• My Trips
• My Make-Up
• My Dress
• My Skincare
• My Gallery
• My Beauty Tips
• My Healthy Tips
• My Fashion Tips
• My Tips
• My Love Tips
• My Sex Tips
• My Vitamins
• My Accessoriesss

ปกป้องผิวใส ในวัย 20 ปกป้องผิวใส ในวัย 20 1. ผิวพรรณ 1.1 การดูแลผิวพรรณขั้นพื้นฐาน - ในขั้นแรกควรใช้ Oil make up remover เพื่อล้างเครื่องสำอางออกก่อน จากนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีความอ่อนโยนต่อผิว การล้างทำความสะอาดผิวหน้ามากเกินไป อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายผลิตไขมันออกมามากขึ้น - ควรขัดหน้าอย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ microbeads หรือเอนไซม์จากมะละกอก็ได้ - ไม่ควรใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะนำความชุ่มชื้นออกจากผิว เลี่ยงเลี่ยงการใช้โทนเนอร์บริเวณตาและควรใช้สำลีเช็ดหน้าในลักษณะการย้อนขึ้น - ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 20 นาที ควรเลือกชนิดที่สามารถกันแดดได้ทั้ง UVA และ UVB หากมีกิจกรรมว่ายน้ำ ควรทาซ้ำอีกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นการว่ายน้ำแล้ว 1.2 ครีมบำรุงผิว - หากเป็นคนที่มีผิวมัน เลือกใช้ครีมบำรุงที่ส่วนประกอบปราศจากน้ำมัน (Oil free moisturizer) - หากเป็นผิวแพ้ง่าย เลือกใช้ครีมบำรุงที่ปราศจากน้ำหอม (Fragrance free) - หากเป็นคนผิวแห้ง ควนเลือกใช้ทั้งครีมบำรุงและซีรั่ม เนื่องจากซีรั่มจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิวชั้นใน ขณะที่ครีมบำรุงจะช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นออกจากเซลล์ผิวชั้นนอก 1.3 การรักษาสิว - ใช้ครีมหรือเจลที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย เช่น Clindamycin, Benzoyl Peroxide - ใช้ครีมหรือเจลที่ประกอบด้วย Salicylic Acid เพื่อผลัดเซลล์ผิวชั้นบนของสิวออก 1.4 การรักษาพิเศษ - ใช้ AHA หรือ เอนไซม์จากเปลือกผลไม้ ซึ่งจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เพื่อเผยผิวใหม่ ซึ่งภายหลังการรักษาต้องใช้ครีมกันแดดร่วมด้วย เนื่องจากผิวหน้าจะมีความไวต่อแสงแดด - Laser rejuvenation: เป็นเทคโนโลยีอีกรูปแบบหนึ่งที่ช่วยทำให้รูขุมขนกระชับและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ภายหลังการรักษาต้องใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยทุกวัน และควรทำซ้ำทุก3-4 สัปดาห์ - Ionophoresis/ Phonophoresis: ช่วยในการผลักวิตามินเข้าสู่ผิวหนังได้ลึกขึ้น โดยเฉพาะวิตามิน ซี กรดวิตามินเอ เป็นต้น 2. อาหาร 2.1 รับประทานแร่ธาตุ Zinc และ Copper ซึ่งมีส่วนช่วยต้านการเกิดสิว 2.2 เลือกรับประทานอาหารที่มีแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น - Coenzyme Q10 ซึ่งได้จากเนื้อสัตว์ ถั่ว ปลาซาร์ดีน ปลาเมคเคอเรล ปลาแซมมอล ผักป๋วยเล้ง บรอคโคลี่ เป็นต้น - Vitamin C ได้จากผลไม้ส้ม มะนาว ฝรั่ง มะเขือเทศ สตรอเบอร์รี่ เป็นต้น - Beta-carotene ได้จากผัก ผลไม้ที่มีสีส้ม สีเหลือง เช่น แครอท ฟักทอง แคนตาลูป มะละกอ 2.3 รับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารปริมาณสูง ซึ่งดีต่อระบบทางเดินอาหารและช่วยขับล้างสารพิษในร่างกาย แหล่ง อาหารที่มีเส้นใยอาหารปริมาณสูง เช่น รำข้าวโอ๊ด ธัญพืชชนิดต่างๆ 2.4 รับประทานวิตามินและแร่ธาตุรวมวันละ 1 เม็ด เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างเพียงพอ 2.5 รับประทานแคลเซียมอย่างน้อย 800 มิลลิกรัมต่อวัน และในผู้หญิงควรได้รับแคลเซียมเสริมเมื่ออายุ 25 ปี เพื่อ ป้องกันโรคกระดูกพรุน 3. ร่างกาย 3.1 ออกกำลังกายอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ละครั้งใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที และควรออกกำลังกายทั้ง แบบ Cardio และ Strength training ซึ่งการออกกำลังกายแบบCardio จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและทำให้ กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง ในขณะที่การออกกำลังกายแบบ Strength training จะช่วยเพิ่มการทำงานของระบบเผา ผลาญ 3.2 โยคะ นอกจากจะเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดที่ดีแล้วยังทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและ ทำให้การหายใจถูกวิธี 3.3 Body Combat ช่วยเผาผลาญไขมันและ ความกระชับของกล้ามเนื้อ 3.4 ว่ายน้ำ ทำให้ปอดและ กล้ามเนื้อแข็งแรง 3.5 Cellulite Treatments - Radio Frequency: คลื่นวิทยุเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ไขมันมีอุณหภูมิสูงขึ้น จนสลายตัวออกมาเป็นอุณหภูมิความร้อน วิธีนี้ค่อนข้าวสะดวก 3.6 การขัดผิว : ซึ่งสามารถทำได้เองที่บ้านโดยใช้น้ำตาลขัดผิว โดยทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง (ไม่ควรใช้เกลือขัด ผิว ซึ่งอาจทำให้ระคายเคืองผิว) และตามด้วยการทาครีมบำรุง หรือหากต้องการเข้าคอร์สสปาควร 2 สัปดาห์ต่อครั้ง #ขอบคุณ GNC Thailand   Create Date : 14 ตุลาคม 2551     Last Update : 14 ตุลาคม 2551 23:08:52 น. Counter : 312 Pageviews.   0 comment Share Tweet

ภัยร้ายของสาวคลั่งผอม !!! หนึ่งในความฝันอันสูงสุดของผู้หญิงคงหนีไม่พ้นการได้เป็นเจ้าของรูปร่างสวยได้สัดส่วนที่ใครๆ ก็ต้องอิจฉา แต่ปัจจุบันด้วยอิทธิพลของแฟชั่น ทำให้คำว่าหุ่นดีของสาวๆ ถูกบิดเบือนไปมาก ดูได้จากตามคลินิกลดน้ำหนักที่คนไข้ที่มารอรับบริการส่วนใหญ่ไม่ใช่สาวตุ้ยนุ้ยหุ่นน้องๆ ปลาวาฬ แต่กลับเป็นเด็กสาวเอวบางร่างน้อยใส่เสื้อไซส์ s (หรือมากกว่า 1s) ที่ตั้งหน้าตั้งตาจะลดน้ำหนักให้บรรลุถึงเป้าหมายอันประกอบด้วยรูปร่างผอมบาง แขนขาเล็ก รอบเอวน้อยกว่า 24 นิ้ว และใบหน้าตอบ ไม่มีแก้ม โดยหารู้ไม่ว่าภาวะคลั่งผอมอันเกินพอดีนี้อาจนำไปสู่อันตรายถึงชีวิต สองโรคร้ายอันเป็นผลพวงมาจากค่านิยมความคลั่งผอมที่เราหยิบยกมาฝากกันวันนี้คือ Anorexia nervosa และ Bulimia nervosa โดยทั้งสองโรคนี้จัดเป็นภาวะผิดปกติทางจิตซึ่งผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ (eating disorder) และมีทัศนคติในแง่ลบต่อรูปร่างของตนเอง โดยจะคิดว่าตนเองนั้นอ้วนน่าเกลียดอยู่ตลอดเวลา และทำทุกวิถีทางเพื่อให้น้ำหนักลดลงไม่ว่าจะออกกำลังกายอย่างหนัก ใช้ยาลดความอ้วน ยาระบาย และ ยาขัปัสสาวะ หรือทำให้อาเจียน แตกต่างกันตรงที่ผู้ป่วย anorexia nervosa มักปฏิเสธไม่ยอมกินอาหาร ในขณะที่ ผู้ป่วย bulimia nervosa มักจะกินมากโดยควบคุม ตัวเองไม่ได้ แล้วรู้สึกผิด จึงไปล้วงคอให้อาเจียนหลังกินอาหารเข้าไป จนในระยะหลังๆ ร่างกายเกิดความเคยชินและจะอาเจียนออกมาทันทีหลังการรับประทานอาหารโดยไม่ต้องล้วงคอ 90% ของ anorexia และ bulimia nervosa พบในผู้หญิงโดยเฉพาะวัยรุ่น โดยสาเหตุของทั้งสองโรคนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดแต่สันนิษฐานว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกันทั้งภาวะความผิดปกติทางจิต ความผิดปกติของสารสื่อประสาท serotonin การขาดสารอาหารจำพวกแร่ธาตุสังกะสี (Zinc) และ วิตามินบี1 (Thiamine) ความผิดปกติทางพันธุกรรม และ ค่านิยมของสังคม ในผู้ป่วย anorexia nervosa การอดอาหารร่วมกับความพยายามลดน้ำหนักที่เกินพอดีจะทำให้ร่างกายซูบผอม กล้ามเนื้อแขนขาลีบ แก้มตอบ ในรายที่น้ำหนักลดลงมากอาจทำให้ ประจำเดือนขาด มุมปากอักเสบ ผิวแห้งลอก มีขนอ่อนขึ้นตามตัว ผมเส้นบาง หลุดร่วงง่าย เล็บเปราะ ท้องผูก นอนไม่หลับ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ จนอาจถึงกับหัวใจหยุดเต้นกระทันหันและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะเมื่อน้ำหนักลดลงมากกว่า 35% ส่วนการล้วงคอให้อาเจียนใน bulimia nervosa นั้นอาจทำให้ เสี่ยงต่อการเกิดการสำลัก เยื่อบุหลอดอาหารและกระเพาะอาหารฉีกขาด จากการอาเจียนมาก มีเลือดออกในทางเดินอาหาร มีลมรั่วเข้าไปในช่องทรวงอก นอกจากนี้ยังอาจพบความผิดปกติในสมดุลกรด-ด่างได้คล้ายผู้ป่วยanorexia nervosa ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจเต้นผิดปกติได้เช่นกันได้ ถึงรูปร่างผอมจะทำให้ดูสวย แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้วการมีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ลองเปลี่ยนจากความคิดที่ว่า “อยากผอม” มาเป็น “อยากมีรูปร่างที่สมส่วน” และเดินตามทางสายกลางโดยการรับประทานอาหารให้พอเหมาะและมีประโยชน์ และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ลดน้ำหนักอยากถูกวิธีและค่อยเป็นค่อยไป และอย่าลืมรักรูปร่างของตนเอง เพราะไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างอย่างไร คุณก็สามารถสวยในแบบฉบับของคุณได้หากใส่ใจดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี #ขอบคุณ GNC Thailand   Create Date : 14 ตุลาคม 2551     Last Update : 14 ตุลาคม 2551 22:51:32 น. Counter : 283 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• callmehenry
• ป้าหนอน
• porpoise
• PuPe_so_Sweet
• DaffodiL Sky
• monnira
• Webmaster - BlogGang

• Smart Search Engine
• Makeup is Magic!!!
• BlogGang.com