No Pain, No Gain ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ

Group Blog
 
All blogs
 
กว่าจะมาเป็นเรา 3 คน (พ่อ แม่ ลูก) ตอนที่ 1

blog ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องราวระหว่างปะป๊ากับหม่าม๊า อย่างที่บอกไว้..ความรักมีทั้งสุขและทุกข์ ปะป๊ากับหม่าม๊าคบกันมา โดยมีมือที่สาม (ที่ปะป๊าคอยเกี่ยวเข้ามา) โดยตลอด รักๆ เลิกๆ เป็นอย่างงี้มาตลอดเวลาที่คบกัน

จริงๆ หม่าม๊าก็หวังมาตลอดเวลาว่าวันนึงปะป๊าจะนึกถึงความรู้สึกเสียใจของหม่าม๊าต่อการกระทำของปะป๊าบ้าง แต่เปล่าเลย ปะป๊ายังคงมีความสุขบนความเสียใจของหม่าม๊าตลอด เวลาทะเลาะกัน ไม่เคยพูดดีต่อกันเลย นับวันความไว้ใจ ความเชื่อใจ ความศรัทธาเริ่มมีน้อยลง

ระหว่างทางที่คบกันหม่าม๊าไม่เคยมองใครเลย จนอายุล่วงเลยมาเลข 3 จำได้ว่าเคยบอกปะป๊าว่าอยากแต่งงาน อยากมีลูก แต่ปะป๊าพูดออกมาคำนึง ซึ่งฟังแล้วจุกและเสียใจ จำขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้ เค้าพูดว่า "อย่างเธอจะเอาอะไร (ข้อคิด/วิธี) ไปเลี้ยงลูก" ตอนนั้นฟัง ได้แต่เสียใจ คิดแต่ว่า ถ้าเป็นแบบนี้ คงไม่มีอนาคตร่วมกัน (ซึ่งตลอดเวลาที่คบกัน เราไม่เคยคุยหรือวางแผนที่จะมีอนาคตร่วมกันเลย ตรงนี้สำคัญนะลูก หากคบใครแล้วไม่มีภาพอนาคตร่วมกัน ลูกปล่อยอีกฝ่ายไปให้เค้าได้มีอนาคตที่ดีเถอะ)

จนมาถึงจุดพีคที่คิดว่าจะไม่รอปะป๊าแล้ว คิดไว้ในใจว่าจะรอถึงแค่อายุ 35 (ถ้าไม่ได้แต่งงานกัน หรือมีลูก ก็จะบอกเลิกกับปะป๊า เพราะเค้าเองก็มีผู้หญิงอื่นที่แอบคบกันมาตลอด แต่ถามกี่ครั้งไม่เคยยอมรับ)

เหตุการณ์ที่เกือบจะเป็นจุดเปลี่ยนของเรา 3 คน (ปะป๊า หม่าม๊าและเจอร์รี่)??

ตอนต้นปี 2554 หม่าม๊าอายุ 34 ปีแล้ว ซึ่งใกล้ deadline ความสัมพันธ์กับปะป๊า หม่าม๊าเริ่มเปิดใจ ซึ่งตอนนั้นหม่าม๊าเริ่มคุยกับผู้ชายซึ่งเป็นเพื่อนในที่ทำงานเดียวกันกับหม่าม๊า ด้วยความที่เราไม่เคยเปิดโอกาสหรือเปิดใจคุยกับผู้ชายคนอื่นเลย พอมีคนเข้ามาคุยและพูดดีด้วย ก็เกิดอาการเขว เป๋ เซ อย่างแรง มีความสุข (คิดไปเองทั้งนั้น) วาดฝันว่าชั้นเจอคนที่ใช่แน่ๆ (ใช่สิ ชั้นรอพ่อเธอมาสิบกว่าปี ไม่เอ่ยปากชวนแต่งงานซะที) ในขณะที่ปะป๊าเอง ก็กำลังมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในชีวิต ซึ่งผู้หญิงคนนี้พยายามอย่างมากที่จะครอบครองปะป๊า

ช่วงที่ปะป๊าหม่าม๊าเริ่มระหองระแหงกัน น่าจะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2554 แหละ ตอนนั้นหม่าม๊าเริ่มคิดที่จะเลิกกับปะป๊าจริงๆ นะ เพราะคิดว่าที่ผ่านมาปะป๊าเค้าไม่ได้รักเราเลย และคงไม่คิดจะแต่งงานกับเราหรอก อีกอย่างหม่าม๊าอยากแต่งงานมีลูก ไม่อยากมีลูกช้า

แต่ๆๆๆ ด้วยกรรมที่เคยร่วมสร้างกันมาหรือเปล่า ก็มีเหตุน้ำท่วมใหญ่ทำให้ปะป๊ากับหม่าม๊าก็ต้องมาใช้ชีวิตด้วยกันสองคนพักนึง (นานมากนะ ตั้งเกือบ 2 อาทิตย์ แหน่ะ)

จำเหตุการณ์วันที่น้ำท่วมเจ้าพระยาฝั่งธนฯ เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2554 ได้แม่นว่าค่ำของวันนั้น น้ำเริ่มล้นตลิ่งเจ้าพระยาเข้ามาท้ายซอยแล้ว หม่าม๊าปั่นจักรยานไปดูแถวดับเพลิงบวรมงคล เขื่อนกั้นน้ำแตก น้ำทะลักเข้ามาแล้ว ไม่พ้นคืนนั้น น้ำท่วมกทม. แน่ๆ (ท่วมแค่ฝั่งธน ฝั่งพระนครไม่ท่วม!!!)

หม่าม๊าชวนอาม่าเกียว น้าปุ้ย กะซูชิ (หมาพูเดิ้ลทอยสีน้ำตาล ตายแล้ว เมื่อพ.ย. 2557) ให้รีบเก็บเสื้อผ้าและของมีค่าให้เร็วที่สุด (โดยน้าเป้ไม่ยอมไปด้วย บอกว่าจะอยู่ดูแลบ้าน ส่วนคุณตาแอ๊ดตอนนั้นยังอยู่บ้านโป่งคนเดียวและไม่โดนผลกระทบจากน้ำท่วม) แล้วหม่าม๊าก็พาทุกคนมุ่งหน้าไปหัวหินพักที่บ้านพักของที่ทำงานหม่าม๊า จำได้ว่าอยู่หัวหิน 26-30 ต.ค. 2554

ส่วนปะป๊าก็พาอาม่าจิต ไปพักที่คอนโดของเหล่ากู๋ (พ่อแป๊ะอู๊ด) ที่ชะอำ ลืมบอกไปว่าช่วงที่มีปัญหากัน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งรับรู้มาตลอด จนน้ำท่วมนี่แหละ อาม่าเกียว ได้เจอกับผู้ใหญ่ทางปะป๊า และคุยกัน เรื่องปะป๊ากับหม่าม๊า
แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงอะไรเป็นเรื่องราว

ต่อมาวันที่ 31 ต.ค. 2554 น้าปุ้ยกลับไปทำงานโดยพักที่คอนโดกับเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศเช่าให้พนักงานที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม ส่วนหม่าม๊าก็พาอาม่าเกียวมาบ้านโป่ง เพื่อหาที่ลี้ภัยต่อ โดยมีปะป๊าตามมาด้วย (ทิ้งอาม่าจิตไว้กับอาเหล่ากู๋โดยให้เหตุผลว่า ปลอดภัยไร้กังวล) ช่วงน้ำท่วมนี่ โรงแรมในจังหวัดรอบกรุงเทพฯ เต็มหมด ที่บ้านโป่งก็เหมือนกัน จะไปพักกับญาติก็เกรงใจ (ห้องพักไม่พอ) ก็พยายามหาจนได้ห้องพักที่บ้านโป่งอินน์ (โรงแรมเก่าริมแม่น้ำแม่กลอง) คืนนั้นก็จบปัญหาเรื่องที่พักไป

เช้าวันรุ่งขึ้น หม่าม๊าต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปทำงาน ปะป๊าก็ตามมาด้วยบอกว่าเป็นห่วง (หรือหวงก้าง เพราะตอนนั้นหม่าม๊าก็ยังมีคุยกะผู้ชายคนนั้นบ้าง) ส่วนอาม่าเกียวก็ให้เค้าเช่าบ้านอยู่บ้านโป่ง 1 เดือน เพื่อรอให้เหตุการณ์น้ำท่วมกลับเข้าสภาวะปกติ

พอเข้ากทม. หม่าม๊าก็ไปทำงาน แล้วก็จะหาห้องพักแถวออฟฟิศ (แถวถนนข้าวสาร) ก็มาลงเอยที่โรงแรมเวียงใต้ บางลำภู โดยมีปะป๊าคอยเฝ้า 555 ระหว่างพักอยู่ด้วยกันก็มีทะเลาะกันตลอด ทั้งปะป๊าเองก็มีผู้หญิงคนอื่นมาเกาะแกะ หม่าม๊าก็อยากจะเลิกกะปะป๊าเพราะมโนไปเองว่า คนที่ชั้นคุยด้วยเนี่ยต้องใช่เนื้อคู่เราแน่แล้ว อีกอย่างปะป๊าก็ไม่เด็ดขาด หรือเลิกยุ่งกับผู้หญิงทั้งคนเก่าๆ และคนใหม่เลย (เพิ่งนึกออกว่า หม่าม๊าเขียนจดหมายระบายความในใจถึงปะป๊าด้วย 3-4 หน้ากระดาษเนี่ยล่ะ ปะป๊าบอกว่าทุกวันนี้ยังเก็บไว้อยู่เลย อยากขอกลับมาอ่าน ว่าตอนนั้นเราเวิ่นเว้อมากแค่ไหน - -")

จนวันที่ 11 พย. 2554 น้ำที่ท่วมลดลงเหลือแค่ตาตุ่ม หม่าม๊าก็ตัดสินใจจะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน โดยไล่ให้ปะป๊ากลับไปดูแลอาม่าจิตที่ชะอำต่อ (แม่ตัวเองไม่ดูแล มาดูผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานด้วย แล้วแม่เค้าจะคิดยังไงฮึ!)

เด๋วต่อตอนใหม่นะ


Create Date : 03 กรกฎาคม 2558
Last Update : 3 กรกฎาคม 2558 14:27:02 น. 0 comments
Counter : 131 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

GrapeWine
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Color Codes ป้ามด
New Comments
Friends' blogs
[Add GrapeWine's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.