เขียนอะไรก็ได้เท่าที่อยากเขียน เรื่องความเห็นที่เพี้ยนๆของคน สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องการเมือง

เรื่องนี้อาจมีผลต่อคนไทยทั่วไป

ประเทศไทยเริ่มเผชิญปัญหาประท้วงมาตั้งแต่ปี 48 รวมถึงวันนี้ก็ปาเข้าไป 6 ปี มีประ้ท้วงกันทุกปี คนไทยเลือดร้อนกันทุกปี ทุบตีกัน ด่าทอกัน และฆ่ากัน
ด้วยคนแค่สองกลุ่มที่แบ่งแยกกันด้วยสี
ที่สำคัญว่า การประท้วงจะนำพาไปสู่การแก้ปัญหา
ผลสุดท้าย คือการสร้างปัญหา
แล้วคนไทยยังสนับสนุนการประท้วงกันอีกหรือ
ไม่ว่าใครก็ตาม ที่ยังยึดเอาความปรารถนาของพวกกูเป็นหลัก พวกกูถูก พวกมึงผิด ทำร้ายคนอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ นักธุรกิจเดือดร้อน คนที่เป็นกลางเดือดร้อน คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็เดือดร้อน
ผมไม่คิดว่า การยื่นข้อเสนอของเหล่าคนประท้วง จะทำให้รัฐบาลถอนเอ็มโอยูได้ ตรงกันข้าม กลับทำให้เรื่องบานปลายขึ้ันไปอีก ทั้งศึกในประเทศและนอกประเทศ
ถึงเวลาหรือยังครับ ที่คนไทยกลับมาใช้สติพิจารณากันอีกครั้ง
ว่า ปัญหาทั้งหมด แก้ไม่ได้ด้วยการประท้วง
หวังว่า ความฝันที่ยิ่งใหญ่ของคนเล็กๆคนหนึ่งอย่างผม อาจจุดประกายให้คนที่มีกำลังพอ อาจจะเป็นนักธุรกิจ หรือสังคมกลุ่มเล็กๆ ช่วยกันกระจายแนวคิดไปสู่กลุ่มคนที่มีความคิดในแนวเดียวกัน
คือ stop! protest
หยุดการประท้วงเสียเถิดครับ
มันไม่ได้ช่วยอะไรให้กับประเทศชาติเลย
นอกจากสนองความต้องการของพวกประท้วงเอง
ถามคนส่วนใหญ่หรือยังครับ ถามนักธุรกิจ ถามพวกพ่อค้าแม่ค้าหรือยังครับ ว่าพวกเขาเห็นด้วยไหม ที่จะให้ยกเลิก mou หรือทำอะไรตามใจพวกท่าน
ไม่ใช่ว่าผมไม่รักชาติ แต่เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เหล่านักธุรกิจของไทยที่ไปทำธุรกิจกัมพูชาก็มีอยู่เยอะ ยังไง ไทย-กัมพูชา ก็ยังมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ แทนที่จะหักด้ามพร้าด้วยเข่า ยึุดประโยชน์ของสองประเทศเป็นหลัก ค่อยๆเจรจากันไป ประชาชนก็ไม่เดือดร้อน ผมเชื่อครับว่า ต่อให้รัฐบาลเทวดาที่ไหนก็ไม่สามารถทำเรื่องที่พวกท่านกำลังเรียกร้องอยู่ได้
แม้กระทั่งพวกท่านเอง ถ้าหากขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็ไม่สามารถทำได้ หากทำไป ก็ต้องตามแก้ปัญหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และพวกท่านเองก็จะรู้ซึ้งว่า การบังคับคนอื่นที่ไม่สามารถทำได้ ให้ทำสิ่งที่ไม่สมควรทำนั้น มันเป็นสิ่งผิด
ท่านไล่รัฐบาลมา 4 รัฐบาลแล้วนะครับ
หรือจะให้ชื่อว่า ประเทศไทยเลือกรัฐบาลโดยประชาชน และล้มรัฐบาลโดยการประท้วง และจารึกชื่อว่า ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ทำได้อย่างประเทศไทย ที่คนกลุ่มเดียวสามารถไล่รัฐบาลได้ถึง 4 รัฐบาล
จะให้ภูมิใจหรืออนาถใจดีครับ
แล้วใครที่ไหนจะกล้ามาบริหารประเทศ
ประเทศชาติกำลังจะเดินไปด้วยดี ทำไมต้องทำร้ายกันอีก สงสารคนทำมาหากินด้วยเถิดครับ
ผมรู้ดี ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การแบ่งสีแบ่งฝ่าย แต่เป็นเรื่องสนองความคิดของตัวเอง

ถึงเวลาหรือยังครับ
ที่คนไทย จะรวมกลุ่มกัน หยุดการประท้วงทั้งปวง เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของคนไทยทั้งปวง

ขอใครก็ได้ หรือท่านที่ได้เข้ามาอ่านข้อความของผม หากใครมีความสามารถพอ ช่วยกระจายแนวคิดนี้ออกไป ผ่านทางเมล์ แล้วรวมกลุ่มกัน แสดงให้เห็นว่า คนไทยไม่ชอบการประท้วง หากพวกเขารู้ความปรารถนาของประชาชนส่วนใหญ่ คงจะหันมาใช้ความคิดในทางที่ถูกกันได้

ขอขอบคุณทุกท่านครับ ที่อ่านจนจบ ท่านจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ท่านจะทำ หรือไม่ทำ ก็แล้วแต่ท่านครับ แต่ผมอยากให้พวกท่านทำ ผมไม่อยากเห็นความเดือดร้อนของบ้านเมือง ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น 6 ปีแล้วนะครับ เราไม่เบื่อกันบ้างหรือ ผมอยากอยู่ด้วยความสงบครับ ผมอยากทำมาหากินโดยสงบ ชีวิตคนเรามีทุกข์ผ่านมาในชีวิตมากพอแล้ว อย่าทำบาปเพื่อเพิ่มทุกข์กันอีกต่อไปเลยครับ

จาก ความฝันอันใหญ่ยิ่ง ของคนเล็กๆคนหนึ่ง




 

Create Date : 26 มกราคม 2554    
Last Update : 26 มกราคม 2554 8:54:38 น.
Counter : 374 Pageviews.  

สังคมอุดมปัญญา

เคยได้ยินมาบ้าง คำว่า สังคมอุดมปัญญา ผมไม่รู้ว่าใครบัญญัติศัพท์คำนี้ขึ้นมา แต่คิดว่า ถ้าสังคมไทยเป็นสังคมอุดมปัญญาจริงๆ คงจะดี บ้านเมืองจะได้ไม่ต้องอยู่ในกลียุคเหมือนในปัจจุบัน

ส่วนตัวคิดว่า สังคมที่เจริญแล้ว เพราะสังคมอุดมไปด้วยคนมีสติปัญญา ไอ้สังคมไทย มันเป็นสังคมของคนโง่ (ขออภัยที่ใช้คำตรงไปหน่อย) บ้านเมืองถึงต้องอยู่ในลักษณะบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างนี้

ต้องออกตัวว่าผู้เขียน ที่บังอาจไปว่าคนอื่น ก็ไม่ใช่คนที่ฉลาดสักเท่าไหร่ ก็เป็นคนโง่คนหนึ่ง เหมือนกับคนอื่นทั่วไป ใครจะว่ามึงก็โง่ ก็เชิญเถอะครับ (ส่วนใหญ่คนเราก็คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นกันทั้งนั้น ถึงกูไม่ฉลาด ลูกกูก็ฉลาดกว่าลูกมึง ลูกกูสอบได้เกรดดีกว่า ลูกกูสอบเข้าโรงเรียนดีกว่าลูกมึงฯลฯ)

ปัญญา พัฒนามาจากพื้นฐานความรู้ในโรงเรียน พัฒนามาจากการเรียนรู้สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว แต่ไม่ใช่ความรู้ที่มาจากวิชาการต่างๆที่อัดกันอยู่ในหัวสมองตอนเรียน สิ่งเหล่านั้น เป็นเพียงความรู้ ไม่ใช่ปัญญา

นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไม บางคนเรียนสูง เรียนเก่ง ถึงมีชีวิตไม่เป็นสุข เรียนเก่ง เรียนสูง แต่ใช้ความรู้เอาเปรียบชาวบ้าน ไปโกงเขาจนกระทั่งติดคุกติดตาราง

บางคนไม่ได้เรียนสูง แต่ได้รับการยกย่องในสังคม ก็มีเยอะ

สำคัญคือ ปัญญา ต้องมาจากสติ.. คนเราเมื่อมีสติ ก็ย่อมเกิดปัญญา

ถ้าเรามีปัญญา... เราก็ต้องรู้ว่า การรับเงินเขามาครั้งละ 300 บาท แล้วไปจุดไฟเผาบ้านเผาเมือง คนอื่นเขาจะเดือดร้อน ทำลายเศรษฐกิจของชาติครั้งใหญ่ ไม่ควรทำ

ุ่ถ้าเรามีปัญญา.. เราก็ควรคิดว่า การรับเงินมาัวันละไม่กี่ร้อยบาท แต่มานั่งประท้วง ทำให้คนอื่นเขาตกงาน ทำให้เศรษฐกิจพังพินาศ เมื่อร้านรวงเปิดไม่ได้ ลูกจ้างก็ขาดรายได้ กระทบไปถึงเศรษฐกิจมหภาค เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

ถ้าเรามีปัญญา.. เราก็ควรคิดว่า เราไม่ควรถือหางข้างหนึ่งข้างใด โดยไม่คิดไตร่ตรอง. การเลือกข้างทางการเมือง มันไม่ใช่การเลือกทีมฟุตบอล ที่เกมจบก็คือจบกันไปตรงนั้น แพ้คือแพ้ เขาชนะก็ว่ากันไป แต่ครั้งนี้มันคือเดิมพันของประเทศชาติ... โปรดคิดเสียใหม่

ถ้าเรามีปัญญา.. เราควรคิดว่า ใคร ที่มันมีเจตนาที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย หรือใครที่มันตั้งใจจะทำร้ายคนในชาติหรือเศรษฐกิจ แล้วเราจะไปเลือกที่จะอยู่ข้างนั้นอีกหรือ

ถ้าเรามีปัญญา.. เราควรคิดว่า การเผาบ้านเมือง เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

ถ้ามีปัญญาเพิ่มอีกนิด.. การกระทำเพื่อความสนุก สะใจ ส่วนตัว แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้คนที่สั่งการ ไอ้พวกนี้ยิ่งไม่ได้ใช้ปัญญา

อย่าว่าแต่สังคมไทยอุดมไปด้วยคนโง่เลยครับ แต่อีแค่ว่า พวกที่ใช้หัวแม่ตีนคิด ยังฉลาดกว่าไอ้พวกนี้เลย

ยอมรับคำด่าครับ.. ทนไม่ไหวจริงๆ





 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 20 พฤษภาคม 2553 8:54:03 น.
Counter : 357 Pageviews.  

อนาโถ ประเทศไทย

ช่วงนี้เซ็งมาก ไม่อยากทำอะไรเลย มัวแต่คิดฟุ้งซ่านเรื่องการเมือง ทั้งๆที่เลิกดูข่าวการเมืองไปตั้งนาน พอมีเหตุการณ์ก็ไม่พ้นกลับมาดูอีกจนได้ คราวนี้ดูติดหน้าจอเลย
ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทำไมคนเห็นสงครามดีกว่าความสงบ แปลกใจที่คนก่อการไม่สงบเพื่อคนๆเดียว แทนที่จะนึกถึงประเทศชาติ ผู้เขียนก็ใช่ว่าจะรักชาติเท่าไหร่ (รักชีวิตตัวเองมากกว่า แต่รักในหลวงนะ รักสุดชีวิต) แต่อยากให้ประเทศชาติสงบ ร่มเย็น อยากให้คนเดินถนนยิ้มแย้มแก่กัน ช่วยเหลือกันอย่างที่เคยเป็นมา (ประโยคนี้คนก็พูดกันทั้งนั้น)

คุยกะคนเสื้อแดง (คือ ไม่ได้ตั้งใจคุย แต่เค้ามาคุยกะเราเอง โดยที่เราไม่ได้เปิดเผยตัวเองว่าเป็นฝ่ายไหน เพราะไม่ใช่ทั้งเหลืองและแดง กูมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่เลือกข้างก็อยู่ได้ แต่ไม่ชอบคนที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ไม่ชอบคนที่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประเทศชาติ) ยังไงคนเชียร์ทักษิณ ก็ยังเชียร์ทักษิณ ถึงโลกจะแตก กูก็ยังเชียร์ทักษิณ คนในพื้นที่เดือดร้อน โดนเผายาง ตัวเองสำลักควันแค๊กๆ ก็ยังบอกว่า นี่ถ้าทหารไม่มาคุมพื้นที่ กูก็ไม่ต้องมาเดือดร้อนยังงี้ (เออว่ะ.. ความคิดนี้ก็มี) เดินเข้าห้าง ได้ยินเค้าพูดกันว่า เผามันเข้าไป.. เผาแ..่งไปเยอะๆแหละ ดีแล้ว

อนาโถ.. ประเทศไทย อนาโถ สมองคนไทย

ทั้งนี้ ต้องโทษต้นเหตุของนักการเมือง ต้องโทษระบบการเมือง ที่ไม่ยอมพัฒนาการศึกษา (ไม่ใช่แข่งกันเรียน แข่งกันอัดอะไรเข้าไปในหัวนักเรียนจนแน่น แต่หมายถึงจริยธรรม คุณธรรม และการมองโลกตาความเป็นจริง) โดยเฉพาะเราได้นักการเมืองห่วยๆ และไอ้พวกเชื้อชั่วนี้มันไม่ยอมตาย ถึงจะเปลี่ยนข้าง มันก็วนเวียนหากินอยู่ในวงการเมืองนับเป็นสิบๆปี สืบทอดไปยัง ลูก หลาน เหลน โหลน ออกมาเพ่นพ่านเกาะกินอยู่กับการเมือง ซึ่งนับวันจะพัฒนาความชั่วร้าย ความเห็นแก่ตัวเข้าไปผ่านระบบการเมือง ทั้งโกง กิน ยัดความบัดซบปลูกฝังเข้าไปในสมองคนไทย

ถ้าเมืองไทยมีคนที่ใช้ความคิดมากกว่าใช้กำลัง ถ้าคนเรามีจริยธรรม คุณธรรม มากกว่าพวกบ้าอำนาจ (คนที่เล่นการเมือง ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า อยากมีอำนาจ) บ้านเมืองคงไม่เหลวแหลกถึงขนาดนี้

ขงจื้อ กล่าวไว้ว่า ถึงจะพัฒนาบ้านเมือง ต้องให้การศึกษาแก่ประชาชน

ทรราชย์ ปล่อยให้ประชาชนโง่ เพื่อให้ตัวเองหลอกประชาชนได้ต่อไปเรื่อยๆ

มอตโต้ของฮิตเลอร์ คือ โกหกให้ใหญ่ โกหกให้บ่อยๆ แล้วจะทำให้ประชาชนหลงเชื่อเอง

เราจะเชื่อฮิตเลอร์หรือจะเชื่อขงจื๊อ ก็แล้วแต่ใจ.........




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2553 9:56:29 น.
Counter : 264 Pageviews.  

ตั๋งโต๊ะกับโจโฉ

ได้แต่ตั้งหัวข้อ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงครับ..
คือเขียนด้วยความมีอารมณ์.. กับเหตุการณ์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิเป็นตัวประกัน
เหมือนคนบ้า..เสพยาบ้าเข้าไป แล้วจับเด็กเป็นตัวประกัน
เหมือนไอ้คนโดนเมียทิ้งแล้วปีนเสาไฟฟ้าขึ้นไปประท้วง (เกี่ยวกันไม๊)
กำลังจะบอกว่ามันขาดสติ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าออกมาจากสมองของคนที่คนทัี่่วไปเคยนับถือว่าเป็นคนมีสติปัญญา (ซึ่งปัจจุบัน กลายเป็นคนไร้สติ ยิ่งปัญญาต้องขอบอกว่าไม่ได้ใช้เลยด้วยซ้ำ)
ต้องขอบอกก่อนว่า ผู้เขียนไม่ได้เป็นฝ่ายเสื้อแดง ไม่ชอบเสื้อแดง
แต่ไม่เคยเห็นด้ัวยกับเสื้อเหลือง..
ฉะนั้น การเขียนในครั้งนี้ เป็นอารมณ์ความโกรธ .. ที่มันทำอะไรนึกแต่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่เคยนึกเอาประโยชน์ของประเทศชาติ แถมยังทวงบุญคุณว่าตนเองทำเพื่อประเทศชาติ

และข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า ตั้งแต่กลางปีจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า ระหว่างทักษิณกับพันธมิตร ใครทำให้ประเทศชาติเสียหายมากกว่ากัน

เข้าทำนอง..คนไทยเป็นกบเลือกนายหรือเปล่า.. เลือกเข้าข้างใครก็ไม่ได้ดี จะอยู่ข้างไหนก็พาประเทศชาติเจ๊งกะบ๊ง

ข้าพเจ้าคนหนึ่งที่ตั้งใจว่า จะไปเลือกตั้งทุกครั้งที่มีโอกาส แต่จะกาช่องไม่เลือกใครเลย....ตลอดชีวิต จนกว่าจะมีคนที่ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นคนดีจริงๆ

เคยเชียร์ป๋าเปรม เคยไม่ชอบป๋าเปรม กลับมารักป๋าเปรม เคยเชียรประชาธิปัตย์ เกลียดประชาธิปัตย์ กลับมาเชียร์ทักษิณ เกลียดทักษิณ เชียรประชาธิปัตย์เชียร์พันธมิตร กลับมาเกลียดพันธมิตร และสุดท้าย... ไม่เชียรใครเลย

ความแน่นอนไม่มีทางการเมืองจริงๆ รวมทั้งใจของเราด้วย
ไม่รู้ว่าจะรักหรือเกลียด หรือเข้าฝ่ายไหนดี

มันเป็นความรู้สึกว่า...จริงๆแล้ว นักการเมือง หรือกินเมืองก็เถอะ มันเข้ามา แล้วจะมีใครสักกี่คน ที่บริสุทธิ์ จริงใจ ทุกครั้งเห็นหน้านักการเมืองก็เหมือนเห็น..อึ๊..

และสำคัญ เราไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ เกี่ยวกับการเมือง เราไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แสดงความเป็นประชาธิปไตย ก็แค่เพียงไปดูเค้าชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตอนพฤษภาทมิฬ เห็นคนบ้าคลั่งเผารถดับเพลิง เข้าไปในกลุ่มผู้ประชุม แล้วโดนกันไม่ให้ออกมาโดยการ์ดในสมัยโน้น แต่ก็ดื้ัอดึงออกมาจากกลุ่มผู้ประท้วง สักพัก ก็ได้ยินเสียงเขายิงกันตอนนั้น ยกมือท่วมหัวบอกว่า โชคดีจังที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ประท้วงในตอนนั้น

เคยเรียนรู้ประชาธิปไตยและการเมืองก็แต่จากในหนังสือเรียนว่าประชาธิปไตยมาจากปวงชนชาวไทย เราต้องเลือก ส.ส. เข้าไปเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนชาวไทย

ตั้งแต่จำความได้.. ยังไม่เคยเห็นท่านทั้งหลาย เป็นตัวแทนจริงๆของประชาชนสักครั้งเดียว

อ่านหนังสือพิมพ์ก็ทุกวัน..

แต่ไม่รู้จริงๆว่า ข่าวสารที่เราเสพเข้าไป มันเผยความจริงออกมาสักกี่เปอร์เซ็นต์ เราจะรู้ไหมว่า ข่าวที่เราเสพเข้าไปทุกวัน มีฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายของประเทศไทยจริงๆ

โจโฉกล่าวว่า ตั่งโต๊ะเป็นทรราชย์ อาสาจะเอามีดไปจิ้มท้องตั๋งโต๊ะ ประเทศชาติจะได้พ้นจากหายนะ.. เอาวะ.. กูจะสร้างชื่อให้โลกได้จำไว้ว่า กูจะเป็นผู้กำจัดทรราชย์...

และก็ทำไม่สำเร็จ... ขี้ขลาดเกินไป

พอตั้งโต๊ะตายไป โจโฉก็กลายเป็นทรราชย์เสียเอง..

ทั้งนี้ ประเทศไทยไม่ได้ต้ัองการเล่าปี่ ที่ได้แต่ตั้งใจจะทำให้ประเทศรวมเป็นปึกแผ่น แต่ตัวเองกระทำการไม่สำเร็จ

เราต้องการสุมาอี้ คนที่รวมประเทศชาติจากสามก๊กเป็นหนึ่ง ไม่ใช่คนที่พูดปาวๆ แล้วไม่ได้ใช้สติปัญญากระทำอะไรขึ้นมาเลย (โดยเฉพาะนักการเมือง)

สุดท้าย ขออวยพรประเทศไทยให้ปลอดภัยจากพวกบ้าเลือด

ขอไว้ทุกข์ให้กับคนไทยที่โดนปู้ยี่ปู้ยำโดยคนไม่กี่คน

และสุดของสุดท้าย ขอให้ประเทศไทยและคนไทยหมดทุกข์หมดโศกกันเสียที




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2551 8:36:11 น.
Counter : 201 Pageviews.  

คนไล่แมลงสาบ

มีคนกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ บ้านหลังนั้นมีแมลงสาบเยอะมาก ชายสองคนเกิดนึกรำคาญ จึงชวนชายอีกสามคนมาหารือเพื่อหาวิธีกำจัดแมลงสาบ จึงคิดกันว่า หากใช้สเปรย์ฉีด เดี๋ยวมันก็คงกลับมาอีก ไล่ตีมันก็คงไม่หมด จึงรวมหัวกันคิดว่า คงจะต้องเผาบ้าน เพื่อไม่ให้มันมีที่อยู่อีกต่อไป แล้วทั้งห้าคนก็หัวเราะ ฮ่าๆๆๆๆ เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมซะจริงๆ ด้วยวิธีนี้แหละหนา ที่จะทำให้แมลงสาบไม่ต้องมารบกวนอีกต่อไป แล้วก็ชักชวนคนอื่นๆ มาช่วยกันราดน้ำมัน เพื่อที่จะได้จุดไฟเผาแมลงสาบ พลางก็กระหยิ่มยิ้มย่องว่า เป็นความคิดที่ดีเลิศประเสริฐศรีจริงๆ แมลงสาบมันคงตายหมดแน่ๆ
เสร็จแล้วก็ลงมือเผาบ้าน โดยมีคนที่ไม่เห็นด้วยส่วนหนึ่งนั่งมองตาปริบๆ โดยมีชายคนเสื้อสีขาวคอยตักเตือน แต่ก็โดนด่ากลับไปว่า มึงไม่ต้องมายุ่ง กูกำลังจะปราบแมลงสาบ มึงโง่ก็นั่งอยู่เฉยๆ ชายเสื้อขาวก็ได้แต่มองตาปริบๆ
ต่อมาก็มีพระมาเตือนสติ อย่าเผานะโยม เผาไปด่าไปน่ะ เดี๋ยวเด็กๆจะได้ยิน มันจะไม่ดี ชายหัวโจกก็ด่ากลับไปอีกว่า เป็นพระก็อยู่ส่วนพระเถอะ มายุ่งอะไรกันนี่ หรือท่านเป็นพวกแมลงสาบรึไง
ผลสุดท้าย................
คงไม่ต้องบอกว่า ผลสุดท้ายบ้านเป็นยังไง แต่อีกไม่กี่วันต่อมา แมลงสาบที่หนีตายรอดออกไป ก็ออกมาแพร่พันธุ์อยู่เต็มพื้นที่นั้นอีก
คนที่เหลือได้แต่นั่งมองตาปริบๆ
ปริบๆ...........
ปริบๆ.....................
ปริบๆ...............
ปริบๆ.......................
พลางคิดว่า ..................กูจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตนี้วะ.........
นิทานเรื่องนี้ ไม่มีคำสอน เพราะคนเขียนคงโง่กว่านักฆ่าแมลงสาบ
แต่มีคำถามว่า
1. ฆ่าแมลงสาบแล้วได้ประโยชน์อะไรบ้าง
2. ตัวเองได้อะไรบ้าง
3. คนอื่นได้อะไรบ้าง
4. บ้านที่ไหม้หมดแล้ว จะสร้างขึ้นมาใหม่ ต้องใช้เวลาอีกกี่ปี หรือคุณหาที่อยู่ใหม่ได้
5. ฆ่าแมลงสาบน่ะ มันหมดจริงๆหรือ
6. ฆ่าแมลงสาบโดยเผาบ้านตัวเองน่ะ มันเป็นวิธีของ........................
ปล. ผมไม่ได้เป็นพวกแมลงสาบ ผมเคยเชียร์ให้ขับไล่แมลงสาบออกจากบ้านเมื่อสามปีที่แล้ว บัดนี้ ผมเป็นพวกที่อยู่ในบ้าน โดยนั่งดูตาปริบๆ ด้วยความสังเวชใจ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2551    
Last Update : 19 มิถุนายน 2551 10:07:30 น.
Counter : 279 Pageviews.  

1  2  

ณัฐพุฒิ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ณัฐพุฒิ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.