" อำนาจแห่งความว่าง ความว่างแห่งอำนาจ "
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล : ใครเสียสละให้ชาติสงบสุขคือผู้ชนะ เขียนโดย ไท เมื่อ 13 September, 2008 - 01:30 tags: Politics การเมือง พันธมิตรฯ เมื่อวันศุกร์ ที่ 12 กย. 2551 เวลา 12.30-16.30 น. ที่ห้องประชุมมหิศร สำนักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก กทม. ธนาคารไทยพานิชย์ได้จัดงานปาฐกถาเกียรติยศชุด " พุทธธรรมนำไทยพ้นวิกฤติ " ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล อจ.ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ อดีตผู้นำศึกษายุค 14ตุลาฯ ได้แสดงปาฐกถาเรื่อง " อำนาจแห่งความว่าง ความว่างแห่งอำนาจ " ในงานดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
00000000000000000000000000000000000000000
สถานการณ์ที่เป็นวิกฤติการเมืองในปัจจุบัน จะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังครองตนอยู่ในความนิ่งเงียบ แต่ความเงียบเช่นนี้ แท้จริงแล้วอาจดังกึกก้องเหมือนฟ้าคำราม ใครที่อ่านสัญญาณไม่ออก กระทำผลีผลามย่ามใจ เท่ากับหาทุกข์ใส่ตัว
ท่านพุทธทาสเคยสอนไว้ว่า การเมืองต้องไม่แยกจากธรรมะ และนักการเมืองที่แท้จริงจะต้องเป็นนักการเมืองโพธิสัตว์ หรือนักการเมืองของพระเจ้า มีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น
ใครก็ตามที่นำอัตตาตัวตนขึ้นสู่เวทีอำนาจ ใครก็ตามที่นำผลประโยชน์ส่วนตัวขึ้นสู่เวทีอำนาจ และยืนยันผลประโยชน์ของตนเองเป็นเอก ไม่ว่าจะเป็นลาภ ยศหรือสรรเสริญ ท้ายที่สุดแล้วจะไปไม่รอดทั้งสิ้น
ผู้นำทางการเมืองที่จะนำประเทศชาติและประชาชนไปสู่ความสงบสุขได้ จะต้องเป็นผู้นำที่ยอมเสียสละตนเอง เพื่อรักษาความสงบสุขให้กับสังคมโดยรวม ซึ่งผู้นำทางการเมืองไม่ได้หมายความถึง ผู้ที่มีอำนาจเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงผู้ที่ต่อต้านอำนาจด้วย
หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียสละเพื่อให้สังคมหรือประเทศชาติสงบสุข ก็ถือเป็นผู้ชนะได้เช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีอำนาจ ในขณะเดียวกัน หากผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือ ไม่สามารถปกครองให้เกิดความปรองดองได้ ควรเปลี่ยนผู้นำ จนกว่าสังคมจะเกิดการยอมรับอย่างแท้จริงและจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงด้วยการใช้ความรุนแรง
ส่วนการประชุมหรือชุมนุมของคนพวกจิตไม่ว่างนั้น ก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด
การต้านอำนาจถือเป็นการแสดงอำนาจชนิดหนึ่ง ใครก็ตามที่คิดจะตั้งศูนย์อำนาจใหม่หรือต่อต้านอำนาจเก่า ควรจะต้องรู้ว่า อำนาจเป็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และอิงอาศัยนานาปัจจัย
อำนาจไม่ได้บรรจุอยู่ในอาคารสถานที่ การยึดอำนาจรัฐไม่ได้เกิดจากการยึดตัวอาคาร หากจะต้องยึดครองที่หัวใจคน
ตามหลักรัฐศาสตร์ อำนาจเปลี่ยนมือได้เสมอ ถ้าผู้ปกครองไม่สามารถแก้ปัญหาให้ผู้อยู่ใต้การปกครองได้ หรือมีวิกฤติต่อเนื่อง แต่เปลี่ยนแล้วจะดีขึ้นหรือไม่ ยังไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัวเสมอไป ขึ้นอยู่กับผู้นำการเปลี่ยนแปลง ว่ามีปัญญามากน้อยเพียงใด
คนในสังคมเห็นพ้องกันในทิศทางของการเปลี่ยนแปลงแค่ไหน หากสังคมยังไม่เห็นพ้องต้องกันในทิศทางการเปลี่ยนแปลง การล้มลงของระบอบเก่าหรืออำนาจเก่า ก็รังแต่จะนำไปสู่สภาพกลียุคและอนาธิปไตย
Create Date : 14 กันยายน 2551 | | |
Last Update : 14 กันยายน 2551 14:15:57 น. |
Counter : 182 Pageviews. |
| |
|
|
|