Group Blog
 
All blogs
 
ทายหนังกันไหม๊...เรื่องที่ #56.......(พันตรีประจักษ์ +1)

นั่งคิดนอนคิดอยู่สองสามวันที่ผ่านมา...อยากให้เกมทายหนังมันสนุกมากขึ้น คงจะต้องมีการ
เปลี่ยนแปลงกติกาอะไรนิดหน่อยดีกว่า เพราะรู้สึกว่าฝ่ายหญิงคงจะเริมท้อแล้วที่ตอบไม่ทัน
ฝ่ายชาย พลอยทำให้เกมมันไม่สนุก แต่ก็ไม่อยากให้เป็นการเอาใจฝ่ายหญิงจนเกินไป เพราะ
ฝ่ายชายที่ตอบได้ก็เพราะความสามารถล้วนๆ...ก็เลยจะพยายามคิดเกมที่อาจจะทำให้ทั้งหมด
มีโอกาสใกล้เคียงกันมากกว่า...จะได้มีลุ้นกันทุกคน...เดี่ยวจะเขียนกติกาแล้วก็แปะไว้ตรง
เมนูของตาราง...ถ้าทำเสร็จแล้วจะเห็นเอง...

แต่ว่า...กติกาคร่าวๆสำหรับตอนนี้คือ...ตอบได้ชั่วโมงละ 3 เรื่องต่อคนเท่านั้น เพื่อป้องกัน
การสาดคำตอบ...
หรือถ้าใครมีไอเดียจะช่วยเขียนกติกาให้เกมมันสนุกมากขึ้น...ก็เขียนบอก
ด้วยนะ...ไม่ยกเว้นนะ ช่วยกันได้ทุกคน...เกมจะได้สนุกๆ...









Ditto นำเสนอเรื่องราวของความสัมพันธ์ข้ามเวลาระหว่างปี 1979 กับปี 2000 ซึ่งในช่วงปี
1979 นั้น สถานการณ์ทางการเมืองของเกาหลีกำลังร้อนระอุ ผลจากหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
รวมไปถึง สงครามเกาหลีเอง ก่อให้เกิดความระส่ำระสายทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง การ
เดินขบวนของนักศึกษา รวมถึงการปะทะกันของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ประท้วงกลายเป็นเรื่องปกติ
(คงจะคล้ายๆ กับเหตุการณ์ 6 ตุลา และ 14 ตุลา ในบ้านเรา)

ในปี 1977 Soeuni สาวนักศึกษามหาวิทยาลัย Shilla ปี3 ผู้แอบชื่นชอบ Donghee
หนุ่มนักศึกษานักประท้วงที่เพิ่งกลับจากการเกณฑ์ทหาร Soeuni เป็นสาวเฉิ่มหน้าตาสวย
ใสช่างเพ้อช่างฝัน เทิดทูนความรักในแง่มุมที่สดใสเพียงด้านเดียว เธอไม่เคยสนใจเรื่องการ
เมืองหรือแม้แต่เรื่องอนาคต เป้าหมายในชีวิตของตัวเอง เธออยู่ไปวันๆ อย่างมีความสุขตาม
แบบของเธอเอง ในขณะที่ Donghee เป็นคนที่มีอุดมการณ์มาดมั่น เขาไม่ใช่คนที่มานั่งพิรี้
พิไรกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องของความรัก Soeuni มักจะมาพร่ำเพ้อถึงเรื่องหวานๆ
(ที่หาสาระไม่เจอ) ระหว่างเธอกับหนุ่มนักประท้วงกับ Sunmi เพื่อนสาวขาหักที่นอนพักอยู่ที่
โรงพยาบาลเสมอๆ Sunmi ก็เป็นเพื่อนนิสัยดีมากพอที่จะแสดงท่าทีตื่นเต้นและโอนอ่อนไป
ตามคำเพ้อพกไร้สาระเหล่านั้น


อีกด้านหนึ่งของห้วงเวลา ปี 2000 Jee In หนุ่มนักศึกษาปี 2 แห่งมหาวิทยาลัย Shilla เช่น
กัน เขาเป็นลูกชายคนเดียวที่พ่อแม่ผู้มีฐานะอาศัยอยู่ต่างประเทศ เขาเป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อย
จะแยแสเรื่องราวรอบตัวนัก ซึ่งรวมไปถึงเพื่อนสาวชื่อ Hyun Ji ที่คอยตามเขาไปทุกที่และ
เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของเขามากจนเกินเพื่อน เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยจะใส่ใจคิด
ถึงข้อนี้มาก่อนเลย

และจะด้วยปาฏิหาริย์หรืออะไรก็ตามที ทั้ง Soeuni และ Jee In มาคุยกันข้ามเวลาผ่าน
เครื่องวิทยุ HAM ทั้งคู่คุยกันโดยที่เรื่องส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความรักของ Soeuni เธอเล่า
ทุกอย่างให้ Jee In เหมือนๆ กับที่เขียนลงในสมุดไดอารี่ จนวันหนึ่งที่ Jee In บอกว่าพ่อ
และแม่ของเขาก็เรียนที่มหาวิทยาลัยนี้เช่นกัน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการที่เธอต้องย้อน
กลับมาทบทวนถึงความเป็นไปได้ในความสัมพันธ์ของเธอกับชายอันเป็นที่รัก

ครึ่งแรกของหนังออกมาในโทนหนังรักสบายๆ มีแทรกฉากเบาสมองเล็กๆ (ซึ่งในพล็อตเดียว
กันนี้ หากผกก.ต้องการที่จะทำให้ตัวหนังออกมาเป็นหนังตลกเลยก็ย่อมได้) นับตั้งแต่ฉากนัด
พบที่หอนาฬิกาโรงเรียนไล่มาเรื่อยจนถึงตอนที่ทั้งคู่รู้ความจริงเรื่องความต่างของเวลา หากจะ
เทียบ Ditto กับหนังที่อาศัยเนื้อเรื่องคล้ายๆ กันอย่าง Il Mare แล้ว จะพบว่าความสมจริงสม
จัง เหตุผลประกอบที่ผลักดันให้ตัวละครในเรื่องมีพฤติกรรมต่างๆ น่าเชื่อถือมากกว่าอย่าง
เห็นได้ชัด เห็นได้จากช่วงที่ Soeuni และ Jee In เริ่มคุยผ่านวิทยุสื่อสารกัน ตัวหนังไม่ได้
ให้ทั้งคู่ "เชื่อ" เรื่องของแต่ละฝ่ายได้ง่ายๆ เพราะในความเป็นจริงแล้ว การที่จะทำใจให้เชื่อ
ว่าอีกฝ่ายอยู่ในเวลาที่ต่างกันนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำใจกันนาน รวมถึงต้องมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ
มากพอ ทั้งคู่ผ่านการทะเลาะ การง้องอน และการพิสูจน์ความคงอยู่เป็นตัวตนในห้วงเวลาของ
ตัวเองหลายครั้งหลายครากว่าจะเชื่อมกันติด และจากการพูดคุยกันทั้งเรื่องเรียนและเรื่อง
ส่วนตัวพอสมควร จากเพียงความ "เชื่อถือ" ในอีกฝ่ายหนึ่ง ก็กลายมาเป็นความ "เชื่อใจ"
และ "ไว้ใจ" ในกันและกัน จนช่วงหลังๆ ทั้งคู่พูดคุย ปรับทุกข์สุขกันเหมือนเพื่อน เหมือนพี่
น้อง

ฉากนัดพบที่หน้าหอนาฬิกามหาวิทยาลัยในตอนที่ทั้งคู่ยังไม่รู้ถึงห้วงเวลาของแต่ละฝ่าย เป็น
ฉากที่แสดงถึงความต่างของเวลาของคนทั้งคู่โดยใช้ภาพเป็นตัวเล่าเรื่องได้อย่างฉมัง เมื่อใน
วันนัดนั้น ท้องฟ้าของปี 1997 สว่างสดใส แต่ท้องฟ้าในปี 2000 กลับถูกฝนกระหน่ำ หนังยัง
ใช้ภาพเป็นตัวเล่าเรื่องและบรรยายถึงความคิด ความรู้สึกของตัวละครในอีกหลายต่อหลายช่วง
และอีกหนึ่งช่วงที่สำคัญต่อเนื้อเรื่อง เมื่อ Donghee และ Soeuni เดินกลับมาจากการ
ออกเดทดูหนังด้วยกัน Donghee เอื้อมมือของเขามาทาบกับหน้าของ Soeuni จุดนี้อาจตี
ความไปได้ถึงความเป็นสัญลักษณ์ของจุดเริ่มต้นในการยอมรับ Soeuni ของ Donghee ซึ่ง Soeuni เองนั้น รู้สึกได้และสุขใจเป็นที่สุด

ชีวิตของ Soeuni และ Jee In ต่างเป็นเหมือนกระจกสะท้อนถึงด้านตรงข้ามของการดำเนิน
ชีวิตที่ต่างกัน และยังแฝงนัยไปถึงสภาพสังคมและวัฒนธรรม (ของเกาหลี) ที่เปลี่ยนไปตาม
กาลอีกด้วย ในยุค 1979 เป็นยุคที่ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายรับ ถูกห้ามไม่ให้มีปากมีเสียง ไม่ให้
แสดงความรู้สึกของตนเองต่อคนรัก ด้วยกฎเกณฑ์ทางสังคม ในขณะที่ปี 2000 หลายสิ่งหลาย
อย่างเปลี่ยนไป ฐานะทางสังคมระหว่างหญิงและชายเปลี่ยนไป แต่เรื่องของความรักยังคงวน
เวียนอยู่ในวังวนของมันเช่นเดิม Hyun Ji ยังคงต้องตามจีบ Jee In เหมือนที่ Soeuni
ตามคลั่งไคล้ Donghee แน่นอนว่าตัวหนังไม่ได้จงใจสื่อถึงประเด็นนี้เพื่อโจมตีกลุ่ม
feminism อยู่แล้ว เพราะโทนของหนังโดยรวมเป็นการพูดถึงความกล้าหาญและความแข็ง
แกร่งของจิตใจผู้หญิงผ่านตัว Soeuni ด้วยซ้ำ อีกประเด็นหนึ่งที่การพูดคุยของทั้งคู่สื่อออกมา
เป็นเสมือนกับการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของกันและกัน Jee In เป็นเหมือนกับประตูสู่โลก
ใหม่ของ Soeuni โลกที่เธอไม่เคยสนใจที่จะรับรู้มาก่อน ในขณะที่เธอก็ทำให้ Jee In ย้อน
กลับไปคิดถึงคนสำคัญในชีวิตเขา คนที่รักเขามาตลอดโดยที่เขาไม่เคยใส่ใจเลย

ช่วงที่เป็นจุดหักเหของโทนเรื่องจากหนังรักใสๆ ไปสู่ความเป็นหนังดรามา (ที่ไม่หนักไม่เบา)
เมื่อ Jee In หลุดปากบอกเรื่องในอนาคตที่เธอ "ไม่ควรจะรู้" เป็นเรื่องที่ทำให้ Soeuni
ต้องใจสลาย ความรู้สึกที่พุ่งเข้ามาแทงใจ Soeuni เมื่อได้รับรู้ความจริงอันเจ็บปวดนี้ประดัง
ประเดทับทอดกันระหว่างการปฏิเสธที่จะรับรู้ ความเจ็บปวดที่เหมือนกับถูกหักหลัง และที่
สำคัญคืออึ้งไปนานจนทำอะไรไม่ถูก สิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้และทำในทันทีคือการไปที่โรง
พยาบาล (ที่ทั้งคู่นอนรักษาตัวอยู่ที่นั่น) แต่เธอทำได้เพียงแต่มองจากชั้นล่างขึ้นไปยังห้องของ
ทั้งคู่ด้วยแววตาที่เจ็บปวด ด้วยหัวใจและความฝันที่กำลังย่อยยับลงทุกวินาที เธอไม่ได้หยุด
ยืนอยู่ที่นั่นเพราะกฎห้ามเยี่ยมผู้ป่วยของโรงพยาบาล แต่เธอเลือกที่จะหยุดตัวเองไว้ตรงนั้น
เพราะเธอรู้ตัวเองดีว่าคงไม่แกร่งพอจะทำใจได้ที่จะเห็นภาพความจริงแบบนั้น

"ถ้าเราเป็นคู่รักกัน ถึงไม่ได้เดินคล้องแขน คนอื่นก็จะรู้อยู่ดีว่าเรารักกัน" เป็นคำพูดของ
Soeuni ในฝันของเธอ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าเธอจะทำทุกอย่างเพื่อจะให้คนอื่นมอง
เธอและ Donghee เป็นคนรักกันแต่ผลที่ออกมากลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย เธอจึงกลั้นใจและ
ฝืนใจยอมรับอนาคตที่จะเป็นไป โดยการยุติความสัมพันธ์อันนี้ซะ มือของ Soeuni ที่ทาบทับ
ไปบนใบหน้าของ Donghee แบบเดียวกับที่เขาทำกับเธอเมื่อครั้งออกเดทครั้งแรก สำหรับ
เธอ การทำแบบนี้มันเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง แต่ ณ
ขณะนี้ เธอตัดสินใจที่จะทำเป็นครั้งสุดท้ายและพร้อมยอมรับว่ามันจะเป็นความสุขที่เธอจะไม่มี
โอกาสได้รับอีกต่อไปแล้ว

แม้ว่า Soeuni จะไม่ได้อยู่กับความสุขในชีวิตของเธอ แต่เธอเลือกที่จะ "เก็บ" ความสุขนั้นไว้
โดยสื่อผ่าน "กลิ่นไอ" ที่สัมผัสและเก็บไว้ในความทรงจำได้ตลอดไป กลิ่นไอแห่งความทรง
จำที่ดีระหว่างเธอและ Donghee ยังคงคุกรุ่นล่องลอยอยู่รอบๆ มหาวิทยาลัย ซึ่งในความ
รู้สึกของเธอ มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่มีใครจะพรากไปจากเธอได้ เธอแสดงความเด็ดเดี่ยวใน
ตัวเธอด้วยการเลือกที่จะจบเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง แล้วมาเผชิญกับความเป็นจริง แม้ว่า
ความเป็นจริงอันนี้จะไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ ทั้งยังจะทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานก็ตาม

ขอบคุณเรื่องย่อจาก popcornfor2.com

.......................................................................................................................

ตอนแรกกะจะเขียนรีวิวเอง...แต่ว่าเวลาเหลือน้อยแล้ว อ่านคอมเมนท์ของยัยลีลี่แล้ว หมด
อารมณ์เขียนเลย...หนังแนวๆนี้ก็มีหลายเรื่องนะ แต่ว่าดูเรื่องไหนมันคงจะมีอะไรบางอย่าง
ที่แตกต่างกัน เพราะคนทำหนังคงไม่อยากก๊อปปี้ไอเดียของคนอื่นซะทั้งหมด...เรื่องของการ
อยู่ต่างเวลากัน..งแล้วบังเอิญได้ติดต่อกัน คุยกัน...มันก็แปลกดีนะ เรื่องนี้ต่างกันที่วิธีการ
ได้พูดคุยกัน...

ilmare พูดคุยกันผ่านตัวหนังสือ โดยส่งผ่านตู้รับจดหมาย...เรื่องนี้ได้พูดคุยได้ยินเสียงกัน
ผ่านเครื่องวิทยุ HAM มันอาจจะต่างกันตรงนี้และวิธีการดำเนินเรื่องนะ...จะเป็นได้ว่าคนที่
ได้ดู...เท่าที่รู้จักส่วนมากก็ชอบนะ...แต่เพิ่งมีคุณยัยลีลี่นี่แหละ...มากระชากอารมณ์ข้าพเจ้า
อีกแล้ว...ทำเอาเขียนไม่ออกเลย...ยังงี้ต้องให้พันตรีประจักษ์เป็นคนเขียนแทน...เนอะ...

ยังไงซะ ก็เป็นหนังรักที่น่าดูเรื่องนึง มีอะไรอีกหลายอย่างที่แทรกอยู่ในการดำเนินเรื่องด้วย
คนดูน่าจะดูไปยิ้มมีความสุขไปด้วยแหละ...ว่าแล้วก็คงจะไปหาดูอีกซักรอบ...

ผู้ชายขี้รำคาญ






Create Date : 07 ธันวาคม 2553
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 22:09:26 น. 44 comments
Counter : 330 Pageviews.

 
ถ้ายังไม่ตอบก็ถามได้เรื่อยๆนะ..
จะใบ้ให้ตามเหมาะสม..

วิเคราะห์กันหน่อย...เกมจะได้สนุกๆ...


โดย: greenvases วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:17:55:54 น.  

 
Ditto

ชอบเพลงประกอบละครเรื่องนี้มาก ๆ เลยครับ


โดย: พันตรีประจักษ์ (DarkJomega ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:18:12:05 น.  

 
เห็นต้่นสน เห็นกำแพง เห็นหอนาฬิกา ฝนตกไหลลงกระจกบานหน้าต่าง

วิ้ววว ได้ฟิลล์ เศร้า ๆ เหงา ๆ สุด ๆ ไปเลยครับ


โดย: พันตรีประจักษ์ (DarkJomega ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:18:24:11 น.  

 
เ่อ่อ.. มาไม่ทันอีกแล้ว..
เฮ้อ..
จริงๆถึงมาทันก็ตอบมะด้ายอยู่ดี..

เริ่มแรกที่เห็น.. เหมือนโรงเรียนประจำเลย..
อ้าว แล้วทำไมมีผู้หญิงเดินออกมา ไม่ใช่โรงเรียนแล้วสิ
เอ.. หนังผีรึเปล่า ?
คิดไปนู่น...


โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:18:52:20 น.  

 
เรื่องนี้พอดีได้ดูทั้งต้นฉบับ และรีเมคเลยครับ

รีเมคไม่ไหว สู้ต้นฉบับไม่ได้เลย > <"

ตอนจบเรื่องนี้ นิ่ง อึ้ง พูดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนพระเอกเลย - - เหอ ๆๆ

เอา MV มาฝากครับ

//www.youtube.com/watch?v=d7XVWJsvWrA&feature=related





โดย: พันตรีประจักษ์ (DarkJomega ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:19:06:16 น.  

 
ว้าว.. MV ทำออกมาได้น่าดูเชียวค่ะ..
หนังรักนี่นา.. เวเลซดูผิดตลอดเลยเนอะ..


โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:19:15:38 น.  

 
เผลอ สปอยด์ไปนิดหน่อย - -*

อ่าาาาาาา แย่เลย

ลองหามาดูได้นะครับ คุณเวเลซ

ไม่รู้หาดูได้ไหมน้อออ~ เดี๋ยวนี้


โดย: พันตรีประจักษ์ (DarkJomega ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:19:22:03 น.  

 
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ.. พันตรีประจักษ์
สปอยด์นิดหน่อย.. คุณ จขบ. เธอไม่ว่าหรอก..

เอ.. วันนี้มีแค่ พันตรีประจักษ์ กับเวเลซ สองคนเองเหรอเนี่ย..



โดย: วนิดาเองค่า... (VELEZ ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:19:34:55 น.  

 
นั่นสิครับ

หายไปไหนกันหมด

รวมถึงเจ้าของบล็อกด้วย 555+


โดย: พันตรีประจักษ์ (DarkJomega ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:19:43:04 น.  

 
นั่งรอ จขบ.


โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:19:54:01 น.  

 
สวัสดีจ้าคุณประจักษ์ คุณ VELEZ มาไม่ทันอีกแล้วค่ะ
มาทันก็ตอบไม่ถูกอยู่ดี คิดไปถึงหนังฮอลลีวู้ดโน่นเลย


โดย: สนขาว (สนขาว ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:20:21:05 น.  

 
ครบสามขาแล้ว.. แจกไพ่เลยดีกว่า..


โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:20:30:39 น.  

 
แหมคุณวนิดาก็ เราไม่ค่อยถนัดซะด้วย เรื่องพ่งเรื่องไพ่เนี่ย ว่าแต่ยังขาดอีก 1 นะคะถึงจะครบ


โดย: สนขาว วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:20:35:23 น.  

 
ดูเรื่องนี้เพราะชอบคิม ฮา นึลเลยนะเนี่ย
แต่ดูแล้วก็เฉย ๆ ไม่ได้ประทับลงไปในใจจนจำฉากของหนังได้
มองแว๊ปแรกนึกว่าหนังฝรั่งหน้าทำเนียบขาวซะด้วยซ้ำ
ไม่นึกว่าเป็นหนังแนวตัวเองดู เหอะ ๆ

พล็อตเรื่องแบบนี้หนังเค้าทำออกมาไม่เยอะนะ
แต่เวลาดูมันจะซ้ำ ๆ กันหมดเปลี่ยนเพียงแค่เปลี่ยนตัวกลางในการเชื่อมต่อคนทั้ง 2 คนเท่านั้นเอง

พรุ่งนี้เอาใหม่
วันนี้ขอตัวรีบนอนแล้วพรุ่งนี้จะได้รีบตื่นมาใส่บาตรให้ทันก่อนเข้างานครั้งเดียวในรอบปีก่อน

พรุ่งนี้สู้ตาย อิอิ


โดย: ยัยลีลี วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:20:43:15 น.  

 
อ้าว.. ขาที่สี่ หนีไปนอนแล้ว..
งั้นเรามาซ้อมเล่นไพ่กันก่อนแล้วกันนะคะคุณสนขาว..


โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:02:28 น.  

 
งั้นจ๋า มาเป็น ขาที่สี่ ได้ไหมค่ะ แฮ่ๆ ว่าแต่
เล่นอะไรกันอะค่ะ มาไม่ทันพันตรเค้าเลย
ขอมาเล่นอย่างอื่นแทนละกันเนอะ


โดย: เจ้าหญิง..เท้าเปล่า วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:06:04 น.  

 
งั้นเล่นกบดำกบแดงแล้วกัน..

นี่ จขบ. เค้าจะรู้มั๊ยเนี่ย.. บล๊อกจะกลายเป็นบ่อนแล้วนะ..


โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:29:33 น.  

 
แฮ่ๆ ว่าแต่ กบดำกบแดง มันเป็นยังไงอะค่ะ
จ๋าไม่รู้จัก (ไม่รู้ยังจะเล่นอีก เอิ๊กๆ )


โดย: เจ้าหญิง..เท้าเปล่า วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:39:28 น.  

 
เวเลซก็ลืมไปแล้วค่ะว่าเล่นยังไง



โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:43:07 น.  

 
นี่ๆๆๆ...ทำอะไรกันสาวๆ...
ที่นี่กลายเป็นบ่อนไปแล้วเหรอ
ที่นี่ห้ามดื่มเหล้า...ห้ามเล่นการพนันเด้อ...

เกมจบเร็วมาก...ลงหนังทิ้งไว้
ไปทำอย่างอื่น กลับมาดู..
โห...พันตรีประจักษ์ มาเก็บหนังเรื่องนี้ไปซะแล้ว


โดย: greenvases วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:46:11 น.  

 
อิอิ เจ้าบ้านมาแล้ว นักพนันทั้งหลายรีบเก็บของกลางแยกย้ายกันไปด่วนเร้ว


โดย: Nanatakara วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:49:10 น.  

 
เอ้า คุณ Nana ซุ่มดูอยู่เหรอค่ะเนี่ย ไม่ดูต้นทางให้เลย
ฮ่าๆ


โดย: เจ้าหญิง..เท้าเปล่า วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:50:46 น.  

 
แหม.. แหม.. แอบซุ่มอยู่ก็ไม่บอกนะคะคุณนานาฯ


โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:53:16 น.  

 
มัวแต่ลุ้นไพ่ไปด้วยจนเพลินน่ะครับ เลยเผลอละสายตาต้นทางไปหน่อย แห่ะๆ


โดย: Nanatakara วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:53:42 น.  

 
ยังไม่ได้เริ่มแจกไพ่เลย..


โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:55:27 น.  

 
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ขออนุญาตขำคุณ Nana อะ เนียนนะค่ะ เนียน
ยังไม่ได้เริ่ม เลยน๊า

จขบ หายไปไหนซะแล้ว
ว่าแต่ เมื่อวานไม่เห็นคุณเวเลซเข้ามาทายหนังด้วยเลย
คิดถึงนะค่ะเนี่ย... แฮ่ๆ


โดย: เจ้าหญิง..เท้าเปล่า วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:21:59:54 น.  

 
รอเรื่องใหม่ไม่ไหว..
ง่วงแล้ว..
ไปนอนแล้วเด้อ..


โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:01:10 น.  

 
อนุญาตให้ขำครับ เพราะผมเนียนจริงๆ แหล่ะ อิอิ


โดย: Nanatakara วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:02:16 น.  

 
เมื่อวานเวเลซอัพยาหนักไปหน่อย..
side effect ยาเพียบ.. นี่เพิ่งโงหัวขึ้นมาได้ค่ะ..

ราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะ..


โดย: VELEZ วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:03:32 น.  

 
อ้าว....จะไปนอนแล้วเหรอ...
แล้วเหลือใครอยู่อีกไหม๊เนี่ย...

วันนี้เซ็งบอลไทยมากๆ อีกแล้ว
เล่นบอลอะไรก็ไม่รู้...นั่งดูไปบ่นไปตลอดเกม
เหมือนกับตอนดูลิเวอร์พูลทีมรักเล่นบอลงานวัดเลย
เล่นบอลเหมือนไม่ได้กินข้าวมา...
เฮ้อ...ขอยกมือนึงหล่ะ..เปลี่ยนคนทำทีมใหม่เถอะ



โดย: greenvases วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:15:06 น.  

 
คุยกันอยู่ดีๆ...พอข้าพเจ้ามา...กระเจิงกันไปหมด เหอะๆๆๆ


โดย: greenvases วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:26:13 น.  

 
ผมชอบหนังเรื่องนี้นะครับ

ผมบรรยากาศแบบนี้ ถึงพล็อตเรื่องแบบนี้มันจะดูมันจะซ้ำ ๆ บ้าง แค่เปลี่ยนเพียงแค่เปลี่ยนตัวกลางในการเชื่อมต่อคนทั้ง 2 คน แต่ผมว่าบรรยากาศมัีนไม่เหมือนเรื่องอื่น ๆ ดนตรีประกอบไม่ได้เพราะมากมาย
ความรู้สึกมันไม่ได้รู้สึกเป็นความรักของหนุ่มสาว แต่มันเป็นความผูกพันธ์ระหว่างคนสองคนที่จริงใจต่อกัน การเชื่อมต่อ
รวมถึงการเสียสละของเธอนั้น ถ้าเป็นคุณจะยอมหรือเปล่าที่จะหยุดความรักของตนเองไว้เเค่นั้น เพื่อชีวิตที่เกิดจากมิตรภาพเล็ก ๆ นี้

หนังเรื่องนี้ผมดู ผมไม่ได้เสียน้ำตา ไม่ได้เศร้า ไม่ได้อิ่มเอมใจ
แต่ตอนจบมันจุก นิ่ง ๆ ทำอะไรไม่ถูก เราควรจะดำเนินชีวิตต่อไปยังไงดี

ดูหนังไม่ได้หวังว่ามันจะเศร้า ซึ้ง เสียใจ หรือทำให้เสียน้ำตาอยู่แล้ว ดังนั้น ผมจึง ชอบการถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน ต้นสน ผ่านผนัง กำแพง ถนน รวมถึงที่เดิม ๆ ที่มันเปลี่ยนไป และไม่หวนกลับมา


โดย: พันตรีประจักษ์ (DarkJomega ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:26:24 น.  

 
ไม่ได้กระเจิงไปไหนหรอกค่า...
ยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ละค่ะ

เรื่องนี้ ท่าทางจะสนุกนะคะ เดี๋ยวต้องหามาดูมั่งดีกว่า
คุณพันตรี บอกว่าตอนจบ มันจุกๆ ใช่ม๊า น่าสนนะเนี่ย..


โดย: เจ้าหญิง..เท้าเปล่า วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:31:21 น.  

 
ถูกต้อง...พันตรีประจักษ์พูดถูก...
หุหุหุ...แอบไม่เห็นด้วยกับความเฉยชาของยัยลีลี่ อีกแล้ว...
แต่ก็นะ...เรื่องของความชอบ มันไม่เข้าใครออกใคร
คนบางคนเค้าอาจจะมีมุมมองในแบบของเค้า...

ฉะนั้น...หนังเรื่องนี้ขอยกมืออีกข้าง...ไปหามาดูซะนะ
จ๋ายังไม่ได้ดู ใช่ไหม๊...เดี๋ยวพี่หาให้ แต่จริงๆ...
ดูออนไลน์ก็ได้นะ...ตามที่พันตีประจักษ์หาลิงค์มาให้
ดูแล้วตัดสินด้วยตัวเองดีกว่า...

ดึกแล้ว...แสดงว่าไม่มีคนเล่นเรื่องต่อไปในคืนนี้แล้วใช่ไหม๊


โดย: greenvases วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:38:39 น.  

 
คิดเหมือนกันครับคุณ greenvases

วันนี้ง่วงแล้ว

ฝันดีครับทุกคน

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาดูใหม่


โดย: พันตรีประจักษ์ (DarkJomega ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:47:39 น.  

 
กลับมาอีกที ตลาดวายซะแล้ว เซ็งบอลไทยมากๆ ทำประตูน่ะเป็นมั้ย เปลี่ยนโค้ชก็ดีค่ะ ยกมือด้วย 1 เสียง
ยินดีด้วยคุณกรีน ลิเวอร์พูลทีมรักขึ้นที่ 8 แล้ว
คืนนี้เชียร์แมนยู สเปอร์ แชมเปี้ยนลีก


โดย: สนขาว (สนขาว ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:52:11 น.  

 
ฝันดี ค่า คุณพันตรี...
หนังจะสนุกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแหละค่ะ
บังคับกันไม่ได้หรอก จะให้ใครมาคิดเหมือนเราทั้งหมด
คงเป็นไปได้ยาก จริงป่ะ

ก็แล้วแต่คนชอบแหละค่ะ แล้วแต่มุมมอง รสนิยม บลาๆๆ ก็ว่ากันไป
นานาจิตตัง ค่ะ


โดย: เจ้าหญิง..เท้าเปล่า วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:54:16 น.  

 
คืนนี้คงนั่งทำงานไปด้วยเชียร์บอลไปด้วย...
เนื่องจากลิเวอร์พูลไม่ได้ไปเล่นรายการนี้
ก็เลยขอเชียร์สเปอร์ดีกว่า...ส่วนแมนยูน่ะ
คงเหมือนๆกับแฟน แมนยูนั่นแหละ...ที่เชียร์ทุกทีม
ที่แข่งกับลิเวอร์พูล....หุหุหุ...

คุณสนขาวก็เชียร์บอลเหรอ...เป้นแฟนทีมอะไรเนี่ย
ส่วนลิเวอร์พูลเนี่ย...สามวันดี สี่วันไข้...
ชัยชนะเมื่อวาน...เชื่อถือไม่ได้...เด๋วกคงเข้าอีหรอบเดิมอีก
ช่วงนี้ต้องแอบๆเชียร์...และเริ่มปลง...

คนอื่นไม่เหลือแล้วใช่ไหม๊...งั้นเอาไว้เล่นเรื่องที่ 57 พรุ่งนี้
ละกันนะ...คืนนี้ก็ขอให้นอนหลับฝันดีละกัน...


โดย: greenvases วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:22:57:16 น.  

 
คุณกรีน เราเชียร์แมนยูจ้า ชอบผีแดงชุดแชมเปี้ยนลีก 1999 ที่สุดแล้วก็เชียร์ทีมชาติอังกฤษ แต่ไปไม่ถึงดวงดาวสักที
หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: สนขาว วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:23:08:23 น.  

 
แมนยูยุคนั้นเก่งจริงๆ...จริงๆเป็นแฟนลิเวอร์พูลนะ
แต่ถ้าใครเล่นดีจริงๆก็ชื่นชมนะ...เพราะมีใจรักกีฬาจริงๆ
ไม่ได้เชียร์เพราะเล่นการพนัน...หรือมีจุดประสงค์อื่นๆ

อย่างเวลาลิเวอร์พูลเล่นห่วย ก็ท้อใจ...แต้องยอมรับว่าห่วย
แต่ถ้าเล่นดี ถึงแพ้ก็ยังรู้สึกโอเค...ยังไงซะก็ชอบเชียร์กีฬา
ที่เนแล้วสนุก มีน้ำใจเป้นนักกีฬามากกว่า...เกมไม่สนุกทีมเล่นไม่ดี
แต่บังเอิญชนะ ก็ไม่ซึ้ง...


โดย: greenvases วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:23:16:17 น.  

 
ว้าย
ขอโทษนะที่ทำให้คุณหมดอารมณ์ไปเลย
ดูนานแล้วเหมือนกัน เลือน ๆ

กลับไปอ่านเรื่องย่อข้างบนอีกที
เออใช่
หนังมันดราม่าตรงที่นางเอกรู้เรื่องในอนาคตที่ตัวเองไม่ควรรู้เนี่ยแหละ
ฉากหลัง ๆ ตอนนางเอกแก่แล้วจำได้ว่าแสงสวยดี

มาตั้งเต๊นท์รอเรื่องต่อไปตั้งแต่เช้า
เช้านี้อุตส่าห์ตื่นเช้าเตรียมมาใส่บาตร
แต่ 6 โมงเช้า พระยังไม่ค่อยออกมาบิณฑบาตรเลย
เลยรอไม่ได้ต้องรีบมาทำงาน
เลยไม่ได้ใส่บาตรตามที่ตั้งใจไว้เลย

แต่ได้คำอวยพรจาหม่าม้า พระในบ้านของเราตั้งแต่เช้า
ถือว่าเป็นกุศลมากกว่าการใส่บาตรเป็นไหน ๆ เนอะ


โดย: ยัยลีลี วันที่: 8 ธันวาคม 2553 เวลา:7:52:42 น.  

 
poster หนัง หน้าตาแบบนี้นี่เอง..
เวเลซเคยเห็นนี่นา... แต่ไม่เคยดูหรอกนะ

อ่านเรื่องย่อแล้ว.. อืม.. เศร้าอะ..


โดย: VELEZ วันที่: 8 ธันวาคม 2553 เวลา:17:00:48 น.  

 
อ้อ.. สุขสันต์วันเกิดคุณ ยัยลีลี ด้วยค่ะ


โดย: VELEZ วันที่: 8 ธันวาคม 2553 เวลา:17:01:50 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณเวเลซ
รู้ได้ไงเนี่ย หุหุ


โดย: ยัยลีลี วันที่: 8 ธันวาคม 2553 เวลา:22:20:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

greenvases
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add greenvases's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.