All Blog
|
Hello from Miami, การเดินทางและที่พัก
ก็คือ วันที่ 25 พ.ย. เวลา 7.15 เช้า ถ้าเป็นที่เมืองไทยก็เป็นวันที่ 25 พ.ย.เวลาทุ่มสิบห้า ห่างกัน 12 ชั่วโมงพอดี ที่นี่ี่เช้าที่โน่นกลางคืน ก่อนจะเดินทางก็ต้องไปอบรมที่กระทรวงแรงงานก่อน เพื่อเอาหนังสือจ้างงาน และเอกสารต่างๆไปยื่นที่สนามบิน เพราะถ้าไม่มีหนังสือรับรองจากกรมแรงงานจะเดินทางไม่ได้ อันนี้จึงสำคัญมากๆ พี่จาก CTI จะเป็นเก็บเอกสารทั้งหมด และเอาไปให้ในวันเดินทาง ซึ่งสะดวกดี และไม่ต้องกลัวว่าจะลืม ก่อนไปอบรมก็มีรุ่นพี่มาแนะนำวิธีเตรียมตัวไปทำงาน พี่ปังทำงานมาทั้งหมด 22 ปี ในตำแหน่ง Cabin มาเล่าชีวิตบนเรือ ของที่ควรเตรียมเอาไป และของต้องห้าม และแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆบนเรือ และแล้ววันเดินทางก็มาถึงเราได้สายการบิน Cathay Pacific นัดมา check-in ที่สนามบินตอน 14.30 โดยอันดับแรกไปยื่นเอกสารที่ด่านตรวจคนหางาน เรียบร้อยแล้วก็ไปที่เคาเตอร์เพื่อ check-in พอได้ boarding pass ก็ไปที่ passport control แล้วก็เข้าไปรอเครื่องที่ Gate เครื่องออกตรงเวลาคือ 16.25 ใช้เวลา 3 ชั่วโมงถึง Hong Kong ไม่จำเป็นต้อง check-in อีกครั้ง เพราะได้ boarding pass แล้ว ไปดูจอทีวีว่าได้ Gate อะไร แล้วไปนั่งรอได้เลย Hong Kong บินไปถึง LA ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ถึง LA ต้องออกไปที่ Immigation เพื่อตรวจ Passport เจ้าหน้าที่จะถามหา Guarantee Letter ก็ยื่นใบจ้างงานตัวจริงให้ แล้วก็จะถามว่าไปทำงานที่ไหน เรืออะไร ทำหน้าที่อะไร กี่เดือน เสร็จแล้วก็ไปรับกระเป๋า และ Clear custom โดยยื่นเอกสาร ที่เรากรอกเรียบร้อยให้เจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับของที่เราขนไป ถ้าไม่มีอะไรที่เป็นของต้องห้าม หรือกระเป๋าไม่ใหญ่มากมักผ่านง่ายๆ ของต้องห้ามส่วนใหญ่เป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้ ถ้าไม่อยากมีปัญหา ขอให้อ่านคู่มือที่จะแจกในวันอบรมให้ดีๆ ผ่านจุดนี้ก็ไปที่ baggage drop สำหรับต่อเครื่องไป Miami ต้องเดินไปที่ Terminal 4 ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ขึ้นไปชั้น 2 เพื่อ check-in เพราะตอนนี้จะบินไปกับ American Airline ยื่นเบอร์กระเป๋าให้เจ้าหน้าที่ด้วย แค่นี้ก็ได้ boarding pass และขึ้นไปรอเครื่องที่ Gate ได้ ซึ่งจะผ่านจุด X-Ray ทำทุกอย่างเหมือนที่สุวรรณภูมิ ถ้ามีคอมฯก็แยกออกมาใส่ถาด ของเหลวก็ไม่ให้เกิน 100 ml ถอดร้องเท้าใสถาด และเดินผ่านเครื่องตรวจ American Airline ไม่มีอาหารเสริฟบนเครื่องนะ จาก LA ถึง Miami ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงนิดๆ ก็หิวเหมือนกัน ถึง Miami ออกมาเอากระเป๋า แล้วเดินขึ้นชั้น 2 มารอรถของโรงแรม เจอฟิลิปปินส์ 5 คน ทำงานกับ Carnival ไปโรงแรมเดียวกัน เลยตามกันมา รถส่งถึงโรงแรม ให้ทิปคนขับคนละเหรียญเพราะมันเป็นธรรมเนียมนะ ไปที่เคาร์เตอร์ยื่นใบจ้างงานตัวจริงให้เจ้าหน้าที่ของโรงแรม ไปกินอาหารเช้า เป็นพวกขนมปัง นม เนย ไข่ต้ม ทั่วๆไป อิ่มแล้วก็มารับ key card ได้ห้องเบอร์ 305 อยู่กับคนบราซิล เขาจะไปขึ้นเรือพรุ่งนี้เช้า เราคงได้เพื่อนใหม่มาแทน อาหารเที่ยงก็ไปรับ voucher ที่เคาร์เตอร์โรงแรม แล้วไปยื่นที่ห้องครัว มีเมนูให้เลือกหลายอย่าง เรากิน sandwich Tuna, โค้ก และซุปไก่ ที่นี่มี wifi free เล่นได้ตลอด จึงแนะนำว่าให้เอา Note book หรือ Net book ติดตัวมาด้วย จะได้ใช้เวลาว่างที่โรงแรมให้เป็นประโยชน์ อากาศที่นี่ไม่หนาวมากอากาศเหมือนอยู่ในห้องแอร์กำลังสบาย วันนี้ฝนตกอากาศไม่แจ่มใส ครึมๆตลอด เหมาะกับการอยู่ที่ห้อง วันสุดท้ายของการทำงาน
เริ่มจากวันศุกร์ที่ 13 พ.ย.ก็ได้รับโทร.จากพี่นัน ให้ลาออกจากงานได้เลย เพราะผลตรวจโรค proved จากทางเรือว่าผ่านเรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงเป็นวันสุดท้ายของการทำงานที่สนามบิน เพราะพึ่งเลิกงานตอนตี 3 ซึ่งจริงๆต้องเลิกตี 1 แต่เพราะว่า Flight dalayed ก็ทำโอฟรีไปส่งท้าย ตอนสิบเอ็ดโมงออกมาเคลียร์ค่าใช้จ่ายที่เหลือกับพี่นัน ได้บินกับสายการบิน Cathay ไปพร้อมกับเพื่อนอีก 1 คน วันที่ 20 พ.ย. ไปอบรมที่กระทรวงแรงงาน ติดตามกันต่อไปนะ รัก Langkawi Trip Day 3 (19 Oct 09) Bye Bye Langkawi!
ไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ Jetty Point เวลา 13:00 แวะที่ Eagle square อีกรอบ ถ่ายรูปและชมวิว แวะซื้อของที่หาดใหญ่แล้วก็ขึ้นเครื่องเวลา 20:30 Delay จากเวลาเดิม 1 ชั่วโมง กลับถึงกทม.โดยปลอดภัย แยกย้ายกันกลับบ้าน ......................... สำหรับเรื่องวันเดินทาง และอบรมกระทรวงยังไม่ทราบวันเลยจ้า ต้องรอพี่นันโทร.มาบอกเท่านั้น ก็ต้องอดทนรอกันต่อไป Langkawi Trip Day 2 (18 oct 09) Part 2
อากาศยามเช้าหมอกจัดมากๆ แวะไปพิพิธภัณฑ์ บ้านและหลุมฝั่งศพของมาซุรีหญิงผู้สาปแช่งลังกาวี ขับรถชมบรรยากาศของเมือง Koah ถือว่าเป็นเมืองหลวงของเกาะก็ได้นะ ก่อนเอารถเช่ากลับไปส่งคืน ก็แวะชมวิวที่ Eagle Square มาดูใกล้ๆนกตัวใหญ่มากๆเลย หมดไปอีกหนึ่งวันจ้า... Langkawi Trip Day 2 (18 oct 09) Part 1
จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษ ก็เหมือนชายหาดทั่วๆไปนั้นเอง ระหว่างทางไป Cable car ผ่านท่าจอดเรือ บรรยากาศเหมือน แถบยุโรปมากๆก็เลยแวะถ่ายรูปเก็บเอาไว้ดู ในที่สุดก็มาถึง Cable car and Oriental Village เป็นหมู่บ้านแนวจีนๆที่มีร้านค้าขายของ ร้านอาหาร และเป็นที่ๆพวกเราจะขึ้นกระเช้าที่สูงและมีวิวสวยที่สุดของที่นี่ ค่าบริการไป-กลับ คนละ 300 บาท ไม่เหมาะกับคนที่กลัวความสูง ขนาดเรายังรู้สึกว่าหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะสูงมากๆ แต่ก็ประทับใจ วิวสวย ติดตาม Part 2 ต่อเร็วๆนี้จ้า วันนี้ง่วงแล้วขอไปนอนก่อนนะ ฝันดี...หลับสบายจ้า |
ใสที่สุด
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] แต่ตัดสินใจเชื่อพระเจ้า ตอนอายุ 17 ปี ผ่านมาหลายฤดูกาล หลายปี อยากขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับ ทุกเหตุการณ์ในชีวิต ทั้งสุข ทุกข์ บนเส้นทางสายนี้ที่ตัดสินใจเลือกแล้ว Thailand, Bangkok Sweden, Stockholm |