Episode04:ช่วงเวลาที่คิดอะไรมากมาย
💦EPISODE 04: ช่วงเวลาที่คิดอะไรมากมาย


🌈 หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เขาจะพาผมไปที่ห้องผู้ป่วยขั้นวิกฤติทางสมอง เพื่อที่จะรักษาอาการป่วยที่ผมเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าพ้นขีดอันตรายและสามารถมีชีวิตต่อไปได้ ซึ่งระหว่างช่วงเวลาที่รถนอนของผมนั้นได้ถูกเข็นไปในจุดต่างๆตามระบบที่ควรจะเป็น ทุกครั้งที่ออกมาจากจุดหนึ่งเพื่อจะไปอีกจุดหนึ่ง คนที่รักผมที่ไปในวันนั้น โดยเฉพาะภรรยาผมนั้น เธอได้รีบเดินเข้ามาหาที่รถนอนผม เพื่อจับมือส่งพลังงานความรักที่บริสุทธิ์ ให้มีพลังในการสู้ชีวิตต่อไป แน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นผมได้รับพลังความรักเต็มเปี่ยม แต่ถ้าถามผมว่าช่วงนั้นจำรายละเอียดเหตุการณ์อะไรได้บ้าง ผมคงไม่สามารถตอบได้หรอกครับ

เพราะช่วงเวลานั้น8 ตัวผมมันดูอ่อนเพลียมากๆจากบาดแผลสดใหม่ในเนื้อสมอง และภายในใจผมลึกๆมันช่างว่างเปล่า สับสนและหวาดกลัวในความทุกข์ที่กำลังเจอในขณะนั้น รวมถึงความทุกข์ที่ผมคงจะต้องเจอต่อไปโดยไม่รู้ว่าจะนานขนาดไหน


💚 จากนั้นเขาก็พาผมถึงห้องผู้ป่วยขั้นวิกฤติทางสมอง เขาเข็นรถนอนผมไปที่เตียง พร้อมเจ้าหน้าที่พยาบาลมาช่วยอีกสองสามคน เพื่ออุ้มผมจากรถนอนลงสู่เตียงนอนของทางโรงพยาบาล สักพักก็มีหมอเข้ามาซักถามประวัติเล็กน้อย แล้วก็สั่งกับพยาบาลเรื่องการดูแลเคสตัวผมเป็นอันเสร็จ ซึ่งในสถานการณ์ภายในประเทศขณะนั้น ยังอยู่ในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรน่า ทำให้ทางโรงพยาบาลมีนโยบายมาตรการป้องกัน โดยการไม่อนุญาตให้ทางญาติผู้ป่วยเข้าเยี่ยมเด็ดขาด ทำได้เพียงการโทรศัพท์เข้ามาติดต่อถามอาการในแต่ละวันเท่านั้น
15

            นั่นหมายถึงว่าหลังจากนี้ผมไม่มีโอกาสได้เห็นทุกๆคนที่รักผมและอยากมาให้กำลังใจผมในเวลานั้นได้เลย (ความเลวร้ายของการระบาดของไวรัสโคโรน่านั้น ไม่ใช่อาการของโรค แต่เป็นการที่มันทำให้มนุษย์ไม่สามารถมีปฎิสัมพันธ์กันตามปกติต่างหาก) จากนั้นเจ้าหน้าที่พยาบาล ก็ดำเนินการดูแลผมตามขั้นตอนต่างๆที่ควรเป็น 15 มีการให้น้ำเกลือกับผมพร้อมกับตัวยาลดความดันเลือดทางสายยางไปพร้อมกับน้ำเกลือ พอทุกอย่างโอเคแล้วในการดูแลที่เหมาะสม ทางพยาบาลก็ต้องไปดูแลเคสอื่นต่อไป
                                   
🙂จากนั้นผมก็นอนบนเตียง เริ่มมองสภาพแวดล้อมรอบตัวในตอนนั้น ผมได้เห็นคนหลายวัย ทั้งคนรุ่นผม วัยรุ่นหนุ่มสาว รวมถึงรุ่นสูงวัยทั้งหลายด้วย แต่ละคนก็มีความหนักหนาของอาการต่างกันไป  มีคนหนึ่งเป็นผู้ชายรุ่นเดียวกับผม อยู่บนเตียงฝั่งตรงข้ามเยื้องทางซ้ายของผม ดูแล้วเขานั้นปกติมาก นั่งคุยได้ตามปกติ เหมือนเขามองรอบข้างที่มีแต่อาการหนักๆแบบสงสัยว่า ทำไมตัวเขาเองต้องนอนให้ยาด้วยนะ ทุกอย่างเขาก็ปกติดี มีเพียงสายยางที่ให้ตัวยาทางน้ำเกลือเท่านั้น  ผมเดาว่าเขาอาจคงเป็นความดันสูงแบบผมก็ได้ เพียงแต่เขาอาจมาโรงพยาบาลแบบไม่ตั้งใจเพราะต้องตรวจอย่างอื่นหรือแค่ป่วยเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเขานั้นโชคดีมากๆแล้ว 17
7
ในตอนนั้นผมก็นึกถึงตัวเอง ว่าทำไมไม่มีอาการจากความดันสูงเหมือนคนอื่นเขา เช่นปวดหัวหรือเวียนหัวอะไรแบบนี้ เพราะถ้ามันมีอาการมาก่อนผมก็คงยอมมารักษาตั้งแต่ตอนปกติแล้ว ผมคิดไตร่ตรองสักพัก ก็พบและจำได้แล้วว่า ตัวผมก็มีอาการพวกนี้มาก่อนเหมือนกัน เพียงแต่ตัวผมคงไม่ได้สนใจกับมัน  คงเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาตลอดเวลานั้น ผมใช้ชีวิตมาด้วยความอดทนเสมอมา ดำเนินชีวิตแบบเชื่อในความอดทนของตัวเองรวมกับความศรัทธาด้านจิตวิญญาณแบบสุดโต่ง ส่วนตัวไม่ค่อยจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นมากมายนัก รวมทั้งพ่อแม่ พี่น้อง ญาติๆด้วย มีขอความช่วยเหลือก็แค่นานๆครั้ง (หลักการใช้ชีวิตส่วนตัวผมคิดเสมอว่าทุกคนคงมีปัญหาอยู่แล้ว จึงไม่อยากเป็นคนที่ทำให้พวกเขาต้องมีความไม่สบายใจเพิ่มอีก ทุกคนควรรับภาระของแต่ละคนเอง)117
17

📌บางทีเจอความลำบาก ผมก็มักจะบอกตัวเสมอว่า “ฉันไม่เป็นไร” หรือไม่ก็ “อดทนนะเดี๋ยวก็ผ่านไป” ความเจ็บปวดที่ผมเจอมา ทั้งทางจิตใจและทางร่างกายนั้น ระดับความเจ็บปวดมันเลยเหมือนกับว่าไม่รุนแรง จากความแข็งแกร่งที่สะสมมา รวมกับความศรัทธาทางจิตวิญญาณที่เต็มขนาด(อาจคิดไปเองว่าตัวเองนั้นศรัทธามากพอ ฮ่าๆ) ซึ่งมันก็คงเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งเหมือนกัน ทุกคนอย่าเอาอย่างผมเลยนะครับ
✍️Write by Heavy ✍️
#เส้นเลือดสมองแตก #stroke #เมื่อฉันเป็นโรคทางสมอง #บทความ #เรื่องเล่า #แค่คิดแล้วเขียน



Create Date : 25 มีนาคม 2568
Last Update : 25 มีนาคม 2568 13:36:47 น.
Counter : 118 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
Episode03:เหมือนทุกสิ่งคงหมุนไปแต่ตัวเรากลับหยุดนิ่ง

Episode 03:เหมือนทุกสิ่งคงหมุนไปแต่ตัวเรากลับหยุดนิ่ง

💚...ห้องแรกที่ผมได้เข้าไป คือห้องสำหรับเคสฉุกเฉิน เป็นห้องที่ผมไม่เคยคิดหรือฝันเอาไว้เลยว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาในนี้ด้วยสถานการณ์เป็นผู้ป่วยหนักซะเอง

ในชีวิตของผมมีหลายครั้งที่ได้มาที่ห้องนี้ (แต่เป็นแค่หน้าห้อง) เพื่อมาให้กำลังใจดีๆให้กับญาติของผู้ป่วย หรือมาที่นี่แล้วอธิษฐานวิงวอนกับพระผู้สร้าง เพื่อส่งพลังดีๆให้กับผู้ป่วย เป็นบทบาทประจำที่ตัวผมเคยทำบ่อยๆ คือการพยายามเป็นผู้ให้ส่งพลังดีๆออกไปให้คนอื่น

แต่ตอนนี้บทบาทของผมนั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นผู้รับพลังงานดีๆจากคนอื่นบ้างแล้ว ซึ่งผมขอขอบคุณทุกๆคนที่มาในวันนั้นจากใจจริง รวมถึงทุกคนที่แม้ตัวจะไม่อยู่ที่นั่น แต่ส่งพลังงานดีๆ อธิษฐานวิงวอนด้วยความเชื่อในทุกสิ่งที่ทุกคนศรัทธา ที่เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อผมอย่างใจจริง โปรดจงรับรู้ไว้ว่า ตัวผมนั้นรับรู้และสัมผัสได้เสมอครับ

7...ผมจำไม่ได้หรอกว่าได้เข้าไปในห้องนั้นนานเท่าไร แต่แน่นอนว่ามันคือห้องฉุกเฉิน นอกจากเตียงของผมแล้วยังมีเตียงอื่นๆอีก ผมจำได้ว่าผมได้เห็นเตียงนึง เป็นผู้ชายวัยกลางคน ตัวเขานอนอยู่ที่เตียง มีอาการกระตุกชักอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าเขาโดนอะไรมาหรือเป็นโรคเดียวกับผมไหม ในขณะที่อีกเตียงนึงคนป่วยนอนแน่นิ่งสนิท โดยมีเจ้าหน้าที่พยายามช่วยกันปั้มหัวใจอยู่ ซึ่งผมจำไม่ได้และไม่สนใจเลยว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันนะ

ในจิตใจผมตอนนั้น มันไม่ได้รีบเร่งอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองในตอนนั้น ต้องการยังไงกันแน่จากสิ่งที่เกิดขึ้น

ว่าอยากให้ตัวเองได้มีชีวิตอยู่ต่อหรืออยากที่จะจากไปดี (ซึ่งน่าจะอยากจากไปดีกว่า) 17

เพราะข้างในตอนนั้นมันรู้สึกว่า 62ชีวิตของผมนี่มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน65 สี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ต้องสู้อดทนอะไรมาก็เยอะ ถ้าได้อยู่ต่อคงต้องสู้อดทนต่อไปอีกจากอาการทางร่างกายที่ตามมา ภาวะจิตใจตอนนั้น มันเหมือนว่า ทุกสิ่งรอบตัวมันหมุนต่อไป แต่ตัวเราเหมือนกลับหยุดนิ่ง

ในตอนที่ผมนอนแล้วคิดจิตใจวนไปวนมาอยู่นั้น ผมก็มองเห็นกลุ่มคนอีกบทบาทหนึ่ง ที่รับบทบาทในการเป็น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ในห้อง ทุกคนนั้นรีบเร่งเพื่อดำเนินขั้นตอนรักษาผมให้พ้นวิกฤต มีทั้งแวะมาที่เตียงผมเพื่อซักถามอาการก่อนเป็นต่างๆ ทั้งเสียบสายวัดความดันโลหิต วัดการเต้นของหัวใจ (ผมมีสติตลอดตอนที่เป็น)

ผมเห็นได้เลยว่าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ในตอนนั้นผมก็เริ่มคิดในใจว่า ผมคงไม่ได้จากไปแล้วล่ะ คงต้องสู้อดทนในชีวิตต่อไป อย่างน้อยก็เพื่อพี่ๆเจ้าหน้าที่ทุกคน (แอบผิดหวังเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้จากไป ฮ่าๆ????????)

ผ่านไปสักพักเขาก็ย้ายผมไปเพื่อทำการสแกนสมอง เพื่อประเมินรอยโรคว่าจะต้องทำการผ่าสมองหรือไม่ ซึ่งผลออกมาคือว่าผมไม่ต้องเข้ารับการผ่าสมอง เขาจึงส่งผมเป็นผู้ป่วยในเพื่อรักษาอาการที่เป็นต่อไป…

????หมายเหตุ????

??‘?ตรงนี้หลายคนเข้าใจผิดว่าเมื่อเป็นต้องถูกผ่าตัดทุกคน พอหมอไม่ผ่าให้ก็ไปตำหนิหรือต่อว่าพวกคุณหมอเขาเพราะไม่เข้าใจจริง ซึ่งผมอยากจะบอกว่าถ้าไม่ต้องผ่าตัด ที่จริงคุณต้องดีใจต่างหาก ที่คุณโชคดีกว่าอีกหลายคนที่ต้องผ่าตัด เพราะจากการที่ผมศึกษาภายหลังได้เข้าใจว่า ที่ทางแพทย์เขาตัดสินจะผ่าตัด เพราะว่าเคสของคุณยังไม่ชัดเจนระหว่าง อาการหนักกับอาการเบา


101เขาจึงเลือกทำการผ่าตัดเพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของคุณนั่นเอง คือว่าถ้าอาการหนักมาก เขาก็จะไม่เสี่ยงที่จะทำการผ่าตัด เพราะมันจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น หรือถ้าอาการเบาไม่รุนแรงก็ไม่จำเป็นต้องผ่าให้คนป่วยต้องเจ็บตัวและเพิ่มความเสี่ยงจากอาการแทรกซ้อนต่างๆอีก ร่างกายเราไม่มีแผลคือดีมากแล้ว

✍️ Write by Heavy ✍️




Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2568
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2568 11:38:14 น.
Counter : 132 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
Episode02:ความสับสนและสิ้นหวัง
🧠ซีรีย์เมื่อฉันเป็นโรคทางสมอง🧠
🌀EPISODE 02:ความสับสนและสิ้นหวัง

🚨...สัญญาณไซเรนเสียงดัง กับไฟสีแดงส้ม ที่มาพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยความเร่งรีบ เป็นที่เข้าใจกันทุกคนแล้วว่า เมื่อเห็นสัญญาณนี้จะต้องมีเหตุฉุกเฉิน ไม่เจ็บป่วยหนักก็คงมีอุบัติเหตุที่ร้ายแรง ตอนนี้สัญญานนี้กำลังดังเข้ามาในหมู่บ้านของผม เสียงกำลังเข้ามาใกล้บริเวณหน้าบ้านของผมแล้ว ในตอนนั้นรถฉุกเฉินได้เข้ามาจอดอย่างเร่งด่วนถึงบ้านของผมแล้ว
8
“อาการเป็นมาประมาณกี่ชั่วโมงแล้วครับ” เสียงเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินสอบถามภรรยาของผม เพื่อประเมินอาการของผมในสิ่งที่เกิดขึ้น จะได้เตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสม
“จากที่รู้จนตอนนี้ก็ประมาณกว่าแปดชั่วโมงแล้วค่ะ”เสียงภรรยาของผมที่ตอบด้วยความเป็นห่วงและกังวล

(ตอนนั้นเราถูกทางเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินตำหนิเล็กน้อย ว่าทำไมถึงตัดสินใจเรียกช้า ซึ่งเราก็เข้าใจพวกเขาว่าที่ตำหนินั้น ก็เพราะพวกเขาเป็นห่วงเราไม่อยากให้อาการหนักกว่านี้แล้ว) จากนั้นพวกเขาก็นำผมขึ้นรถเปลเพื่อขึ้นรถฉุกเฉินนำตัวส่งโรงพยาบาลต่อไป


🚑 จากนั้นรถฉุกเฉินพร้อมเปิดสัญญาณไซเรน เริ่มเคลื่อนรถออกไปจากหมู่บ้าน เพื่อไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดในตัวเมือง ตัวผมตอนนี้ได้นอนอยูในรถ พร้อมกับสายอุปกรณ์การแพทย์ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ระหว่างที่รถกำลังวิ่งไปเพื่อไปจุดหมาย ผมมองผ่านไปนอกกระจก มองบนถนนที่วิ่งไปนั้นมีแต่ความวุ่นวายของรถบนถนน เพราะทุกคนต่างพยายามดิ้นรนในชีวิต อาจทั้งไปทำงาน พาบุตรหลานไปโรงเรียน หารายได้เพื่อจุนเจือครอบครัว แต่ภายในจิตใจของผมตอนนี้นั้น มันกลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว พร้อมกับคำถามความสงสัยต่างๆในหัว ว่าทำไมตัวผมต้องมาเจอแบบนี้

🙍 แม้ว่าตัวผมจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย
แต่ก็ไม่ใช่คนที่ตั้งใจเป็นคนเลว ผมก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง หลายสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต การต่อสู้เพื่อใช้ชีวิตให้รอด ความเจ็บปวด ความทุกข์ ที่ผมเจอมามันยังไม่มากพออีกเหรอ ผมคงจะไม่มีแรงที่จะเดินและสู้ต่อไปอีกแล้ว
หรือว่านี่มันคือ
ผลกรรม(ผลจากการกระทำ) จากความบาปที่เราอาจเคยทำในอดีตที่ผ่านมา แต่ในใจผมมันก็รู้สึกสับสนและค้านในใจ ซึ่งภายในใจผมช่วงนั้นเชื่อว่า ในทุกเรื่องที่ผมเคยทำผิดพลาดไป พระผู้สร้างจักรวาลทรงรับรู้เสมอว่า มันไม่ได้มาจากการที่ตัวผมตั้งใจทำในสิ่งแย่ๆ เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ขอการอภัย กลับใจ เรียนรู้ปรับปรุงแก้ไขเริ่มต้นใหม่ 14

😐 ผมก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนๆหนึ่งเอง และผมเชื่อว่าในโลกใบนี้มันยังมีคนที่ตั้งใจที่จะทำสิ่งชั่วร้ายที่ไม่ดีอีกมากมาย ถ้าคนกลุ่มนั้นเขาต้องเจอทุกข์หนัก แบบนั้นสิถึงจะถูกต้อง แต่สุดท้ายผมดันกลายเป็นคนที่ต้องเจอ มันไม่ถูกต้องนะ!! (คิดแบบนี้ไม่ดีครับ อย่าเอาตัวอย่างนะ😁)

👍จากนั้นรถฉุกเฉินก็ส่งผมถึงจุดหมายโดยปลอดภัย...5066

💐หมายเหตุ: ในตอนนั้นรากฐานความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณของผมที่มาจากความเชื่อทางจิตวิญญาณแบบศาสนาที่ผมนับถือ ค่อนข้างทำให้ตัวผมมีความเชื่อฝังในส่วนลึกไปอย่างมากๆเลยว่า
ทุกความเจ็บป่วยมาจากความบาป โดยเฉพาะความเจ็บป่วยหนัก เป็นเพราะความบาปเท่านั้น ด้วยอะไรหลายอย่างที่ทำให้ตอนนั้นมันเชื่อแบบนั้น23

🤔ซึ่งการที่ผมเชื่อแบบนั้น ผมได้เรียนรู้พบว่า พอเราป่วยพอเราทุกข์
มันกลับยิ่งซ้ำเติมตัวเราลงไปหนักขึ้นอีก ซึ่งในตอนนี้ที่ผมกำลังเขียนอยู่นั้น หลักความเชื่อด้านจิตวิญญาณผมได้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งมันทำให้ตัวผมมีความสุขขึ้นอย่างมากมาย ดีขึ้นทั้งจิตใจและร่างกายเลยทีเดียว..

✍️ เขียนโดย Heavy
✨




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2568
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2568 13:54:51 น.
Counter : 117 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
Episode01:จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด
✨ซีรีย์เมื่อฉันเป็นโรคทางสมอง🧠
🌀Episode 01:จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด


🌟..ในค่ำคืนหนึ่งที่แสนเงียบสงัด ผมได้ตื่นขึ้นมาในกลางดึก เวลาน่าจะประมาณสักตีสามกว่าๆ ด้วยความที่เพิ่งตื่นและยังคงมึนงงอยู่ ต้องการที่จะลุกขึ้นจากเตียง เพื่อที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมก็ได้พบสิ่งหนึ่งด้วยความตกใจสุดขีดว่า ในตอนนี้นั้น มือ แขน ขา ร่างกายซีกหนึ่ง ไม่สามารถสั่งงานให้มันขยับได้เลย!!

🍁ผมจึงเรียกภรรยาด้วยความตกใจ เมื่อภรรยาผมเธอได้ยิน เธอมีความตกใจมาก เพราะเสียงคำพูดที่ตัวผมนั้นร้องขอความช่วยเหลือจากเธอ ซึ่งเป็นเสียงที่ผมรู้ตัวตลอดเวลาว่าออกมาจากตัวผมเองนั้น มันกลับไม่สามารถที่จะฟังและจับใจความการสื่อสารได้เลยว่าผมนั้นพูดว่าอะไร คำง่ายๆเพื่อการสื่อสารไม่สามารถเอื้อนเอ่ยออกมาให้เข้าใจได้ตามปกติ ในเวลานั้นผมเริ่มสับสนและวิตกกังวลมาก ที่มุมปากเหมือนมีอาการชาและน้ำลายเริ่มไหลออกมาแบบไม่สามารถคุมได้อีกแล้ว เพราะเหมือนระบบควบคุมกล้ามเนื้อมันไม่สามารถทำงานได้ต่อไปแล้ว อีกทั้งตอนนี้ ตัวผมไม่สามารถควบคุมระบบขับถ่ายในร่างกายได้แล้ว!!
                                   13

☘️..คงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าตัวผมนี้ กำลังต้องเจอกับภาวะร่างกายอ่อนแรงครึ่งซีก(ที่เวลานั้นผมไม่ได้นึกถึงโรคนี้เลย) และกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต แต่ด้วยความไม่รู้หรือจะเรียกว่าเป็นความเขลาของผมเองก็ว่าได้ หรือเพราะว่าในหัวของผมตอนนั้น เหมือนคนที่สติหลุดไปและสิ้นหวัง สับสน ความคิดตั้งคำถามหมุนวนในหัวย้ำๆในตอนนั้นแค่ว่า มันไม่จริงใช่ไหม? ทำไมต้องเป็นผม?

🦜ทำให้ในตอนนั้นผมนั้นยังคงดื้อดึง คิดแค่เพียงว่า
“ฉันไม่เป็นไร” “แค่นอนพักเดี๋ยวก็หายไปเอง” (คงเพราะปกติส่วนตัวผมนั้น ตั้งแต่โตมาผมไม่เคยที่จะเข้ารักษาในโรงพยาบาลเลย เวลาเจ็บป่วยสิ่งใด แม้จะหนักขนาดไหน ผมก็จะอดทน แค่กินเพียงยาสักเม็ดสองเม็ด ร่วมกับการนอนพักผ่อน มันก็หายดีทุกครั้ง ในเรื่องนี้ทุกคนอย่าเอาแบบผมเลย แค่ดูไว้เป็นตัวอย่างที่ไม่ควรทำตาม)

🧸จนผมรู้สึกอ่อนเพลียจนหลับผ่านไปอีกเกือบสามสี่ชั่วโมง ในตอนนี้ภรรยาจึงโทรไปหน่วยแพทย์ฉุกเฉินของในพื้นที่ๆผมอยู่ ใช้เวลาไม่นานหลังจากนั้นหน่วยแพทย์ฉุกเฉินก็มาถึงหน้าบ้านผมแล้ว … ✍️ เขียนโดย Heavy
✨




Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2568
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2568 13:55:59 น.
Counter : 141 Pageviews.
2 comment
(โหวต blog นี้) 
Episode00:บทนำสู่เรื่องราว
"เมื่อฉันเป็นโรคทางสมอง"
Episode0: บทนำสู่เรื่องราว

… เหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆใน “เมื่อฉันเป็นโรคทางสมอง” ผมใช้เวลานานอยู่พอสมควรเลย จึงจะสามารถรวบรวมความคิด ความทรงจำจากเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นกับตัวผม โดยผมใช้เวลาอยู่กับตัวเอง พยายามรวบรวมรายละเอียดข้อมูลในสมองก้อนเล็กๆของผม ที่มีรอยบาดแผลจากโรคที่เป็นอยู่ตอนนี้
เพื่อเขียนออกมาให้เป็นภาษาอ่านที่น่าติดตามมากขึ้น ซึ่งในตอนแรกนั้นผมเริ่มคิดแค่ว่าจะเล่าเรื่องราวที่เราได้เจอแบบง่ายๆเหมือนบันทึกไดอารี่ส่วนตัวของเรา เพื่อโพสต์ลงในเพจแค่คิดแล้วเขียนส่วนตัวนี้ก็พอ โดยอาจลงเขียนแบบปัจจุบันตอนนั้นเลย (ชื่อเพจก็มีความหมายเข้าใจง่ายๆอยู่แล้วว่า ก็แค่คิด..แล้วก็..เขียนมันออกมา)

🩵 แต่พอผมจะเริ่มเขียน ก็คิดขึ้นมาว่าจะเขียนลึกลงในรายละเอียดมากขึ้นหน่อยน่าจะดีและเป็นประโยชน์กับทุกคนมากกว่า ไม่มากก็น้อย เลยจะพยายามเขียนออกมาให้มีรายละเอียดที่ให้คิดหรือนึกภาพตามไปได้บ้าง

กว่าจะเขียนเอาออกมาลงในนี้ จึงรอให้เหตุการณ์หลายอย่างมันผ่านไปสักพักก่อน ให้ผ่านไปนานเป็นปีๆ จนเราได้เข้าใจตกผลึกกับมันแล้วค่อยเขียนออกมา น่าจะได้ลึกขึ้นขึ้นในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก

..รวมถึงการสอดแทรกความรู้ส่วนตัวที่มีเพิ่มขึ้น จากสิ่งที่เป็นตอนนี้ โดยการค้นคว้าหาความรู้เรื่องโรคนี้ด้วยตัวเอง ให้เข้าใจง่ายๆแบบคนธรรมดาๆ ซึ่งคิดว่าอาจจะมีประโยชน์ต่อคนที่ได้อ่านบ้างครับ อาจเป็นการบริหารฝึกสมองของผมด้วยการคิดแล้วเขียนเพื่อฟื้นฟูมันด้วยอีกทางครับ


🎀 ช่วงเวลาในซีรีย์ที่ผมเขียนเล่า คือช่วงเวลาตั้งแต่ที่ผมเริ่มเป็นในคืนวันที่ 02Feb2022 อายุ 42ปี จนถึงปัจจุบัน (ที่อาการดีขึ้นมากแล้ว) อาจมีการพูดย้อนถึงอดีตก่อนที่จะเริ่มเป็นบ้าง เพื่อให้ได้เห็นถึงเหตุที่นำมาสู่ผลที่เกิดขึ้นบ้าง เพราะในทุกผลลัพธ์บั้นปลายที่เกิดขึ้นและได้เห็น มันย่อมจะมาจากเหตุที่เป็นรูปธรรมเสมอ ซึ่งในรายละเอียดของเหตุการณ์บางอย่างนั้น ก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ในปัจจุบันนี้ที่ทำได้ก็แค่บันทึกจดจำเรื่องราวต่างๆไว้ เพื่อเป็นบทเรียนไว้เรียนรู้ในปัจจุบันต่อไป

☘️ เนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับบุคคลอื่นหรือใครเลย ในซีรีย์เรื่องเล่านี้ บางส่วนผมก็อาจมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเรื่องราวหรือสถานที่ไปบ้าง ด้วยเหตุผลเฉพาะส่วนตัวที่เป็นสิ่งดีกับทุกคนและไม่สร้างผลกระทบต่อทุกคนที่รักและห่วงใยผมแน่นอน คิดว่าอ่านเรื่องเล่าแนว base on true storyไปเพลินๆแล้วกันครับ ยังไงหัวใจเนื้อหาหลักยังคงอยู่ตามวัตถุประสงค์ของผมเหมือนเดิมครับ✌️


💝ขอให้ทุกท่านใช้ชีวิตให้มีความสุข ปราศจากโรคภัยเสมอครับ God Bless You
✍️เขียนโดย Heavy

 



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2568
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2568 11:43:42 น.
Counter : 88 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 

Heavystrokeman
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



�ทุกสิ่งที่อยากบอก ทุกสิ่งที่เรารู้ ทุกความสุนทรีย์ของโลกใบนี้�