|
|||||
ผังความสัมพันธ์กษัตริย์ไทยจากต้นสุโขทัยถึงปลายอยุธยาในสื่อสมัยใหม่
Cr. facebook : Eastern Book Publishing
Unit 731 หน่วยจับคนมาทำเชื้อโรค
ช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในประวัติมนุษยชาติ “นานา ซานอิชิ บูไต” ชื่อเดิมของหน่วย 731 (Unit 731) ที่ชาวโลกรู้จัก ซึ่งเรื่องราวของหน่วยนี้ดำมืดเกินกว่าคำใดจะบรรยายถึงความโหดร้ายและความสยดสยอง สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 มันกินเวลายาวนานถึง 8 ปี (1937-45) และช่วงนั้นกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นต้องการศึกษาในสิ่งต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์” ว่ามีขีดจำกัดได้ถึงขนาดไหน กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเห็นชอบว่าเมืองพิงฟาง (จังหวัดฮาร์บิน) ปัจจุบันอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เหมาะสำหรับที่จะตั้งแผนกที่รู้จักกันในชื่อ "กองป้องกันโรคระบาดและการกรองน้ำ” กองทัพได้แต่งตั้งศัลยแพทย์ที่ชื่อ ชิโร อิชิอิ เป็นผู้บัญชาการห้องปฏิบัติการวิจัยในปี 1932 สิ่งที่ชิโรทำคือเตรียมกลุ่มงานวิจัยลับที่ชื่อหน่วยโตโก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการทดลองต่าง ๆ กับมนุษย์ทั้งด้านเคมีและชีวภาพ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณอย่างมากจาก ผู้พันชิคาอิโกะ โคอิซึมิ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในอดีต ผู้พันโคอิซึมิ เคยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มวิจัยตรวจสอบผลของก๊าซพิษชนิดต่าง ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่มีฐานปฏิบัติงานอยู่ในป้อมจองหม่า (Zhongma) ซึ่งเป็นค่ายกักกันเชลยศึก ซึ่งอยู่ 62 ไมล์ทางใต้ของฮาร์บิน หลังจากข้าศึกเข้าโจมตีป้อมนักวิจัยทั้งหมดจึงย้ายไปที่เมืองพิงฟาง และนี่คือจุดกำเนิดของหน่วย 731 และได้เริ่มโครงการมารูต้า (project Maruta) ซึ่งใช้มนุษย์เป็นๆ เป็นหนูทดลองในโครงการสุดสยอง เพื่อความแนบเนียนในการซ่อนกิจกรรมต่างๆ ห้องปฏิบัติการเหล่านี้จึงถูกแปลงไปเป็น “โรงเลื่อยไม้” และเรียกเหยื่อในงานวิจัยของเขาว่า “ซุง” กลุ่มคนที่เป็น “ซุง” ในการทดลองจะเป็นพวกอาชญากร พวกหัวรุนแรง ต่อต้านรัฐบาล เชลยศึก หรือแม้แต่พวกทำกิจกรรมที่สงสัยว่าต่อต้านญี่ปุ่น หน่วยนี้บรรจุนักวิจัยที่มากถึง 300 คน หมอ ผู้เชี่ยวชาญด้านแบคทีเรีย นายช่าง ที่ใช้ผู้หญิงตั้งท้อง, เด็กทารก, เด็กและคนชรา สำหรับการทดลองทางชีวภาพที่ไม่ใช่ยาสลบ และมักจะจบด้วยการเสียชีวิต เพราะขอบเขตของการทดลองเรียกว่า “ไม่มีขีดจำกัด” ซึ่งมันน่ากลัวเกิดกว่าจะบรรยาย โรงงานแห่งนี้มีขนาดกว้างถึง 3.7 ตารางกิโลเมตร และภายในบริเวณมีอาคารมากกว่า 100 แห่ง ซึ่งความจริงมันคือสถานที่ปฏิบัติงานนอกประเทศของทหารญี่ปุ่นที่เหล่าอาคารได้รับการออกแบบให้ทนต่อการทิ้งระเบิด และในอาคารยังพบภาชนะขนาดใหญ่ที่บรรจุหมัดเป็นล้าน ๆ ตัวโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ไว้สำหรับทำสงครามเชื้อโรค เมื่อใกล้สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตได้เคลื่อนพลเข้ามาใกล้ฐานแห่งนี้ ทุกคนหนีออกจากสถานที่นี้อย่างเร่งรีบทิ้งอาคารเหล่านี้ให้ร้าง เหยื่อหลายคนถูกเผาพร้อมทั้งเอกสารเพื่อทำลายหลักฐานแห่งความชั่วร้ายของพวกเขา กล่าวว่าไม่มีคนเหล่านี้ถูกตัดสินความผิดโดยสหรัฐอเมริกา พวกเขาได้รับอิสรภาพแลกกับเอกสารงานวิจัยทั้งหมดที่พวกเขาทำ ชิโร อิชิอิ มีชีวิตปกติอยู่จนกระทั่งปี 1959 และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำคอด้วยวัย 67 ปี ทุกวันนี้สถานที่แห่งนี้ถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดให้สาธารณชนเข้ามาชมเรื่องราวครั้งหนึ่ง ที่มนุษย์ทำกับมนุษย์ได้น่ากลัวเกินกว่าจินตนาการเพียงใด ภาพโดย 松岡明芳 ถ้าจังหวัดในประเทศไทยไม่เคยถูกเปลี่ยนชื่อ เราจะเห็นแผนที่เป็นแบบนี้
มหัศจรรย์พันธุกรรม กับภาพถ่ายของตนในครอบครัว
Ulric Collette เป็นช่างภาพในควิเบก ประเทศแคนาดา เขาเรียนศิลปะและการออกแบบกราฟิกที่โรงเรียนสมัยมัธยมและปัจจุบันทำงานเป็นผู้กำกับศิลป์ที่ Collette, สตูดิโอโฆษณาในควิเบกซิตี ในซีรีส์ของเขาที่ชื่อ ภาพทางพันธุกรรม เป็นภาพของสมาชิกในครอบครัวที่จะส่งผ่านลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่และเด็กฝาแฝดพี่น้องและญาติของพวกเขา ซึ่งน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว โดยโครงการนี้ทำเพื่อส่งเข้าประกวดงาน Cannes Lions (รางวัลที่มีชื่อเสียงที่สุดรางวัลหนึ่งของโลกในโลกโฆษณา จัดที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศษ) โดยมีลักษณะงานคือการประกบหน้าของคนในครอบครัว 1. แม่ / ลูกสาว: จูลี่ 61 ปี และ อิสซาเบล 32 ปี
2. บิดา / บุตร: Denis, 60 และ Mathieu, 25 ปี
3. ฝาแฝด: ลอเรน และ คริสตินอายุ 20 ปี
4. ญาติ / ญาติ: จัสติน 29 และ Ulric 29 ปี
5. ลูกสาว / แม่: Marie-pier 18 และ N'sira 49
6. บิดา / บุตร: ลาวาล, 56 และ วินเซนต์ 29 ปี
7. แม่ / ลูกสาว: ฟรานซีน 56 และ แคทเทอรีน 23 ปี
8. ฝาแฝด Alex และ Sandrine, 20
9. พี่สาว / น้องสาว เกเบรียล, 28 และลีอาห์ 25 ปี
10. บิดา / บุตร: เดนิส 53 และ วิลเลียม 28 ปี
อย่าพึ่งเชื่อทุกภาพข่าวที่เห็น (รวมภาพการบิดเบือนของสำนักข่าวโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่ 2)
หลายๆ ครั้งในปัจจุบันเราจะเห็นภาพของฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ออกมาเพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม ซึ่งหลายๆ ครั้งก็พิสูจน์ออกมาแล้วว่าเป็นภาพที่บิดเบือน เพื่อหวังผลประโยชน์ทางด้านการดึงมวลชน ซึ่งมันไม่ได้พึ่งเกิด แต่มันเกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่สมัยสงครามโลก ซึ่งนักกราฟฟิคโซเวีตสมัยนั้นได้ทำการตัดต่อภาพ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ให้ดูว่านาซีมันโหดร้ายน่ากลัวกว่าความเป็นจริงมาก การตัดต่อภาพเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างนึงในการโฆษณาชวนเชื่อ วันนี้เราจะนำคุณชมตัวอย่างการตัดต่อภาพของโซเวียตเพื่อใช้ในกิจการโฆษณา การโกหก
ภาพทหารเยอร์มันตายนอนแช่แข็ง กอดแจกันที่ไม่มีที่มาที่ไป (ไม่มีภาพต้นฉบับ)
Brezhnev และ Brandt กำลังหารือกันเรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง โซเวียต กับเยอร์มัน เยอร์มันช่างโหดร้าย
ภาพที่ถูกเรียกว่า การขนส่งไปยังค่ายกักกัน ถูกนำมาแสดงเป็นหลักฐานว่ามีการส่งยิวไปยังค่ายกักกัน
ภาพชีวิตในค่ายกักกัน เวอร์ชั่นโซเวียต
พาสปอร์ตปลอมของฮิตเลอร์ ตัวเจใหญ่หมายถึงเจ้าของเดิมเป็นชาวยิว ความโหดร้ายของนาซี
โกหกอีก พยาบาลสาวโซเวีตรายล้อมด้วยทหารเยอร์มันที่กำลังหัวเราะ ความจริง เราไม่ควรไว้วางใจรูปภาพใดๆ
|
jo guevara
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
Group Blog All Blog
Link |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |