เขียนอะไรก็ได้เท่าที่อยากเขียน เรื่องความเห็นที่เพี้ยนๆของคน สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องการเมือง

จากหนังสือเล่มหนึ่งสู่ความฝันเสี้ยวหนึ่งเกี่ยวกับการศึกษาของไทย

ไปเดินงานหนังสือแห่งชาติมาครับ
เจอหนังสือคณิตศาสตร์ของสำนักพิมพ์ plan parithat ซึ่งแปลมาจากสำนักพิมพ์ harcourt ของอเมริกา เป็นตำราคณิตศาสตร์ชั้นประถม เลยซื้อมาให้ลูกๆอ่าน
ราคาเล่มละ 400 ครับ เจ้านายยยยย ซื้อสองเล่ม คือชั้น ป.3 กับ ป.4 จำนวนเงินสุทธิ 800 บาท (ควักกระเป่าดังหนึบ)
ไม่ได้ติว่าราคาแพง แต่ในใจคิดว่า เรามีปัญญาซื้อหนังสือเล่มแพงๆ ไปให้ลูกอ่านนะ แต่เด็กที่พ่อแม่ไม่มีเงินซื้อล่ะ อยากได้ตำราดีๆอย่างนี้มาจากไหน
ยิ่งกลับมาเปิดอ่าน ดีจังเลย อิจฉาตำราเมืองนอก เค้ามีแต่ตำราดีๆ ทำให้เด้กสนุกไปกับการคิด (ไม่ได้ว่าตำราไทยไม่ดีนะ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับตำราเมืองนอกนี่ ผิดกันเยอะจริงๆ) (ไม่ได้ค่านายหน้านะคร๊าบ และไม่ได้ขายของด้วย)
ทีนี้เริ่มคิดขยายความ ถ้าจะให้เด็กไทยมีตำราดีๆ อย่างเมืองนอก
สมมติว่าเราเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่ากระทรวงฉึกฉา (สมมตินะ จริงๆไม่มีบุญบารมีถึงปานนั้น) ถ้าเราเป็นรมต (ระ-มด) จะสั่งให้ยกเลิกตำราคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษทั้งหมดระดับ ป.1-ป.6 แล้วไปซื้อลิขสิทธิ์ของตำราอะไรก็ได้ที่ดีที่สุดในโลกเอามาแปล (จ้างทีมแปลตำราไปเลย ให้เงินเดือนสูงๆ)
จ้างทีมวิจัยตำราหนังสือเพื่อพัฒนาตำราเรียนให้ไปทิศทางเดียวกัน แล้วใช้หนังสือนั้นๆเป็นบรรทัดฐานของโรงเรียนรัฐบาลทั่วประเทศ ให้หนังสือนั้นใช้เป้นตำราเดียวเหมือนกันหมดทั่วประเทศ
เท่านี้เราก็ได้ตำราเรียนดีๆแล้วใช่ไหม เท่าเทียมอารยประเทศแล้วใช่ไหม
แต่ค่าตำราเรียนล่ะ คงแพงพิลึก?....ให้ลงโฆษณาสิครับ ให้บริษัทเอกชน หรือหน่วยงานไหนก็ได้ มาลงโฆษณาด้านหลังหนังสือเหมือนกับนิตยสารทั่วไป (ใครจะว่าพิเรนก็ช่าง) หามันซักสิบยี่สิบบริษัทที่เกี่ยวกับสินค้าเด็กๆ หรือพวกโรงเรียนกวดวิชา เอาค่าลงโฆษณามาหักถัวกับค่าใช้จ่ายในการพิมพ์
จากต้นทุน 300 อาจเหลือซัก 100 บาท แลกกับหนังสือคุณภาพซักเล่ม
เมื่อเด็กๆได้หนังสือถูกๆ คุณภาพดีๆ ก็ต้องมาอบรมบรรดาครูอาจารย์ให้สอนเนื้อหาในหลักสูตรให้เป็น
ย้ำ ต้องอบรมครูอาจารย์ให้มีคุณภาพในการสอนก่อน ม้าฝึกจะเก่งได้ต้องมีคนฝึกที่เก่งใช่ไหม ไม่ใช่ว่านักเรียนเรียนไม่รู้เรื่องก็ไปว่าๆเด็กไม่เอาไหน จะมีใครคิดไหมว่าตัวเองสอนไม่เอาไหน ถึงทำให้เด็กไม่เข้าใจ
การลดตำราเรียนให้ถูกๆ (หรือไม่ก็แจกฟรีไปเลย) ดีกว่านโยบายเรียนฟรี (ไม่ได้แขวะพรรคไหนนะ) เป็นนโยบายที่ดีแต่ว่าในทางปฏิบัติคิดไหมว่าเด็กจะเรียนฟรีได้จริงๆ ถ้าโรงเรียนรัฐเรียนฟรีจริงๆ คงจะมีการเรียกแป๊ะเจี๊ยะ เก๋าเจี๊ยะ เพิ่มขึ้นไม่รู้เท่าไหร่ๆ (ขอนอกเรื่องหน่อยคร๊าบ)
เพราะความเป็นจริง ค่าตำรามันแพงมากๆเลยนะครับ
นี่เป็นความฝันส่วนหนึ่งที่กำเนิดจากหนังสือหนึ่งเล่มของผม
หรืออาจเป็นความคิดเพี้ยนๆ ที่ไม่อาจทำให้เป็นจริงได้ ในความคิดของคนบางคนถึงหลายคน
วันนี้พอแค่นี้ก่อนคร๊าบ




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2550    
Last Update : 22 ตุลาคม 2550 10:06:13 น.
Counter : 468 Pageviews.  

ภิกษุสันดานกา

ไม่ใช่เรื่องการเมืองนะ
คือเมื่อเช้าดูสรยุทธ์ในเรื่องเล่าเช้านี้ ว่าชมรมชาวพุทธจะฟ้องใครต่อใครมั่วไปหมดและทีท่าจะปลายบาน เอ๊ย บานปลายเป็นเรื่องใหญ่โต
เป็นการหมิ่นพุทธศาสนา?
...หรือเปล่า.....
ในฐานะคนหนึ่งที่จบศิลปากรมา (จริงๆ ไม่เกี่ยวกับมหาลัยหรอกนะ)
คิดว่าไม่ใช่การหมิ่นพุทธศาสนาหรอกนะ (แล้วแต่คนคิดแล้วกัน) มันเป็นความคิดเห็นของคนหนึ่งเท่านั้น
ข้อแรก (ตามคติสองคนยลตามช่อง หลายคนยลหลายช่อง คนหนึ่งมองเห็นตม อีกคนมองเห็นดาราสุดเซ็กซี่)
ศิลปินไม่ได้ดูหมิ่นพระพุทธเจ้า ไม่ได้เอาพระพุทธรูปมาล้อเลียน
ข้อที่สอง ศิลปินตั้งใจเสียดสี..หรือเปล่า ตามสายตาตัวเอง คือ น่าจะเป็นการสั่งสอนภิกษุมากกว่า น่าจะเป็นการดีด้วยซ้ำ ที่จะสั่งสอนภิกษุบางกล่มที่ประพฤติตนนอกรีดนอกรอย คงไม่เถียงว่าสมัยนี้ ภิกษุเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่แล้ว (เคยได้ยินกันไหม ชาวบ้านด่าภิกษุที่ประพฤติตนไม่ดี)
ในสมัยพุทธกาล เมื่อภิกษุประพฤติตนไม่ดี ชาวบ้านยังไปร้องเรียนพระพุทธเจ้า จึงเกิดกฎของพระสงฆ์ออกมาเยอะแยะ
แต่ปัจจุบัน จะให้ชาวบ้านร้องเรียนที่ไหนหรือ.. หากจะร้องเรียนเถรสมาคม หรือแจ้งตำรวจ ก็คงได้ แต่จะได้ผลหรือเปล่าต้องดูอีกเรื่อง
การแสดงออกของศิลปินจึงน่าจะเป็นการสะท้อนความคิดของพุทธศาสนิกชน (ผมว่าส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ) แสดงออกมาในรูปภาพมากกว่านะครับ
เพราะฉะนั้น อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ดีกว่าเนอะ




 

Create Date : 08 ตุลาคม 2550    
Last Update : 8 ตุลาคม 2550 8:35:09 น.
Counter : 323 Pageviews.  

อะไรที่ไม่มีแง่มุม มันก็ต้องเป็นกลมๆ หรืออะไรที่มันกลมๆ มันมีแง่มุมมั๊ย

อยากเขียนหนังสือมาตั้งแต่วัยรุ่น แต่ก็ไม่ได้เริ่มเขียนสักที (ร้อยลี้ยังไม่ได้เริ่มสักก้าว)
คราวนี้พออยากจะเขียน มันก็ไม่ค่อยมีเวลา
แต่ก่อนชอบอ่านคอลัมน์อะไรที่มันสนุกๆ เช่น หนึ่งถ้วยกาแฟ (ในเปรียวหรือแพรวก็ไม่รู้ ลืมแล้ว) ชอบอ่านเรื่องสั้นของวาณิช จรุงกิจอนันต์ กับกลอนของวัฒน์ วัลยางกูร แต่พออายุเริ่มมากขึ้นก็เลิกอ่านประเภทประโลมโลกแล้ว หันมามองความจริงของโลกมากขึ้น
ตอนวัยรุ่นฟังเพลงเยอะมาก ทั้งลูกทุ่ง ลูกกรุง ตอน ม.2 เริ่มบ้าเพลงสากล เทปสองม้วนแรกในชีวิตคือ ซูซี่ ควอทโต้ (เขียนถูกหรือเปล่าไม่รู้) กับคาร์เพนเตอร์ ซื้อในงานวัดทีเดียวสองม้วนเลย แต่ปัจจุบันนี้ไม่เคยฟังใหม่ๆอีกเลย ประมาณเกือบสิบปีแล้วที่ไม่รู้จักเพลงใหม่ๆ ชีวิตฝังใจอยู่กับเพลงเก่าๆ คาสเซทก็เอามาเปิดจนเครื่องเจ๊งกะบ๊ง แต่เนื้อเทปยังอยู่ และยังเก็บไว้อย่างดี ตอนนี้เริ่มลามปามไปยังซีดีหรือฟังเพลงตามวิทยุของสุนทราภรณ์ ทั้งยังสอนลูกให้ฟังเพลงสุนทราภรณ์เสียด้วย ในรถก็เปิดเพลงของเพลินพรหมแดนให้ลูกฟังเวลารับ-ส่งพวกเขาไปโรงเรียน เฮะ-ร้องเพลงอาตี๋สักมังกรได้ทั้งรถเลย สุรพลก็ฟัง ลูกชายชอบมากเลย เพลงมอง..เธอสาวเธอสวยฉันจึงได้มองงง....
สงสารลูกชายกับลูกสาว ไม่เคยได้ฟังเพลงสมัยใหม่ที่บ้าน เขาไปฝึกร้องเพลงสมัยใหม่กับเพื่อนที่โรงเรียน กลับมาร้องให้เราฟัง แอ๊..รู้สึกว่าตัวเองผิดใหญ่โต ที่ยัดเยียดลูกให้ฟังเพลงที่เขาไม่ฟังกัน พยายามเปิดเพลงวิทยุที่วัยรุ่นเขาฟังกัน แต่ลูกก็ไม่ฟัง ไหงเป็นงั้น
ผมเป็นคนไงเนี่ย..ขวางโลกหรือเปล่า
มีเวลาเขียนวันละนิดละหน่อยครับ เพิ่งเริ่มใช้บล็อค หากผิดพลาดก็ขออภัยด้วย
วันหลังจะมาเขียนใหม่ครับ




 

Create Date : 12 กันยายน 2550    
Last Update : 12 กันยายน 2550 8:08:36 น.
Counter : 231 Pageviews.  

1  2  

ณัฐพุฒิ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ณัฐพุฒิ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.