สัมภาษณ์คุณวีระฯ
ผมมีความยินดีมากที่จะแจ้งว่าผมได้เกลี้ยกล่อมเหยื่อรายใหม่ในการให้เกียรติให้สัมภาษณ์ได้สำเร็จ ท่านผู้นี้คือคุณวีระฯ ผู้ซึ่งคบหากับ T4 มาก่อนผมเสียอีก อย่ารอช้า เรามาสัมภาษณ์กันเลยดีกว่าครับ สวัสดีครับพี่วีระ ที่ผมทราบมา และที่ห้ามปฏิเสธคือ พี่ใช้ T4 VR6 ช่วงสั้น ปี 97 อยากให้เล่านิดนึงว่า รู้จักกับโฟล์คตู้ได้อย่างไร แล้วยังไงถึงมาลงเอยกับคันนี้ครับ
ไอ้โฟล์คตู้น่ะ รู้จักกันมาตั้งนานแล้วครับ สมัยอยู่ มศ.3 เคยขับหัวแตงโมสีแดงจาก AUA ผ่านศาลาแดง สีลม ไปถึงบางรัก ตั้งแต่ยังขับรถไม่เป็น โดยมีเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของรถนั่งกำกับอยู่ข้างๆ และกองเชียร์เต็มรถ ได้ความรู้ข้อที่ 1 มาว่า ให้มองแต่ข้างหน้า-อย่าไปชนเขา ไม่ต้องห่วงข้างหลัง(จากกระจกมองหลัง)ว่าเขาจะมาชนเราหรือเปล่า (กระจกมองหลังมันหลอกจริงๆนะ เห็นภาพใกล้มาก เสียวทุกที) ก่อนหน้าที่จะได้ VR6 ผมใช้ Volvo GL (244) ปี 1983 หน้าโหนก และก็ถึงเวลาที่สมควรจะมีรถใหญ่ขึ้น เพราะลูกๆโตขึ้นทุกวัน นั่งตักแม่ ตักป้า ไม่ไหวแล้ว ( ที่บ้านมีสมาชิก 7-8 คน ) เลยต้องมานั่งเลือก spec. ว่าควรเปลี่ยนเป็นรถอะไร ซึ่งแนวคิดของผม อาจจะพิสดารนิดหน่อยครับ 1 ไม่ซื้อรถใหม่ เพราะรู้สึกว่าราคารถใหม่ในเมืองไทย มันเว่อร์เกินเหตุ ออกไปในทางขายรถเป็นแฟชั่นมากไปหน่อย 2 ไม่ซื้อเงินผ่อน กัดฟันเก็บเงินให้ได้ตามเป้าก่อนดีกว่า เสียดายดอกเบี้ยครับ 3 มีอย่างน้อย แปด ที่นั่ง เพื่อรองรับสมาชิกทุกคนในบ้าน 4 ต้องมีประตูหลังด้านขวา เพราะที่จอดรถในบ้านบังคับให้ต้องขึ้นรถจากด้านขวา 5 จร.เกรงใจ หรือไม่มาจุกจิกกวนใจทุกสี่แยก 6 ขโมยไม่ชอบ ไม่กล้า ไม่เอา และประเทศเพื่อนบ้านไม่มีใครสั่ง 7 สีรถถูกโฉลก ผมใช้รถได้ 3 สี คือ ดำ ขาว ฟ้า 8 เลขทะเบียนดูดี มีบุคลิก ไม่ต้องตอง ไม่ต้องเรียง ไม่ต้องคู่ แต่มีบุคลิก ลองนึกภาพ รถทุกคันในบ้าน เลขทะเบียนเดียวกับเลขที่บ้าน
มี candidate ตัวไหนบ้างครับ
พอกำหนด spec. เสร็จ ก็ลองเอายี่ห้อต่างๆ มากางดู ตอนนั้นมี Mitsu L300 , MB Vito , Citroen Evasion , Chrysler Voyager , Volk Caravelle , Volk Sharan , Seat Alhambra , Honda Odyssey , KIA Carnival , แถมด้วย Renault Espace ประมาณนี้แหละ
มานั่งตัดทิ้งทีละตัว ตามข้อหาต่างๆ เช่น เอาฝรั่ง ไม่เอาเอเชีย ( ตามสเปคข้อ 5 ) , เอายุโรป ไม่เอาอเมริกา (อันนี้สเปคส่วนตัว) , ตัดเรโนลต์ทิ้ง เพราะไม่มีอะไหล่แล้ว , ตัดซีตรองทิ้ง เพราะนึกถึงสมัยรัชกาลที่ 5 , ตัด ชาราน กับ เซียททิ้ง เพราะข้างในน่าจะอึดอัดกว่า คาราเวล , ตัด MB ทิ้ง เพราะเดี๋ยวภาพเราจะกลายเป็นเสี่ย (หรือคนขับรถหว่า..) ซึ่งเราไม่ใช่ , เลยเหลือตัวเลือกแค่ GL หรือ VR6 , สุดท้ายก็ลงตัวที่ VR6 ตามสเปคข้อ 4 ( ราคาตอนนั้น GL 2 คัน เท่ากับ VR6 คันเดียว )
ก่อนจะซื้อคันนี้ หาข้อมูลอย่างไรครับ
ผมเล็งหา VR6 อยู่ประมาณ 2 ปี กว่าจะได้คันนี้มา ก็ใช้วิธีการต่างๆนั่นแหละครับ เปิดหนังสือ จดรายละเอียดแต่ละคันมาเปรียบเทียบกัน , คำนวณค่าเสื่อม-ตามวิธีที่เดาเอาเอง-เปรียบเทียบกับราคาหน้าร้าน , ตามไปดูรถถึงที่ แล้วพบทีหลังว่ามันขี้โกง ไปดู 2 หน คือหมุนเลขไมล์กลับ ตั้ง 40,000 กม. แถวรามอินทรา เจอคันที่ สีก็ใช่ ทะเบียนก็ใช่ จอดอยู่หน้าบ้านเขา ก็เอานามบัตรไปเสียบไว้ ว่า ถ้าจะขายคันนี้ โทรบอกผมด้วยนะครับ วิธีนี้ไม่เวอร์คนะ เพราะเขาขายไปแล้ว แต่ไม่โทรบอกเราสักคำ เจอบนถนนก็จดเลขทะเบียน สี และสภาพรถเอาไว้ทุกคัน เผื่อจะเจอกันอีกในเต็นท์รถ จะได้จำกันได้ โอย...สารพัดจะทำ
สุดท้ายไปได้ที่เต็นท์แถวรัชดา ราคา 1.27 เทิร์นไปด้วยวอลโวที่ใช้อยู่ ได้ 7 หมื่นบาท เหลือ 1.2 ถ้วน จริงๆแล้วไม่อยากเทิร์นหรอก เพราะวอลโวยังดีอยู่ สวยด้วย แต่ที่บ้านจอดรถได้คันเดียว ไม่อยากจอดนอกบ้าน เลยต้องจำใจ ตอนนั้น VR6 อายุได้ 5 ปีเต็ม มกรา 2002 ตอนนี้ผมก็ใช้มาอีก 4 ปีแล้ว กะว่าจะใช้มันซัก 20 ปี
ชอบอะไรบ้างเกี่ยวกับ T4 คันนี้
ก็เชื่ออยู่อย่างนึงว่า เยอรมัน น่าจะเก่งด้านเครื่องยนต์กลไก มากกว่าหลายๆชาติ ที่ผลิตรถยนต์มาขาย สมรรถนะมาตรฐานของระบบเครื่องยนต์น่าจะเป็นจุดเด่นที่ผมยอมรับ ซึ่งเป็นมาตรฐานของเยอรมันด้วยนะ คงจะอยู่ในระดับเกรดเอ ของโลก ในแง่แข็งแรงทนทานปลอดภัยละมั้ง ที่เจอมากับตัวเองก็คือ ยางหน้าขวา ระเบิดบนถนนสายเอเซีย แถวชัยนาท ที่ความเร็วประมาณ 80 ไมล์ ( คูณ 1.6 เป็น กม.ต่อ ชม.) รถไม่มีอาการส่ายหรือเสียหลักให้รู้สึกเลยครับ ได้ยินแต่เสียง ปับ..ปับ..ปับ.. ดังมาก จนเพื่อนที่มาด้วยบอกว่า เสียงเหมือนเป็นที่ เฟือง หรือ เพลา หรือ สายพานราวลิ้น ตอนนั้นรถยังไม่จอด แต่ไม่มีใครเดาเรื่องยางเลย เพราะรถไม่มีอาการส่ายให้รู้สึกสักนิด ไอ้เราก็นึกในใจว่า รถข้าไม่มีเพลาโว้ย...มันขับล้อหน้า สายพานราวลิ้นก็เป็นโซ่โว้ย มีอายุตลอดชีพ ไม่ต้องซ่อมบำรุง อย่าให้น้ำมันเครื่องขาดก็แล้วกัน พอจอดรถลงมาดู (จอดชิดขวา เพราะเข้าซ้ายไม่ทัน) ก็เจอสภาพยางหน้าขวา แหลกยับเยิน สาเหตุจาก รั่วรูที่ปะไว้ ย้ำอีกทีครับ ยางแหลกยับเยิน แต่ รถไม่ส่ายเลย ปลอดภัยขนาดนี้ก็สมควรจะชอบมันอยู่บ้างละนะ
ไม่ชอบอะไรบ้างครับ
ทีแรก ก่อนซื้อ ผมมีจุดตำหนิอยู่ 3 เรื่อง คือ ยางอะไหล่อยู่นอกตัวรถ ( เกีย คานิวาล อยู่ตำแหน่งเดียวกัน แต่ต้องยกจากในรถ) อย่างนี้มันก็หายง่ายนี่หว่า เมืองไทยน่ะ แค่ยางอะไหล่ขโมยจนตรอกมันก็เอานะเฟ้ย... หรือเยอรมันไม่มีนักขโมยยางฟะ.. เรื่องที่ 2 คือ ก้านเหล็กค้ำฝากระโปรงหน้า ออกจะเห่ยไปหน่อยเหมือนรถราคาถูกทั่วไป ต้องปลดจากล็อคโยกมาเสียบรู ลืมดีไซน์ตรงนี้หรืออย่างไร (เคยใช้วอลโว มันเป็นบานพับสปริง 2 ข้างเลย ไม่ต้อง ปลดเสียบ ปลดเสียบ ) อีกเรื่องคือ คันเกียร์ ออกจะสั้นไปนิด จนเอื้อมไม่ถึงเวลาพิงเบาะ ต้องเอนตัวไปหามัน อาจจะเพราะติดนิสัย เล่นกับเกียร์ ในรถคันเดิม มีการเปิด-ปิด ปุ่ม over drive และลดมา เป็นเกียร์ 3 2 บ่อยครั้ง ผมติดนิสัย ชอบใช้ engine brake แม้จะขับเกียร์ออโต้ก็ตาม เอ...หรือฝรั่งมันจะมือยาว จนนั่งพิงเบาะก็เอื้อมถึงเกียร์หว่า? แต่พอใช้มาได้สักปี ก็ปรับตัวเข้าหากันครับ มันเปลี่ยนไม่ได้นี่หว่า ตัวเราเองที่ต้องเปลี่ยน
อยากจะทำอะไร(เกี่ยวกับรถคันนี้) ที่ยังไม่ได้ทำครับ
ผมอยากเอาสิ่งที่ถูกดัดแปลง หรือ ถูกตัดทิ้งไป คืนมา เช่น ระบบแอร์ที่มีทั้งร้อนและเย็น ตอนนี้ถูกตัดระบบลมร้อนไปแล้ว ช่องรับอากาศภายนอกที่ถูกอุดไป เอาไว้ใช้ตอนวิ่งทางไกล ปิดแอร์ ปิดกระจก ระบบ Catalytic ตอนนี้ยังมีอยู่ ก็ตั้งใจจะคงไว้ คือเปลี่ยนเมื่อมันเสีย จะไม่ดัดแปลงเป็นท่อตรง ตามความตั้งใจเดิมที่มีว่า หากมีกำลัง(ทรัพย์)พอที่จะขับรถดีๆสักคัน ก็ควรที่จะดูแลคนรอบข้างด้วย รถเขามีเครื่องกรองไอเสีย ไม่ให้สร้างมลพิษเพิ่มขึ้น แล้วจะไปตัดมันออกทำไมกัน? ผมตั้งใจจะทำให้มันสมบูรณ์ครบถ้วนตามมาตรฐานเดิม เอาไว้ให้ผู้สนใจมาดูว่า อ๋อ ... ของ original มันเป็นอย่างนี้เอง...
อ๋อ..ใช่.. รถของพี่เป็นระบบแอร์จากโรงงานที่นำเข้ามาทั้งคัน แล้วการใช้งานเป็นอย่างไรครับ ดีไหม
ใช่ครับ เป็นระบบแอร์ที่ถูกเรียกว่า Climatronic ติดตั้งจากเยอรมัน ก็นับว่าผมโชคดีที่ได้คันนี้มา ( จาก grey market dealer) เป็นระบบที่ ให้ตั้งอุณหภูมิที่ต้องการจากหน้าจอ แล้วมันก็จะส่งลมร้อนลมเย็นมาผสมกันให้ได้ตามองศาที่เราตั้ง โดยที่คอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่ตลอด ( ช่างฯเขาว่านะ) แอร์ระบบนี้ พอมาอยู่ในมือคนไทยสักพัก ก็จะโดนดัดแปลงเป็น ระบบเทอร์โมสตัท ซึ่งจะตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์เป็นระยะ นัยว่าเพื่อไม่ให้เปลืองแรงเครื่องและเปลืองน้ำมัน แต่ผมชอบระบบเดิมของมัน ผมเคารพความคิดคนออกแบบ ว่ามันคงถูกออกแบบมาเหมาะกันดีแล้ว และผมก็ไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกอะไรสักเท่าไหร่ จนจะไปหาญกล้าเปลี่ยนฟังค์ชั่นที่เขาออกแบบไว้แล้ว คนที่กล้าเปลี่ยนระบบ ก็คงได้แอร์เย็นๆมาใช้งานเหมือนกันอยู่แล้วครับ แต่สำหรับผม ความเป็น original มันหายไป...ก็เท่านั้น แต่อย่างว่าแหละครับ เหมือนดีแต่พูด เพราะตอนนี้รถผมก็โดนตัดระบบลมร้อนออกไปนานแล้ว เพราะตอนนั้นมันซ่อมหลายเรื่อง เงินไม่พอ เลยต้องตัดสินใจแบบนั้น แต่ช่างฯก็บอกว่า เมื่อมีตังค์ จะเอาระบบนี้กลับมา ก็ไม่ยากครับ อืมม์...ไม่ยาก...แต่ต้องเทเงินลงไป
ถ้าได้เป็นผู้บริหารของบริษัทโฟล์ค จะทำอะไรเป็นอย่างแรกครับ
โอ้โห... เป็นผู้บริหารโฟล์คเลยหรือ ( คิดสักหน่อย ) ...คงลาออกเป็นอย่างแรกเลยมั้ง.. ล้อเล่น ล้อเล่น
ถ้าเป็นบริษัทโฟล์คเมืองนอก ก็คงทำอย่างที่เขาทำกันนี่แหละ ออกแบบ concept car มาเป็นระยะ , พัฒนาให้ใช้เชื้อเพลิงอื่นที่ไม่ใช่น้ำมัน เช่น ไฟฟ้า แสงอาทิตย์ ไฮโดรเจน นิวเคลียร์ , รักษาจุดยืนและบุคลิกของสินค้าไว้อย่างสวยสดงดงามและมีศิลปะ แม้ว่าต่อไปจะมีการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็วกว่ารถยนต์เกิดขึ้นก็ตาม แต่ผมว่า การขับรถยนต์ด้วยตนเอง ไปในทางที่เราอยากไป หยุดแวะในที่ที่เราอยากหยุด ยังคงมีเสน่ห์อยู่ตลอดไปนะ
แต่ถ้าเป็นผู้บริหารโฟล์คเมืองเรา คงต้องย้อนกลับไปประโยคแรกนั่นแหละ... ไม่อยากเปรียบเทียบหรอก เพราะเราอาจจะรู้ไม่ครบ แต่เอาสักหน่อยก็แล้วกัน ผมว่า marketing concept ของ ธนบุรีฯ คมกว่านะ...... ( ข้อความที่เหลือ ถูกเซ็นเซอร์ เนื่องจากล่อแหลมต่อการถูกฟ้องร้อง )
รถคันต่อไปคืออะไรครับ
ถ้ามีตังค์นะ...ถ้ามีตังค์ คงเป็น New Mini Cooper S มือ 3 มือ 4 สักคัน อายุประมาณ 10 ปี ราคาประมาณ ห้าแสน เอาไว้เพ่นพ่านตามสถานบันเทิงต่างๆ รถเล็กๆ จอดง่ายดี พอเหมาะสำหรับ 2 คนนั่ง เวลาอยากจะเปรี้ยวก็คงไม่แพ้ใคร ( แหม...มีรถดีดี ใครจะไม่อยากขับเร็ว )
ข้อเสนอแนะ หรือความเห็นทิ้งท้ายหน่อยครับ
อันนึงที่ผมเจอ ก็เลยอยากเล่าให้ฟัง เผื่อใครที่กำลังจะหา T4 T5 มาใช้ละก้อ ตรวจเช็คเรื่องการจดทะเบียนให้ดีหน่อย เพราะพวก grey market ของรถรุ่นนี้มีเยอะ สั่งมาทีละน้อยๆ 5 คัน 10 คัน แล้วขายได้หมดด้วยแฮะ ( สงสัยเป็นเพราะคนเบื่อ authorize dealer ) อาจมีบางเจ้า นำรถเข้ามาแบบพิสดาร และอาศัยว่าผู้ซื้อมักเป็นคนมีระดับ เลยไม่ค่อยเกิดปัญหา แต่จริงๆมันเหมือนจะมีปัญหาแฝงอยู่ สมุดเล่มทะเบียนรถผมมันเป็นอย่างนี้ครับ เลขเครื่อง-ตรง , เลขตัวถัง-ตรง , ซีซี-ตรง , แต่ระบุ ว่า เป็นรถ 5 สูบ และข้อความ 4 เพลา 8 ล้อ ยาง 12 เส้น ซึ่งถ้าถอดสเปคออกมา มันจะกลายเป็นรถบรรทุกคันเบ้อเริ่มเลย ( รถ 10 ล้อ จะถูกระบุในทะเบียนว่า 6 ล้อ ยาง 10 เส้น 6 ล้อ คือ ตำแหน่งของล้อเมื่อมองจากด้านข้าง ยาง 10 เส้นคือจำนวนล้อที่แตะพื้นถนน ) เคยถามไปยังเวปบอร์ดหนึ่ง ผู้ตอบบอกว่า เจ้าหน้าที่อาจลงรายการผิดได้ ให้เอาสมุดไปแก้ ไม่เสียภาษีเพิ่ม เพราะรถแบบนี้ (รย.2) เสียภาษีตามน้ำหนัก แต่ผมยังไม่ได้เอาไปแก้เลย ไม่แน่ใจว่าจะเจออะไรมากกว่านี้หรือเปล่า ก็เล่าให้ฟังไว้แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน
ขอบพระคุณพี่วีระมากครับสำหรับการให้สัมภาษณ์ หวังว่าคงจะได้รับความกรุณาให้รบกวนอีกนะครับ ขอบคุณ คุณโชติที่ให้เกียรติมาสัมภาษณ์นะครับ ทีแรกก็เหมือนไม่รู้จะตอบอะไรเหมือนกัน ทำไปทำมา คุยเสียยาวเลย ขอบคุณครับ
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2549 | | |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2549 12:12:28 น. |
Counter : 2485 Pageviews. |
| |
|
|
|