มีวันหวนคืน มันคงอยากอยู่ที่นี่จริงๆ .... รถสองคันมาหยุดรอที่ปั๊มน้ำมันเล็กริมทาง ที่***งจากจุดเกิดเหตุออกไปหลายกิโลเมตร..เวลาก็ล่วงเลยอาหารกลางวันไปมากแล้ว ตรงข้ามปั๊มน้ำมัน มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่พอจะฝากท้องได้กับมื้อนี้ เราเดินไปยังฝั่งตรงข้าม แต่ท่านซุปเปอร์เฮงยังไม่เดินตามมา ..วนเวียนรอบรถตัวเองเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยว่าอะไรหายไปบ้างหรือเปล่า ลานจอดรถแคบๆ ของปั๊ม ทำให้รถเราดูเกะกะรถน้ำมันคันหนึ่งที่กำลังถ่ายเทน้ำมันไปยังถังเก็บน้ำมันของปั๊ม...แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ....รออยู่ไม่นาน Escape ก็ตามมา..ในขณะที่ผมกำลังวิดน้ำจากก๋วยเตี๋ยวเรือชามสุดท้ายหมดพอดี ตกลงว่าหาฝาครอบล้อไม่เจอ..ได้ยินเสียงแอนจีอุนบอกมาว่า “อาจมีการหารค่าใช้จ่ายเพิ่มเพื่อซื้อฝาครอบล้อ” ผมได้ทีตะโกนกลับไป “งั้นค่าไฟสปอร์ตไลท์ด้วย” สปอร์ตไลท์ที่ผมติดไว้ต่างหากห้อยอยู่ท้ายรถ กระแทกกับก้อนหินที่สันป่าเกี๊ยแตกเหลือแต่หลอดที่ยังใช้การได้อยู่ ..ท่านซุปฯ ได้ทีอีกคน ตะโกนสวนมา.. “แล้วกระจกรถกูที่แตกเมื่อครั้งไปสัตหีบจะว่ายังไง” ..เริ่มลำเลิกบุญคุณกับอุปกรณ์รถจนเรื่องราวชักจะบานปลายไปแล้วครับ ..แอนตัดบทแก้เก้อ ... “ซื้อเองก็ได้ว้าา” ... เราพร้อมออกเดินทาง รถท่านซุปฯและเอสเคป ไปจอดรอตรงทางออกของปั๊มน้ำมัน ผมถอยรถออกมาเพื่อจะตามไปปิดท้ายขบวน แต่รถน้ำมันชิงตัดหน้าไปต่อท้าย และเบียดออกขวาด้วยลักษณะไม่ค่อยพอใจว่ารถเราจอดเกะกะ... ครับ ก็ยังไม่มีใครเอะใจ... เราทั้งสามคันขับออกไปจากปั๊มเร่งความเร็วแซงรถน้ำมัน และรถอีกหลายคัน..แซงเสร็จแล้วก็ขับกันเอื่อยๆ..รถเริ่มตัดผ่านเขตหมู่บ้าน เข้าไปยังเส้นทางที่ คดเคี้ยวอีกครั้ง... เส้นทางนี้ค่อนข้างเปลี่ยว และเวลาเริ่มจะเย็นมากแล้ว มีรถไม่กี่คันที่แล่นไปในเส้นทางเดียวกับเรา เป็นถนนเลนเดียวสวนกัน...ทิวเขาทะมึนสลับซับซ้อน อากาศขมุกขมัว..มีรถตู้แล่นตามขบวนของเรา..ทำท่าจะแซงอยู่หลายครั้ง..เมื่อได้จังหวะก็แซงไปนำหน้าขบวน...ทันใดนั้นเอง รถน้ำมันคันเดิมวิ่งตาม..มาแล้วแซงรถของคณะเราขึ้นไป..เป็นจังหวะการแซงที่ยังดูปกติไม่มีอะไร..เพราะรถขบวนของเราชลอตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อขับกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ แต่ก็นึกอยู่เหมือนกันว่า ถ้าใช้ความเร็วแค่นี้ เราคงไปถึงรีสอร์ทดึกแน่ๆ...รถน้ำมันแซงรถตู้ที่นำหน้าคณะเราขึ้นไป...จากนั้นเราก็เริ่มให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ...รถตู้ที่ถูกแซงคงคิดว่ารถใหญ่อืดอาดคงแซงขึ้นไปเพื่อตั้งลำแล้วคงทำความเร็วไปแบบปกติ. .มันชักยังไงแล้วครับ ..เพราะเมื่อรถตู้ทำท่าแซงรถน้ำมัน ดูท่าเจ้ายักษ์ใหญ่สีดำทมึนไม่มีท่าทีให้แซง แต่เมื่อได้จังหวะช่วงเข้าโค้ง รถตู้ก็แซงผ่านไปได้แบบฉิวเฉียว..เรื่องราวคงจบแค่นั้น ถ้ารถตู้เร่งความเร็วออกไปเพื่อทิ้ง***งรถน้ำมัน.. เปล่าเลยครับ รถตู้เมื่อแซงพ้นไปแล้ว..มันก็ทำความเร็วลดลง..เหมือนจะยั่วโมโหให้เจ้าอสูรกายหงุดหงิดเล่นงั้นแหละ..ครับมันวอนหาเรื่องซะแล้ว เจ้ามฤตยูขนาดมหึมาส่งเสียงคำรามก้องไปทั่วทั้งหุบเขา เร่งความเร็วติดตามรถตู้ไปติดๆ ไม่สลดครับ..รถตู้บังไลน์ไม่ให้แซง..เอาล่ะครับทีนี้..เราทั้งสามคันเริ่มมันส์ วอ.คุยและวิพากวิจารณ์ไปต่างๆ นาๆ ด้วยความระทึกขึ้นเรื่อยๆ ..เฮียใช้พูดขึ้นมาว่า "สงสัยมันจะรีบไปส่งน้ำมันที่ปั๊มอื่นต่อ"..รถตู้ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือคงนึกว่า รถใหญ่ๆแบบนี้จะมีน้ำยาอะไร คงทำความเร็วได้ไม่มากไปกว่านี้หรอก ทางโค้งทางชันแบบนี้จะทำไรได้..มันคิดผิดครับ..หารู้ไม่ว่าชะตาอาจถึงฆาตได้ ก็พี่แกเล่นยั่วรถน้ำมันเจ้าถิ่นที่วิ่งเส้นทางนี้อยู่เป็นประจำ รู้โค้งรู้ไลน์จนแทบจะหลับตาขับได้... เอาล่ะซิ เราก็วอนหาเรื่องตามไปดูติดๆ โดยการนำของท่านซุปฯ..ซึ่งลีลาการขับรถของพณฯท่านก็ไม่เบาอยู่เหมือนกัน..ทีแรกว่าจะขับไปเรื่อยๆ.. ทันใดนั้นเอง สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตารวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที รถน้ำมันคำรามกึกก้อง..ขย่มตัวส่ายไปมา พอได้จังหวะสบัดหัวดุจพยามัจจุราชออกเบียดรถตู้ที่ทำท่าเหมือนจะไม่ยอม..ถ้ารถตู้ยังฝืนต่อไป รับรองได้ว่าตัวมันเองต้องหลุดออกไปนอกโค้งในไม่ช้า และไม่มีใครรับประกันได้ว่าทุกชีวิตในรถคันนั้นจะยังมีอาการครบสามสิบสองกันอยู ่หรือเปล่า..จริงๆ เหตุการณืที่เกิดขึ้นดูน่ากลัว แต่คณะเรายังลุ้นไปด้วยความระทึกและความสนุกสนานปนกัน..เสียงหัวเราะด้วยความมันส์ของพวกผู้ชาย เสียงครางฮือด้วยความหวาดเสียวของผู้หญิง เสียงกรี๊ดด้วยความสยดสยองของตี้หลุง....
North Trip Story 7
..รถตู้ถูกเบียดเสียหลักท้ายปัดโซเซน่าเวทนา...รถน้ำมันขึ้นนำด้วยความเร็วคงที่..เมื่อผ่านโค้งไปเจอกับกลุ่มรถที่ขับช้าอยู่ข้างหน้า คราวนี้รถน้ำมันยังไม่มีจังหวะแซง...รถตู้ตัวดีได้ทีรีบตีตัวออก***ง....สบัดหัวไปทางขวาแซงยาวผ่านหน้ารถน้ำมันแล้วก็หายไป..ส่วนกลุ่มเราเห็นท่าว่าเย็นมากแล้วก็เลยออกขวากันเป็นชุดเหมือนกันวิ่งแซงทั้งรถน้ำมัน..แต่ท่าทางมันไม่ค่อยพอใจเรา รถท่านซุปขณะแซงรถน้ำมัน..จังหวะแซงก็ดูยั่วยวนเจ้ายักษ์ปักหลั่นอยู่พอสมควร.. ..รถน้ำมันถูกแซงให้ตามอยู่ด้านหลังซึ่งมีรถที่วิ่งช้าบังอยู่ข้างหน้า..หวังว่าคงจบเรื่องความหวาดเสียวแบบนี้ซะทีนะ...เราทิ้ง***งออกมาระยะหนึ่ง..ก็มาเจอรถช้า เป็นรถปิ๊กอัพที่มีพระนั่งโดยสารมาด้วย เอาอีกแล้วครับ ไม่มีจังหวะแซงเลย คราวนี้รถ Escape นำคณะของเรา ตามด้วยรถท่านซุปฯ ผมรับกรรมปิดท้ายอีกเหมือนเดิม..เสียงเซ็งแซ่ของคณะเรา วอ.คุยกันสนุกปากจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา..หลังจากผ่านเรื่องตื่นเต้นไปสักพัก ในขณะที่ขับตามๆกันไปอยู่เพลินๆ... ผมมองกระจกด้านข้างรถเห็นวัตถุดำๆ วิ่งตามเราอยู่ลิบๆ..จังหวะรถเลี้ยวเข้าโค้งอ้อมเชิงเขา..หลังจากพ้นโค้งมา ...ปีศาจตัวเดิมค่อยๆห้อตะบึง คำรามตามมาอีกแล้วครับ.. คราวนี้สาวๆ ในรถเริ่มอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาจริงๆแล้ว..เมื่อถึงทางลงเป็นทางลาดชันช่วงโค้งหักศอก.. ผมหันไปมองด้านขวาของถนนที่ลาดลงมายังโค้งที่เราเพิ่งผ่านมา... สิบล้อที่บรรทุกถังน้ำมันขนาดใหญ่ใส่ตีนผีตามมาติดๆ..จังหวะที่มันทิ้งตัวลงมาตรงเนินที่เป็นทางลาดไปถึงโค้งหักศอก เหมือนหมาบ้าวิ่งไล่ตามเหยื่ออันโอชะ..เสียงลมปะทะกับโครงรถไม่ต่างอะไรกับท่อนซุงพุ่งทยานแหวกอากาศลงมาด้วยความบ้าระห่ำ..เรียกว่ามันแทบจะไม่เบรคเลย อาศัยความเคยชินเส้นทางพร้อมกับการเชนเกียร์ช่วยฉุดน้ำหนักรถ..แต่ยอมรับคนขับคนนี้ฝีมือไม่ธรรมดา..แอบชื่มชมมันกันทั้งคัน.. ท่านตี้หลุง ตะโกนเข้ามาใน วอ.สื่อสาร "เฮ้ย มีใครไปกวนตาตุ่มมันหรือเปล่าวะเวลาที่แซงมันมาเมื่อกี้นี้"..ซุปเปอร์เฮงตอบกลับไป.. “สงสัยมันโมโหกลุ่มเรามาตั้งแต่แรก ที่ไปจอดรถเกะกะมันในปั๊ม” มันโมโหมึงนั่นแหละ ผมคิด.. น้องผักชีที่อยู่ในรถท่านซุปฯคันหน้าผม ทำเสียงใส วอ.มาถาม "มันมาอีกแล้วเหรอ.." น้ำเสียงเจือความเป็นเด็กไร้เดียงสาและขี้เล่นจนน่าเขกกระโหลก..ขณะที่กุ๋ยบอกว่า "ยังกับหนังฝรั่งเลยที่มีพวกฆาตกรโรคจิตคอยตามมาไม่เลิกทั้งเรื่อง.. "ครับ หนังฝรั่งชัดๆ" ท่านฟ้าหันรีหันขวางบอกให้ระวังทางด้านหน้าไว้ด้วย.. เจ๊มัชรูมก็ระทึกตามไปด้วย แต่ดูแววตาแล้วเหมือนรู้สึกสนุกและท้าทายกับเหตุการณ์ครั้งนี้.. รับรองได้ว่าในคันอื่นๆ ตอนนี้ก็ต้องพูดคุยวิพากวิจารณ์กันไม่น้อยไปกว่าเรา... ไม่รู้ว่าจุ๋มกรี๊ดหรือเปล่า...มันมาต่อท้ายผมแล้วครับ คราวนี้มันเร่งเครื่องกระชั้นเข้ามาใกล้มากจนคนในรถหวาดเสียวไปตามๆ กัน..มันจะแซงให้ได้ทั้งที่ไม่มีพื้นที่ให้แซง.. ผมไม่ให้ครับ..มันทำตัวกร่างและไร้เหตุผลเกินไป..แต่ก็แอบนึกในใจ “ช่วยตูด้วย!!!มันจ่อท้ายมาแย้ววว..” น้องผักชีกระดี้กระด้า วอ.เข้ามาแบบสนุกสุดเหวี่ยงเหมือนเยาะเย้ย..ใช่ซิ ก็เอ็งมันอยู่ตรงกลางมันไม่เสียวเหมือนคันที่กำลังขับหนีมันอยู่หรอก..มันบี้เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังไม่ได้จังหวะ..ผักชีไม่ยอมเลิก “..พี่..!! รู้สึกไงบ้างค้าที่มีวัตถุไวไฟตามมาจ่ออยู่ด้านหลัง..น้ำเสียงดูเหมือนสะใจที่เรากำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน แบบนี้..ฮึ..แม่ผักชี เดี๋ยวก่อนเถอะ..ยังไม่พอครับ..ท่านซุปฯ ร้องเพลงเป็นลูกคู่ผักชีเหมือนสะใจไปอีกคน..Love I need some body love..ทำเสียงน่าเตะมาก..ตี้หลุงวอ.เข้ามาจากรถเอสเคป..เฮ้ยเปิดกระจกข้างเ ลย..มีคนถามกลับไป .."เปิดแล้วทำไงต่อ"..แล้วกราบมันงามๆ..
North Trip Story 8
..ตี้หลุงพยายามหาทางออกให้พวกเราทุกวิถีทาง..ไม่ว่าจะให้คณะเราแกล้งทำเป็นรถเสียจอดข้างทาง..ฟอร์มแวะริมถนนดูโน่นดูนี่..หรือเปิดกระจกไปกราบมันตรงๆ..เป็นเพียงความเห็นของตี้หลุงที่หลายคนในคณะต่างก็ครึกครื้นไปกับวิธีแก้ปัญหาที่ดูจะเป็นไปได้ยาก... ซุปเปอร์เฮงมีหรือจะยอม..มันทำแบบนี้ถือว่าหยามกันเกินไป.. เสียงเฮียใช้ครางอยู่ในลำคอแบบไร้อารมณ์ "ปล่อยๆ มันไปเถอะ" ..ครับ คำพูดแบบนี้ดูจะรักษาฟอร์มเราได้มากกว่า แต่จังหวะและพื้นที่ให้มันแซงไม่มีจริงๆ..ในขณะที่น้องผักชีกำลังสนุกปากอยู่นั้น..ในรถผมทุกคนต่างตกลงกันว่า..มาแกล้งผักชีกันดีกว่า... รถน้ำมันยังจี้ท้ายเราอยู่อย่างไม่ลดละ แต่ด้วยความตั้งใจที่จะหักหลังผักชี ทำให้ผมใจเย็นขึ้น รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากอย่างเย็นชา ผมรอจังหวะอยู่สักพัก เอาล่ะ โอกาสอย่างนี้คงมีไม่บ่อยนักกับถนนแคบๆแบบนี้..เมื่อจังหวะมาถึง..ผมเหวี่ยงพวงมาลัยตบออกขวาทันที..เปลี่ยนเกียร์เพิ่มรอบเครื่องแล้วบรรจงอย่างสุดๆในการกดคันเร่ง กระชากตัวรถเหวี่ยงออกแซงรถท่านซุปฯ..และรูดยาวแซงรถ Mr.Escape ไปด้วยอีกคัน...ครับ เห็นผลทันที
..เสียงกรี๊ด ในวอ.สื่อสาร จากรถท่านซุปฯ ดังแสบแก้วหู รถน้ำมันเปลี่ยนเป้าหมาย มันเสยหัวเข้าไปประชิดเหยื่อรายใหม่ ..Toyota wish สีทองอยู่ด้านหน้าเจ้ามฤตยูแบบเฉียดฉิวสยิวแทน...เสียงสบถงึมงำฟังไม่เป็นภาษา. .พอจะจับใจความได้ว่า.. "คบกันมาเกือบยี่สิบปี ไม่น่าทำกับกูอย่างนี้เลย.." …“เปล่า..กูไม่ได้แกล้งมึง กูแกล้งผักชี” ..เป็นคำแก้ตัวจากผมที่ฟังดูไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ แต่ก็ถามต่อไปว่า "รู้สึกยังไงบ้างที่มีวัตถุไวไฟมาคอยลามเลียอยู่ที่ก้น" .. เป็นช่วงเอาคืนครับ... "I need some body love" เสียงเพลงที่ท่านซุปฯเคยร้องเยาะเย้ยเรา ...ตอนนี้มันออกมาจากปากของเจ๊มัชรูมด้วยความสะใจกว่ามากๆ ....ทั้งคณะในรถโยกตัวไปตามบทเพลงด้วยความสบายใจ..ขออีกทีครับ " Love I need some body love "
North Trip Story 9
... เมื่อรถเร่งแซงฉีกหนีออกไปได้แล้ว..มาเจอรถกะบะบรรทุกหลวงพี่นั่งมากันหลายรูป..ก็คันเดิมอยู่ด้านหน้าสุดที่เรายังไม่ได้แซงนั่นแหละครับ..ผมเร่งเครื่องแซงออกไปก่อนตามมาด้วยรถ Mr.Escape..หากใครนั่งอยู่ที่รถ Escape คงได้ยินเสียงพึมพำเบาๆ "ลาล่ะครับหลวงพ่อ" คำฮิตติดปากเมื่อ2-3 ปีก่อน ทริปเมืองกาญจน์ถ้าใครพอจะจำได้... รถทั้งคณะของเราขับแซงและทิ้ง***งออกไป..คราวนี้เราทิ้งช่วงรถน้ำมันออกไปจนแน่ใจจริงๆว่าคงตามมาไม่ทันแน่นอน..กว่าจะแน่ใจก็ระแวงกันไปพักใหญ่ๆเหมือนกัน... เมื่อถึงทางแยกเราเลี้ยวซ้ายออกไปทาง อ.ไชยปราการ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 มุ่งตรงไปหารีสอร์ทที่พัก..Mr.Escape ติดต่อโทรจองที่พักให้คณะเราแบบสดๆร้อนๆ เพราะคืนนี้คงไปไม่ถึงเชียงรายแน่นอน จึงต้องแวะนอนกันที่รีสอร์ทระหว่างทาง พรุ่งนี้ค่อยเข้าสู่เส้นแม่อายมุ่งตรงสู่ดอยแม่สลอง..อาทิตย์กำลังใกล้ลับขอบฟ้า..บนถนนที่นำเข้าสู่ดินแดนแห่งอดีตของรสชาดใบชา และ อาหารตาจากแม่ค้าชาวเขาเชื้อสายจีน..ความทรงจำของเฮียใช้ค่อยๆกลับคืนมา..สายตาเหม่อมองผ่านกระจกรถออกไป..กล่าวแบบเบื่อๆ .."กูคิดว่าคงแต่งงานมีสามีไปแล้วล่ะ" (ภาษาจริงๆ จะเป็นส่วนตัวกว่านี้ครับ) ... ตลอดเส้นทางในช่วงแรกมีการซ่อมแซมถนนเป็นระยะ ผ่านทางเบี่ยงจนมาถึงถนนที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังเป็นทางที่เต็มไปด้วยโค้งมากมาย เราขับกันเร็วขึ้น เพราะตอนนี้ใกล้ค่ำแล้ว...ความมืดเข้าปกคลุม ได้ยินเสียง วอ. ดังมาว่า น้องโอของเราที่นั่งมาในรถท่านซุปฯ เริ่มมีอาการเมารถ เธอเพิ่งมาคิดได้เอาวันสุดท้ายว่าควรเมาได้แล้ว.เสียง วอ.สื่อสารจากตี้หลุง ดังมาด้วยความเป็นห่วง "ทนอีกนิดนะ ใกล้ถึงที่พักแล้ว" ครับ และน้องโอเธอก็ทนอีกนิดเดียวจริงๆ
... ไฟฉุกเฉินของรถเปิดขึ้นพร้อมกันเกือบทุกคัน..เราลดความเร็ว แล้วค่อยๆนำรถชิดขอบทาง สายลมเย็นๆ พัดมาปะทะใบหน้าน้องโอ ซึ่งกำลังดูซีดเซียวจนน่าเป็นห่วง ในขณะที่ทุกคนเป็นห่วงน้องโอ แต่มีอีกบุคคลหนึ่งที่ดูจะเป็นห่วงจนออกนอกหน้า..หลุงเองครับ น้องโอยังนั่งทรุดอยู่บริเวณไหล่ทาง ฟ้ามืดแล้ว ผมเปิดสปอร์ตไลท์ที่อยู่ท้ายรถเพิ่มความสว่าง แต่ลืมคิดไปว่า มันถูกกระแทกจนโคมแตกเชิดขึ้นไปด้านบน หลอดยังใช้ได้อยู่ แสงไฟที่เห็นเลยส่องขึ้นไปบนยอดไม้ ท่านซุปฯ เดินออกมาจากรถ แล้วถามผมว่า "มึงส่องอะไรอยู่" เมื่อหันไปมองกระจกหลัง จึงเห็นว่าแสงไฟส่องขึ้นไปบนยอดไม้จริงๆ "ส่องนำทางให้พวกเราทุกคน" ผมเปรยเบาๆ เป็นคำพูดที่ดูยิ่งใหญ่กลบเกลื่อนความอับอาย.. "ถุยส์" เสียงท่านฟ้าดังมาจากด้านหลัง ... เมื่อน้องโอทำภาระกิจริมถนนเสร็จเราก็เดินทางกันต่อ จุดหมายของค่ำคืนนี้คือรีสอร์ทที่พักระหว่างทางซึ่งยังอยู่ในเขตของจังหวัดเชียงใหม่ มีลักษณะเป็นบ้านหลายๆ หลัง เรียงติดกัน เข็มนาฬิกาบอกเวลาเกือบสามทุ่ม ทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนบ้านใครบ้านมัน..ส่วนฟ้ากั้นใจยังอินกับบรรยากาศ Camping เอาถุงนอนมากางนอนอยู่ข้างๆ "เปล่าครับ.. ลืมขอผ้าห่มเพิ่มจากรีสอร์ท" ..เฮียใช้ของเรารับอาสาเป็นหมอนวดมือดีช่วยจับเส้นคลายเมื้อยล้าให้ กิจการค่อนข้างไปได้สวยเลยต่อคิวกันหลายคนครับ.. คืนนี้เราได้อาบน้ำอุ่นแบบสบายอารมณ์ ไม่รู้เป็นไง คงสะดวกสบายกันเกินไป ร่างกายปรับตัวรับกับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไม่ทัน หลายคนไข้ขึ้นปวดหัว ตัวร้อน เจ็บคอ..คืนนี้ เป็นค่ำคืนที่หลับแบบปราศจากการให้ความสนใจซึ่งกันและกัน หรือหมดสภาพกันแทบทุกคน โดยเอาสภาพท่านซุปฯ เป็นเกณฑ์ . เราตื่นแต่เช้า เพราะเจ๊มัชรูมเที่ยวเดินเคาะประตูบ้านเกือบทุกหลังที่เราพักเหมือนแขกไม่ได้รับเชิญในยามเช้าที่พวกเรากำลังหลับสบายๆ “ไปอาบน้ำได้แล้ว” เฮียใช้ไปอาบน้ำเป็นคนแรกเพราะมีภาระกิจเพิ่มเติม ตามด้วยฟ้ากั้นใจ ผมขอเป็น.. “คนสุดท้าย” .. บทเพลงของพี่ป้อมผุดขึ้นมาในหัว บริเวณร้านอาหารของรีสอร์ทได้เตรียมกาแฟ ข้าวต้มไว้ให้กับคณะของเรา รสชาดพอประมาณ ตี้หลุงอาจจะเสียอารมณ์อยู่บ้างในเรื่ององค์ประกอบของข้าวต้ม ซึ่งยังดูไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก นั่นเป็นการมองจากสายตาของพ่อครัวมือหนึ่งของเราครับ พลางหยิบนีเวียครีมขึ้นมาปาดริมฝีปากบนหนึ่งที ตามด้วยเม้มริมฝีปากล่างเข้าหากัน ขยี้เบาๆ จนเนื้อครีมแตกตัวทั่วริมฝีปากเป็นมันวาว น้องโอยังดูอ่อนเพลียจากการรับประทานโค้ง ปรุงโดยฝีมือการขับรถของท่านซุปฯตั้งแต่เมื่อวาน แต่ใจยังสู้ครับ รับประทานข้าวต้มไปอีกหนึ่งถ้วย แอนจีอุนคำนวณรายรับรายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโปรแกรมเดิมที่ตั้งไว้.. น้องผักชีเดินหอบบิ๊กแม็คของตัวเองมานั่งเก้าอี้ในร้านอาหารด้วยความอิ่มเอิบ ขณะที่กุ๋ยอาหารเด็ก เขี่ยพริกไทในชามข้าวต้มย้ายไปอีกด้านหนึ่งของชาม กุ๋ยรีบกินเพราะพริกไทกำลังแตกตัวย้ายไปที่เดิม ส่วนจุ๋ม เกิลลี่เบอรี่ฟิตเปรี๊ยครับงานนี้ ยังเฟรชชี่เกินผู้หญิง เธอเป็นนักเดินทางตัวยง ในช่วงที่เราไม่มีทริปท่องเที่ยว จุ๋มมักจะเอาเรื่องท่องเที่ยวมาเล่าให้ฟังอยู่เสมอ…“..ตัวเองก็..”..เฮียใช้จะทำเสียงตัดพ้อแบบนี้ทุกครั้งที่จุ๋มเล่าให้ฟังในทริปที่เฮียใช้ไม่ได้ไปด้วย ..Mr.Escape กินข้าวต้มเสร็จก็หายไปพักใหญ่ ไปทำภารกิจยามเช้าที่เจ้าตัวบ่นว่ายังไม่เคลียร์เท่าไหร่ … ท่านซุปฯ จิบกาแฟด้วยความละเมียดก่อนหันมาหาวหนึ่งที ปากกว้างมากครับ กินอาหารเช้ากันเสร็จเก็บกระเป๋าเรียงขึ้นรถ..เมื่อรถพร้อม คนพร้อม เรามุ่งหน้าเข้าแม่อายตรงไปดอยแม่สลอง เส้นทางยามเช้าของวันนี้เต็มไปด้วยสายหมอกสองฟากฝั่งถนน รูปทรงของภูเขาเริ่มดูแปลกตาขึ้น ทัศนียภาพใกล้ๆเชียงรายทำให้นึกถึงภูเขาในเมืองจีน "ภูเขาลูกใหญ่ขึ้น สลับซับซ้อนเป็นฉากสูงขึ้นบดบังท้องฟ้าที่มีสายหมอกมาเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างขุนเขาและฟากฟ้าให้แก่กันและกัน" ถ้าน้องโอได้ยินวลีนี้ อาการเดิมคงจะกำเริบอีกแน่ๆ (อ้วกไปเลยน้อง) เราแวะพักรถกันที่ไร่ส้มระหว่างทาง ต้นส้มปลูกเรียงรายสลับการตกแต่ง เพื่อให้นักทองเที่ยวได้แวะดื่มกาแฟและชมบรรยากาศ เก็บภาพประทับใจ ถุงส้มหลายกิโลถูกลำเรียงขึ้นรถเป็นเสบียงเพิ่มเติม เราผ่านหมู่บ้านชาวเขาขึ้นไปสู่ดอยสูง เพื่อไปชิม "ชา" หอมๆ บนยอดดอย แต่ในใจผมกำลังนึกไปถึงขาหมูยูนานกับหมั่นโถวร้อนๆ แกล้มผัดปวยเล้ง เป็ดร่อนเนื้อนุ่มๆ ตามด้วยชาร้อนสักถ้วย ในบรรยากาศของคุ้มนายพลต้วน ประวัติคร่าวๆ..เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2504 กองกำลังจีนพลัดถิ่น จากกองพล 93 ที่อพยพลี้ภัยทางการเมืองภายในประเทศจากประเทศจีน ได้อพยพกำลังพลเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณ ชายแดนประเทศไทยโดยกองพลที่ 3 นำโดยนายพลหลี่ เหวิน ฝาน ตั้งมั่นอยู่ บริเวณอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และกองพลที่ 5 นำโดย นายพลต้วน ซี เหวิน ตั้งมั่นอยู่บริเวณดอยแม่สลอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มาตั้งรกรากและเปิดกิจการร้านอาหารจนมีชื่อเสียงที่นักท่องเที่ยวทุกคนอยากไปสัมผัส ... รถค่อยๆไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงยอดดอย พ่อค้าแม่ค้ารวมทั้งนักท่องเที่ยวค่อนข้างมากในปีนี้ ชาวเขาพื้นเมืองเดินขายของที่ระทึก "ยี่สิบ่ะ" เครื่องประดับสไตล์อาข่า ที่ถักจากเชือกไหมพรมร้อยลูกปัดและเม็ดเงินหลากสี ...เราจอดรถบริเวณภัตราคารโอเพ่นแอร์ เดินขึ้นบรรไดไม้ตรงไปจับจองโต๊ะเพื่อสั่งอาหารกลางวัน..ตัวร้านเป็นการปลูกสร้างด้วยไม้ทั้งหลังลักษณะรูปทรงเหมือนศาลาการเปรียญสีเข้มขนาดย่อมๆ แต่ก็ดูมีรสนิยมแบบไชนีส สไตล์ เสียงเพลงจีนในร้านขับกล่อมลูกค้าช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูเป็นจีนมากยิ่งขึ้น ได้ยินเสียงจุ๋มและน้องแอนนิต้าร้องคลออยู่เบาๆ “มวลเถาวัลย์ป่าใบเขียว คดลดเลี้ยวพันเกี่ยวคบไม้ใหญ่ ฝูงมัจฉาว่ายแหวกน้ำใส เวียนวนไปภายในสายวารี” ธิดาดอยฉบับภาษาจีน ตามด้วย เทียน มี มี่ ของเติ้ง หลี่ จวิน น้องแอนนิต้าหยีตาเล็กลงให้ดูเป็นจีนมากขึ้นไปอีก หันไปมองเฮียใช้ก็เอากับเค้าเหมือนกัน ขัดแย้งคนอื่นๆที่ทำตาโตกับเมนูบนโต๊ะอาหาร เป็ดร่อนและขาหมูถูกเสนอชื่อเข้าชิงเป็นอันดับต้นๆ ตามมาด้วยเห็ดหอมอบซีอิ๊ว หมูทรงเครื่องสไลด์บางๆ บนผักดอง ผัดปวยเล้ง ผัดหมี่ยูนาน หน้าตาเหมือน
หมี่ฮ่องกง แต่เอะใจว่าเมื่อขาหมูยูนาน หมี่ก็คงชื่อเดียวกัน น้องกุ๋ย อาหารเด็กหันไปเล่นกับเด็กผิวขาวตัวกลมหน้าตาจ้ำม้ำ ข้างๆโต๊ะเรา นึกถึงหยั่นหว่อหยุ่นขึ้นมาเลยครับ หลุงกำลังเพลินกับส่วนผสมของอาหารที่วางบนโต๊ะ จารนัยส่วนประกอบให้เราฟังอย่างผู้เชี่ยวชาญ...เราทานอาหารเคล้าบรรยากาศเย็นๆ คลอไปกับเสียงเพลง แต่ก็กลบด้วยเสียงของช้อนที่ชนกัน ชาร้อน ถูกรินลงในถ้วยเล็กๆ ระเหยเป็นไอลอยขึ้นมายังไม่ทันจะถึงหน้าเรา ก็ถูกคว้าถ้วยยกขึ้นดื่มเพื่อรีบล้างไขมันตามเข้าไป เสียงช้อน จาน และตะเกียบดังสลับกันไปกับเสียงเพลง
... ร้านขายชาตั้งเรียงกันอยู่มากมายหลายร้าน นอกเหนือจากชา จะมีผลไม้อบแห้งหลากชนิดบรรจุอยู่ในโหลแก้วตั้งเรียงกันหน้าร้าน..บ๊วย ลูกท้อ ลูกพลับ ลูกไหน(วะ) บ๊วยหิมะ บ๊วยอบน้ำผึ้ง สารพัดบ๊วยที่จะสรรหามาทำ... "กูว่าร้านนี้" เสียงเฮียใช้พึมพำ ย้อนวันเวลาเก่าๆ ความประทับใจที่มีต่อร้านขายใบชาร้านหนึ่งบนดอยแม่สลองยังตราตรึงเฮียใช้อยู่ไม่เสื่อมคลาย "ป่านนี้มีลูกไปแล้วมั้ง" จริงๆ ใช้คำหนักกว่านี้ครับ.. ผมกำลังพูดถึงสาวชาวจีน กับดวงหน้างดงามที่เหมือนภาพเขียนคนนั้น คนเดียวกับที่เฮียใช้กำลังพูดถึงอยู่เมื่อสองปีที่แล้ว เราซื้อชาจากเธอไปมากมาย ทั้งๆที่ตอนนี้ มันยังกองอยู่ที่บ้านหลายห่อ เราชอบซื้อชามากกว่าดื่มครับ การดื่มชาเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง แต่กับคณะของเราโดยเฉพาะพวกผู้ชาย การซื้อชาและต่อรองเพื่อสร้างบทสนทนากับแม่ค้าอาหมวยเชื้อสายจีนดูจะเป็นศิลปะชั้นสูงยิ่งกว่า ไม่ว่าเธอจะชงชาชนิดไหนให้เราชิม ดูมันช่างหอมกลมกล่อมเหมือนกันไปทุกๆถ้วย ไม่ใช่เพราะแยกแยะรสชาดไม่ได้ แต่กำลังแยกแยะความฝันกับความจริงอยู่ สองปีที่ผ่านมา เรายังเพ้อกันไม่เลิกครับ..น่าเสียดายที่ปีนี้ไม่เห็นสาวน้อยคนนั้น แม้ว่าร้านที่กำลังเลือกซื้อของอยู่จะเป็นร้านเดียวกันกับปีที่แล้ว มิน่าล่ะปีนี้รสชาดของชาเลยดูเฝื่อนๆกว่าที่เคย... "เอาบ๊วยโลนึง" เฮียใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ ผมเลยซื้อตามแบบเซ็งๆ "กูเอาท้ออีกครึ่งกิโล" ครับ ทั้งบ๊วยทั้งท้อ แล้วจะหวังอะไรอีก
... ร้านขายชาค่อยๆลับตา***งออกไป รถเราทั้งคณะหันหลังให้ดอยแม่สลองขับตามกันไปช้าๆ ผมหันไปตบไหล่เฮียใช้เบาๆ "ตัดใจเถอะเพื่อน" กลับไปกินชาดำเย็นแถวบ้านแล้วกัน.. เฮียใช้มองผ่านกระจกรถออกไป ด้วยสายตาที่ไม่เคย "เย็นชา" แบบนี้มาก่อน "เดาไม่ยากครับมุกนี้"..ทริปเหนือครั้งนี้คือความทรงจำซ้อนความทรงจำอีกที ในปีนี้เมื่อรสชาดของข้าวซอยไม่ต่างอะไรกับรสชาติชองใบชา จะหวังไปปรุงรสชาดของชีวิตมื้อหน้าอีกสักครั้ง..จะได้ไหม..เฮ่อ จบซะที...




Create Date : 18 ธันวาคม 2549
Last Update : 26 มีนาคม 2550 13:39:06 น. 0 comments
Counter : 467 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MR_ESCAPE
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add MR_ESCAPE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.