T4 กับทางเลือกเชื้อเพลิง LPG
และแล้วก็ถึงคราวที่ T4 ของกระผมจะต้องปรับปรุงความประพฤติในการบริโภคเชื้อเพลิงจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นมากมายเหมือนฝัน T4 ซึ่งใช้งานในเมืองมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ราวๆ 3-4 กม.ลิตร(เครื่องเบนซิน)จะกระตุกเงินในกระเป๋าถึงกม.ละ 6-7 บาท! ดังนั้นจะพบว่า T4 จำนวนมากหายไปจากท้องถนนเพราะผู้ปกครองไม่อาจทนความประพฤติได้ จอดไว้บ้าน ใช้คันอื่นดีกว่าโชคร้าย ผมไม่มีคันอื่นนะสิ T4 ทั้งสองคันใช้งานประจำทุกวัน (ผมมีเมียคนเดียวแต่ลูกมากหน่อย) แล้วก็คบกันมาตั้งนานจะให้เลิกง่ายๆหรือ(รถครับ ไม่ใช่เมีย) เห็นทีต้องนำทางเลือกเชื้อเพลิงอื่นมาพิจารณาสำหรับท่านที่ใช้เครื่องดีเซล ก็ถือว่าไม่ลำบาก ด้วยอัตราการบริโภคที่ 8-10 กม./ลิตรในเมือง และ 11-13 กม./ลิตร นอกเมือง นับว่ายังให้ความประหยัดได้ดีแต่รถส่วนใหญ่ที่มีเครื่องเบนซิน การเปลี่ยนเป็นดีเซลอาจไม่ใช่ทางออกที่ต้องการเสมอไป ดังนั้นทางเลือกอาจเป็นการใช้ก๊าซแทนน้ำมัน สำหรับตัวเลือกในกรณีนี้มีสองตัวคือ CNG และ LPGCNG (Compressed Natural Gas) เป็นก๊าซธรรมชาติที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการมากนัก มีส่วนผสมของมีเทนเป็นหลัก เมื่อนำมาใช้ในรถยนต์แล้วเราเรียก"รถยนต์"คันนั้นว่า NGV (Natural Gas Vehicle) ข้อดีของ NG คือมันเบากว่าอากาศ ดังนั้นหากมีการรั่ว มันจะลอยขึ้นข้างบนและกระจายตัวหายไปได้ง่าย ส่วนข้อเสียคือการบรรจุถังต้องใช้ถังที่ทนแรงดันสูงมากๆ เนื่องจาก NG จะไม่มีสถานะเป็นของเหลวในอุณหภูมิปกติ และการบรรจุถังในรูปก๊าซจะทำให้เก็บน้ำหนัก NG ได้น้อย ดังนั้นระยะทางที่ได้จากการใช้เชื้อเพลิงหนึ่งถังก็น้อยด้วย ซึ่งถ้าคิดเป็นปริมาตรลิตรต่อลิตรแล้ว ถัง CNG เก็บเชื้อเพลิงให้ระยะทางน้อยกว่าน้ำมันเบนซินที่มีจำนวนลิตรเท่ากันถึง 4 เท่า นั่นคือถัง CNG 80 ลิตรทำให้รถวิ่งได้ไกลเท่าๆกับมีน้ำมันเพียง 20 ลิตร อีกทั้งจำนวนสถานีบริการ NGV ยังมีจำนวนน้อย และในต่างจังหวัดแทบไม่มีเลย เมื่อพิจารณากับอัตราการบริโภคของ T4 แล้วจึงยังไม่ใช่ทางเลือกที่ดีLPG (Liquidfied Petrolium Gas) หรือก๊าซหุงต้มที่ใช้ตามบ้าน มี โปรเพนเป็นส่วนผสมหลัก ข้อดีคือมันมีสถานะเป็นของเหลวในอุณภูมิปกติได้เพียงเก็บในความดัน 150 psi (ความดันน้อยกว่าCNG นับสิบเท่า) ดังนั้นลิตรต่อลิตรในถัง LPG จะให้ระยะทางได้มากกว่า CNG ข้อเสียคือ LPG หนักกว่าอากาศ ดังนั้นเวลารั่วในที่ไม่มีอากาศถ่ายเท มันจะกระจุกตัว เป็นความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ แน่นอนครับเมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงรั่ว มันก็ไม่ได้ลอยหายไปไหนเช่นกัน แต่ว่า LPGในสถานะของเหลว เมื่อรั่วออกมาแล้วจะขยายตัวเป็นก๊าซมีปริมาตรเพิ่มขึ้นถึง 200 เท่า! ดังนั้นผมไม่บอกว่า LPG ปลอดภัยกว่าน้ำมันแน่นอน ท่านควรศึกษาหาข้อมูลให้เต็มที่ ก่อนตัดสินใจใช้ LPG เพราะนอกจากเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ท่านต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ท่านควรมีความเข้าใจมากพอว่าระบบยังทำงานเป็นปกติอยู่หรือไม่ ก่อนที่จะสายเกินไปทางเลือกในการติดตั้ง LPG มีหลายระบบ ผมจะกล่าวถึงเพียงสองระบบ ระบบแรกเป็นระบบหัวฉีดซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบหัวฉีดน้ำมันเบนซิน มีกล่องคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน การติดตั้งระบบนี้ควรได้สมรรถนะใกล้เคียงกับการใช้น้ำมันมากที่สุด แต่ค่าติดตั้งมีราคาสูง (4หมื่นขึ้นไป)อีกระบบคือ Fix Mixer เป็นการผสมก๊าซเข้าไปในท่อไอดีด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ คล้ายๆกับการใช้คาร์บูเรเตอร์ในรถยนต์สมัยก่อน แต่ระบบ Mixer นั้นง่ายกว่าคาร์บูเรเตอร์ เนื่องจากเป็นการผสมก๊าซ(เชื้อเพลิง)กับก๊าซ(อากาศ) ในขณะที่คาร์บูเรเตอร์จะผสมของเหลว(เชื้อเพลิง)กับก๊าซ(อากาศ)ระบบ Fix mixer จึงมีข้อดีด้านราคาถูก ง่ายต่อการติดตั้ง และถ้าไม่เป็นที่พอใจ จะถอดออกก็ไม่ทิ้งร่องรอยฟกช้ำไว้มากนักสำหรับเครื่อง 2.5 ของ T4 จะมีความเหมาะสมกับระบบ Fix mixer ดังนี้1. เครื่องยนต์ตัวนี้ ออกแบบมาเพื่อให้มีแรงบิดสูงในรอบต่ำ การใช้งานทั่วไปไม่เน้นรอบสูง ดังนั้นการปรับจูนให้ใช้งานได้ดีในช่วงความเร็วรอบไม่กว้างนักจะทำได้ง่าย2. เครื่องยนต์ตัวนี้ ไม่มีแอร์โฟลว์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะได้รับความเสียหายได้ง่ายหากเกิดอาการชิงจุดจากการปรับตั้งไม่ดีในระบบ Fix mixer อีกทั้งท่อไอดีเป็นโลหะ จะไม่แตกเสียหายถ้าบังเอิญเกิดการชิงจุดในท่อไอดี3. ระบบสมองกลควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ไม่มีความซับซ้อน ไม่เกี่ยงว่าจะใช้ก๊าซหรือน้ำมัน สามารถใช้สลับกันได้โดยไม่งอแงหลังจากที่ได้หาข้อมูลตามแหล่งต่างๆ ผมได้คิวติดตั้ง(คิวยาวมาาาาก)จากสำนักชัย หมากกระจาย ทำการติดตั้งกลางเเดือนกันยายน 48 ใช้ถัง 96 ลิตรวางท้ายรถ จะเห็นท่อปลอกพลาสติกสีดำหุ้มท่อแก๊สไว้ และกล่องปิดวาวล์กันรั่วซึม เมื่อมีแก๊สรั่วซึม จะระบายออกนอกรถทางปลอกท่อสีดำ ไม่ส่งกลิ่นรบกวนในห้องโดยสาร