การดูแลต้นผักหวานป่า ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ ก็เริ่มตั้งแต่การนำเมล็ดต้นผักหวานป่า ไปปลูกลงในหลุมดิน หรือปลูกในถุงเพาะ อย่างแรกก็ต้องหมั่นรดน้ำ อย่าให้ดินบริเวณหลุมหรือถุงเพาะแห้งเป็นอันขาด ระยะนี้รากของต้นผักหวานป่ากำลังแทงรากลงไปในดินในระดับแนวดิ่ง อาจจะใช้เวลาหลายวัน และอาจจะนานเป็นเดือน และเมื่อรากลงลึกในระดับหนึ่งแล้ว ต้นผักหวานป่าก็จะแทงยอดพ้นดินขึ้นมาให้เห็น
ถ้าเราปลูกต้นผักหวานป่า จำนวนมากๆ และหลังจากที่ต้นผักหวานป่าเริ่มแทงยอดพ้นดินขึ้นมาแล้ว หลุมไหนหรือถุงเพาะถุงไหนยังไม่เห็นยอดต้นผักหวานป่า แทงยอดขึ้นมาอย่าเพิ่งรีบทิ้ง ให้ดูแลต่อไปอีกระยะหนึ่ง บางที่อาจจะมีต้นผักหวานป่าหลงแทงยอดขึ้นมาให้เห็นได้อีก ดูแลรดน้ำต่อไปตามปกติ
การปลูกต้นผักหวานป่าภายใต้ร่มเงาของไม้พี่เลี้ยง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นการให้ต้นไม้ดูแลกันเอง ตามกลไกของธรรมชาติ และธรรมชาติของต้นผักหวานป่าเอง กว่าที่จะเอาตัวรอดได้ อาจจะใช้เวลา 2-3 ปี ลองนึกภาพดูถ้าเราปลูกต้นผักหวานป่าโดยไม่พึ่งไม้พี่เลี้ยง โดยใช้วิธีการสร้างตาข่ายล้อม หรือใช้ตะกร้าครอบไว้ ต้นผักหวานป่าโตขึ้นทุกวัน และใหญ่ขึ้นทุกเดือน เราก็จะต้องเปลี่ยน ภาชนะบ่อยๆ สิ้นเปลืองรายจ่ายโดยไม่จำเป็น
การดูแลต้นผักหวานป่าในระบบนิเวศ ในสภาพแวดล้อมที่เป็นแบบธรรมชาติ นั้นไม่ยุ่งยาก ให้น้ำให้ปุ๋ยตามกำหนดเวลา เมื่อมีแมลงหรือหนอนผีเสื้อมากัดกินยอดและใบของต้นผักหวานป่า ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องฉีดยาฆ่าแมลงหรือยาไล่แมลง เพราะว่าแมลงหรือหนอนผีเสื้อ กำลังตัดแต่งต้นผักหวานป่า ให้แตกกิ่งแตกยอด ขึ้นมาเองโดยไม่ต้องเหนื่อย
มีเกษตรกรบางรายใช้ยาฆ่าหญ้า ในแปลงปลูกต้นผักหวานป่า อาจจะมีผลเสียมากกว่าผลดี อย่างแรกแมลงที่มีประโยชน์ต่อต้นผักหวานป่า อาจจะต้องตาย อย่างที่สองต้นผักหวานป่าอาจจะได้ผลกระทบทางอ้อม เติบโตช้าและอาจจะตายได้ อย่างที่สามพืชที่เป็นวัชพืชบางชนิด ช่วยคลุมดินรักษาหน้าดิน และรักษาความชื่นให้กับรากและต้นผักหวานป่า ทางที่ดีปล่อยให้วัชพืชขึ้นไปอย่างนั้นแหละ เพียงแต่คอยอย่าให้วัชพืชบังแสงก็พอ รอไปจนกว่าต้นผักหวานป่าอายุ 4-5 ปี ถึงค่อยมาว่ากันใหม่
หลังจากปลูกต้นผักหวานป่า ผ่านไปแล้วครึ่งปี ถึงตอนนี้มั่นใจได้ว่า ต้นผักหวานป่ารอดตายแล้ว ดังนั้นการให้น้ำและปุ๋ย ยังคงให้เหมือนเดิม เน้นเป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพ ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก นอกจากจะประหยัดแล้ว ต้นผักหวานป่าน่าจะชอบมากกว่า ปุ๋ยเคมี และสุดท้ายอย่าลืมดูแลไม้พี่เลี้ยงด้วย อนาคตได้กินยอดผักหวานป่า และขายยอดผักหวานป่าแน่นอน
ถ้าเราปลูกต้นผักหวานป่า จำนวนมากๆ และหลังจากที่ต้นผักหวานป่าเริ่มแทงยอดพ้นดินขึ้นมาแล้ว หลุมไหนหรือถุงเพาะถุงไหนยังไม่เห็นยอดต้นผักหวานป่า แทงยอดขึ้นมาอย่าเพิ่งรีบทิ้ง ให้ดูแลต่อไปอีกระยะหนึ่ง บางที่อาจจะมีต้นผักหวานป่าหลงแทงยอดขึ้นมาให้เห็นได้อีก ดูแลรดน้ำต่อไปตามปกติ
การปลูกต้นผักหวานป่าภายใต้ร่มเงาของไม้พี่เลี้ยง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นการให้ต้นไม้ดูแลกันเอง ตามกลไกของธรรมชาติ และธรรมชาติของต้นผักหวานป่าเอง กว่าที่จะเอาตัวรอดได้ อาจจะใช้เวลา 2-3 ปี ลองนึกภาพดูถ้าเราปลูกต้นผักหวานป่าโดยไม่พึ่งไม้พี่เลี้ยง โดยใช้วิธีการสร้างตาข่ายล้อม หรือใช้ตะกร้าครอบไว้ ต้นผักหวานป่าโตขึ้นทุกวัน และใหญ่ขึ้นทุกเดือน เราก็จะต้องเปลี่ยน ภาชนะบ่อยๆ สิ้นเปลืองรายจ่ายโดยไม่จำเป็น
การดูแลต้นผักหวานป่าในระบบนิเวศ ในสภาพแวดล้อมที่เป็นแบบธรรมชาติ นั้นไม่ยุ่งยาก ให้น้ำให้ปุ๋ยตามกำหนดเวลา เมื่อมีแมลงหรือหนอนผีเสื้อมากัดกินยอดและใบของต้นผักหวานป่า ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องฉีดยาฆ่าแมลงหรือยาไล่แมลง เพราะว่าแมลงหรือหนอนผีเสื้อ กำลังตัดแต่งต้นผักหวานป่า ให้แตกกิ่งแตกยอด ขึ้นมาเองโดยไม่ต้องเหนื่อย
มีเกษตรกรบางรายใช้ยาฆ่าหญ้า ในแปลงปลูกต้นผักหวานป่า อาจจะมีผลเสียมากกว่าผลดี อย่างแรกแมลงที่มีประโยชน์ต่อต้นผักหวานป่า อาจจะต้องตาย อย่างที่สองต้นผักหวานป่าอาจจะได้ผลกระทบทางอ้อม เติบโตช้าและอาจจะตายได้ อย่างที่สามพืชที่เป็นวัชพืชบางชนิด ช่วยคลุมดินรักษาหน้าดิน และรักษาความชื่นให้กับรากและต้นผักหวานป่า ทางที่ดีปล่อยให้วัชพืชขึ้นไปอย่างนั้นแหละ เพียงแต่คอยอย่าให้วัชพืชบังแสงก็พอ รอไปจนกว่าต้นผักหวานป่าอายุ 4-5 ปี ถึงค่อยมาว่ากันใหม่
หลังจากปลูกต้นผักหวานป่า ผ่านไปแล้วครึ่งปี ถึงตอนนี้มั่นใจได้ว่า ต้นผักหวานป่ารอดตายแล้ว ดังนั้นการให้น้ำและปุ๋ย ยังคงให้เหมือนเดิม เน้นเป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพ ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก นอกจากจะประหยัดแล้ว ต้นผักหวานป่าน่าจะชอบมากกว่า ปุ๋ยเคมี และสุดท้ายอย่าลืมดูแลไม้พี่เลี้ยงด้วย อนาคตได้กินยอดผักหวานป่า และขายยอดผักหวานป่าแน่นอน