Group Blog
 
All Blogs
 

เรื่องราวเล่าขาน พันโค้งวงกลมฝั่งซ้ายปลายปี 48

เรื่องราวเล่าขาน เพื่อนกันพันโค้ง

กลับจากท่องเที่ยวครั้งนี้กลับหมู่มิตรสหาย ทำไห้ได้แรงบันดาลใจอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ ...หลังจากพวกเรารอคอยคุณมาแสนนาน...

อ่านทุกบททุกบาททุกหยาดหยดของทุกๆ กลอนแล้ว ต้องขอคารวะทุกท่านนะครับ ขอบอกว่า น้ำตาซึมนิดๆ ในความไพเราะของฝีมือทุกคนครับ...แต่สำหรับเพื่อนๆ ท่านอื่นที่ไม่ชอบแต่งกลอน ก็อย่ากังวัลนะครับ เหมือนที่ผมเคยบอกไว้....เขียนเป็นเรื่องราว..เรื่องเล่าก็ได้ครับ....ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เข้ามาอ่านข้อความของทุกคน..ทำให้รู้สึกว่า...ชีวิตเราไม่เหงาเลย..แม้สักวัน

ครั้งนี้ก็เช่นเดิมครับ...เพียงแค่อยากเล่า เท่านั้นเองครับ จึงเขียนเป็นเรียงร้อยถ้อยคำ บรรจงหยิบสละ เติมวรรณยุกต์ ไว้เคียงข้างตัวพยัญชนะ เพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่า เที่ยวกับเพื่อนกับธรรมชาติสนุกแค่ไหน...(อ่านแล้วรอดูภาพประกอบนะครับ...

เพื่อนกันพันโค้ง..

๑...ปฐมบทแห่งการเดินทาง

..........เต้นท์ เสื้อกันหนาวอย่างหนา ถุงนอน ถุงมือ ถุงเท้า ถุงขยะ หมวกกันน็อค เอ๊ย!!! หมวกกันหนาว รวมไปถึงผ้าห่มนวมผืนใหญ่ ยังไม่นับเสื้อผ้าอีกหลากชิ้นหลายยี่ห้อ อุปกรณ์การหุงหาอาหาร จาน ชาม ช้อน มีด เขียง กระทะ แก้วน้ำ หม้อใหญ่ และเล็ก อาหารเปียก..อาหารแห่ง...อาหารหมาดๆ เช่น ขนม นม เนย และแยม กาฟงกาแฟ ชาขงชาเขียว อุปกรณ์สันทนาการด้านการแลกเปลี่ยนเงินตรา ไฟฉาย เทียนเล่มใหญ่ เก้าอี้นั่ง เก้าอี้นอน เก้าอี้กึ่งนั่งกึ่งนอน ผ้ายาง ผ้าใบ หยูกยา รวมถึงไวน์แดงชั้นดีกันหนาว ฯลฯ ถูกยัดเข้าไปไว้ในกระเป๋าใบใหญ่ หลายสิบใบ ยังไม่นับรวมถึงน้ำมันสำรองและตู้เย็น คอนเฟิร์มครับว่าตู้เย็น (ไม่ต้องตกใจ จริงๆ มันคือ ลังโฟม เก็บความเย็น นั่นเอง แต่เราอยากเรียกมันว่า ตู้เย็นสำหรับใส่เนื้อสัตว์ สดๆ กันเสีย)

....ใช่ครับ พวกเราได้เตรียมการไว้สำหรับการเดินตามลอยฝัน กับ 4 วัน 5 คืน ในช่วงวันหยุดยาวๆ หลายวัน จุดมุ่งหมายของเราก็คือ เมืองที่ได้ชื่อว่า. ...มีจำนวนของความโค้งของถนนมากที่สุดในประเทศ...เกือบสองพันโค้ง นั่นคือ แม่ฮ่องสอน นั่นเองครับ

.....กระเป๋าใบแล้วใบเล่าถูกนำมากองรวมกันก่อนที่ถูกลำเลียงขึ้นไปจัดวางไว้ทั้งในและนอกรถ ในตอนนั้นพวกเราแถบไม่เชื่อสายตาว่า..สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราตระเตรียมไว้สำหรับการเดินทาง มันมากมายเหมือนมีคนเดินทางไปในครั้งนี้ประมาณ 30 คน มันเยอะมากจริงๆ ครับ เยอะจนคณะของพวกเราต่างมองหน้ากันไปมาว่า เราจะขนไปไหนกัน(ว่ะ)เนี่ย

........FORD RANGER 2.5 TUBOR ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 ประตู OFFROAD คันงามของคุณซุ้มเห็ด..ริมคลอง เป็นหนึ่งในรถที่ใช้เป็นยานพาหนะของการเดินทางครั้งนี้ รถของคุณซุ้มเห็ด...รับภาระบรรทุกของหนักหลากหลายไว้ท้ายกระบะหลัง รวมถึงถังน้ำมันสำรอง 4 ถัง ที่บรรจุทั้งน้ำมันดีเซล 2 ทั้ง และเบนซินอีก 2 ทั้ง ครับ...ที่ต้องมีเบนซิน เพราะว่า อีกหนึ่งยานพาหนะของการเดินทางครั้งนี้ก็คือ HONDA STREEM 2.0 7 ที่นั่ง พร้อมแล็คบรรทุกบนหลังคา(ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีพระคุณของผม ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
..... กระเป๋าหลายใบ รวมถึงตู้เย็น อยู่ในรถคันของผม กระเป๋าบางใบดันเกิดมาเป็นลูกเมียน้อย เลยถูกโยนขึ้นไปบนแล๊ค บรรทุกบนหลังคา เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่า ที่เราจัดของใส่รถทั้งสองคันเสร็จ....แต่ใบหน้าของพวกเราก็ไม่มีล่องลอยของความเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย แต่กับเต็มก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้ร่วมเดินทางกัน

.....นาฬิกา บนข้อมือของคุณซุ้มเห็ด...เรืองแสงออกมาด้วยพรายน้ำอย่างดี กระทบสายตาของผมบอกว่า เป็นเวลา 21.39 นาทีของคืนวันที่ 1 ธันวาคม 2549 เป็นเวลาอันเป็นมหามงคลฤกษ์ ที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่พวกเราได้เริ่มออกเดินทางกัน

.....เสียงประตูรถปิดดังตั๊บตั๊บ กุญแจถูกปิดสตาร์ท เครื่องยนต์ ทั้ง 2 คันคำรามเสียงหวาน...ทักทายกันไปมา น่าฟังยิ่งนัก ไฟหน้าถูกเปิด แสงไฟส่องลำแสงทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา

...คุณซุ้มเห็ดนั่งตระหง่านอยู่หลังพวงมาลัย หันมามองผมซึ่งกำลังพนมมือไหว้สวดมนต์ขอพรพระ เพื่อให้การเดินทางของพวกเราครั้งนี้ปลอดภัย ให้แคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งปวง...สาธุ ผมหันไปมองทุกคนซึ่งอยู่ในตำแหน่งหน่าที่การงานของแต่ละคนแล้ว นั่นเป็นสัญญาณว่า....การเดินทางตามลอยฝัน กับ 4 วัน 5 คืน ของทริบ.....เพื่อนกันพันโค้ง เริ่มต้นแล้ว......

บทกลอนเพราะๆ

ยังจำได้ ถึงวันแรก ที่เริ่มออก
เดินทางสู่ เมืองในหมอก กลางขุนเขา
แรกวุ่นวาย กับข้าวของ ผองเพื่อนเรา
ทำไงเล่า กับข้าวของ เยอะจริงๆ
มาปีนี้ เตรียมตัวไป สู้ลมหนาว
เตรียมของหวาน ของคาว มากมายนั่น
เตรียมถุงนอน หมอนผ้าห่ม เต้นท์ใครกัน
อัศจรรย์ กับข้าวของ ที่เดินทาง

----------------------------------------
…. เรื่องระบือ ลือนาม “เมืองสามหมอก”
…. เมืองร่องน้ำ ตามคำบอก ว่าร่องสอน
…. เพื่อฝึกช้าง โขลงป่า พเนจร
…. “แม่ฮ่องสอน” นามที่ใช้ ในปัจจุบัน

…. ด้วยพระยา สิงหนาถ ราชา
…. สถาปนา เจ้าเมืองแมน แดนในฝัน
…. ครอบครองแคว้น ผืนแผ่นป่า พนาวัลย์
…. แดนสวรรค์ นักเดินทาง กลางดงดอย….

--------------------------------------------
( เย็นวันที่ 2 ธ.ค. )

.... แรกค่ำ ล้วนล้ำค่า ท้าลมหนาว
.... บนลานดาว ดารดาษ ที่โดดเด่น
.... ณ ห้วยน้ำ ดัง ใจ ในยามเย็น
.... ก่อฟืน กางเต๊น แล้วเอนกาย

.... กรุ่นกลิ่น กาแฟหอม ตอมจมูก
.... กาแฟร้อน ราคาถูก ปลูกไม่ได้
.... จำต้องริน กินกาแฟ แค่อุ่นไอ
.... กาแฟแพง แล้งน้ำใจ คงไม่เอา

.... ตลึงหมอก ระลอกคลื่น ตื่นเช้านี้
.... ฝืนเวลา นาที ที่ง่วงเหงา
.... เป็นฉากไหม ลดเลี้ยว เกลียวสีเทา
.... สลับเขา เปรียบปุยนุ่น น่าหนุนนอน

.... น้ำค้างแรง ลงคลุมหญ้า หน้าลานกว้าง
.... ให้หญ้าเขียว รองน้ำค้าง ต่างแทนหมอน
.... จิบกาแฟ แลสลับ กับบทกลอน
.... จำจากจร ห้วยน้ำดัง ยังจดจำ……

2 ธ.ค.48 ห้วยน้ำดัง
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมเนื้อที่ทั้งหมด ประมาณ 179 ตารางกิโลเมตร
----------------------------------------------
เช้า วันที่ 3 ธ.ค. 48

เข้าเขตปาย ….
แวะชิมกาแฟสดระหว่างเดินทาง
สู่จุดหมายต่อไป…….

…. หนาวสะท้าน ฟันกระทบ อกสะท้อน
คืนนี้นอน ใกล้แอ่งน้ำ ตามแนวเขา
จิบกาแฟ แลสายลม ข่มเสียงเรา
ฟ้าสกาว พราวพร่างเดือน เพื่อนเมฆา

.... หมอกบางๆ เริ่มจางแล้ว แผ่วยินเสียง
ในธารา ยินสำเนียง เสียงหรรษา
เป็นหงส์คู่ มาลอยคอ ล้อไปมา
งามทีท่า สง่าท่วง ทำนองธาร….

พักค้างแรม ข้างแอ่งน้ำ เป็นทะเลสาบกลางภูเขา
ปางอุ๋ง…. (บ้านรวมไทย) อุ๋ง หมายถึง ที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะใบใหญ่ มีน้ำขังเฉอะแฉะ
3 ธ.ค. 48
-----------------------------------------------
….นมัสการ สักการะ พระธาตุแก้ว
จิตผ่องแผ้ว ดอยกองมู บนภูเขา
เดินครบรอบ สามครั้ง ตั้งจิตเรา
อธิฐาน ตำนานเก่า เขาว่ากัน

.... เสียงระฆัง หง่างเหง่ง วังเวงหวาน
ตามตำนาน หากใครตี มีอาถรรณ์
ต้องเยือนอีก หลายเวลา มาพบกัน
ให้ใจสั่น หวั่นมีคู่ อยู่บนดอย ….

ขนาดหวั่นๆ ยังตี ซะเต็มแรง….
4 ธ.ค. 48

วัดพระธาตุดอยกองมู ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน มีทางขึ้นภูเขาไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดปลายดอย เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญที่สุด ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างโดย "จองต่องสู่" เมื่อ พ.ศ. 2403 เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากประเทศพม่า ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย "พระยาสิงหนาทราชา"
--------------------------------------------
…. คืนฝัน วันหนาว พราวน้ำค้าง
…. เดินทาง กลางไพร ในค่ำนี้
…. ค่ำนี้ นอนที่ไหน กันดี
…. ค่ำไหน นั่นคือที่ นอนเรา

…. อาศัยดิน แทนบ้าน ที่ผ่านพบ
…. มาบรรจบ ระหว่างทาง กลางภูเขา
…. ใกล้น้ำตก แม่สุรินทร์ ถิ่นลำเนา
…. ฝากเงา ผาภู ผู้มาเยือน….

คืนวันที่ 4 ธ.ค. 48 (23.00 น.)
แวะพักแรมบริเวณ น้ำตกแม่สุรินทร์
(เป็นบ้านพักที่ก่อขึ้นมาจากดิน ลักษณะคล้ายดินเหนียวสีน้ำตาล)
อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอขุนยวมและอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เคียงคู่กับทุ่งบัวตอง รวมทั้งลำน้ำปาย ซึ่งมีหาดทรายสวยงาม อุทยานแห่งชาติมีเนื้อที่ประมาณ 247,875 ไร่ หรือ 396.60 ตารางกิโลเมตร
--------------------------------------------------
…. ยะเยือกเย็น บนยอดหญ้า ฟ้าเคียงข้าง
…. จับหมอกบาง บนภูสูง ที่สุดสอย
…. ป่าดิบชื้น หมื่นวงศ์ บนดงดอย
…. สูงเสียดฟ้า ที่รอคอย ดอยอินทนนท์

กุหลาบป่า พันกว่าปี ณ ที่นั่น
มีสายธาร แห่งนิรันดร์ มาขั้นไว้
เฟรินถักทอ ห่อหุ้ม คลุมกิ่งใบ
ดุจแพรไหม ให้ไอกรุ่น มาอุ่นกัน

…. มีไม้ทอด เป็นทางเท้า ให้เดินเที่ยว
…. มีเชือก รัด ตวัดเกลียว ให้ลดหลั่น
…. เดินลัดเลาะ เพื่อศึกษา ป่าเบญจพรรณ
…. กว่าร้อยพันธุ์ ณ แผ่นดิน อินทนนท์….
5 ธ.ค. 48 (ย้อนกลับจากแม่ฮ่องสอนมาเชียงใหม่อีกครั้ง ใช้เส้นแม่แจ่ม บรรยากาศของถนนเส้นนี้ สวยมากๆ ท่านซุปฯ บอกว่าสวยสุดๆ จะแวะถ่ายรูปทุกโค้งเลย ….คงต้องอยู่สักเดือนถึงจะพอนะครับ จุดหมายคือดอยอินทนนท์)
--------------------------------------------------
สุดท้ายของการเดินทาง สู่น้ำตก แม่ยะ 1ใน5 ของน้ำตกที่สวยและใหญ่ที่สุดในประเทศ….

.... กินน้ำตก ยามฝนตก ข้างน้ำตก
.... ยินเสียงนก วิหคเหิน เดินเตาะแตะ
.... จากลำห้วย ป่าตอง ต้องลองแวะ
.... ผ่านเต็งรัง ทางแฉะๆ และชื่นฉ่ำ

ผีเสื้อสวย โบยบินอยู่ เหนือ แม่ยะ
ดุจแม่พระ รินน้ำใส ให้ดื่มด่ำ
อยู่จนเย็น ฟ้าคลุม สุมเมฆดำ
จึงต้องจำ และมาจด จนหมดใจ

.... ใจหมดจด สดชื่น ค่ำคืนนี้
.... ตามเส้นทาง บางที มีความหมาย
.... ให้จดจำ ลำนำ คำทำนาย
.... ว่าครั้งหน้า คงมาใหม่ ให้สัญญา ….

เลี้ยวรถเลาะ ตามรอย เส้นทางเก่า
มุ่งหน้าเข้า ตัวเมือง อยู่เบื้องหน้า
ทิ้งอาลัย ให้สาวน้อย ที่ล้านนา
ว่า ข้าวซอย ในปีหน้า มาใหม่ เอย….นะครับ
--------------------------------------------

มีค่ำคืน ดื่มด่ำ กับลมหนาว
น้ำค้างพราว ดาวระยิบ บนยอดเขา
เสียงสายลม กระทบหู มาแผ่วเบา
แต่เเล้วเรา ต้องรีบกลับ มาทำงาน (เหมือนเดิม)
---------------------------------------------
…. สีแสง สาดส่อง ต้องสีสด
…. งามงด อร่ามเรือง อยู่เบื้องหน้า
…. สะท้อนสี ตะวันสาด ดาษดา
…. ผลิ ดอก ออกทาบฟ้า ทาแผ่นดิน

ในบัวตอง ลองตรองดู คงรู้ได้
สิ่งที่ ธรรมชาติให้ ใกล้หมดสิ้น
หากยังเพลิน ตัดไม้ ทำลายดิน
คงสูญสิ้น เสื่อมป่า คุณค่าเดิม

…. แม้จะรัก ธรรมชาติ ขนาดนี้
…. ก็ยังมี ผู้ไม่รัก รู้จักค่า
…. แม้จะมี บทร้อยกรอง มาพรรณา
…. ยากรู้ว่า ป่าร่มเย็น เป็นอย่างไร….

----------------------------------------------
ชุ่มฉ่ำกลาง สายหมอก ละอองฝน
มีน้ำตก อันงดงาม อยู่เบื้งหน้า
ไหลระริน อยู่ข้างๆ สายธารา
เบื้องหน้า นามนั้นคือ แม่ยะ และ วชิรธาร

----------------------------------------------





 

Create Date : 21 มีนาคม 2549    
Last Update : 21 มีนาคม 2549 17:29:47 น.
Counter : 374 Pageviews.  


MR_ESCAPE
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add MR_ESCAPE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.