space
space
space
space

ไอ้เวร...เอ้ย..ร้อยเวร

เช้าวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เขียนกำลังปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ซึ่งก็คือการจัดเตรียมอาหารเช้าให้เจ้าข้าวปั้นตัวน้อย ขณะกำลังง่วนๆ อยู่ในครัว คุณยายก็จะมาร่วมง่วนๆ อยู่ด้วยเหมือนเช่นทุกวัน  ส่วนใหญ่เราแม่ลูกจะมีเวลาแช๊ตกันก็ตอนเช้าๆ ที่ลูกและผ..สระอัวยังหลับอุตุดกันอยู่นี่หล่ะค่า...หุ หุ... วันนี้ คุณยายก็ได้เรื่องตื่นเต้นมาเล่าให้ฟัง ยายเล่าว่า บ้านยายแป๋ว..ซึ่งก็คือบ้านหลังสีเขียวที่อยู่ตรงหัวมุมปากซอยทางเข้าบ้านเรา ซึ่งอยู่ถัดบ้านเราไปประมาณ 3 หลัง และอยู่อีกฝั่งของถนนซอย.. ถูกขโมยเข้าบ้าน..อื้ม..อีกแล้วคับท่าน... แล้วก็เล่าว่า พอดีคุณผู้ชายของบ้านลงมาเข้าห้องน้ำตอนขโมยกำลังเข้าบ้านพอดี ก็เลยป๊ะ!!กัน   เริ่มตื่นเต้น..แล้วไงอีกหง่ะแม่...เค้าสู้ไม๊... ยายว่า เค้าฉลาดเค้าไม่สู้ เพราะพอเจอปุ๊บมันเอามีดจี้เลย แล้วก็รูดบรรดาแหวนนาฬิกาเครื่องประดับที่ติดตัวไปหมด มือถือเอยอะไรเอย..มูลค่านับรวมๆ ก็หมดไปประมาณ 3 แสนได้...


ฟังเรื่องราวแล้ว ทำให้ผู้เขียนหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับบ้านผู้เขียนเอง เมื่อราวๆ 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ตอนนั้น ผู้เขียนเพิ่งจะคลอดเจ้าข้าวปั้นได้ไม่นาน..ที่บ้านก็ทำเป็นโฮมออฟฟิศ คือชั้นล่างเป็นออฟฟิศ ชั้นบนเป็นที่พักอาศัย.. ด้วยเนื่องจากเพิ่งคลอดได้ไม่นาน เจ้าข้าวปั้นน้อยจึงยังปรับเวลานอนไม่ได้ กลางคืนจะยังร้องโยเยทำให้เราสองคนพ่อแม่ไม่ค่อยได้หลับได้นอนหลับกันนัก  รุ่งสางของวันหนึ่ง มีเสียงเคาะประตูห้องนอน ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. ผู้เขียนเปิดประตูมาอย่างรมณ์เสีย..มีอะไรเจ้าคอน มาเคาะประตูปลุกกันแต่เช้า.. ซ๊อๆ ยายให้มาบอกว่า ขโมยเข้าบ้าน.. ฮ๊า... ตาสว่างทันที.. รีบวิ่งตามเจ้าคอนลงไปข้างล่าง..สภาพที่เห็นก็คือมีรอยเท้า(เท้าเปล่า) สันนิษฐานว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 2 คน เดินเข้าออกเป็นทาง และคอมพิวเตอร์หายไป เลือกเอาแต่เฉพาะ Case จอไม่เอา เข้าใจว่าเนื้อที่ในการบรรทุกคงไม่พอเพราะจอใหญ่  หายไปทั้งหมด 7 เครื่อง โทรศัพท์ไร้สายพานาโซนิกถูกถอดออกไป 2 เครื่อง โทรศัพท์ซัมซุงรุ่นใหม่ล่าสุดของป่ะป๊าวางลืมไว้ข้างล่าง อีก 1 เครื่องและอะไรๆ อีกจำนวนนึงก็จำมะค่อยได้ละ


ผู้เขียนเข่าอ่อนเลย รีบโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ ในใจตอนนั้น ร้อนรนมาก เพราะบริษัทฯ เราขายงานที่เป็นข้อมูล ซึ่งอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่พวกมันเอาไปซะเป็นส่วนใหญ่ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่มันไม่แบกเอา server ไปด้วย มันแบกไปแต่เครื่อง Client แต่แค่นั้นก็ทำให้งานทุกอย่างชะงักงันไปเลย ตำรวจที่รับแจ้งเหตุ ชุดแรกขับรถกระบะเข้ามาจดๆ ถามๆ แล้วก็ไป ชุดที่สองเข้ามาตรวจสอบลายนิ้วมือ และหลักฐานที่คนร้ายทิ้งเอาๆ ไว้..ผู้เขียนเฝ้าดูด้วยความหวังว่าน่าจะตามตัวมันมาได้ไม่ยากนัก เพราะมันน่าจะไปไม่ได้ใกล และแล้วทุกสิ่งก็เงียบหายไป... ผู้เขียนกับสามีขับรถไปยังสน.สอบถามร้อยเวรว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว ร้อยเวรตอบแบบขอไปที ผู้เขียนก็พยายามจะถามว่า ตำรวจส่งคนไปตามที่ไหนมาบ้าง ไปดูทางเข้าออกไม๊ ที่สงสัยซาเล้ง..จะใช่หรือเปล่า ขอรายงานความคืบหน้าหน่อย...ไอ้เวร เอ๊ยยย..ร้อยเวร..มันก็เกิดอารมณ์ แล้วมันก็ตอบผู้เขียนมาด้วยเสียงดังฟังชัดว่า จะให้มันทำยังไง วันๆ มีคนโดนขโมยขึ้นบ้านมากมาย จะให้มันออกไปตามทุกรายก็คงไม่ไหวหรอกโอ้โฮ... ผู้เขียนไม่ยอมลดละ ยังคงสอบถามต่อไป จนร้อยเวรไล่ให้ไปคุยกับฝ่ายสอบสวนพิเศษ เข้าไปก็ไปตามเรื่อง มีการพูดคุยกัน ได้ข้อมูลมาดังนี้ค่ะ การที่ตำรวจไปตรวจรอยนิ้วมือ ก็เพื่อนเอารอยนิ้วมือไปเทียบกับอาชญากรที่เคยจับได้ว่าตรงกับใครบ้างไม๊ ซึ่ง case ของคุณไม่ตรงเลย อืม... แล้วก็คุยกันต่อ จับใจความจากการพูดคุยได้ดังนี้ค่ะ  "ตั้งแต่มี history ของคดีย่องเบามา ไม่เคยจับได้เลยยยยย ไม่เคยมีใครได้ของคืนเลยยยยยย"  




ฟังดังนั้นแล้ว เราสองคนสามีภรรเมียก็เริ่มละเหี่ยใจ..และคิดได้ว่า เราไม่สามารถคาดหวังอะไรกับของที่หายไปอีกแล้ว คงต้องถือเป็นการฟาดเคราะห์ไป แล้วก็ตัดสินใจเดินทางไปซื้อเครื่องคอมฯ ใหม่ทั้งหมดเพื่อให้น้องๆ สามารถทำงานต่อไปได้....ผู้เขียนไม่แปลกใจเลย ที่เมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งได้ยินข่าวการจับหัวขโมยรายนึงได้ ซึ่งหัวขโมยรายนี้ เป็นเจ้าของร้านอาหารอยู่ย่านพระราม 9 หรือแถวๆ นั้น  เชื่อมะคะ เค้าขโมยจนรวยอ่ะค่ะ รวยหลักหลายสิบล้าน และปัจจุบันก็ยังยึดอาชีพขโมยอยู่ เชื่อมะคะเวลามันขโมยขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ไปขโมยค่ะ...


นี่เป็นเหตุผลที่ผู้เขียนไม่ไถ่ถามกับยายเรื่องว่าบ้านนั้นแจ้งตำรวจหรือยัง  หรือจะสามารถตามขโมยคนนี้ได้หรือไม่.. เพราะคำตอบรู้อยู่แก่ใจผู้เขียนอยู่แล้ว แต่ยายก็เล่าว่าคุณผู้ชายของบ้าน ตั้งเงินรางวัล 5 หมื่นบาท ถ้ามีใครให้เบาะแสหรือจับขโมยได้.. เอ้อ..แปลกเนอะ  โดนขโมยของก็เรียกได้ว่าเป็นผู้สูญเสียแล้ว ยังต้องควักกระเป๋ามาให้เงินรางวัลแก่คนอื่นอีก เพื่อความหวังที่ว่าจะได้ของคืนบ้าง.. 




ยายบอกผู้เขียนว่า รู้สึกกลัวมาก เพราะบ้านเราเป็นแบบกระจก ถึงแม้หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว เราจะมีการต่อเติมเสริมบางอย่างเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น แต่ยายก็ยังกลัวอยู่ดี เพราะยายนอนอยู่ชั้นล่างคนเดียว ส่วนบ้านอื่นๆ ก็คงต้องขวัญหนีดีฝ่อกันไปสักพัก


ที่มาเล่านี่ ก็อยากจะให้เป็นอุทธาหรณ์แก่ประชาชนตาดำๆ อย่างเราๆ ท่านๆ ที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับคุณสรยุทธ์  ไม่ได้เป็นญาติกับคุณสมัคร.. ไม่ได้จบนายร้อยรุ่นเดียวกับใครว่านับวัน มิจฉาชีพ อาชญากร ขโมยขโจร ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น เปลี่ยนรูปแบบมาไม่ซ้ำกันแต่ละวัน เราต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองให้มากที่สุด เพราะบ้านเราเมืองเราไม่ได้มีมาตรการ หรือบุคลากรที่จะมาปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของท่านได้  ดังนั้น ควรใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ระแวดระวังภัยไว้บ้าง ก่อนจะหลับนอนตรวจสอบกลอนประตูให้ดี... ไม่งั้น..มันจะมาเยือน...






Free TextEditor




 

Create Date : 26 มิถุนายน 2551   
Last Update : 26 มิถุนายน 2551 17:57:01 น.   
Counter : 527 Pageviews.  
space
space
ณ. สวนรถไฟ.... กับน้องถึก


ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เวลามองแบบนี้แล้วรู้สึกดีจริงๆ ค่ะ



เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นอกจากทำงานบ้าน เอาเสื้อผ้าที่ใส่มาทั้งอาทิตย์ยัดใส่เครื่อง 3 ครั้งพร้อมตาก...แล้ว  ตอนเย็นหม่าม๊ามีแผนจะพายายกับหลานตัวน้อยไปเที่ยวขี่จักรยานเล่นที่สวนรถไฟ   โดยรอเวลาให้ข้าวปั้นตื่นจากการนอนกลางวันซะก่อน ซึ่งข้าวปั้นก็ตื่นนอนตอนบ่าย 3 กว่าๆ ล้อหมุนจากบ้านก็ประมาณ บ่าย 3.45 น.ขับรถไม่นานก็ถึงที่หมาย  วันนี้ แบกจักรยานของเจ้าตัวเล็กมาด้วยค่า... ส่วนคุณยายไปเช่าเอาสนนราคาก็  20 บาท ก่อนเข้าสวนก็แวะซื้อของทานเล็กน้อย ไม่ค่อยมีอะไรให้เลือกมากนัก นอกจากของทอด ปิ้ง ย่าง + ข้าวเหนียว กะเข้าไปป้อนข้าวเจ้าข้าวปั้นกันข้างในซะเลย...



เริ่มตั้งท่าขี่ก็หน้าเบ้แล้วคร่า.... จะรอดมะนี่


พอไปถึงก็ให้เจ้าตัวเล็กเริ่มขี่จักรยาน...ข้าวปั้นค่อนข้างจะตื่นตาตื่นใจเพราะมีเพื่อนๆ รุ่นพี่และรุ่นราวคราวเดียวกันขี่จักรยานผ่านไปมาคึกคักเชียว ส่วนยายก็ขี่นำไปบ้างหยุดบ้าง ด้วยความห่วงหลาน ก็หยุดรอซะเป็นส่วนใหญ่ สวนสาธารณะที่นี่ เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ และร่มรื่นมากค่ะ เรียกว่าถ้าให้จัดอันดับสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ แล้วหล่ะ ก็หม่าม๊าให้ที่ 1 เลยยย สวนลุมยังสู้ไม่ได้... เพราะที่นี่มีกิจกรรมต่างๆ ให้เลือกมากมาย ที่หม่าม๊าเห็น ก็มีสนามเด็กเล่นกว้างขวาง สระว่ายน้ำ กิจกรรมวาดภาพ พายเรือ หรือจะนั่งปิกนิคข้างบึงก็มีบึงใหญ่ๆ อยู่หลายจุดให้เลือกเชียวค่ะ เหมาะสำหรับครอบครัวที่รักสุขภาพ และธรรมชาติ แต่ไม่มีเวลา แนะนำค่ะ ไปใช้เวลาทำกิจกรรมเสริมสร้างความแข็งแรง และเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้กับครอบครัว...



คุณยายขี่จักรยานสีหวานฉ่ำโบ๊ะ... หม่าม๊าเลือกให้เอง โหะ โหะ


และในวันนี้เอง หม่าม๊าก็ได้รู้ได้เห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เคยได้มีโอกาสเห็นมาก่อน  ระหว่างที่พาข้าวปั้นไปเล่นที่สนามเด็กเล่นนั้น  วันนี้ หม่าม๊าสังเกตุว่ามีคนมากมายกว่าที่เคย เรียกว่า มีเด็กๆ เล่นกันเจี๊ยวจ๊าวเยอะแยะไปหมด ข้าวปั้นเลือกปีนขึ้นไปเล่นอยู่บนกระดานลื่นซึ่งหม่าม๊านำเสนอให้ จริงๆ ดูข้าวปั้นจะสนใจกระดานลื่นอีกอันที่ดูสูงชันกว่ากันเยอะ แต่หม่าม๊าว่า มันไม่เหมาะกับเด็กเล็กๆ อย่างหนู เลยนำเสนอกระดานลื่นอีกอันที่อยู่ข้างๆ กันหม่าม๊าเฝ้าดูหนูอยู่ไม่ห่างไปมากนัก เผื่อถ้าเกิดพลัดตกหกล้มก็จะได้วิ่งเข้าไปช่วยได้ทัน จากการเฝ้าสังเกตุการอยู่ในที่สาธารณะของข้าวปั้นแล้ว หม่าม๊าถึงได้รู้ว่า เมื่อเทียบกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือแม้แต่จะรุ่นพี่ขึ้นมานิด ข้าวปั้นเป็นเด็กค่อนข้างจะเรียบร้อย เวลาข้าวปั้นอยากจะเล่นอะไรที่มีคนเล่นอยู่แล้ว ข้าวปั้นจะยืนรอ รอ แล้วก็รอโดยไม่มีการรุกราน ขับไล่คนที่เล่นอยู่ก่อนเลย... เมื่อคนที่เล่นอยู่ก่อนผละไปข้าวปั้นก็จะเข้าไปเล่น แต่.... แต่เมื่อข้าวปั้นถูกรุกรานโดยผู้เข้ามาใหม่ คือมาแย่งเล่นแล้วผลักข้าวปั้นกระเด็นไป ข้าวปั้นก็จะไม่เอาเรื่องและเลือกที่จะเดินจากไป....ซึ่งถ้าเป็นนิสัยหม่าม๊า หม่าม๊าคงไม่เลือกเดินจากไปเฉยๆ แน่นอน...



ขี่ไปขี่มา ไหงอยากจะขี่สวนเลนซะงั้น


และเมื่อข้าวปั้นถูกรุกราน โดยเด็กรุ่นพี่ หรือเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ข้าวปั้นเลือกที่จะไม่สู้เลย ขณะที่เล่นกันอยู่บนกระดานลื่นมีน้องคนนึงรุ่นราวคราวเดียวกัน ง้างมือจะตบหน้าข้าวปั้น หม่าม๊าไม่ลังเลที่จะแผดเสียงออกไป  "ตบไม่ได้นะ ไม่ตบนะคะ" น้ำเสียง + หน้าตาหม่าม๊า ทำให้เด็กคนนั้นหยุดชะงักได้ทันที แล้วเลือกที่จะเดินหนีไปแทน.. ไม่นานน้องน้อยคนนั้นก็มาชวนข้าวปั้นเล่นมากกว่าจะมาตบตี ซึ่งหม่าม๊าก็ว่ามันก็น่ารักดี



หนทางข้างหน้าสุดสดใส ขี่เข้าไปลูก....ฮุย เล ฮุย


แต่เด็กรายที่สองที่เข้ามารุกรานข้าวปั้น หม่าม๊าทนไม่ได้จริงๆ หม่าม๊าดูแล้ว น่าจะอายุ 3 ขวบกว่าๆ ตัวตันๆ ใหญ่ๆ ผิวคล้ำๆ หม่าม๊าขอเรียกน้องถึก ขึ้นมาถึงบนกระดานเลื่อนปุ๊บก็ผลักข้าวปั้นกระเด็นเลย เหตุเพราะยืนขวางทางอยู่ ข้าวปั้นลงไปคลานในอุโมงค์ น้องถึกก็คลานไปรุกรานในอุโมงค์ เพราะข้าวปั้นคลานช้า เสียดายที่หม่าม๊ามองไม่เห็น กลับมาบ้านถึงรู้ว่าข้าวปั้นโดนข่วนที่ปลายคางอยู่ 3 จุด ไม่พอยังตามมาแสดงอาการกักขฬะใส่ข้าวปั้นอยู่เรื่อยๆ  หม่าม๊าชักจะเริ่มหมดความอดทน จึงเลือกที่จะทำทีพูดคุยกับข้าวปั้นด้วยเสียงดังฟังชัดว่า (จริงๆ ส่งสัญญาณบอกพ่อและแม่ของเด็ก) "ข้าวปั้น หม่าม๊าไม่เคยสอนให้ข้าวปั้นทำใครก่อน แต่ถ้าใครทำข้าวปั้นก่อน ให้ซัดโครมไปเลย หรือไม่ถ้าเจ็บให้ตะโกนเรียกหม่าม๊า เด๋วหม่าม๊าจัดให้.."



แล้วทำไมพิเรนมาขึ้นทางนี้หนอ...หลานฉัน


สิ้นเสียงหม่าม๊า ไม่ทันไรแม่ของน้องถึกก็ปรากฎกายขึ้น แล้วก็มาคอยดูแลลูกใกล้ๆ คงด้วยรู้สึกองค์ว่า เค้าควรอยู่ดูแลไอ้น้องถึกนี่ซะหน่อย  ถามจริงๆ เถอะ ถ้าหม่าม๊าไม่พูดคนเป็นแม่จะไม่รู้เลยหรือไง ว่าควรดูแลลูกตัวเองนิดนึง  คนเราอยู่ร่วมกันในที่สาธารณะ หม่าม๊าเข้าใจเรื่องการกระทบกระทั่งกันมันเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งเด็กๆ ด้วยแล้ว แต่... ผู้ใหญ่ก็ควรอยู่ดูแลใกล้ชิดนิดนึง ถ้ารู้ว่านิสัยลูกตัวเองเป็นยังไง นอกจากจะเป็นการดูแลอย่าให้เค้าได้เจ็บ  มันก็ควรดูแลอย่าให้เค้ามาทำลูกคนอื่นเจ็บด้วย มันน่าจะเป็นเรื่องที่ควรจะทำมิใช่หรือ... ลูกใครใครก็รัก..



อุโมงค์นี้แล...ที่โดนตุ๊บตั๊บๆ


พอเจอะเหตุการณ์แบบนี้ หม่าม๊าแอบเก็บมากังวลในเรื่องอุปนิสัยของข้าวปั้น  หม่าม๊าไม่แน่ใจว่า การที่ข้าวปั้นไม่โต้ตอบเลยเวลาถูกรังแกมันจะดีหรือเปล่า!??! สำหรับหม่าม๊า การที่ข้าวปั้นรู้จักรอคิว ไม่แย่งของเล่นของคนอื่น รู้จักแบ่งปัน มันก็ดีอยู่หรอก แต่เวลาข้าวปั้นถูกรังแกหรือถูกกระทำแล้วไม่โต้ตอบอันนี้ หม่าม๊าเป็นกังวล..เพราะหม่าม๊าคงไม่ได้ตามไปปกป้องข้าวปั้นได้ตลอดเวลา... หรือจริงๆ การไม่สู้คน การหลีกเลี่ยงมันเป็นการดีอยู่แล้วจริงหรือ?!?! เพราะบางที ข้าวปั้นก็อาจจะได้แผลหรือเจ็บตัวไปแล้ว... จึงจะสามารถผละออกมาจากการถูกโจมตีนั้นได้.. หม่าม๊าควรสอนข้าวปั้นให้โต้ตอบดีไม๊น๊อ.....??



เดินผ่านทางนี้ไป ข้าวปั้นด้อมๆ มองๆ อยากจะระบายสี คราวหน้านะจ๊ะลูก แม่สัญญา..






Free TextEditor




 

Create Date : 23 มิถุนายน 2551   
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:37:20 น.   
Counter : 416 Pageviews.  
space
space
วันคล้ายวันเกิด..

ก่อนอื่นก่อนใด?? ขอบคุณจากใจสำหรับทุกคนที่เข้ามาอวยพรให้ในวันเกิดวันนี้นะคะ ทราบซึ้งค่ะ ในจอเล็กๆ สี่เหลี่ยมที่ไม่มีใครเคยได้เจอะเจอกันก็ยังมีน้ำใจสละเวลามาอวยพรวันเกิดให้กันนะคะ แทงก์หลายๆ ค่า...


จริงๆ สำหรับวันนี้ เป็นวันที่ผู้เขียนได้เตรียมแผนการณ์เล็กๆ ไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ ว่าอยากจะทำอะไรบ้าง... doing list ก็มีดังนี้ค่ะ


1) บอกข้าวปั้นว่า พรุ่งนี้วันเกิดหม่าม๊านะ ตื่นเช้ามาให้ร้องเพลง Happy Birthday หุ หุ หุ
2) ตักบาตรตอนเช้า โดยอยากให้รายการอาหารที่ใช้ตักบาตร มีอะไรสักอย่างที่ทำเอง ก็เป็นบลูเบอรี่ชีสเค๊ก
3) กดสตางค์มาเตรียมไว้ให้คุณแม่ของผู้เขียนเองค่ะ (ให้ทุกปีมา 3 ปีแล้ว)
4) ทำบลูเบอรี่ชีสเค๊กใส่คัพไปฝากน้องๆ ที่ทำงาน



วันนี้ ผู้เขียนตื่นมาแต่เช้าเลยค่ะ ตื่นปุ๊บก็ลงมาข้างล่างชงกาแฟร้อนๆ มานั่งดื่มไปพลางๆ ดูข่าวเช้าไปพลางๆ จนหมดแก้ว ก็เดินออกไปยืดเส้นยืดสายด้วยการกวาดใบไม้หน้าบ้านเล็กๆ น้อยๆ  แล้วก็มาเตรียมของใส่กระเป๋าไปโรงเรียนให้ข้าวปั้นให้เรียบร้อยค่ะ พอใกล้ๆ 7 โมงก็ขึ้นไปข้างบนเพื่อส่องดูสองพ่อลูกซิว่าจะตื่นกันหรือยัง ถ้ายังก็จะได้ทำการปลุกซะเรยยยย



พอขึ้นไปก็เจอภาพนี้ค่ะ ของขวัญชิ้นแรกของวันก็คือ ภาพสองพ่อลูกกำลังเล่นกันสนุกสนานอยู่บนที่นอน  ของขวัญชิ้นที่สองก็คือ พอถามข้าวปั้นว่า วันนี้ เป็นวันเกิดหม่าม๊า ข้าวปั้นต้องร้องเพลงอะไร ข้าวปั้นก็ร้องเพลง "Happy Birthday to you" ชื่นใจแม่มากกกกกกกกที่ข้าวปั้นจำได้  เท่านี้ก็สุขเกินพอแล้วค่ะ สำหรับวันนี้


 



เป็นเวลา 3 ปีมาแล้ว ที่ผู้เขียนมีความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับวันเกิดที่เปลี่ยนไป  จากที่เคยคาดหวังอยากจะได้ (ของขวัญล้านแปด) อยากจะเฮฮาปาร์ตี้ในวันเกิด มาถึงวันนี้มันเปลี่ยนไปค่ะ ผู้เขียนกลับรู้สึกว่า วันเกิดมันเหมือนวันที่ระลึกถึงอดีตเมื่อครั้งที่เราได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาเห็นโลกใบนี้ โดยผู้หญิงกับผู้ชายคู่นึงที่เค้าเป็นคนสร้างเราขึ้นมา พ่อและแม่ของเราเองค่ะ โดยเฉพาะแม่ที่ต้องอุ้มท้องทรมานกับความแปรปรวนของฮอร์โมน และความเปลี่ยนแปลงของร่างกายถึง 9 เดือน ต้องทนเจ็บท้องคลอดเราออกมา ไม่พอยังต้องอดทนเลี้ยงดูเรามาเหนื่อยอย่างแสนสาหัส.... อันนี้ผู้เขียนรู้ซึ้งดีเลยค่ะ ก็เพราะเพิ่งผ่านมันมาแค่ 2 ปี กะอีก 8 เดือนเอง...  


วันนี้ เลยเป็นวันที่ผู้เขียนตัดสินใจว่า ผู้เขียนจะให้ของขวัญแก่แม่ทุกปีค่ะ ปีนี้ก็เช่นกัน ผู้เขียนเข้าไปไหว้ที่ไหล่ของแม่ แล้วก็ให้เป็นเงินจำนวนนึงค่ะ แม่ของผู้เขียนก็จับไหล่และอวยพรวันเกิดมาด้วยน้ำเสียงเครือๆ คงจะตื้นตันใจ นี่เป็นไคล์แม็กของวันนี้สำหรับผู้เขียนเลยนะคะ



สิ่งนึงที่ผู้เขียนเอง อยากจะฝากบอกกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เผอิญได้เข้ามาอ่าน...นะคะ ก่อนที่เราจะไปแสวงหาที่ทำบุญทำทานที่ไหนก็ตาม ผู้เขียนอยากให้ท่านทั้งหลายลองหันไปมองที่คนใกล้ตัวเราก่อนเป็นอันดับแรกนะคะ พ่อแม่บุพการีมีบุญคุณกับเรามากมาย ตอบแทนท่านบ้าง บางครั้งแค่คำพูดดีๆ สักคำที่แสดงว่าเรามีความห่วงใย และยังรักนับถือท่านอยู่เสมอก็ทำให้ท่านสุขมากมาย  ในทางสัมคมเราอาจถูกมองเป็นคนใจบุญสุนทาน เที่ยวไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กกำพร้า, เลี้ยงอาหารกลางวันบ้านพักคนชรา,แล้วสักมื้อนึง ท่านเคยพาคนที่รักและห่วงใยท่านไปทานอะไรอร่อยๆ สักครั้งไม๊คะ....ก่อนที่เราจะไปดูแลเผื่อแผ่คนอื่น อย่าลืมหันกลับมาดูแลคนใกล้ๆ ตัวให้ดีซะก่อนนะคะ


   





Free TextEditor




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2551   
Last Update : 20 มิถุนายน 2551 12:18:38 น.   
Counter : 610 Pageviews.  
space
space
My gift

เมื่อวานไปพบลูกค้ารายนึงมา เป็นลูกค้าที่ผลิตสินค้าแฟชั่นแบรนด์ดังในเมืองไทย (Jaspal, CPS, Lyns, Footwork) จริงๆเป็นลูกค้ารายเก่าแก่ที่ทางเราทำงานให้มาตั้งแต่เมื่อ 2-3 ปีก่อนนู๊น ก็ยังติดใจเรียกใช้งานกันอยู่เสมอ ไปคราวนี้  ก็มีของติดไม้ติดมือกลับมาเป็นบัตรสมาชิก My.. พร้อมกับสำทับมาว่า วันนี้ +พรุ่งนี้  Brand CPS ลดราคาอยู่ 40% ถ้ายื่นบัตรสมาชิกก็จะได้ลดเพิ่มอีก 10% ว่างั้น... แหม..ไอ้เราก็กำลังอยากจะได้บลูยีนส์สีเข้มๆ มาไว้ใส่สวยๆ เท่ห์ๆ สักตัว.. ฟังแล้วก็หูผึ่งไปเลย... แอบคิดแผนกาลอยู่ในใจ...


ว่าแล้ววันรุ่งขึ้น พักกลางวันปุ๊บก็ชวนเพื่อนร่วมงานไปเดินที่ Central ลาดพร้าวกันสักหน่อย... ไหนๆ ก็มาแล้ว นานๆ จะได้หลุดมา Shop สักที List แรกที่มองหาก็อยู่แถวๆ แผนกเครื่องสำอางค์ หุ หุ เดินวนจนครบรอบก็ป๊ะกันจนได้ เคาท์เตอร์ตกแต่งสีเรียบๆ ไม่โดดเด่น แล้วยังไปอยู่ข้างๆ เคาท์เตอร์ Anna sui อีก เลยเห็นความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในการจัดเคาท์เตอร์เลย  พอเห็นปุ๊บก็เดินตรงเป๊งเข้าไปเลยค่ะ เคาท์เตอร์  Cle'de peau beaute สำหรับ list แรกในวันนี้เป็น Cream foundation ค่ะ ตรงเข้าไปถามบีเอเลย น้องถามสนใจตัวไหนคะพี่ มี 2 ตัวค่ะ เลยบอกน้องบีเอว่า พี่ต้องการตัวที่ปกปิดนิดนุง เพราะมีกระ และรอยแผลเป็นจากสิว น้องแนะนำตัวครีมซึ่งเป็นกระปุกสี่เหลี่ยม น้องให้ลองแค่ 2 สี  010 กับอีกสีจำเบอร์ไม่ได้ แล้วบีเอก็เชียร์ให้ซื้อสีที่คล้ำนิดนุงจะได้ปกปิดได้ดีกว่า แต่ผู้เขียนดูแล้วดูอีก ก็รู้สึกว่ามันจะคล้ำไป ก็เลยเลือกเบอร์ 010 น้องบีเอใจดีแถมตัวเทสเตอร์ครีมบำรุงผิวมาให้ 2 กล่อง และก็ให้เบสมาลองอีก 1 กล่อง โดยที่ไม่ได้เรียกร้องอะไร แหม.. น่ารักจังค่ะ แต่ราคาแพงมะชะเล่นๆ เลยนะคะ กระปุกกระจิ๊ดนุง 4400 บาท แต่เอาน่า... ถือซะว่าซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเองในปีนี้ก็แล้วกัน เมื่อบรรลุ Objective แรกแล้ว



ไปที่ Objective ที่ 2 กันเลยค่ะ ตรงไปชั้นสองค่ะ ร้าน CPS พอตรงเข้าร้านไป คนเพียบค่ะ สอยกันไปคนนึงไม่มีต่ำกว่า 3 ชิ้น กวาดสายตาดูสักครู่ก็เห็นกางเกงยีนส์หลากสีแขวนอยู่เป็นราว และแปะป้ายเป็น size S,M,L เนื่องจากไม่เคยซื้อของยี่ห้อนี้มาก่อน ก็ต้องลองกันหน่อยหล่ะค่ะ ผู้เขียนลองทาบๆ ดูแล้วกะๆ เอาว่าคงจะต้องเป็น L แน่นอน ว่าแล้วก็สอยมาลอง ขนาดห้องลองยังรอกันหลายคิวเลยค่ะ แต่พอใส่ไปใส่มา ทาบไปทาบมาแล้วก็ไม่รู้สึกว่าโดนเท่าไหร่ เลยตัดสินใจเดินจากมาค่ะ คิดว่าคงต้องกลับไปมองหาแบรนด์ประจำ EP ดีกว่าค่ะ  แต่ด้วยเวลาที่จำกัดก็เลยต้องรีบลงไปกินข้าว แล้วก็กลับมาทำงานต่อตามระเบียบ





Free TextEditor




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2551   
Last Update : 17 มิถุนายน 2551 18:17:07 น.   
Counter : 523 Pageviews.  
space
space
ไชโย..ยายกลับมาแว๊วววว

เป็นเวลา 2 เดือนกะอีก 5 วันแล้วสินะ ที่ยายจากครอบครัวเราไปอยู่ที่เชียงใหม่ ยายจากเชียงใหม่มาอยู่ดูแลหม่าม๊าตั้งแต่หม่าม๊าตั้งท้องข้าวปั้นได้ 7 เดือนเท่านั้น  จนกระทั่งข้าวปั้นอายุ 2 ขวบ 5 เดือน ยายก็มีดำริอยากกลับไปอยู่ที่เชียงใหม่ แต่วันนี้ ยายกลับมาแล้ว กลับมาถึงบ้านเราตอนเช้าวันเสาร์ ข้าวปั้นเห็นยายก็กระโดดโลดเต้น รีบเอาของเล่นมาอวดยายใหญ่ แล้วก็ตามยายแจ ไม่ยอมห่าง...



แรกๆ หม่าม๊าป่ะป๊าเป็นกังวลว่าข้าวปั้นจะจำยายได้หรือเปล่า?!?! เพราะยายจากไปนานพอสมควร เลยทำให้ป่ะป๊าหม่าม๊าคิดว่า ข้าวปั้นอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้กลับมาคุ้นชินกับยายอีกครั้ง แต่กาลผิดคาดข้าวปั้นไม่เพียงแต่ไม่เคยลืมยายเลย กลับติดยายแจไม่ยอมห่าง นอนกลางวันเคยขึ้นไปนอนบนห้องกับหม่าม๊าก็ไม่ยอมจะนอนกับยาย พอตกเย็นหม่าม๊าชวนข้าวปั้นไปอาบน้ำ ข้าวปั้นก็ไม่ยอม บอกหม่ามีาว่า "ข้าวปั้นไม่อาบน้ำกับหม่าม๊าหรอก" "ข้าวปั้นจะอาบน้ำกับยาย" ฟังเค้าเข้าสิ คนเป็นยายได้ฟังก็คงชื่นใจพิลึกแฮะ.. หม่าม๊าแอบดีใจที่ข้าวปั้นรักยาย ไม่เสียแรงที่ยายเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย เป็นอันว่าระยะเวลาไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ระหว่างยายกับหลานตัวน้อยไปได้






Free TextEditor




 

Create Date : 16 มิถุนายน 2551   
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 18:45:42 น.   
Counter : 558 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  

ซึซึเระ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม่ลูกหนึ่งค่ะ....

space
space
[Add ซึซึเระ's blog to your web]
space
space
space
space
space