Jazzyrain ... let's fill the life with happiness
Group Blog
 
All Blogs
 
SG-MY...ตอน 3 Singapore so cool ...review day2,3

เว้นวรรคไปนานเลยค่ะ เพราะมัวแต่ทำโน่นทำนี่อยู่

มาต่อกันเลยค่ะ

วันที่สองที่สิงคโปร์ เราก็ยังคงมุ่งมั่นกับพิพิธภัณฑ์ค่ะ โดยวันนี้เราเริ่มที่ SAM หรือ Singapore Art Museum เดินไปตามเคยค่ะ



ที่นี่เป็นตึกเก่าเหมือนกันค่ะ สวย...



ใช้เวลานานตามเคย แล้วก็ต้องแวะร้านนี้ค่ะ The Dome



ตั้งใจแวะร้านนี้ตามที่บล็อกของคุณ kizz_j แนะนำไว้ค่ะ ร้านนี้อยู่บริเวณเดียวกับ SAM ตอนแรกตั้งใจจะแค่ดื่มกาแฟ แต่กลิ่นอาหารในร้านหอมยั่วใจมากๆ



กาแฟพอใช้ค่ะ แต่อาหาร (ของเรา) อร่อยมากเลย เป็นพายเนื้อสโตรกานอฟค่ะ


ส่วนของแฟนเป็นพิตต้าค่ะ เห็นว่าเฉยๆ



อิ่มแล้วก็เดินต่อไปที่ 8Q ค่ะ ซึ่งเป็น museum น้องของ SAM (เป็น art เหมือนกัน แต่ว่าเล็กกว่าค่ะ)



จากนั้นก็เดินๆๆๆ ไปยัง Bugis เพื่อตามหาบันได้หลากสี
เดินไปจนสุดแยกก็หาเจ้าบันไดไม่เจอ เลยเลี้ยวเข้าไปถาม Tourist info แต่เค้าก็บอกไม่เคยเห็น

ก็เลยเดินออกมาเซ็งๆ ไม่ถึงห้าก้าว ก็เจอ ... เลยเดินกลับไปบอกเค้าว่า ถ้าคราวหลังมีคนมาถามหาเจ้าบันไดนี่ล่ะก็ บอกให้เค้าเดินไปอีกห้าก้าวละกันนะ

เฮ้อ



ที่เจ็บใจก็คือ เดินมาอีกหน่อยเดียว ก็จะพบว่าเป็นซอยที่ตะกี้ถอดใจ หันหลังกลับไปหา tourist info (คือถ้าเดินไปอีกสามก้าว ก็จะไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมา)



เนื่องจากเราใช้เวลาในมิวเซียมเยอะมาก ก็เลยต้องตัด little india ออก ตั้งใจว่าถ้าคราวหน้าไปสิงคโปร์คงต้องไปกินอาหารอินเดียให้ได้

เราก็เลยตัดสินใจนั่งใต้ดินมุ่งหน้าไป boat quay เพื่อไป Asian Civilization (กะใช้บัตร 3 day pass ให้คุมค่ะ )



เดินนานมากเหมือนเคยค่ะ เพราะที่นี่กว้างมากเลย แล้วก็ของน่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะตอนนั้นจัดนิทรรศการเครื่องประดับของตะวันออกกลาง
กว่าจะออกมาก็ห้าโมง
จากนั้นตั้งใจจะเดินไป Raffles Hotel เพื่อ High tea แต่เนื่องจากมัวแต่เพลิดเพลินในมิวเซียม เลยมาถึงช้าไป อดเลย
เดินไกลเอาการเลยค่ะ จริงๆก็มีรถเมล์นะ แต่เราขี้เกียจรอ

ถ้าใครตั้งใจไปกิน high tea ต้องไป 15.30 - 17.30 นะคะ เราไปถึง 17.45 เลยอด

ก็เลยเข้าร้านเบเกอรี่ แก้ขัด .. ก้พบว่า Tiramisu ที่นี่อร่อยเลิศไปเลย



แล้วก็เดินเล่นขึ้นไปที่ Raffle Museum ... ก็เล็กๆค่ะ ไม่มีอะไรมาก
แต่ที่นี่สวยดีนะคะ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองนอนดูสักคืน อารมณ์เหมือนโอเรียนเต็ลบ้านเรา

พักจนหายเมื่อย ก็ออกเดินต่อ ไปยัง Singapore Flyer

ค่าตั๋วแพงโฮก ... แต่ก็นะ ครั้งหนึ่งในชีวิต

อ่อ ก่อนไป บังเอิญได้ดูสารคดี เกี่ยวกับไอ้เจ้า Flyer นี่ ว่ามันช่างยากลำบากในการสร้าง เค้าเจอปัญหาเยอะมากๆ เราก็เลยคิดว่า มันก็คุ้มที่จะจ่าย



เพื่อนเล่าให้ฟังว่าเค้าโชคดี มาวันที่ไม่มีคน เลยเหมือนได้กระเช้าส่วนตัว แต่เรานี่ตรงข้ามเลย คนเยอะเต็มกระเช้า แถมมีเด็กวิ่งเล่นด้วย

แนะนำว่าไม่ต้องนั่งเก้าอี้ตรงกลางที่เค้ามีให้หรอกค่ะ แต่เกาะกระจกด้านที่หันเข้าเมืองไว้ดีกว่า จะได้ชักภาพได้ตามอัธยาศัย
เรานี่นั่งพื้นมันซะเลย



ตลอดทริปนี่ไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องนะคะ แต่ใช้ "ไหล่ตั้งกล้อง" แทน

เป็นไหล่ของคุณแฟนค่ะ *o*

เพราะเราไปแบบ backpack ก็เลยขี้เกียจแบกขาตั้งไป

Flyer จากข้างล่างค่ะ



จากนั้นก็เดินอีก ไปยังesplanade นึกว่าเป็นห้างแล้วจะมีร้านให้ช้อปง่ะ แต่เราคงหามันไม่เจอเองอ่ะค่ะ จ๋อยเลย Charles & Keith ของเรา

วิวดี๊ดีค่ะ แถมอากาศก็ดีด้วย แนะนำให้มาชมวิวตอนกลางคืนเนอะ



ถ่ายรูปแต่บนสะพานค่ะ ไม่ได้ลงไปถ่าย merlion เลย ไม่รู้จะมีกี่คนที่เป็นอย่างเรา ฮ่าๆ (แต่ก็กะว่าถ้าไปคราวหน้าก็คงถ่ายนะ)




และแล้ว..ก็ได้เวลา...หม่ำไฮไลท์สิงคโปร์ ... Chilli crab น่ะเอง
ต้องยอมรับเลยค่ะ ว่าไปเที่ยวคราวนี้ ทำการบ้านเรื่องอาหารน้อยมาก แต่จัมโบ้นี่ ไม่ต้องทำก็รู้ ว่าต้องไปลองสักครั้ง

เราเลือกสาขา Boat quay ค่ะ เพราะว่าอยู่ริมน้ำ แล้วก็ใกล้ใต้ดิน จะได้กลับง่ายๆ (จริงๆ Clarke quay ก็น่าจะบรรยากาศดี)
เดินไปอีกแล้วค่ะ น่องโป่งเลย

จานแรกเป็นเจ้ากุ้งจานนี้ค่ะ (จำชื่อไม่ได้) แต่อร่อยดี รสชาติเหมือนกุ้งผัดไข่เค็ม (เมื่อเดือนก่อนไปกินกุ้งผัดไข่เค็มที่มุมอร่อยมา สูสีเลยค่ะ)




จานนี้หอยเชลล์ รสชาติอารมณ์ติ่มซำค่ะ อร่อยอีก


สุดท้าย Chilli Crab ค่ะ ตัวโตสมคำร่ำลือ และสดอร่อยมากๆ


มื้อนี้อิ่มพอดีๆค่ะ Citibank ลด 10% นะ (มื้อกลางวันทางร้านมีโปรลดราคา 20% ด้วยนะ) ทั้งหมดประมาณ 1200 ค่ะ ไม่แพงนะเราว่า

จากนั้นก็ไปทำภารกิจตามหา tiger balm สีแดง ที่มีเพื่อนฝากซื้อค่ะ ว่าสีแดงมีขายแต่ที่สิงคโปร์ และเผ็ดร้อนกว่าสีเหลืองในบ้านเรามากๆ ก็เลยเดินไป China town เพราะเมื่อวานที่มาเดินที่นี่ก็เห็นว่ามี แต่คุณแฟนไม่ยอมซื้อ เพราะคิดว่าจะมีที่ถูกกว่า
ปรากฏว่าร้าปิดหมดแล้วค่ะ ... เงียบจนน่ากลัว ... แถมโดนแฟนด่าอีกว่าพาไปเดินทำไม เห็นก็เห็นว่ามันปิด
ก็ใครจะไปรู้ล่ะเนอะ มันอาจจะยังเปิดอยู่เป็นร้านสุดท้ายก็ได้

นั่งใต้ดินกลับไปแบบงอนๆกันนั่นล่ะ

เดี๋ยวตอนนหน้าจะพาออกเดินทางเข้ามาเลเซียนะคะ


Create Date : 05 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 21:10:15 น. 0 comments
Counter : 779 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rainy in the blue sky
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ฟังเพลงแจ๊สในวันฝนตกนี่มันช่างดีจริงๆ

http://www.jazzyrain.com
New Comments
Friends' blogs
[Add Rainy in the blue sky's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.