หมู่นี้ หม่าม๊ารู้สึกผิดสังเกตุอะไรบางอย่าง...ในตัวปั้น หม่าม๊าเฝ้าสังเกตุ และพยายามถามนำเพื่อเปิดทางให้ข้าวปั้นเล่าเรื่องราวที่ข้าวปั้นไปเจอะเจอ..มาในแต่ละวันระหว่างที่อยู่ที่โรงเรียน ถามกันมาตั้งแต่วันแรก จนบัด Now ก็ยังไม่ค่อยได้รับคำตอบ หรือผลลัพท์ตามต้องการนัก เพราะข้าวปั้นจะไม่เล่า แต่จะตอบประโยคเป็น "อื้ม" อย่างเดียวเลย... ตั้งแต่ข้าวปั้นเริ่มเข้าเตรียมอนุบาลมา ก็เป็นเวลาเกือบๆ จะ 8 เดือนแล้ว ข้าวปั้นเพิ่งเคยเอ่ยชื่อเพื่อนแค่สองคน คือน้องปังปอนด์ เมื่อนานมาแล้ว และปัจจุบันมีหลุดชื่อ น้องเก่งมาเมื่อประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้หม่าม๊าค่อนข้างจะฉงน.. เพราะก่อนหน้าจะเข้าตอ. ข้าวปั้นเคยอยู่เนอสเซอรี่มาก่อน และสามารถเอ่ยชื่อเพื่อนๆ ได้ทุกคน 18 คน เรียกไม่ผิดเลย...แต่ก็ไม่สะกิดใจพอให้หม่าม๊าตัดสินใจจะทำอะไร... แค่เพียงแต่คิดสงสัยอยู่ในใจเท่านั้น...ว่าลูกเราจะมีปัญหาเกี่ยวกับเพื่อนๆ บ้างหรือเปล่า??
ปกติตอนเช้าๆ เราสองสามีภรรเมีย จะแบ่งภาระหน้าที่กันชัดเจนในเรื่องของลูก คือป่ะป๊ามีหน้าที่อาบน้ำแต่งตัวให้ข้าวปั้น (ส่วนใหญ่หม่าม๊าจะมาช่วยด้วย) และหม่าม๊ามีหน้าที่ทำกับข้าวมื้อเช้าเพื่อห่อให้ข้าวปั้นไปทานที่โรงเรียน เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ป่ะป๊าเคยถามหม่าม๊าว่า เวลาป่ะป๊าไปส่งข้าวปั้นตอนเช้า ป่ะป๊ารู้สึกว่าข้าวปั้นเดินเข้าไปโรงเรียนอย่างเฉยเมย..เหมือนไม่ค่อยร่าเริงมากนัก เราก็มีการพูดคุยกันไปมาก็สรุปกันได้ว่าคงไม่มีอะไร อืมมม..ทดอยู่ในใจหม่าม๊าอีกหนึ่งเรื่อง แต่ก็พยายามมองปลอบใจตัวเองไปว่า..จะให้เดินหัวเราะเข้าไปทุกวันคงไม่ใช่.. และแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้หม่าม๊าตัดสินใจว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ก็มาถึง..เมื่อข้าวปั้นมีอาการผิดปกติเรื่องการไปโรงเรียน แรกๆ ถ้าไม่สังเกตุก็จะคิดว่าเป็นแค่การปฏิเสธธรรมดาซึ่งพอพูดคุยกันแล้ว ข้าวปั้นก็ยอมไปแต่โดยดีทุกครั้ง แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หม่าม๊าทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อย ก็เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปดูว่าพ่อลูกจัดการกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง หม่าม๊าก็ไปเห็นภาพ ป่ะป๊ากำลังนั่งยองๆ คุยกับข้าวปั้นซึ่งเอาตัวไปซุกอยู่ใต้โต๊ะเครื่องแป้งของหม่าม๊า แล้วเอาเก้าอี้มาปิดเพื่อบังตัวเองไว้ หม่าม๊าเข้าไปสอบถามได้ความว่า "ข้าวปั้นไม่ไปโรงเรียน.. ข้าวปั้นจะอยู่บ้าน.." หม่าม๊าต้องใช้วิชามารหลอกล่อพอสมควร ข้าวปั้นจึงยอมออกมาจากใต้โต๊ะเครื่องแป้ง..อืมมมม ทดอยู่ในใจแบบปริ่มๆ จะเต็มแล้วค่ะ วันรุ่งขึ้น..ข้าวปั้นตื่นลืมตาขึ้นมาปุ๊บ..ประโยคแรกของวันที่ข้าวปั้นพูดขึ้นมาก็คือ "ข้าวปั้นไม่ไปโรงเรียน ข้าวปั้นจะอยู่กับยาย" และจากที่เคยเรียกอาบน้ำแปรงฟันง่ายๆ ก็กลายเป็นยากเย็นไปซะทุกขั้นตอน โอเคค่ะ หม่าม๊าอยู่นิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป.. หม่าม๊าบอกป่ะป๊าว่า วันนี้ หม่าม๊าจะไปส่งข้าวปั้นเอง เพื่อทำการสืบหาเหตุที่ข้าวปั้นไม่อยากไปโรงเรียน หม่าม๊าไปส่งข้าวปั้นตอนเจ็ดโมงกว่าๆ เข้าไปในห้องเรียนซึ่งมีโต๊ะที่เด็กๆ 2-3 คนกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ ข้าวปั้นตามติดหม่าม๊าไม่ยอมห่างหม่าม๊าจึงพาข้าวปั้นไปนั่งลง และเริ่มทำการป้อนข้าวไป นั่งรอไป ไม่นานคุณครูบรีท (ครูประจำชั้นก็ปรากฎกายขึ้น)มีการกล่าวทักทายกันเล็กน้อยพอเป็นพิธี และหม่าม๊าก็เริ่มๆ เกริ่นๆ และเข้าเรื่องในที่สุด.. คุณครูบรีทเหมือนจะ Get ทันทีว่าสองวันที่ผ่านมามีอะไรผิดปกติกับข้าวปั้น คุณครูให้คำอธิบายว่า ในห้องจะมีเพื่อนของข้าวปั้นคนนึงชื่อ "น้องเก่ง" ซึ่งจะชอบใช้กำลังกับเพื่อนๆ ในห้อง และเมื่อสองวันที่ผ่านมาข้าวปั้นเป็นเป้าหมายของน้องเก่ง และเนื่องจากในห้องมีเด็กหลายคน ทำให้คุณครูกันให้ไม่ทันค่ะ..คุณครูพูดเป็นนัยๆ ว่า โดนหนัก... อืม..หม่าม๊าไม่ได้ให้คุณครูบรรยาย เพราะไม่อยากลงลึกให้เกิดอารมณ์โกรธ.. หม่าม๊าพยายามสอบถามถึงสาเหตุของความเกเร และใช้กำลังของน้องเก่ง ว่าคุณแม่ของน้องเก่งได้รับทราบถึงปัญหาเกี่ยวกับลูกบ้างหรือเปล่า ? คุณครูก็พยายามออกตัวก่อนจะพูดถึงน้องเก่งพอสมควรว่า.. คุณแม่น้องเก่งก็รับทราบค่ะ และก็กำลังพยายามช่วยกันปรับพฤติกรรมกับคุณครูอยู่ คุณครูบรีทเล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้ ประมาณเทอมที่แล้ว น้องเก่งไม่ได้เป็นเด็กเกเรใช้กำลังเหมือนตอนนี้ แต่เนื่องจากน้องเก่งประสบปัญหาทางบ้าน คือพ่อและแม่แยกทางกันเมื่อปลายเทอมที่แล้ว และก่อนจะแยกทางกันก็เข้าใจว่าได้มีการทะเลาะเบาะแว้งกันให้ลูกเห็นเป็นระยะๆ..หลังจากนั้นไม่นาน พฤติกรรมของน้องเก่งก็เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ และพยายามเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้างด้วยวิธีต่างๆ และคุณครูเข้าใจว่า บางครั้ง คุณครูก็เข้ามาดูแลพูดคุยกับข้าวปั้นบ่อยๆ ทำให้น้องเก่งเกิดความอิจฉาจึงพุ่งเป้าไปใช้กำลังกับข้าวปั้น อืมมมมม.... หม่าม๊าฟังเรื่องราวแล้วก็ตัดสินใจรอเจอตัวเป็นๆ ของน้องเก่งเพื่อทำการพูดคุยกัน ประมาณ 8 โมง น้องเก่งก็เดินทางมาถึงโรงเรียน..เดินเข้าห้องและตรงมาที่โต๊ะทานข้าว และเริ่มทานไป..มองหน้าหม่าม๊าไป หม่าม๊ามองแวบแรกกก รู้สึกว่าเด็กคนนี้ หน้าตาน่ารักดี..แถมตุ้ยนุ้ยซะด้วย..ตามมาด้วย มือคงจะหนักหน้าดู หุ หุ บทสนทนาบางส่วนระหว่างแม่ข้าวปั้น อายุ 35 ปี และน้องเก่ง อายุยังไม่ถึง 3 ขวบ หม่าม๊า : น้องอะไรคะนี่ ใช่ชื่อน้องเก่งหรือเปล่าคับ?? น้องเก่ง : พยักหน้าพร้อมยิ้มให้...น้องเก่งงงง หม่าม๊า : หม่าม๊าเป็นแม่ของน้องข้าวปั้นนะคับ.. (ข้าวปั้นมานั่งฟังอยู่ตรงกลาง..ไม่รู้โหน่เหน่อะไร) น้องเก่ง : พยักหน้า... หม่าม๊า : น้องเก่งรู้ไม๊คับ.. วันนี้ น้องข้าวปั้นร้องให้ไม่ยอมมาโรงเรียน..พอถามว่าทำไมไม่อยากมาโรงเรียน ข้าวปั้นบอกว่ากลัวน้องเก่งตี น้องเก่ง : จริงเหรอ?? หม่าม๊า : น้องเก่งตีข้าวปั้นเหรอคับ?? น้องเก่ง : พยักหน้า ช่ายยยยตี.. (แหน่ะ ยอมรับซะด้วย) หม่าม๊า : อืมมม.. น้องเก่งไม่ตีข้าวปั้นได้ไม๊ครับ เพราะการตีคนอื่นเนี่ย มันไม่ดีรู้ไม๊?? น้องเก่ง : ส่ายหน้า ไม่ด๊ายยยยย หม่าม๊า : ไม่ได้เหรอ... อืมมม น้องเก่งรู้ไม๊คับ การไม่ตีเพื่อนๆ เนี่ย ก็คือเป็นเด็กดี แล้วรู้ไม๊การเป็นเด็กดีเนี่ย..มันมีผลตอบแทนนะ เหมือนข้าวปั้น ถ้าข้าวปั้นเป็นเด็กดีนะ แม่ข้าวปั้นก็จะพาข้าวปั้นไปเที่ยวสวนสัตว์ แปลว่าถ้าน้องเก่งเป็นเด็กดี คุณพ่อคุณแม่ก็จะกลับมาพาน้องเก่งไปเที่ยวสวนสัตว์ไงคับ.. น้องเก่ง : สวนสัตว์มีช้างงงงง ด้วยน๊า.... หม่าม๊า : ช่ายยยยยย น้องเก่ง : ชี้ไปที่ตุ๊กตาเสือในมือข้าวปั้น เก่งจะเอา หม่าม๊า : อันนี้ เป็นของข้าวปั้นนะ เด๋วลองถามข้าวปั้นดูนะ ข้าวปั้นแบ่งให้น้องเก่งเล่นได้ไม๊ลูกกกก ข้าวปั้น : ไม่ให้หรอก... (ซึ่งปกติข้าวปั้นจะเป็นเด็กมีน้ำใจแบ่งให้คนอื่นเล่นตลอด) หม่าม๊า : น้องเก่งไม่เอาก็ได้เนอะ..ใช่ป่ะเนอะ.. น้องเก่ง : ช่ายยยยย ที่บ้านน้องเก่งก็มีตุ๊กตาไดโนเสาร์... หม่าม๊า : เอาอย่างนี้นะคับ.. ถ้าน้องเก่งอยากได้เสือ แม่ข้าวปั้นจะซื้อให้ แต่น้องเก่งสัญญาได้ไม๊คับ ว่าน้องเก่งจะไม่รังแกเพื่อนๆ อีก น้องเก่ง : พยักหน้ารับปาก หม่าม๊า : งั้นให้ครูบรีทเป็นพยายานนะคับ..ว่าน้องเก่งจะไม่ตีข้าวปั้นแล้ว แล้วพรุ่งนี้ เสือจะมา... แล้วหม่าม๊าก็ผละจากมา พร้อมเสียงร้องงอแงของข้าวปั้น... ที่ไม่อยากให้หม่าม๊ากลับ.. หม่าม๊าก็ต้องตัดใจ.. เพราะถ้ารีๆ รอๆ ก็จะทำให้ข้าวปั้นยิ่งร้องนานขึ้นการติดตามผลก็คงต้องดูจากพฤติกรรมของข้าวปั้นที่โชว์ออกมาเป็นระยะๆ แต่ที่แน่ๆ หม่าม๊าไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับน้องเก่งแน่นอน... ตอนกลับบ้านมาเล่าให้ยายฟัง.. ยายบอกว่าไม่น่าเชื่อว่าการที่พ่อแม่เลิกกัน จะทำให้เด็กที่อายุยังไม่ถึงสามขวบดีมีผลกระทบขนาดนี้ แต่เหตุการณ์นี้ ยายตำหนิครูซะเป็นส่วนใหญ่ว่าทำไมไม่ระวัง... สำหรับป่ะป๊า แรกๆ จะให้เปลี่ยนห้องกันเลยทีเดียว.. แต่สำหรับหม่าม๊าคิดว่าการหนีไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีนัก ข้าวปั้นยังต้องเจออะไรอีกเยอะ หม่าม๊าอยากให้ข้าวปั้นเผชิญหน้ากับมันไปพร้อมๆ กันกับหม่าม๊าและเราจะต้องผ่านมันไปให้ได้...หม่าม๊าเชื่อว่าเด็กรับรู้เหตุผลได้มากกว่าที่เราคิด... แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าอายุข้าวปั้นครบตามเกณฑ์ที่สามารถจะเรียนศิลปะการต่อสู้ได้แล้วหล่ะก็ หม่าม๊าจะไม่รีรอที่จะพาข้าวปั้นไปเรียนเลย เพราะหม่าม๊าอยากให้ข้าวปั้นได้ฝึกความแข็งแกร่งทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ มีวิชาติดตัวไว้ป้องกันตัวเองบ้าง... ถึงแม้จะมีเสียงป่ะป๊าก้องอยู่ในหูว่า..เด็กไม่สู้คนก็ดีอยู่แล้ว เพราะถ้าสู้คนโตขึ้นก็จะไปเหมือนเด็กเทคนิคที่มีข่าวยกพวกตีกันไม่เว้นแต่ละวัน...
Free TextEditor
Create Date : 02 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2551 13:51:30 น. |
|
4 comments
|
Counter : 484 Pageviews. |
|
|
น้องน่ารักจังค่ะ