About Job Part II A Waitress in Thai Restuarant
หลังจากทำงานร้านที่อยู่ไกลถึง Peaceheven ได้ประมาณหนึ่งเดือน

ดิฉันก็ได้งานใหม่จากร้านไทยที่อยู่ในตัวเมืองไบรตั้น
ร้านนี้เป็นพี่คนไทยที่แต่งงานกับคนอังกฤษเป็นเจ้าของ

พี่เจ้าของร้านยื่นข้อเสนอที่เป็นค่าจ้างที่เยอะกว่า
และมี Tip ให้ต่างหาก รวมทั้งวันทำงานที่มากขึ้น
เพื่อให้ดิฉันลาออกจากร้านเก่ามาทำงานที่ร้านนี้


ด้านหน้าร้านอาหารไทยที่ทำงานที่ที่สองของดิฉัน


ซึ่งดิฉันก็ไม่ได้ลังเลใจที่จะตอบตกลงเลย

ร้านนี้เป็นร้านไทยเล็กๆ ที่เกือบทั้งร้านเป็นพนักงานคนไทย
เว้นแต่พนักงานในครัวคนหนึ่งที่เป็นคนจีนและทำงานที่นี่มานานแล้ว

การทำงานร้านไทย ง่ายขึ้นสำหรับดิฉัน เพราะการสอนงานเป็นภาษาไทย
แต่สิ่งที่ยากสำหรับดิฉันที่ร้านนี้ก็คือ เราจะต้องคุยกับลูกค้าเป็นภาษาอังกฤษ
รายการอาหารเป็นภาษาอังกฤษ แต่เขียนลงใบสังอาหารเพื่อเอาไปให้ในครัวเป็นภาษาไทย


ลักษณะการ set โต๊ะของร้านนี้ค่ะ ง่ายๆ มาก


เช่น Green Curry with Prawn ก็จะต้องเขียนว่า เขียวกุ้ง,
Sticky Rice ก็จะต้องเขียนว่า ข้าวเหนียว

แล้วเมื่อรับ order เสร็จ จะต้องทวนที่เราเขียนเป็นภาษาไทยทั้งหมดกลับไปเป็นภาษาอังกฤษให้ลูกค้าฟัง เพื่อ make sure ว่ารายการที่สั่งนั้นถูกต้องและครบถ้วน


ชุด uniform ของร้าน

แต่เรื่องมันก็ติดตรงที่ skill ภาษาอังกฤษเดือนแรกของดิฉันไม่ได้แข็งแรงเท่าไร
จึงต้องระมัดระวังและตั้งสติเป็นอย่างมากในการรับ order

ขั้นตอนการทำงานที่นี่ก็คล้ายๆ กับร้านแรกที่ดิฉันทำ
แต่ว่าง่ายกว่ามาก เพราะร้านนี้ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก

สิ่งที่หินอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราต้องรับโทรศัพท์ลูกค้าที่โทรเข้ามาสั่งอาหาร Takeaway ด้วย
เอาหละ ที่นี้ดิฉันเลยได้ฝึกฝนทักษะการฟังที่แข็งแกร่ง จากการรับโทรศัพท์ด้วยเลย

โดยส่วนตัวแล้วดิฉันไม่ใช่คนรอบคอบ และงานนี้เราจะต้องคิดเงิน
ทำบัญชีทั้งหมดเอง และถ้าขาด เราจะต้องควักกระเป๋าจ่ายเองด้วย
ก็เลยถือว่างานนี้เป็นงานที่ฝึกดิฉันมากเลยทีเดียว

นอกจากเรื่องอาหารแล้ว ดิฉันยังได้รู้จักวิธีการเปิด wine กับ แชมเปญจากร้านนี้ด้วย
ช่วงแรกก็ยากนิดหน่อย เพราะว่าถ้าเราเปิดไม่ดีอาจทำให้ จุ๊กคอก ขาดได้
แล้วแรกๆ ดิฉันก็กลัว จุํกคอก จะกระเด็น ตอนเปิด แชมเปญ แต่เดี๋ยวนี้ โปรแล้ว

การทำงานที่ร้านไทยอย่างเต็มตัวทำให้ดิฉันได้รู้จักกับคนอีกประเภท
นั่นก็คือ กลุ่มคนไทยที่มาทำงานที่นี่ ซึ่งก็เหมือนกับคนทั่วๆ ไปที่มีทั้งนิสัยดีและนิสัยไม่ดี

จะมีบางคนที่ทำงานที่นี่มานาน มาสามีฝรั่ง อยู่ที่ประเทศเราอาจจะมีฐานะยากจน
พอมาอยู่ที่นี่ก็รับจ้างทำงานทั่วไป และเขาก็จะชอบข่มเด็กใหม่ๆ แบบเรา
และยิ่งคนที่ทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นแบบแพรแล้ว เขาก็จะข่มไว้ก่อนในช่วงแรกๆ
แต่อยู่นานๆ ไปเราก็รู้ว่าเขาก็เป็นคนใจดีที่ทำงานสุจริตเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวคนหนึ่ง

การทำงานร้านไทย ในตำแหน่งงานเสริฟ ทำให้เราได้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษนอกห้องเรียน
ในการรับ order อาหาร รู้ว่ารายการอาหารแบบนี้จะเรียกว่าอะไร คำศัพท์ต่างๆ ที่ใช้ในร้านอาหาร การจำคำศัพท์จากการที่เราได้มองเห็นและสัมผัสมัน ใช้มัน ทำให้เราจำมันได้ดีมากๆ
และเข้าใจที่จะเลือกใช้มันมากกว่า การนั่งท่องศัพท์มากมาย

แต่ข้อจำกัดของร้านไทยก็คือ เราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา
เพราะเพื่อนร่วมงานเราเป็นคนไทย และการอยู่กับคนไทยด้วยกันเองมากๆ
ก็จะทำให้เราเก่งภาษาไทยนั่นเอง

(ไว้วันหลังดิฉันจะมาเม้าส์ร้านไทยในไบรตั้นให้ฟัง)



Create Date : 27 ตุลาคม 2554
Last Update : 28 ตุลาคม 2554 11:25:23 น.
Counter : 1020 Pageviews.

2 comment
About Job Part I A Waitress in Thai Restuarant
นักเรียนที่มาเรียนที่นี่ หรือแม้แต่เด็กอังกฤษเอง เกือบทั้งหมดทำงานพิเศษค่ะ

งานแรกที่ดิฉันได้ทำคืองานใน ร้านอาหารไทย ที่มีเจ้าของเป็นคนมาเลเซีย
และงานที่จะต้องทำเนี้ย ต้องนั่งรถออกไปนอกเมืองไบรตั้นไกลทีเดียว

วิธีหางานทำอย่างไรน่ะเหรอค่ะ
เราก็แค่มี CV ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรา
เอาไปฝากไว้ตามร้านต่างๆ ที่เราอยากทำงาน

หลังจากนั้นถ้าเขามีตำแหน่งว่าง และเขาสนใจเรา
เขาก็จะเรียกเราไปทำงาน นี่เป็นวิธีหนึ่งของการหางาน
และเป็นวิธีที่ดิฉันได้งานนี้

จำได้เลยว่าดิฉันกำลังนั่งเรียนอยู่ในห้อง
ก็มีโทรศัพท์เบอร์ในอังกฤษดังขึ้นมา
ซึ่งก็คาดว่าน่าจะเป็นที่ใดที่หนึ่งที่สนใจจะรับเราเข้าทำงาน
เพราะตอนนั้นดิฉันเพิ่งไปอยู่อังกฤษได้แค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น
ยังไม่รู้จักใครมาก

คนที่โทรมาเป็นผู้หญิง ถามว่าเราสนใจจะทำงานกับเขาหรือเปล่า
เป็นงานร้านอาหาร และทำหน้าที่ Waitress หรือพนักงานเสิร์ฟนั่นเอง
ดิฉันตอบตกลง เขาก็บอกให้ใส่รองเท้าสีดำ
แล้วก็บอกเวลาที่จะต้องไปเริ่มงาน วิธีเดินทางไปอย่างไร
ดิฉันจะต้องทำงานวันศุกร์กับวันเสาร์สองวัน

ดิฉันดีใจมากที่ได้งานแรก และตื่นเต้นมากด้วย

ไปถึงที่ร้านก่อนเวลาทำงาน ผู้จัดการร้านเป็นคนมาเลเซีย (Chinese Malay)
มีสองคน ดิฉันจำชื่อไม่ได้แล้ว
เขาก็หาชุดให้ดิฉัน ซึ่งเป็นชุดไทย
แล้วก็ให้ดิฉันเปลี่ยนชุด


ชุดไทยที่ใส่ในร้านจะคล้ายๆ แบบนี้แหละค่ะ แล้วก็จะมีแขนสั้น สำหรับใส่หน้าร้อนด้วย


เนื่องจากในช่วงแรกภาษาอังกฤษดิฉันก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย
มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก กับการที่จะต้องตั้งใจฟัง ภาษาอังกฤษสำเนียง Chinese Malay
และเมื่อฟังเสร็จ จะมีเวลาให้สมองเราประมวลผลแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่จะลงมือทำ

แพรได้เรียนรู้ว่าการทำงานพิเศษเป็นการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษอีกทางหนึ่งที่ดีมาก

คนในร้านที่นี่เกือบทั้งหมดเป็นคนจีน คนในครัวเกือบทั้งหมด พูดได้แต่ภาษาจีน
พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย มีพนักงานเสิร์ฟสามคนที่เป็นคนจีนแต่พูดภาษาอังกฤษได้
และมีเพื่อนดิฉันคนหนึ่งที่เรียนโรงเรียนเดียวกันทำงานอยู่ที่นี่แล้ว

ที่น่าอึดอัดนิดหน่อยของร้านนี้ก็คือ คนที่นี่ชอบพูดกันแต่ภาษาจีน ซึ่งเราไมเข้าใจ
ดิฉันเลยเรียนรู้อีกอย่างว่า เวลาเรามีเพื่อนต่างชาติแล้วเราคุยแต่ภาษาของเราเนี้ย
มันไม่ดีเลย

การกินอาหารของที่นี่ จะแบ่งเป็นสามช่วง นั่นคือ
Starter ก็จะเป็นพวกอาหารจานเล็กๆ ทานเพื่อเรียกน้ำย่อย
Main Clause อาหารจานหลัก
Dessert ของหวาน

และเราก็ต้องจัดโต๊ะ ที่มีอุปกรณ์มากมาย ที่เราจะต้องวางให้ถูกตำแหน่ง
สิ่งที่จะต้องเรียนรู้สำหรับการทำงานแรกนั่นก็คือการจัดโต๊ะอาหาร


ลักษณะการ set โต๊ะจะคล้ายๆ แบบนี้แหละค่ะ
ดิฉันไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้เลย แค่ลองหารูปที่คล้ายๆ กันมาเพื่อให้จินตนาการออก


อ่อ ที่นี่เขาให้ความสำคัญในเรื่องของความสะอาดมากๆๆๆๆ
ดังนั้น จาน หรือที่เรียกกันว่า Plate จะต้องถูกเก็บไว้ในตู้ร้อน
เมื่อไปเสริฟจะต้องอุ่น เพื่อให้รู้ว่า สะอาด ผ่านความร้อน

แต่ช่วงแรก มือเราไม่ทนความร้อน ก็ลำบากหน่อย ต้องใช้ Napkin
มารองมือเอาไว้เพื่อป้องกันความร้อน

นอกจากนี้เมนูอาหารที่นี่ก็มีทั้งอาหารไทย จีน มาเลเซีย สิงคโปร์
ดิฉันก็จะต้องจำให้ได้ทั้งหมด โอ๊ววว….
เพราะว่าเวลาไปเสริฟ เราต้องบอกชื่ออาหารด้วยว่า มันคืออะไร

แล้วก็ต้องพยายามที่จะถือจานให้ได้หลายๆ จานด้วย
ซึ่งก็ต้องทำให้ได้ เพราะคนอื่นเขาทำได้หมด

หลังจากลูกค้ากินเสร็จ เราก็ต้องไปเก็บจาน
การเก็บจานก็ต้องมีวิธีของเขานะ เราจะมาซ้อนๆ บนโต๊ะไม่ได้
เราจะต้องหยิบจานอาหารมาจัดการบนมือเล็กๆ ของเรา ซึ่งคนที่นี่เขาทำได้กันทุกคน

ดิฉันมีหน้าที่แค่พาลูกค้าไปที่โต๊ะที่เขาจองไว้
(อ่อ ร้านนี้ลูกค้าจะโทรมาจองค่ะ (Make a resevation)
ซึ่งลูกค้าที่เข้ามากินจะมีสองช่วง ช่วงหัวค่ำ ประมาณ 1 ทุ่ม และ ช่วงคำ่ประมาณ 3 ทุ่ม)
แล้วก็ไปเอาอาหารจากในครัว มาเสริฟ เคลียร์โต๊ะ จัดโต๊ะ

แต่ขอบอกว่า เหนื่อยมาก เดินจนปวดขาเลยทีเดียว
หลังจากลูกค้าออกไปหมดเรียบร้อยแล้ว เราก็จะทำการเก็บกวาด

แล้วก็จะกินข้าวด้วยกันก่อนกลับบ้าน
ซึ่งตอนกลับ ผู้จัดการร้านจะขับรถไปส่งที่บ้าน

จากการอยู่กับชาวจีน ทำให้เรารู้อีกอย่างว่า
พวกเขาซดน้ำซุปกันดังมากกก

ดิฉันทำงานที่ร้านนี้ประมาณสี่สัปดาห์เท่านั้นเองค่ะ











Create Date : 27 ตุลาคม 2554
Last Update : 28 ตุลาคม 2554 11:31:32 น.
Counter : 3005 Pageviews.

0 comment
Tesco
สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตความเป็นอยู่อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ การออกไปซื้อของกินของใช้

ใน Brighton มีร้านค้ามากมายให้เราได้ไปเลือกซื้อสินค้า
ไม่ว่าจะเป็นร้านแขก ร้านจีน ร้่านไทย (ก็เหมือนร้านค้าโชว์ห่วยบ้านเรา)
ซุปเปอร์มาเก็ตชื่อดังได้แก่ ​แอสด้า (ASDA), โคออป (Co-Opeative Grop),
ไอซ์แลนด์ (Iceland), มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ (Marks & Spencer), เซนส์เบอรี่ (Sainsbury's),
มอริสัน ​(Morrisons), เวทโทรส (Waitrose) และซุปเปอร์มาเก็ตที่เรารู้จักเป็นอย่างดีในประเทศไทยอย่าง เทสโก้ (Tesco) หรือที่คนไทยมักรู้จักกันในชื่อของ เทสโก้โลตัส (Tesco Lotus) นั่นเอง


ร้านค้า และซุปเปอร์มาเก็ตใน downtown ในเมือง Brighton ค่ะ


ร้านขายของชำของจีน ที่เด็กเอเชียอย่างเรามักจะมาซื้อวัตถุดิบในการทำอาหาร
แต่อย่าว่าไป ฝรั่งเขาก็ชอบอาหารไทย อาหารจีนกันมากเหมือนกัน
เพราะเขาบอกว่ามันเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ


ร้าน Taj เป็นร้านแขกที่มีผัก และเครื่องเทศ วัตถุดิบในการทำอาหารขายเยอะมาก

ว้นนี้แพรจะขอเล่าเรื่องของเทสโก้ ร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่ให้ฟังนะคะ


เทสโก้ Brighton

ก่อนอื่นเรามาเล่าความเป็นไปเป็นมาคร่าวๆ ของเทสโก้กันก่อนเลยดีกว่า

เทสโก้เป็นร้านขายปลีกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลกโดยวัดจากรายได้
(รองจาก วอลมาร์ทและคาร์ฟูล)
เทสโก้มีร้านค้าอยู่ใน 14 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นใน เอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ
นอกจากนั้นในประเทศอังกฤษเอง เทสโก้ก็ยังเป็นผู้นำในธุรกิจด้านนี้อีกด้วย
โดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30%

ผู้ก่อตั้งเทสโก้มีชื่อว่า แจค โคเฮน (Jack Cohen) ซึ่งเริ่มก่อตั้งในปี 1919 นับมาถึงปัจุบันก็ 92 ปีแล้ว

เทสโก้ใน Brighton จะเป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าชั้นเดียว มีลานจอดรถ
แล้วก็จะมีเทสโก้เล็กๆ ที่เรียกว่า เทสโก้เอ็กเพรสเหมือนบ้านเราอยู่ตามถนนด้วยเหมือนกัน

ของที่ขายในเทสโก้มีหลายอย่างที่แพรไม่เคยเห็นในไทย
ไม่ว่าจะเป็น ชา อาหารกระป๋อง, อาหารเช้า ุ หรือที่ทำให้แพรประหลาดใจหนักๆ เช่น เบียร์ เป็นต้น
และในทางกลับกันที่เราเห็นเทสโก้บ้านเรามีพวกเครื่องสังฆพันธ์ขายแต่ขาดว่าไม่น่าจะมีในประเทศอื่น
นั่นแสดงให้เห็นว่า เทสโก้กำลังตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ อยู่


เทสโก้เบียร์ ว้าว


ของหลายอย่างที่แพรไม่เคยเห็นขายในเทสโก้ประเทศไทยมาก่อน

การซื้อของเราก็สามารถเดินเลือกซื้อได้อย่างสะดวกสบาย
เพราะเทสโก้จะจัดสินค้าไว้เป็นหมวดหมู่
ก็คล้ายๆ กับบ้านเรา

อ่อ เพื่อนแพรผู้ที่ชอบทำอาหารมักจะมาเทสโก้ในเวลาที่ใกล้จะปิด
เพราะเขาจะได้ของสดในราคาถูก เช่น 2 แพ็ค สามปอนด์เป็นต้น




ส่วนแพรเองก็มักจะซื้อพวกอาหารเช้า เช่น นม ขนมปัง ซีเรียล ผลไม้พวกองุ่น สตรอเบอรี่ กล้วย
และของใช้จำเป็นอีกนิดหน่อย

เมื่อซื้อของเสร็จเรียบร้อยอย่างที่เราต้องการแล้ว


เราก็จะเข็นรถ หรือนำตระกร้าเราไปต่อแถวเพื่อคิดเงิน
การคิดเงินด้วยคนก็คล้ายบ้านเราแหละค่ะ แต่ที่นี่
ในหนึ่งช่องจ่ายเงินมักมีพนักงานคนเดียว
แล้วเขาก็จะทำหน้าที่แค่คิดเงินให้เรา เราจะต้องเป็นคนเอาของใส่ถุงเอง แพรว่าก็ไม่เห็นจะยากอะไร
ที่นี่ก็มีบริการคลับการ์ดให้ใช้เหมือนกัน หรือจะโหลดมาลงไว้ใน iphone ของเราก็ได้นะ
จะได้ไม่ต้องพกบัตร

นอกจากการคิดเงินด้วยคนแล้ว เรายังสามารถเลือกใช้วิธีคิดเงินด้วยเครื่องโดยทำเองได้อีกด้วยนะคะ
แพรตื่นตาตื่นใจกับเครื่องคิดเงินนี้มาก โดยมันก็จะมีเสียงบอกขั้นตอนให้เรา

เริ่มจากการสแกนบาร์โคดสินค้า ใส่ถุง เป็นชิ้นต่อชิ้น
แล้วเมื่อครบแล้วมันก็จะคำนวณจำนวนเงินที่เราต้องข่ายทั้งหมดให้
ที่เก๋มากคือเราสามารถเลือกวิธีจ่ายเงินได้ด้วยว่าจะจ่ายเป็นเงินสด หรือบัตร
แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ซื้อของไม่เยอะมากนะคะ


เครื่องคิดเงินที่เราสามารถทำเองได้ ในเทสโก้

นี่หละคะเป็นการไปซื้อของที่เทสโก้ ซึ่งซุปเปอร์มาเก็ตอื่นๆ ก็มีลักษณะคล้ายๆกัน มีของคล้ายๆ กัน
ต่างกันเล็กน้อยที่ราคา และความสะดวกในการเดินทาง ตัวแพรเองมักเลือกใกล้ที่ไหนไปที่นั่นค่ะ



Create Date : 27 ตุลาคม 2554
Last Update : 27 ตุลาคม 2554 1:22:45 น.
Counter : 2898 Pageviews.

1 comment
Brighton Bus
อย่างที่เห็นในทีวี รถเมล์ หรือเรียกว่า Bus ของที่นี่มีสองชั้นสีแดง
แต่ว่าชั้นเดียวก็มีนะคะ แล้วก็มีสีอื่นด้วยเหมือนกัน แต่โดยมากแล้วจะเป็นสีแดง


หน้าตาของรถ Bus ที่ Brighton ก็เป็นแบบนี้แหละคะ


ด้านหลังแพรเป็นป้ายรถ Bus และนั่นไงค่ะรถ Bus ชั้นเดียว

มาเริ่มต้นจากป้ายรถ Bus กันเลยดีกว่า
ที่เมือง Brighton และ Hove โดยมากจะมีป้ายแสดงเวลาว่าอีกกี่นาทีรถสายที่ผ่านจะมา
เหมือนรถไฟฟ้าบ้านเราเลย แล้วรถก็มาตรงเวลาด้วยนะคะ


ที่ป้ายรถ Bus จะมีเวลาเป็นแบบ digital แสดงว่าอีกกี่นาที รถสายอะไรจะมาถึง

ประตูทางเข้าโดยมากแล้วจะมีทางเดียว และเดินเข้าออกผ่านคนขับค่ะ
ก่อนจะขึ้นเราจะเข้าแถวแล้วรอให้คนที่จะลง ลงเรียบร้อยเสียก่อน

คนขับจะทำหน้าที่ขายตั๋วเอง ไม่มีกระเป๋ารถคอยเก็บเงินให้เหมือนบ้านเรานะคะ

โดยตั๋วก็จะมีหลายแบบนะคะ ได้แก่
Single Journey fares คือการซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียว ก็จะมี
Flat Fare เป็นตั๋วเหมาระยะทางน่ะค่ะ ราคาประมาณสองปอนด์
CentreFare เป็นตั๋วที่เหมาเดินทางในระยะทางแค่ในตัวเมืองเท่านั้นราคา 1.7 ปอนด์
Short Hop Fares เป็นตั๋วเดืนทางระยะสั้นๆ ราคา 1.2 ปอนด์

นอกจากนี้เพื่อเป็นการประหยัดเงินสำหรับคนที่โดยสารรถ Bus เป็นประจำ เขาก็จะมี
Saver Ticket ให้เราอีกด้วย โดยจะมี
1 day ticket ,1 week ticket, 1 month ticket, 3 months ticket
และ 12 months ticket ค่ะ ซึ่งพวกบัตร saver เนี้ยเราจะต้องซื้อ online
หรือซื้อที่ one stop service ซึ่งเป็นสถานที่ขายตั๋วโดยสารต่างๆ
และถ้าเราเป็นนักเรียนเราก็จะได้ส่วนลดเพิ่มด้วย

เมื่อได้ตั๋วแล้วเราก็จะไปหาที่นั่งค่ะ
เมื่อเข้าไปติดกับประตูทางเข้า จะเป็นที่ที่สามารถวางของได้
และตอนเช้าๆ ก็จะมีหนังสือพิมพ์แจกฟรี มีชื่อว่า Metro ค่ะ
ถัดไปทางขวามือจะมีที่นั่งแบบพับได้ มีไว้เพื่อรถเข็น เด็กและคนชรา
เวลามีรถเข็นขึ้นมา คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต้องหลีกทางให้พวกเขาค่ะ

ส่วนที่นั่งทางซ้ายสามแถวแรกก็จะจัดไว้ให้คนแก่ ถ้ามีคนแก่มาก็ต้องลุกอีกเหมือนกัน
คนที่เดินทางไกลๆ อาจเลือกที่นั่งด้านบนได้ โดยขึ้นบันไดซึ่งอยู่หลังคนขับ


รูปนี้เป็นรูปของที่นั่งชั้นสองของรถ Bus ค่ะ และไม่ว่ารถจะแน่นมาก เขาก็ไม่อนุญาตให้ยืนนะคะ
รถที่นี่ให้ยินได้เฉพาะชั้นล่าง แล้วถ้าเต็มเขาก็จะไม่รับเพิ่มค่ะ

รถ Bus ที่นี่ขับดีมีมารยาท จอดสนิทก่อนที่จะให้ผู้โดยสารลง
และออกตัวเมื่อผู้โดยสารมีที่นั่งเรียบร้อยแล้ว
แพรไม่แน่ใจว่าใน london จะเรียบร้อยน่ารักเหมือนที่ brighton หรือเปล่า

เวลาที่เราจะไปไหนมาไหน เราสามารถทำการตรวจสอบเส้นทางรถ Bus ได้ว่ารถแต่ละสาย
จะผ่านทางที่เราจะไปหรือไม่ แล้วสามารถตรวจสอบเวลาที่จะมาถึงแต่ละป้ายได้อีกด้วย
โดยเข้าไปตรวจสอบที่ website ของบริษัท Bus หรือแม้แต่คนที่ใช้ iphone ก็สามารถ
download application เพื่อตรวจสอบเวลาได้อีกด้วย

website รถ Bus สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม //www.buses.co.uk/



Create Date : 26 ตุลาคม 2554
Last Update : 26 ตุลาคม 2554 16:37:47 น.
Counter : 904 Pageviews.

0 comment
Accommodation Part3 Renting A Flat
ที่อยู่ใหม่ของแพรเป็น Flat ค่ะ
Flat ที่แพรอยู่กว้างมากๆ คือ มีห้องครัว ห้องรับแขก สามห้องนอน สองห้องน้ำ
มีระเบียงยาว มีที่ป้ิงบาบีคิว อยู่ใกล้กับ Beach แค่ block เดียว
ว้าวววว....เยี่ยมมากเลยค่ะ


ถ้ามองจาก Flat วิวที่เห็นก็จะเป็นแบบนี้แหละค่ะ

Flat ที่ว่าเนี้ยตั้งอยู่บนถนน St.James ซึ่งเป็นย่านที่เจริญมาก
มีร้านค้า ร้านอาหาร ผับมากมาย
นอกจากนั้นยังสามารถเดินไปย่านร้านค้าใน Brighton ได้เพียงห้านาทีเท่านั้น

Flat เนี้ยเจ้าของบ้านเป็นคนดำ ชื่อ โนเอล
โนเอล ทำงานอยู่ในลอนดอน แล้วเอา Flat มาให้เช่า
โดยแบ่งเช่าเป็นห้องๆ อย่าง Flat ที่แพรอยู่ก็แบ่งได้สามห้อง

คราวนี้การเช่าต้องมีค่ามัดจำซึ่งก็หลายปอนด์อยู่ค่ะ จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไร
แล้วก็ต้องจ่ายเงินโดยโอนเข้าธนาคารทุกวันที่ครบกำหนด

โนเอลจะแวะเข้ามาดูนานๆ ครั้ง
แล้วมักจะเมามาเสมอๆ เขาเนี้ยชอบดื่ม ชอบสาวๆ (เอเชีย)

ในบ้านก็จะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบถ้วน
เรามีกฏของบ้านที่จะต้องผลัดกันทำความสะอาด ซึ่งก็แฟร์ดี

บ้านในประเทศอังกฤษ จะไม่ค่อยมีที่ล๊อคประตูกันค่ะ
สอบถามได้ความว่า เขากลัวว่าจะมีการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นแล้วไม่มีใครรู้
แต่เราก็ต้องเคารพสิทธิ์ของคนอื่นโดยไม่เข้าไปในห้องเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตนะคะ

นอกจากนี้เวลาเราจะดู TV เราต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ที่รัฐบาลจะเรียกเก็บด้วย
จากการศึกษาข้อมูลจาก website : //www.tvlicensing.co.uk/
ได้ความว่า เราเสียค่าลิขสิทธิ์เพื่อให้จะได้ไม่ต้องมีโฆษณาและอิสระจากการเมืองและผู้ถือหุ้น
ฟังดูมีเหตุผล ประชาธิปไตยมากๆ ประเทศเราน่าจะเอาบ้างนะคะ
สื่อจะได้ทำงานตรงไปตรงมา ให้ข้อมูลที่เป็นกลางจริงๆ กับเราสักที
(เดี๋ยวแพรจะขอเล่าเรื่องรายการทีวีต่อวันหลังนะคะ)

นอกจากนี้เราก็ต้องเสียค่าน้ำ ค่าไฟ (เมื่อก่อนเราจ่ายเหมารวมกับค่าเช่าบ้าน)
ซึ่งจะจ่ายกันทุก 6 เดือน (นานมาก เดี๋ยวจะหาข้อมูลมาเล่าเรื่องระบบน้ำ ไฟให้นะคะ)

เรื่องพวกจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ
ไปแจ้งเทศบาลว่าเราเป็นนักเรียนมาเช่าบ้านเพื่อให้เจ้าของบ้านไม่ต้องเสียภาษี
จ่ายค่าลิขสิทธิ์รายการโทรทัศน์ ติดต่อเพื่อติดตั้งอินเตอร์เน็ต เราก็ต้องทำเองกันทั้งนั้น
ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีค่่ะ

ส่วนกิจกรรมในบ้านถ้าคนในบ้านว่างตรงกัน
ก็จะมีทำกับข้าวกินกัน ถ้าหน้าร้อนก็จะซื้อของไปทำบาบีคิวกินกันที่ชายหาด


เพื่อนๆ ชาวเกาหลี และญี่ปุ่นที่มาทำอาหารกินกันที่บ้าน


Living Room กับที่วีจอยักษ์ใน Flat ของแพรค่ะ


อาหารเย็นมื้อนี้มีทั้งเกาหลีและญี่ปุ่น ไม่มีไทย (เพราะแพรทำไม่ค่อยเก่งนะ)



Flat นี้น่าอยู่มาก ทำให้แพรเกิดแรงบันดาลใจอยากกลับมาทำ kitchen ที่ condo ที่กรุงเทพเลยทีเดียว




Create Date : 25 ตุลาคม 2554
Last Update : 25 ตุลาคม 2554 22:10:12 น.
Counter : 479 Pageviews.

0 comment
1  2  

ungkana_k
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]