บทเรียนที่ได้จากไฟไหม้ครั้งนี้ก็คือ 1. back up ข้อมูลแล้ว ควรจะเก็บไว้ทั้งที่บ้าน และ โรงเรียน ปกติเราจะคิดแต่ว่า back up ข้อมูลไว้ เผื่อคอมพ์ตัวเองเสีย แล้วก็เก็บแผ่น dvd ที่ back up ไว้ใน server ของโรงเรียน และก็เอาแผ่นไว้ที่โรงเรียน เป็นไงล่ะ ตอนนี้ก็ไม่สามารถทำงานได้ เพราะ server down ตึกก็เข้าไม่ได้ (นี่ยังโชคดีที่ไฟไม่ได้ไหม้ตึกที่เราอยู่) ส่วนอีกตึกนึง เสียหายเป็นส่วนๆ แต่คาดว่า คงต้องทุบตึกทิ้ง ส่วนแลป... ไหม้เหลือแต่โครง 2. อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา 3. อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เรากะจะ back up หลายรอบ แต่ก็ไม่ได้ทำสักที ทำไว้ก็แค่ชุดเดียว แล้วยังเก็บไว้ที่โรงเรียนอีก เซ็งเลย 4. ฝรั่งเค้าทำงานกันรวดเร็วดี แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันได้เร็วมาก ... 5. ... ขี้เกียจเขียนแล้วอะ
สรุปว่า วันนี้ server up แล้ว แต่เค้าก็ยังไม่ให้เข้าตึกอยู่ดี ต้องรอทุบอีกตึกนึงทิ้งก่อน
สถานการณ์ตอนนี้
บริษัทประกันค่อยๆ ย่องไปเอาของในตึกที่ไหม้ออกมาได้บ้างแล้ว และมากองๆ ไว้เพื่อประเมินราคา
ต่อจากนี้ ก็ต้องรอเค้าประเมินราคา
ตรวจสภาพตึก สารพิษ ต่างๆ
รื้อตึก
ตรวจสภาพตึกอีกที
แล้วค่อยให้คนที่อยู่ตึก zepler (ตึกติดกัน ที่เราอยู่เนี่ยแหละ แต่ไม่ถูกไฟไหม้) เข้าไปทำงานได้
คนที่อยู่ตึกที่ถูกไฟไหม้ บางคน อาจจะต้องย้ายไปทำวิจัยที่อเมริกา ส่วนใหญ่จะได้สถานที่ทำงานชั่วคราวแล้ว ก็กระจายไปตามอาคารอื่นๆ ในมหา'ลัยอะแหละ และก็ได้ laptop กันคนละเครื่องแล้ว (ได้วันนี้เนี่ยแหละ) และก็ได้ข่าวมาว่า อาจจะได้ค่าปลอบขวัญ กันอีกคนละ 1000 pounds สำหรับนักเรียน และ 5,000 pounds สำหรับ system staff ...
ในขณะที่คนที่อยู่ในตึก zepler (ตึกที่เราอยู่อะนะ) ไม่ได้อะไรเลย ต้องรอ รอ รอ อย่างเดียว ตอนนี้ที่คาดการณ์ไว้ คือ ได้เข้าตึกเดือน ธันวาคม (เพราะ ต้องรอเค้ารื้อตึกติดกันออกก่อน และ ก็เช็กว่า มีสารตกค้างหรือป่าว เพราะ ณ ตอนนี้ยังมีสารตกค้าง ซึ่งอาจจะระเบิดเมื่อไรก็ได้ แป่ววว) เงินปลอบขวัญก็ไม่ได้ laptop ก็ไม่รู้ว่าจะได้ป่าว วันนี้ครูบอกว่าให้ลองไปลงชื่อว่าจะเอาด้วยอะนะ ก็เลยไปลงชื่อไว้แล้ว
แต่ก็ขอให้ผู้ประสบภัยทุกๆ คนเรียนจบกันตามกำหนดเวลาอะนะ (รวมทั้งเราด้วย เพี้ยงงงงงงง)