Group Blog
 
All blogs
 

วิวาห์ลวง บ่วงหัวใจ ตอนที่ 2





ตอนที่ 2


หญิงสาวในชุดเดรสแขนกุดสีโอรส ผมหยิกเป็นลอนของเธอมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อยด้วยผ้าสีขาวสะอาดรับรู้ถึงสายตาของคู่ดูตฃัวที่มองตรงมาทางเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอก้วเข้ามาในที่นี้ จนตอนนี้ สายตาของเขาก็ยังคงจดจ้องมาที่เธอ หากแต่สายตานั้นไม่ใช่สายตาพิศวาสอย่างที่ผู้ชายคนอื่น ๆ ที่เคยไปดูตัวด้วยมอง แต่สายตาคมที่มองมานี้เป็นสายตาแห่งความสงสัยระคนแปลกใจ ดวงหน้าสดใสจึงทำได้เพียงหรุบต่ำลงตลอดเวลาที่นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน เพียงเพราะต้องการหลบสายตาและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันของเธอและเขา และไม่อยากให้มีใครรู้ด้วยว่าพวกเธอรู้จักกันมากก่อน เพราะมันอาจจะกลายเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ที่เป็นแรงขับเคลื่อนความฝันของสองครอบครัว เพียงเพราะคิดว่าการบังเอิญเคยพบกันมาก่อนนั้นคือ “พรหมลิขิต” แต่จิณัฐตาก็พอจะอุ่นใจอยู่ ด้วยชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะพูดจาเหมือนว่าเคยพบกันมาก่อนแต่อย่างใด


จนกระทั่งเมื่อพิลาไลขอให้คุณพิสมัยและคุณจิราพร ‘เปิดโอกาส ’ ให้ทั้งสองได้ทำความรู้จักกัน พิพิทธนจึงได้เอ่ยถามสิ่งที่สงสัยมาตลอดมื้ออาหาร


“ คุณมาที่นี่ได้อย่างไรครับ ”เขาถามอย่างสุภาพ ไม่เหลือเค้าของชายหนุ่มผู้พ่ายรักในคืนวันแต่งงานของสพล


“ ฉันโดนแม่หลอกมาน่ะค่ะ แม่บอกจะพามากินข้าว ผลที่สุดก็โดนหลอกมาดูตัวจนได้ ” หญิงสาวพูดเรื่องดูตัว ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ
แต่คำสารภาพของเธอ กลับทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มออกมาเบา ๆ ไม่ได้ และเมื่อรับรู้ว่าเธอเองก็ไม่ได้เต็มใจมาดูตัวในครั้งนี้เท่าไหร่ เขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดมันอีก


“ แล้วเรื่องวันนั้น....หมายถึงที่คุณร้องไห้ ทำใจได้แล้วหรือครับ ” เขาเปลี่ยนประเด็นในการสนทนาใหม่ เพราะรู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมา


“ ความจริงทำใจได้นานแล้วแหละค่ะ....แต่เผอิญว่าวันนั้นฉันดื่มมากไปหน่อยน่ะค่ะ ฉันเมาทีไรแล้วร้องไห้ทุกทีเลย โชคดีที่วันนั้นดื่มไม่มาก ถ้าดื่มมากมีหวังคุณต้องคุยกับฉันไม่รู้เรื่องแน่ ๆ ” พูดไปหญิงสาวก็หัวเราะไปอย่างเขิน ๆ เพราะไม่คิดว่าคนที่เห็นเธอทำตัวแย่ในคืนนั้นจะกลับมาเป็นคู่ดูตัวในวันนี้เสียได้



ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้พิลาไล คุณพิสมัยและคุณจิราพรที่แอบมองอยู่หัวเราะคิกคักชอบใจ โดยเฉพาะคุณพิสมัยที่แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางจินตนาการถึงอนาคตที่สดใสของทั้งสอง


“ คุณแม่คะ ต่อจากนี้ไป ไลจะเดินหน้าเป็นกามเทพจำเป็น ทำให้สองคนนี้แต่งงานกันให้เร็วที่สุดนะคะ ” พิลาไลเอ่ย ท่ามกลางความพอใจของทั้งสองฝ่าย


“ น้าในฐานะแม่ของฝ่ายหญิงไม่ขอขัดข้อง ” คุณจิราพรป้องปากพูด



เมื่อตรวจดูแน่แล้ว ว่าพิมพ์สุจีไม่ได้อยู่ภายในห้อง สพลจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนเพื่อที่จะหยิบของที่ลืมไว้ เขาเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อหยิบโฟมล้างหน้าและครีมที่ใช้อยู่ประจำย้ายไปอยู่ห้องพักแขกที่เขายึดเป็นที่นอนมากว่าสี่วันอย่างถาวร แต่ในขณะที่เขากำลังเก็บของลงกระเป๋าผ้าที่เตรียมมา ก็พบกับสิ่งผิดปกติบางอย่าง


“ ผ้าอนามัย...”
เขาพึมพำ ก่อนจะหยิบห่อผ้าอนามัยที่แกะแล้วและมีร่องรอยการนำไปใช้ จากจำนวนแผ่นที่ยังมีเกือบเต็มห่อ ไม่น่าจะใช้ได้หลายแผ่นนัก เมื่อชายหนุ่มชะโงกหน้าไปดูในถังขยะในห้องน้ำ ก็พบพลาสติกหุ้มผ้าอนามัยและผ้าอนามัยใช้แล้ว ซึ่งถูกห่อด้วยกระดาษเหลือใช้ทิ้งลงไปในถังขยะ เขากำห่อผ้าอนามัยแน่นจนมือสั่นด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินไปนั่งรอภรรยาสาวบนเตียงนุ่มอย่างใจเย็น


ด้านพิมพ์สุจี เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนน่าจะยังไม่ได้แยกผ้าอนามัยใช้แล้ว เก็บแยกออกจากขยะปกติ และน่าจะลืมห่อผ้าอนามัยที่เพิ่งแอบซื้อมาใช้เอาไปซ่อน ใครจะเห็นของพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถึงแม้ของพวกนี้จะเป็นของธรรมดา ๆ ที่หญิงสาวทุกคนต้องใช้ หากแต่มันคงจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดนัก ที่คนตั้งครรภ์อย่างเธอ จะมีของแบบนี้อยู่ในห้อง


ถ้าใครมาพบเข้า...ทุกคนก็จะทราบ ว่าเธอโกหกว่าท้องกับสพล เพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา !!!


ใช่ เพราะเหตุผลที่สพลต้องเร่งแต่งงานกับเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็เพราะเธออ้างว่าตั้งครรภ์ เธอจึงเอาความรับผิดชอบ ของสพลมาเป็นตัวต่อรอง ให้เธอได้แต่งงานกับเขา ไม่เช่นนั้น ผู้ชายที่รักมั่นต่อจิณัฐตาอย่างสพลน่ะหรือจะยอมมาแต่งงานกับเธอ


และทันทีที่พิมพ์สุจีเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนกว้าง ก็พบร่างสูงของสามีนั่งยิ้มเยือกเย็นอยู่ที่เตียงใหญ่ที่ควรจะเป็นของเธอและเขา หญิงสาวทำใจดีสู้เสือ กำมือแน่นและรวบรวมความกล้าเดินตรงไปหาสามีของเธอที่นั่งรออยู่


“ วันนี้นึกครึ้มอะไรงั้นหรือคะ ถึงได้มารอที่ห้อง ” พิมพ์สุจีพยายามคุมเสียงให้อยู่ในโทนปกติ


“ ผมอยากรู้...ว่านี่หมายความว่าอะไร ” เขายกมือขึ้น และสิ่งที่สพลถืออยู่ในมือทำเอาพิมพ์สุจีหน้าเสีย


“ ผ้าอนามัยไง ไม่รู้จักหรือ ” หญิงสาวยักคิ้ว ก่อนจะก้าวเข้าไปเพื่อจะหยิบห่อผ้าอนามัย พยามยามสะกัดกลั้นอารมณ์ ของตัวเองเต็มที่ บอกตัวเองว่าไม่ต้องกลัว และยื่นมือสั่นเทาเพราะความกลัวออกไป หมายจะเอาของของเธอคืนมาหากแต่ ชายหนุ่มกลับเบี่ยงตัวหนี


“ ผู้หญิงท้องน่ะ เขามีประจำเดือนด้วยงั้นเหรอ ” คิ้วหนาขมวด ใบหน้าหวานกลับกลายเป็นโกรธเกรี้ยวบึ้งตึง


“ นั่น...ฉันไม่ได้ใช้ ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงสั่น เม้มริมฝีบากแน่น


“ ไม่ได้ใช้...แล้วไอ้ที่อยู่ในถังขยะนั่น ไม่ใช่ของคุณงั้นสินะ คุณจะปฏิเสธไหมล่ะ ว่ามันไม่ใช่ของคุณ ” เขาถามอย่างเกรี้ยวกราด


“ สพล !!!! ”
หญิงสาวตั้งท่าจะวิ่งหนี หากแต่ร่างสูงไวกว่า คว้าท่อนแขนบางแล้วเหวี่ยงเธอลงไปบนเตียงนอนกว้าง ก่อนที่เขาจะเดินไปกดปุ่มล็อคประตู


“ คุณจะทำอะไร..” พิมพ์สุจีถามเสียงสั่น


“ ผมไม่ปล้ำคุณให้เปลืองแรงหรอก แล้วก็จะไม่ตบสั่งสอนคุณด้วยเพราะมันไม่ใช่วิสัยของผม ” เขานั่งลงไปบนเตียงนุ่ม ก่อนจะจับมือเธอ สายตาอ่อนลง
“ แค่คุณยอมหย่า ผมจะไม่ทำอะไรคุณ ” สายตาเว้าวอนของสพล ทำให้พิมพ์สุจีเดือดปุด ๆ “ ได้ไหม... ”


“ ฉันไม่ยอม ! ทำไมต้องยอมให้คุณกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นด้วย ”


“ ผมจะฟ้องหย่า !!” เขาบอกเสียงดังหวังจะข่มขู่ แต่พิมพ์สุจีไม่มีทีท่าว่าจะเกรงหลัวแต่อย่างใด


“ เอาสิ !! ฟ้องเลย เขาจะได้รู้ว่าครอบครัวคุณโง่ทั้งตระกูล ให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันหลอกเอาได้
ง่าย ๆ ! ”


“ พิมพ์สุจี !!!! ”
สพลบีบไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาว ก่อนจะเขย่าร่างบางอย่างโกรธเกรี้ยว พิมพ์สุจียิ้มเย็น ก่อนจะมองชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชา


“ ฉันไม่ยอมหย่าหรอกนะ จนกว่าฉันจะพอใจ แล้วตอนที่ฉันอยู่ที่นี่คุณจะทำอะไรฉันก็ได้ จะฆ่าจะแกงก็เชิญ แต่ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ไม่ยอมหย่า ฉันไม่ยอมให้คุณไปครองรักกับจิณัฐตาง่ายๆหรอก ”


“ คุณต้องการอะไรกันแน่ ” ชายหนุ่มถามด้วยความไม่เข้าใจ


“ ฉันต้องการให้จิณัฐตาเจ็บปวด ” เธอบอก แววตาของหญิงสาวส่อแววเจ็บปวดลึก สพลค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากร่างของหญิงสาว


“ คุณไม่หย่าก็ช่างคุณเถอะ ผมจะไปหาจีน ผมอยากจะรู้นักว่าคุณจะทนความเย็นชาของผมได้สักกี่น้ำ แล้ววันนั้น คุณจะต้องมาขอร้องผม ให้ผมหย่ากับคุณ...ซึ่งผมก็จะขอดูความประพฤติของคุณก่อน ว่าคุณมันน่าให้อภัยและปล่อยไปง่าย ๆ หรือเปล่า...ซึ่งผมรับรองว่าผู้หญิงแบบคุณ อดทนอยู่กับผู้ชายที่เย็นชาใส่ได้ไม่นานหรอก ” พูดจบร่างสูงก็เดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ



จิณัฐตานั่งลูบหัวของสุนัขไร้ขนตัวโปรดอย่างเหม่อลอย ทำให้ชายหนุ่มผิวเข้มส่ายหน้าช้า ๆ อย่างอ่อนใจ ก่อนจะตบไหล่เพื่อนอย่างพยายามเรียกสติ


“ แกซึมอย่างนี้ฉันก็จ๋อยสิวะ เหงาเหมือนกันนะเว้ย ไหนว่าทำใจได้แล้วไง ทำไมยังทำหน้าเหมือนกินแกงฝีมือตัวเองทำอย่างนั้นล่ะ ” ปกรณ์แกล้งว่า หมายจะให้หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้น


“ ทำมาเป็นปากดีนะกร ” หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ “ ฉันก็ขอเวลาทำใจบ้าง อะไรบ้างล่ะน่า ”


“ แกซึมอย่างนี้ เดี๋ยวลูกชายแกก็ไม่สบายใจหรอก ” พูดพลางยักคิ้วให้เจ้าตัวน้อยที่มีขนยาวเป็นหย่อม ๆ แค่บริเวณหัว แผงคอ และเท้าทั้งสี่ข้างที่ทำตาแป๋ว มองเจ้าของอย่างซื่อ ๆ


“ เกี้ยมอี๋ไม่สบายใจหรือคะ ” เธอถามเจ้าหมาน้อย “ งั้นต่อไปนี้แม่จะยิ้ม แม่จะไม่ทำให้ลูกต้องเครียดอีก ”
เสียงกระดิ่งกรุ้งกริ้งหน้าร้านทำให้สองเพื่อนสนิทหันไปมอง เนื่องจากนึกว่าเป็นลูกค้า แต่เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร ปกรณ์ก็อยากจะตรงดิ่งเข้าไปชกให้หน้าหงาย


“ มาที่นี่อีกทำไม ทำไมไม่ไปกกเมียล่ะ เมียแกล่ะอยู่ไหน ” ปกรณ์ว่า


“ ฉันมาหาจีน ” เขาทำท่าสำนึกผิด “ ขอฉันคุยกับจีนเถอะนะ ”


“ จีนไม่มีอะไรจะคุยกับพล ” จิณัฐตาบอก “ พลอย่าทำแบบนี้เลยนะ จีนไม่สบายใจ ”


“ พลอยากปรับความเข้าใจกับจีน พลอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ” เขาขยับเข้าไปใกล้ หากแต่ปกรณ์เดินมาขวางเต็มตัว


“ อย่ามาหน้าด้านนะ แกกลับไปดีกว่าไอ้พล ”


“ ฉันจะคุยกับจีน ไม่ได้คุยกับนาย ”เขาหันไปทำตาขวางใส่ปกรณ์


“ แต่จีนไม่มีอะไรจะคุยกับพลจริง ๆ ไปเถอะ ” จิณัฐตาหมุนตัวกลับ เกี้ยมอี๋มองตาแป๋ว ไม่เข้าใสสถานการณตรงหน้า หากแต่เมื่อมองร่างสูงหน้าหวาน และกลิ่นคุ้นเคย เจ้าหมาน้อยก็วิ่งกุเรงกุเรงไปหาสพล


“ พลจะบอกจีนว่า พิมพ์ไม่ได้ท้อง !! ” คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้จิณัฐตาหยุดกึก หันมามองอย่างไม่เชื่อหู สพลยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะพูดต่ออย่างมีหวัง
“ พิมพ์โกหก ว่าท้องกับพล พลเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงทำแบบนั้น แต่ผมจะหย่า ทันทีที่หย่า ผมจะขอจีนแต่งงานทันที ” จิณัฐตากำมือแน่น เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงสนิท แววตาสั่นระริกฉายแววเจ็บปวด


“ ถึงจะเป็นอย่างนั้น พลก็ต้องเคยนอนกับพิมพ์สุจี เคยนอกใจจีน ไม่อย่างนั้นพิมพ์จะอ้างว่าท้องได้ยังไง ไม่ว่าผลคืออะไรจีนไม่สน แต่ว่าเหตุคือความมักมากของพลไม่ใช่รึไง แล้วอีกอย่าง เราไม่มีวันกลับไปรักพลเด็ดขาด เพราะจีนเองก็มีศักดิ์ศรี ”


   “ ศักดิ์ศรีของจีนมีค่ามากกว่าความรักของเรางั้นเหรอ ” สพลถาม


“ ใช่...แต่ดูเหมือนว่าสำหรับพล ความใคร่ที่จะนอนกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ มันมีค่ามากกว่าความรักที่พลบอกว่ามีค่ามากมาย ” พูดจบจิณัฐตาก็ก้มลงอุ้มเกี้ยมอี๋แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว โดยไม่เสียน้ำตาสักหยด
โดยหารู้ไม่ว่า ที่ถนนตรงหน้าร้าน พิมพ์สุจีซึ่งจอดรถเทียบหน้าร้าน ลดกระจกมองเข้าไปภายในร้ายอย่างแค้นใจ มือเรียวสวยกระแทกพวกมาลัยอย่างต้องการที่ระบายอารมณ์ ก่อนที่เจ้าตัวจะขับรถบึ่งออกไป


คุณไปหาแฟนเก่าได้ ฉันก็ไปหาแฟนเก่าได้เหมือนกัน !!!


“ น้องพีพีจะกลับมาเล่นกับหนูเหมือนเดิมแล้วใช่ไหมคะคุณหมอ ”


“ ครับ...น้องพีพีหายป่วยแล้วนะครับ อย่าลืมอาบน้ำให้น้องพีพี แล้วระวังอย่าให้แกไปกินอะไรส่งเดชนะครับ ”
พิพิทธนยิ้มให้เด็กหญิงตัวเล็ก แล้วเอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าแมวสีเหลืองส้มตัวโต ก่อนเดินนำเธอออกไปจากห้องตรวจเพื่อชำระค่ารักษาเจ้าแมวน้อย


“ พีทคะ....พิมพ์รออยู่ตั้งนานแหนะ ”
พิมพ์สุจีลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาเศร้าสร้อยคลอไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นเต็มหน่วยตาทำให้พิพิทธนรู้สึกปลาบแปลบใจ


“ ใครทำให้พิมพ์ร้องไห้ ” ชายหนุ่มบีบมือนุ่มแน่น พยายามมองเธออย่างคาดคั้น พิมพ์สุจีเหลือบมองสาวใหญ่ที่ยืนอยู่หลังเคาท์เตอร์คิดเงินด้วยหางตา


“ เข้าไปคุยกันในห้องเถอะค่ะ ” พูดจบหญิงสาวก็ลากพิพิทธนเข้าไปในห้องตรวจ
สัตวแพทย์หนุ่มยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนสะอาดส่งให้หญิงสาวที่ร้องไห้หอบจนตัวโยน พิมพ์สุจีรับมาซับน้ำตาตัวเองเบา ๆ


“ พิมพ์เป็นอะไรไป ผมไม่สบายใจเลยที่เห็นพิมพ์เป็นแบบนี้ ” ชายหนุ่มถาม พลางวางมือไว้บนมือนุ่มของหญิงสาว เหมือนต้องการจะส่งผ่านกำลังใจไปให้


“ พิมพ์...พิมพ์เจ็บปวดเหลือเกินค่ะ ” เธอสะอื้นเบา ๆ “ พิมพ์รู้ว่าปัญหาของพิมพ์มันเป็นเรื่องของคนสองคน พิมพ์ไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาปรึกษาพีท แต่พิมพ์ไม่ไหวจริง ๆ พิมพ์เจ็บปวดมาก พิมพ์ไม่รู้จะไปพึ่งใครดี แต่แปลกนะ ทันทีที่พิมพ์มีปัญหา พิมพ์จะนึกถึงพีทเป็นคนแรก ...แต่ถึงอย่างนั้น พิมพ์ก็คิดแล้วคิดอีก ว่าจะมาหาพีทดีไหม..เพราะว่าปัญหาของพิมพ์...คือ....พิมพ์มีปัญหากับพล ”


“ อะไรนะ !! ” สพลถามเสียงสูง เพิ่งแต่งงานกันไปแท้ ๆ เชียวนะ เขาชกโซฟาที่ตัวเองนั่งอย่างแค้นใจ ริมฝีปากหนาเม้มสนิท ดวงตาเกรี้ยวกราด ไม่เหลือเค้าแววตาอ่อนโยนของสัตวแพทย์หนุ่มเมื่อครู่


“ พีท..อย่าไปโกรธพลเขาเลย...พิมพ์ผิดเองแหละ ” หญิงสาวก้มหน้ากำชายกระโปรงแน่น กัดริมฝีปากจนเลือดซิบ
“ พิมพ์ไม่มีค่าพอที่จะให้พลรัก...พลบอกว่า พลไม่ได้รักพิมพ์แต่งงานกับพิมพ์เพราะว่าเด็กในท้อง แล้วเขาก็ปึงปังใส่พิมพ์ยกใหญ่ แถมจับพิมพ์เหวี่ยง ล้มกลิ้งบนเตียง ไม่คิดจะสนใจใยดี แล้วก็ออกไปหาแฟนเก่า !! ”


“ ไอ้สารเลวนั่น....เอ๊ะ !! เมื่อกี้พิมพ์ว่าไงนะ มันไปหาแฟนเก่ามันงั้นเหรอ ” เขาถามเสียงเข้ม เต็มไปด้วยความโกรธที่แสดงออกมาทั้งสีหน้า แววตาและน้ำเสียง พิมพ์สุจีพยักหน้าเบา ๆ
เขานึกถึงใบหน้าของ ‘ แฟนเก่าของสพล ’ ผู้หญิงเรียบร้อย ท่าทางไม่มีพิษมีภัยที่พบกันเมื่อวันก่อน


“ เธอชื่อจิณัฐตา เขารักกันมาก มากจนพิมพ์.....” ยังไม่ทันพูดจบ เสียงเข้มก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน


“ พิมพ์ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการผู้หญิงคนนั้นให้เอง !!! ”
พิมพ์สุจีมองหน้าคนรักเก่าอย่างไม่เข้าใจ เธอเดาความคิดของเขาไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าคนสองบุคลิกแบบพิพิทธนคนนี้ จะทำอะไรกับจิณัฐตา แล้วเขาจะทำอะไรยัยนั่นได้ ในเมื่อเขาไม่ได้รู้จักเธอ...


พิลาไลปล่อยหนังสือนิยายเล่มหนาลงอย่างตกใจ โดยลืมคำนึงถึงความเสียหายของหนังสือที่จะตามมา เพราะสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อครู่มันเป็นเรื่องน่าตกใจเสียยิ่งกว่านักดาราศาสตร์ไทยจะได้เหยียบดาวอังคาร


“ พี่พีทพูดอีกรอบสิคะ นะคะ ” หญิงสาวประสานมือ ส่งสายตาวะวับขอร้องพี่ชาย


“ พี่อยากเจอจิณัฐตาอีกหลาย ๆ รอบ ไลมีแผนอะไรบ้างไหม แผนที่ทำให้จีนเขาประทับใจในตัวพี่อย่างสุดซึ้ง ในเวลาอันรวดเร็วด้วยนะ พี่ชักจะรอไม่ไหว ” ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม


“ เกิดอะไรขึ้นคะ พี่พีทของไลถึงได้กระตือรือร้นผิดปกติ ” น้องสาวหรี่ตาถาม พิพิทธนหัวเราะเสียงดัง พลางยักไหล่ ก่อนจะตบไหล่น้องสาวเบา ๆ


“ ยังไงเราก็เร่งมือหน่อยนะ อ้อ ! พี่อยากให้ดูเป็นเรื่องบังเอิญ ให้ด่วนเลยนะน้องรัก ” เขายิ้มมีความสุข ก่อนจะผิวปากอย่างอารมณ์ดี ก่อนเดินไปเล่นกับแมวน้อยขนฟูขี้เซาสีขาวล้วน นามว่า นูนู่ ที่นอนเอาเท้าเช็ดน้ำลายแล้วป้ายหน้าตัวเองเพื่อทำความสะอาดอยู่บริเวณน้ำตกจำลองเล็ก ๆ ข้างบ้าน


พิลาไลมองพี่ชายที่กลับมายิ้มแย้มอ่อนโยนอย่างรู้สึกโล่งใจ หญิงสาวกำมือแน่น สายตามุ่งมันเหมือนมีไฟลุกโชนในดวงตาคู่สวย หยิบปากกาขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุดประจำตัวสีหวาน โดยหารู้ไม่ว่า พิพิทธนพี่ชายของเธอมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์...





Free TextEditor






 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 14:46:16 น.
Counter : 391 Pageviews.  

วิวาห์ลวง บ่วงหัวใจ ตอนที่ 1








ตอนที่ 1


เสียงปรบมือดังกระหึ่มทั่วไปทั้งห้องบอลรูมของโรงแรมชื่อดัง คนทั่วทั้งห้องต่างมองไปยังจุดเดียวกันคือบนเวทีที่ถูกประดับด้วยดอกไม้หลาก สีสันสวยงาม


งานแต่งงาน....


พิพิทธนในชุดสูทสีเทาสุภาพ จ้องมองคู่บ่าวสาวด้วยสายตาที่เจ็บปวด ชายหนุ่มยกแก้วใสบรรจุน้ำสีแดงใสลงคอราวกับเป็นน้ำหวานรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะเรียกบริกรเพื่อรับแก้วใหม่ทันที

เจ้าสาวในวันนี้ช่างสวยเหลือเกิน....เธออยู่ในชุดเกาะสีขาวฟูฟ่อง เปลือยไหล่ขาว โชว์เนินอกอิ่ม ตากลมโตคู่นั้น ถูกแต่งแต้มสีสันด้วยสีชมพูอ่อนหวาน รับกับสีแก้มนวลและริมฝีปากอิ่ม ใบหน้าของเจ้าสาวแลดูมีความสุข เห็นได้จากรอยยิ้มที่ไม่เคยเหือดหายไปจากใบหน้า แทบทุกวินาที เธอจะกอดแขนผู้เป็นเจ้าบ่าวไม่ยอมปล่อย พลางสบตาเจ้าบ่าวอย่างชนิดที่เรียกว่าเป็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักอย่าง ปิดไม่มิด ไม่ยอมละสายตาไปไหน


พิพิทธนไม่สามารถทนเห็นภาพตรงหน้าอีกต่อไปได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินออกไปนอกงาน
และทันทีที่เขาก้าวออกจากงาน เขาก็เห็นใครคนหนึ่งนั่งขดตัวอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ท่าทางเหม่อลอยเหมือนเหมือนคนไร้สติ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ เผื่อว่าเธอต้องการจะขอความช่วยเหลือ


ร่างบางที่อยู่ในชุดเดรสเกาะอกสั้นสีทอง ริบบิ้นที่ผูกใต้อกเน้นให้อกสวยเข้ารูปเต่งตึง เรือนผมสีน้ำตาลเป็นลอนคลี่เต็มแผ่นหลัง ทำให้เธอดูไม่โชว์เรือนร่างมากนัก ใบหน้ากลมที่ถูกแต้มสีสันโทนสีน้ำตาลทำให้เธอดูสวยเด่น เมื่อคะเนด้วยสายตาแล้ว อายุอานามเธอคงไม่มากนัก หากแต่เมื่อเขาก้าวไปใกล้ จึงพบว่าหญิงสาวสวยที่ตกเป็นเป้าสายตาของตน กำลังนั่งหน้าเศร้า น้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบสองแก้มช้า ๆ อยู่


“ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ ” ชายหนุ่มถาม หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย เธอมองเขาอย่างแปลกใจ


เธอไม่มีทางรู้จักเขาแน่ ๆ ผู้ชายที่หน้าตาคมเข้ม คิ้วหนา และมีดวงตาที่ทรงอำนาจเช่นนี้ เธอไม่เคยพบมาก่อนเลยจริง ๆ เธอจึงละสายตาจากเขา ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ 


“ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ” เธอยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตา “ คุณมางานนี้หรือคะ เป็นแขกฝ่ายเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าว คงจะเป็นฝ่ายเจ้าสาวสินะคะ เพราะฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย ”


“ ครับ ผมแขกฝ่ายเจ้าสาวครับ....ถ้าให้เดา คุณคงเป็นแขกฝ่ายเจ้าบ่าวสินะครับ ” เขาถือวิสาสะนั่งลงข้างหญิงสาว ร่างบางหันมามองกิริยานั้นเล็กน้อย เหมือนจะทักท้วง แต่เธอก็หมดแรงที่จะห้ามการกระทำของคนแปลกหน้าคนนี้
เธอกลับคิดเสียว่า ดีเหมือนกันที่มีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน ในช่วงเวลาที่อ้างว้างและเจ็บปวดเช่นนี้



“ ค่ะ...ฉันเป็น..เพื่อนกับสพล ” เมื่อเอ่ยถึงชื่อเจ้าบ่าว แวบหนึ่ง พิพิทธนเหมือนจะเห็นสีหน้าเธอก็แลดูหดหู่ลงไป แต่เพียงครู่เดียว สีหน้าก็กลับมาเรียบเฉยเหมือนปกติ ซึ่งชายหนุ่มพอจะดูออกว่า คงมีอะไรที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้นกับเธอแน่ ๆ


“ ผมว่าคุณคงเป็นแขกไม่ธรรมดานะครับ ” เขาเอ่ยยิ้ม ๆ “ ผมเองก็เป็นแฟนเก่าของพิมพ์สุจีเช่นกัน ”
เขาเลือกที่จะเดาว่า สาวน้อยข้างกายเขามีความสัมพันธ์กับเจ้าบ่าวของงานนี้ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าสาวของงาน



“ ว่าไงนะคะ ” หญิงสาวตาโต เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้ามาในฐานะ “แฟนเก่า ” ของเจ้าสาวเช่นเดียวกับที่เธอมาในฐานะเดียวกันของฝ่ายเจ้าบ่าว


“ ผมก็ไม่ได้อยากมานักหรอกครับ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ”เขายิ้ม “เรานี่คล้ายกันจังนะครับ ”


“ ค่ะ...” ร่างบางยิ้มเศร้า
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นเล็กน้อย ที่อย่างน้อยบนโลกใบนี้ก็ไม่ได้มีเธอคนเดียว ที่เจ็บปวดจากการแต่งงานของสพลและพิมพ์สุจี


ไม่นานนัก ชายหนุ่มผิวเข้มร่างสูงในชุดสูทสบาย ๆ ก็เดินหน้าตาตื่นออกมาจากห้องจัดงาน และตรงมาจับไหล่เนียนอย่างสนิทสนม


“ มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ฮะจีน แล้วนี่แกร้องไห้ด้วยนี่ ” เขาทักอย่างเป็นห่วง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ อืม....นิดหน่อยเท่านั้นเอง ” เธอถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นฝืนยิ้ม “ ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า งานก็จบแล้วด้วย ” พูดจบร่างบางก็หันไปหาชายหนุ่มอีกคนที่นั่งดื่มไวน์อยู่


“ ขอบคุณนะคะที่คุยเป็นเพื่อน ฉันชื่อจิณัฐตาค่ะ ”
เธอเอ่ยแนะนำตัวเองก่อน เมื่อนึกขึ้นได้ว่า เธอยังไม่ได้บอกชื่อของเธอกับเขาเลย



“ ผม พิพิทธน ยินดีที่ได้รู้จักครับ ” ชายหนุ่มบอก ก่อนจะมองตามร่างบางที่เดินจากไปจนสุดสายตา ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับเข้าไปในงาน และหันไปไปสนใจหาไวน์แก้วใหม่แทน



******************************************************



เคล้ง !!!


เสียงจานกระทบพื้นดังมาจากชั้นบน ทำให้คุณพิสมัยถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตั้งแต่ตั้งครรภ์ลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัวจนกระทั่งเติบโตมาจนบัดนี้ บุตรชายของนางก็ไม่เคยกินเหล้าเมามายไม่ยอมไปทำงาน ทำการนานหลายวันขนาดนี้ มาก่อนเลย


“ พี่พีทอาการหนักกว่าที่ไลคิดนะคะ ” พิลาไล น้องสาวคนเดียวของพิพิทธนเอ่ย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนิ่มข้างมารดา



“ ไลกลัวว่าพี่พีทจะบ้าไปเสียก่อน ” กล่าวอย่างไม่ได้คิดอะไร ด้วยความที่นิสัยของเธอนั้นยังเหมือนเด็กอยู่มาก เพราะความที่เธอยังอยู่ในช่วงวัยของการก้าวข้าวผ่านความเป็นเด็กวัยรุ่น ไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ จึงมักจะพูดอะไรแบบไม่คิดเป็นประจำ ครั้งนี้เองก็เช่นกัน จึงโดนผู้เป็นแม่หยิกเบา ๆ จนเจ้าตัวร้องโอดโอย



“ โอ๊ย !!! แม่หยิกไลทำไมคะ ” หญิงสาวลูบแขนตัวเอง



“ มาว่าพี่เขาจะเป็นบ้าได้ยังไง รู้ไหมว่า....”


เสียงรถแล่นเข้ามาในบ้านเหมือนเสียงสวรรค์ พิลาไลรีบวิ่งตึง ๆ ออกไปรับแขก เพื่อเป็นข้ออ้างในการหนีการเทศน์มหาชาติของแม่บังเกิดเกล้า แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าของรถคันนั้นเป็นใคร หญิงสาวก็ทำหน้าเบ้ ยืนกอดอกมองคนที่กำลังเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเบื่อโลก


“ น้องไลมารับพี่ที่หน้าบ้านเลยหรือครับ ” พายัพหัวเราะหึ ๆ อย่างมีความสุข เมื่อเห็นสาวน้อยน่ารักที่มีรอยยิ้มพิมพ์ใจ


“ ฝันรึเปล่าคะ ” หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินเข้าบ้าน


พายัพ มองตามร่างบางที่เขาเฝ้าคอยราวมดแดงเฝ้าพวงมะม่วง เขาคอยดูเธอห่าง ๆ มาตั้งแต่เธอยังเรียนมัธยมปลาย จนบัดนี้หญิงสาวโตเป็นสาวอักษรแสนสวย อะไร ๆ ของเธอที่เคยดูดีตอนเรียนมัธยม มาเรียนมหาวิทยาลัยก็ยิ่งดูดีขึ้นนับสิบเท่า แถมยังมีแนวโน้มว่าจะดูดีขึ้นทุก ๆ ปี ไม่ว่าจะเป็นผิวขาวละเอียดอมชมพู ผมยาวสลวยชวนหลงใหลถึงกลางหลัง ดวงตากลมโต ปากบางสีชมพูหรือจมูกรั้นน่าหยิกนั่น


“ แม่คะ พี่พลับมาค่ะ ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงมะนาวไม่มีน้ำก่อนจะนั่งลงข้างมารดาตามเดิม และไม่วายหันไปย่นจมูกใส่คนที่ส่งสายตาวิบวับให้เธอตลอดทางที่เดินเข้าบ้าน


“ พี่พลับมาทำไมคะ ” หญิงสาวลอยหน้าถามดเสียงแข็ง


“ พี่มาหาเจ้าพีทครับ เห็นไม่ไปที่คลินิกตั้งแต่วันงานแต่งงานของยายพิมพ์ หมาแมวบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าคิดถึงคุณหมอจะแย่ ” พายัพบอก สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม


“ เดี๋ยวนี้หมอหมานี่ฟังภาษาหมาแมวออกด้วยเหรอคะ ” พิลาไลย้อนเสียงใส จนคุณพิสมัยทนฟังไม่ได้อีกต่อไป ต้องขัดขึ้น


“ เดี๋ยวเถอะยายไล ....ว่าแต่พ่อพลับเถอะ มาที่นี่จะมาลากตัวเจ้าพีทกลับไปทำงานสักทีใช่ไหม ” คุณพิสมัยเอ่ยถาม เพื่อหวังให้ลูกสาวของเธอเลิกกวนเพื่อนของลูกชายเสียที


“ ครับ ถ้ามันไม่ไปทำงานอีก มีหวังคลินิกขาดทุนย่อยยับ ”


พายัพ เป็นเพื่อนสนิทกับพิพิทธนมาตั้งแต่สมัยเรียนสัตวแพทย์ศาสตร์ด้วยกัน จนกระทั่งเรียนจบมาก็เปิดคลินิกรักษาสัตว์ขนาดย่อม ๆ ด้วยกัน พายัพเป็นชายหนุ่มหน้าหวาน ดวงตาเจ้าเล่ห์ ลักษณะการพูดเหมือนคนเจ้าชู้ หากแต่ก็ไม่มีข่าวว่าติดพันผู้หญิงคนไหน แตกต่างกับพิพิทธนที่เป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ใบหน้าคมเข้มส่งให้บุคลิกเงียบขรึมของเขา ยิ่งดูน่าเกรงขามจนถึงขั้นน่ากลัว แต่กลับมีคนรักเป็นตัวเป็นตนอย่างพิมพ์สุจี สาวสวย ที่บุคลิกตรงข้ามกับพิพิทธนอย่างสิ้นเชิง


เสียงโหวกเหวกโวยวายของคนบนบ้านทำให้คุณพิสมัยหันมายิ้มเจื่อน ๆ ให้แขกผู้มาเยือน ก่อนจะถอนหายใจอย่างระอา


“ แม่ ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วพ่อพลับ ตาพีทเมาเละเทะ ทั้งวันทั้งคืนเลย ตอนแรกที่ไปงานนั้น แม่ก็นึกว่าเขาจะทำใจได้แล้ว แต่ที่ไหนได้ กลับยิ่งกว่าเดิม.....”


“ ผมเองก็ไม่รู้จะบอกมันยังไงแล้วครับ ” พายัพบอก


“ หรือว่าเราจะทำวิธีของไลดีคะ ” พิลาไลเอ่ยเสียใส ทำตาโตเป็นประกายเหมือนเด็กกำลังรู้ว่าแม่จะพาไปซื้อของเล่นที่อยากได้มาแสนนาน จนทำให้มดแดงบางตัวอดยิ้มไม่ได้


“ วิธีอะไรรึ ” ผู้เป็นแม่ถาม “ ถ้าเป็นวิธีไม่ได้เรื่องล่ะก็ แม่จะหยิกให้อีกที ”


พิลาไลย่นจมูก ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ผู้เป็นแม่
“ คราวเนี้ย รับรองได้ผลค่ะ วิธีของไลมีชื่อว่า หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ความรักยอกอก ก็ต้องเอาความรักบ่ง ”

พิ ลาไลทำตาเป็นประกายราวลูกแมวได้เล่นก้อนไหมพรหม พายัพมองหญิงสาวที่พร่ำพูดเรื่องราวที่อยู่ในสมองของเธอออกมาอย่างน้ำไหลไฟ ดับอย่างเงียบ ๆ พลางพยักหน้าเห็นด้วย


“ เพราะฉะนั้น พี่พลับคะ พี่พลับไปฉุดพี่พีทได้เลยค่ะ เดี๋ยวไลจะไปเตรียมการเรื่องอื่นเอง ”


“ มันจะได้ผลแน่หรือลูก ” ผู้เป็นแม่ถามอย่างไม่เชื่อใจ


“ แน่นอนค่ะแม่ ได้ผลแน่นอน !! ” หญิงสาวลุกขึ้นยืนเท้าเอวอย่างมั่นใจ



พิมพ์สุจีค่อย ๆ ลุกออกจากผ้าห่มผืนหนาที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายของเธอมาตลอดทั้งคืน ดวงตาคู่สวยเหลือบมองที่ว่างข้างกาย ที่ว่างซึ่งควรจะเป็นที่ของสามี หากแต่นี่ก็ยังคงเป็นที่ว่าง ที่ไม่มีใครนอนตลอดมา นับตั้งแต่คืนส่งตัวเข้าหอ หญิงสาวกัดฟันอย่างเจ็บใจ เมื่อนึกถึงคำพูดของสามี


“ สิ่งที่คุณอยากได้ คือร่างกายของผม นามสกุลของผมไม่ใช่รึไง ก็นี่ไงล่ะ คุณได้แล้ว คุณเป็นเจ้าของผม คุณใช้นามสกุลร่วมกับผม แต่สิ่งที่คุณจะไม่ได้จากผม คือ หัวใจ ” เขาโยนพวกมาลัยลงไปบนเตียงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดง
พิมพ์มองการกระทำของเขาอย่างไม่เข้าใจ


“ คุณนอนในนี้ไปแล้วกัน ผมจะไปนอนข้างนอก ” เขาบอก ก่อนจะทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง หากแต่หญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวฉุดท่อนแขนของเขาไว้


“ คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น คุณจะออกไปก็แต่เมื่อฉันให้ออกไปได้ ” เธอตะโกน สายตาวะวับอย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ภายในหัวใจปวดร้าวและเจ็บแค้นอย่างไม่สามารถทนเก็บอารมณ์นั้นได้


“ คุณไม่มีสิทธิ ” เขาบอกเสียงดัง ก่อนจะแกะนิ้วเรียวออกอย่างรังเกียจ “ คุณไม่มีสิทธิกักขังผม ”


“ แต่ถ้าคุณออกไปจากห้องแล้วคนอื่นรู้ เขาจะมองฉันยังไง เราเพิ่งแต่งงานกันนะคะ สพล ”
หญิงสาวพยายามปรับอารมณ์ให้อ่อนลง หวังเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่ก็เหมือนไร้ประโยชน์


“ ผมจำเป็นที่จะต้องคอยปกป้องศักดิ์ศรีของคุณด้วยงั้นเหรอ...คงไม่ต้องหรอกมั้ง ” ชายหนุ่มยักไหล่ และพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่แคร์ว่าคนที่ฟังจะรู้สึกอย่างไร
พูดจบร่างสูงก็ก้าวฉับ ๆ ออกไปจากห้องโดยไม่สนใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว



รักกันมากรึไง.....จิณัฐตามันมีดีตรงไหน !!!


เธอม่มีวันชนะฉัน จิณัฐตา !!!



พายัพ เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของเพื่อน กลิ่นเหล้ากลิ่นเบียร์ผสมปนเปกัน จนเขาอยากอาเจียน แก้วเหล้าและกระป๋องเบียร์ที่กลิ้งอยู่ในพื้นห้องบอกจำนวนแอลกอฮอร์ที่เพื่อนรักของเขาได้ดื่มเข้าไป ส่วนเศษข้าวและเศษจานที่เกลื่อนพื้นก็บอกได้ว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเมื่อครู่ในห้องนี้


“ หมดสภาพอย่างกับหมาบ้าตอนหน้าร้อนเลยนะไอ้พีท ” พายัพพูด พลางนั่งลงบนเตียงนุ่มของเพื่อน เหลือบมองเพื่อนที่บัดนี้เคราขึ้นเขียวครึ้ม ตัวเหม็นกลิ่นเหล้าผสมกลิ่นเหงื่อคละคลุ้งด้วยสายตาสมเพช


“ อะไรของแก ฉันไม่อยากพูดกับแกไอ้พลับ ” เสียงอู้อี้บอกอย่างรำคาญ พลางโบกมือไล่


“ แกไม่อยากเจอฉัน ฉันไม่ว่าเว้ย ! แต่มีทั้งคนทั้งสัตว์อยากเจอแกเพียบ น้องหมู หมา กา ไก่ แมว เหล่าคนไข้ของแก ร้องหาแกกันใหญ่เลยนะ ”


“ ปล่อยแม่ง !!! ไม่มีอารมณ์ ” พิพิทธนบอก ก่อนจะใช้ท่อนแขนแข็งแรงดันตัวขึ้นจากที่นอน “ ฉันไม่สนใจใครอีกแล้ว ขออยู่แบบนี้สักพัก ไม่มีกำลังใจ ! ”


“ แก ไม่มีกำลังใจไม่ได้....รู้ไหม แม่กับน้องของแกเป็นห่วงแกมากนะเว้ย ไอ้ห่า... แกเลิกจมปลักเป็นควายโดนโคลนในปลักดูดได้แล้ว แกตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริง ฉันก็เคยเตือนแกแล้วว่าพิมพ์สุจีน่ะ ไม่ใช่คนดี เขาไม่มีทางหยุดที่แก ผู้หญิงแบบนั้น ถ้าจะลงเอยกับใครสักคน คนคนนั้นต้องมีดีจริง ”


“ แล้วฉันไม่ดีหรือวะ ฉันสู้ไอ้หน้าหวานนั่นไม่ได้ตรงไหน ” ตะคอกจนหน้าแดงก่ำ


“ ฐานะ ไง....ไอ้นั่นมันรวยล้นฟ้า แกมันก็แค่คนธรรมดา หมอหมาซื่อ ๆ ที่เป็นคนดี แกเคยได้ยินไหม ความดีน่ะมันกินไม่ได้ ยายนั่นรู้และเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดี ก็เลยเลือกไอ้นั่น ” เขายักไหล่ ทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา


“ ฉันไม่เชื่อว่าพิมพ์จะเป็นคนแบบนั้น ” เขาบอกเพื่อนหน้าเครียด ก่อนจะขยี้ผมสั้น ๆ ของเขาราวคนเสียสติ


“ แต่มันก็เป็นไปแล้ว อาบน้ำแต่งตัวซะไอ้พีท แล้วลงไปหาอะไรกินเสียบ้าง ”


“ ทำไมฉันต้องฟังแกวะ ” เขาหรี่ตา บอกเพื่อนด้วยท่าทางกวนบาทา พายัพจึงยกขาถีบเข้าที่เอวของชายหนุ่มแสนกวน


“ แกไม่ต้องทำตามที่น้องเขยหล่อ ๆ ของแกคนนี้บอกก็ได้ไอ้เพื่อนเลว แต่แกควรทำให้แม่กับน้องแกสบายใจ ไปอาบน้ำแต่งตัวซะ โกนหนวดด้วย รู้ไหม..ตอนนี้แกโคตรเหมือนพระเอกเรื่อง จำเลยรัก เลยว่ะ ” หนุ่มตี๋บอก ก่อนจะชกไหล่เพื่อนอีกครั้ง


“ ใครรับแกเป็นน้องเขยวะ...พูดเองเออเองกับพี่ของผู้หญิงอย่างนี้ได้ไงวะ อย่ามาคิดเลี้ยงต้อยแถวนี้ ”
พูดจบพิพิทธนก็ลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น


พายัพมองสภาพเพือนในยามนี้ พลางนึกเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ พิพิทธนเพื่อนของเขา เป็นชายหนุ่มร่างสูง หน้าคมเข้ม คิ้วหนา กับดวงตาเศร้า ผมสั้นสุภาพ ความที่เป็นคนเงียบ ๆ ทำให้ใบหน้านี้เย็นชาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อเขาได้พูดคุยกับลูกค้า หรือได้อยู่ใกล้ ๆ สัตว์ เขาจะกลายเป็นชายหนุ่มที่อบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า อีกทั้งการแต่งตัวที่มักจะมีแต่ชุด เสื้อเชิ้ต กางเกงสแลค ถึงแม้จะแต่งตัวสุภาพ เหมือนที่หมอทั่ว ๆ ไปเขาปฏิบัติกัน ก็ยังมีคนบอกอยู่หลายต่อหลายครั้ง ว่าหน้าตาของเขาไม่เหมาะกับการเป็นหมอหมาเลยสักนิด หากแต่ชายหนุ่มก็ยังยืนยันที่จะเลือกที่จะทำในสิ่งที่ชอบ โดยไม่สนใจคำคนอื่น ทำให้คนไข้สาวเล็กสาวใหญ่ติดกันให้ตรึมด้วยท่าทีสุภาพ แต่ขี้เล่นเป็นกันเองของพิพิทธน


“ แกไม่ควรเสียใจให้ผุ้หญิงแบบพิมพ์นานไอ้พีท ฉันร่วมมือกับแม่ของแกก็เพราะอยากให้แกหลุดพ้นบ่วงรักของพิมพ์สักที ”


ไม่ นานนักพิพิทธนก็ลงมาจากห้องนอน ในชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูกับกางเกงสแลคสีเทาเข้าชุดกันที่พายัพเตรียมไว้ให้ พิลาไลมองพี่ชายอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายอย่างแสนดีใจ


“ พี่พีทออกมาแล้ว ดีใจจังเลยค่ะ รู้ไหมคะไลกับแม่เป็นห่วงพี่พีทมาก ” หญิงสาวกระโดดราวเป็นเด็กน้อย ผู้เป็นพี่ชายน้ำตาคลอ


“ พี่ขอโทษ ” เขาลูบผมน้องสาวเบา ๆ อย่างเอ็นดู “ พี่อ่อนแอเกินไปน่ะ ”


“ ไม่เป็นไรนะคะ ” พิลาไลเงยหน้าขึ้นสบตา ก่อนจะดันหลังพี่ชายให้ออกไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกัน


รถCRVสีดำคันใหญ่ จอดเทียบหน้าร้านอาหารไทยบรรยากาศดีที่ตกแต่งร้านด้วยบรรยากาศแบบย้อนยุค ตัวร้านเป็นเรือนไทย เขียวครึ้มด้วยต้นไม้นานาพรรณที่ทำให้รู้สึกสดชื่นเหมือนไม่ได้อยู่ใน กรุงเทพที่แสนวุ่นวาย เสียงเพลงลูกกรุงเย็นสบายหูที่เปิดคลอเบา ๆ ทำให้จิตใจของพิพิทธนเย็นลงบ้าง พิลาไลและมารดาของเขาพาชายหนุ่มเข้าไปด้านในสุดของร้าน ที่เป็นที่ส่วนตัวที่ถูกจัดเป็นห้องเล็ก ๆ ที่มีหน้าต่างแบบโบราณ ประดับหน้าต่างด้วย กลิ่นคว่ำ ซึ่งเป็นพวงดอกไม้ร้อยเป็นกลิ่นตะแคง 6 แฉก มีพู่ระย้าสวยงาม ยามลมพัดโชยได้กลิ่นกล้วยไม้และกุหลาบชื่นใจ


“ ผมไม่เคยมาทานข้าวที่นี่เลย แม่รู้จักร้านที่นี่ได้อย่างไรครับ บรรยากาศดีมาก ” ชายหนุ่มเอ่ยชม


“ แม่เคยมาทานกับเพื่อนสองสามครั้งน่ะ นี่เดี๋ยวแม่ก็นัดเพื่อนของแม่มานะ เขาจะพาลูกสาวของเขามาด้วย น้องเขาน่ารักดีนะ เดี๋ยวเราก็จะได้รู้จัก ๆ กันไว้ ”


“ อะไรนะครับ !!! ” ใบหน้าที่บ่งบอกว่าอารมณ์กำลังสดใส กลับกลายเป็นเขียวขุ่นขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่าถูก หลอก ให้มานัดบอดโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นนี้ โดยเฉพาะไอ้เพื่อนตัวดี ที่คราวนี้ลงทุนทำเท่ห์ให้กำลังใจทำให้เขาคิดได้ พิพิทธนทำท่าจะลุกหนี แต่เขาก็หนีไม่ทันเสียแล้ว เมื่อพนักงานในร้าน นำแขกผู้มาใหม่เดินผ่านประตูไม้เข้ามา....































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 22:06:26 น.
Counter : 422 Pageviews.  

1  2  

kibosi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kibosi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.