Goddess
Group Blog
 
All blogs
 

เปิดถุงช็อปสิงคโปร์ - Givenchy, Esprit, Charles & Keith + Gucci

เมื่อเดือนที่แล้ว (ก.ค.) มีเหตุให้ต้องไปประชุมที่สิงคโปร์ 2 ชั่วโมง
ตอนแรกได้ยินว่าจะให้เราไปเช้าเย็นกลับ...เฮ้ยๆๆ ได้ไงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้ไปสิงคโปร์เลยนะ (ไม่นับเวลาแวะเปลี่ยนเครื่อง)
แถมมันช่วงเซลล์พอดีด้วยนะ
แต่ในที่สุดก็ได้ค้าง 1 คืน

วันแรกออกเดินทางบ่าย 3 ก็ไปสุวรรณภูมิตั้งแต่เที่ยงเพื่อไปเดินเล่นดูของที่ King Power
เนื่องจากได้อ่าน blog คุณ Ma’Boa* ซึ่งมารีวิวบลัช Givenchy จึงเป็นแรงบันดาลใจ (กระตุ้นกิเลส) อยากได้มาครอบครองบ้าง :>
พอเดินถึง Cosmetics section เลยพุ่งไปที่ซุ้มจิวองชี่ทันที จากแรกเริ่มเดิมทีอยากได้แค่บลัช แต่พอเห็น Makeup Pallette แล้วหัวใจละลาย…
งามแต้ๆ ทั้งแพคเกจจิ้งภายนอก ทั้งสีสันภายใน แล้วยังได้ Brush set แถมมาให้ด้วย
สุดคุ้มอย่างนี้เอาไปเลย 10 เต็ม อิอิ





ไปถึงสิงคโปร์ก็เย็นแล้ว จึงบึ่งไปโรงแรมทันที พอ check-in แล้วเราถึงเข้าใจละว่าทำไมเค้าถึงอยากให้ไปเช้าเย็นกลับ
ก็ค่าห้องพัก superior ธรรมดา (แต่ไม่ธรรมดา) คืนละ $400 โอ้แม่เจ้า แพงกว่า Four Seasons ในเมืองไทยตั้ง 2 เท่าแน่ะ
พอเปิดม่านแล้วก็เจอวิวเช่นนี้

A Room with a View



อุปกรณ์ toileteries ในห้องน้ำก็ดูดีน่าใช้มาก เก็บกลับมาบ้านซะเลย




แล้วก็ออกไปทานมื้อเย็น seafood ที่ร้าน Jumbo คนแน่นสุดๆ รอคิวเกือบชั่วโมง (แต่ก็คุ้มกับการรอเพราะอร่อยมากๆ)
วันที่ 2 ประชุมตอนเช้าเสร็จก็หมดหน้าที่แล้ว ทานข้าวเที่ยงที่โรงแรมแล้วก็ถึงเวลาตระเวน Orchard Road เสียที เย้ๆๆ
<มีเวลาแค่ 3-4 ชั่วโมงก่อนไปขึ้นเครื่องเท่านั้น >
เนื่องจากเรามี skincare และคสอ.สั่งสมพอกพูนไว้มากมาย ใช้อีกหลายปีก็ยังไม่หมด (แล้วยังจะสอย Givenchy palette ที่สนามบินมาอีก เฮ้อ)
จึงต้องท่องไว้ในใจว่า "ห้ามซื้อคสอ.เพิ่มเด็ดขาด ไม่ว่าจะถูกแค่ไหนก็ตาม ส่วนอย่างอื่นก็ซื้อเท่าที่จำเป็น!!!"
ก็เลยมุ่ง target ไปที่รองเท้า เสื้อผ้า แว่นกันแดด ขนม ฯลฯ พยายามหลีกเลี่ยงเคาน์เตอร์คสอ.


เจอร้าน ESPRIT เป็น stand-alone shop ขนาดใหญ่อยู่บนถนน Orchard Rd เลยแวะเข้าไปเยี่ยมชม
ลองเสื้อได้มา 2 ตัว พอไปจ่ายเงิน พนักงานก็บอกว่า ถ้าซื้อยอดครบเท่านั้น ก็จะได้ Esprit voucher มูลค่าเท่านี้ มาแลกซื้อของในครั้งต่อไป
ก็รู้อยู่เต็มอกว่า คงจะไม่มี "ครั้งต่อไป" ให้ได้มาใช้ voucher นี่หรอก แต่พอโดนคะยั้นคะยอว่าซื้ออีกนิดเดียวก็จะครบแล้ว
โรคใจอ่อนแพ้ของลดแลกแจกแถมก็ทำฤทธิ์ เราเลยคว้าเซทผ้าขนหนู 3 ผืนมา เพื่อจะให้ครบยอด
...ซึ่งท้ายที่สุด voucher ที่ได้มาก็ต้องปล่อยให้หมดอายุไปอย่างน่าเสียดาย



ผ้าขนหนูใช้ดีเหมือนกัน ตอนนี้เอาผืนเล็กไว้เช็ดหน้าที่ทำงาน ผืนใหญ่ไว้เช็ดตัวในห้องน้ำ แต่ผืนกลางนี่ไม่รู้ไว้ใช้โอกาสไหนดี



หลังจากนั้นก็เข้าห้าง Takashimaya และห้างอื่นๆ ระหว่างทาง ไปลองแว่นกันแดดสุดฤทธิ์เพราะมัน sale แต่หาถูกใจ (ทั้งแบบและราคา) ไม่ได้ ลองแว่นอยู่นานมาก เพราะมีสารพัดแบบ สารพัดแบรนด์ นึกแล้วขำตัวเอง
หารองเท้าถูกใจก็ไม่มีอีก หาร้าน Charles & Keith ก็ไม่เจอ ถามคน Singapore เค้าก็ไม่รู้จักกัน!!!
คือมีเวลาน้อยมากๆ เลยเร่งรีบจนเกือบจะลนลาน ก็เลยได้เสื้อ Bossini โทนชมพูมา 2 ตัว (ลืมถ่ายรูปมาครับท่าน แหะๆ) กับพวกขนมช็อคโกแลตนิดหน่อยมาฝากที่ทำงาน
และก็หมดเวลา รีบจ้ำอ้าวกลับโรงแรมเพื่อขึ้นรถไป airport

โอย อยากบอกว่า airport ที่สิงคโปร์นั้น คสอ.ถูกมากๆ Clinique, Bobbi Brown, MAC ถูกกว่า King Power
ไปลอง MAC อยู่พักนึง แล้วก็ตัดใจเดินออกมา เพราะได้ให้คำมั่นกับตัวเองแล้วว่า ห้ามซื้อคสอ. แงๆๆ
และเราก็ได้เจอ Charles & Keith เสียที เย้...
ลองรองเท้าจนเท้าขวิดก็ยังหาถูกใจไม่ได้ (เอ๊ะ ยัยนี่เรื่องมากเจงๆ) ด้วยความเซ็งชีวิตที่ไม่ได้รองเท้ากลับบ้าน เลยซื้อกระเป๋ามาแทน (อ้าว มันแทนกันได้มั๊ยล่ะนั่น 555)
สวยดีค่ะ ใส่แฟ้มเอกสารได้พอดีเลย ถือแล้วดูเป็น working woman มาดดี เพื่อนที่ทำงานชมกันเป็นแถว อิอิ



และก็เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ...
ยังไม่จบค่ะ ยังไม่จบ
แต่กระนั้น... จิตใต้สำนึกมันสั่งว่า “เจ้าจงไปตามหาแว่นกันแดดในดวงใจมาให้ได้”
(เปล่าเลย จริงๆคือ แว่นอันเก่าอันตรธานหายไป เลยต้องหาซื้ออันใหม่มานั่นเอง คาดว่าที่อู่ซ่อมรถจิ๊กไปแหง เตือนเพื่อนๆอย่าทิ้งของอะไรไว้ในรถเวลาเอารถเข้าอู่นะคะ)

แล้วเมื่อปลายเดือนก.ค. เราแวะไปส่งเพื่อนที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า (เพื่อนจอดรถไว้ที่นั่น) ตอนแรกว่าจะส่งเฉยๆ ไม่เดิน แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า จะซื้อปากกาเขียนแผ่นซีดี ก็เลยแวะไปที่ B2S ได้ปากกามาสมใจ แล้วก็แยกย้ายกันกับเพื่อน
ระหว่างทางเดินกลับที่จอดรถ มีบางสิ่งดลใจให้เราเดินลงไปชั้น G แล้วก็เห็นป้าย Sale ที่ร้านแว่นค่ะ
เดินเข้าทันที แล้วแบบว่าลองไปแค่ 2-3 อันเท่านั้น ก็เจออันที่ถูกใจโก๋เลย
ก็มาชั่งใจว่า ตอนอยู่สิงคโปร์นั่นก็ลองมาแล้วทั้งร้าน ยังไม่เจอถูกใจ ดังนั้นถ้าเจอแล้ว ก็อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป เพราะยังไงก็ต้องซื้อแว่นกันแดดอยู่ดี (ถึงจะไม่ค่อยได้ใช้ แต่ว่ามีติดรถไว้ให้อุ่นใจก็ยังดีอะนะ)






ปลาบปลื้มๆ
แต่หลังจากนี้ ต้องหักห้ามใจแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นเด๋วจาหมดตัววววว




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2550    
Last Update : 15 สิงหาคม 2550 17:48:33 น.
Counter : 4669 Pageviews.  

Skinfood Review อาหารผิวจากเกาหลี + Etude House นิดหน่อย

วันนี้ขอแวะมารีวิว Skinfood ค่ะ






1. Black Sugar Mask Wash Off


มาส์กน้ำตาลที่โด่งดัง ได้ขนาดทดลองใช้มาค่ะ
ชื่อว่ามาส์ก แต่ความจริงมันคือสครับนั่นเอง เม็ดน้ำตาลใหญ่มากๆ ต้องขัดเบาๆ ไม่งั้นหน้าพังได้ หลังล้างหน้า เราจะละเลงทิ้งไว้ให้ทั่วหน้าก่อน แล้วก็ไปอาบน้ำ
พออาบน้ำเสร็จ ค่อยมาสครับค่ะ ก็ทำอย่างเบามือ แล้วน้ำตาลก็จะค่อยๆ ละลายไป ก็สครับจนน้ำตาลละลายหมด หน้าก็จะเด้งดึ๋งพอดี
กลิ่นหอมของน้ำตาล น้ำผึ้ง ให้ความรู้สึกสดชื่นดีด้วย ตัวนี้ขอแนะนำเลยค่ะ ใช้ได้ๆ ชอบที่ใช้แล้วหน้าเด้งทันที


2. White Chocolate Firming Essence


ตัวนี้ซื้อเพราะว่าชอบกลิ่นอย่างเดียวเลย เคยอ่านผ่านๆว่ามีใครสักคนในห้องโภชฯ (สมัยนั้น) ใช้เพราะหอมมากมาย
เราเลยไปดมที่ shop และก็ซื้อตามทันที อิอิ
ตัวนี้มีคาเฟอีนด้วย ดังนั้นสรรพคุณคือจะช่วยกระชับผิวให้แข็งแรง เราว่ามันก็โอเคนะ แต่ก็อย่างที่บอกว่า ซื้อเพราะกลิ่น ดังนั้นเลยไม่ได้สนใจในสรรพคุณเท่าไหร่ ฮาๆๆ
เนื้อจะบางๆ แล้วก็ให้ความรู้สึกหอมหวานนนน แบบ อืม อารมณ์เหมือนอยู่ในร้านเค้กน่ารักๆ
เป็น aromatherapy สำหรับคนรัก white chocolate เลยอะค่ะ
ตัวนี้ไม่แพ้ ไม่มัน กลิ่นหอมหวานของไวท์ชอคฯ อ่อนๆ รัญจวนใจ (สำหรับคนชอบกินอะนะ) จบ


3. Lecithin Base Mascara



เพิ่งจะเคยใช้มาสคาร่าเบสเป็นครั้งแรกค่ะ เนื้อจะหนาๆข้นๆ สีขาว ทาก่อนมาสคาร่า เพื่อบำรุงขนตา ทำให้มาสคาร่าติดทน และล้างออกง่าย
ซึ่งสำหรับวันที่ทา mascara base นั้น จะเห็นได้ชัดเลยว่า เวลาล้างมาสคาร่าออก จะล้างง่ายกว่า ขนตาไม่หลุดร่วงนัก
ไม่รู้ว่าอุปาทานไปเองหรือเปล่า เพราะรู้สึกว่า ขนตาจะยาวขึ้นด้วยล่ะ อิอิ


4. Lemon Base



เบสเขียวมะนาวอันโด่งดัง ซื้อตามกระแสโต๊ะเครื่องแป้งอีกแล้ว
เนื้อข้นเกลี่ยยากเหมือนกัน แต่ด้วยความที่มันเป็นแค่เบส ก็เลยไม่ซีเรียสอะไร ใช้แล้วหน้าผ่องเด้งดีค่ะ คุมมันนิดหน่อย
กลิ่นเหมือนซันไลท์ แต่เราก็ชอบนะ หอมชื่นใจ ทำให้รู้สึกว่าหน้าสะอาดดี 555
อ้อ ด้วยความที่เนื้อมันข้น เลยทำให้แอบสงสัยว่า อาจจะทำให้อุดตันบ้างก็เป็นได้
ตัวนี้ก็ชอบนะ แต่กลับไม่ค่อยได้ใช้ เพราะกลัวเป็นสิว (แป่ว)


5. Peach Sake Pore Serum

ตัวนี้ไม่มีรูปอะค่ะ
ตั้งแต่ใช้ Skinfood มา คิดว่าตัวนี้เริ่ดที่สุดค่ะ ดีสมคำร่ำลือในโต๊ะเครื่องแป้งจริงๆ เราได้ size ทดลองมา ทาแล้วเนียนไปกับผิวเลย เหมือนเป็นแป้งๆด้วย ช่วยกระชับรูขุมขน คุมความมัน
ที่สำคัญที่สุด คือ กลิ่นหอมมากมาย (อีกแล้ว) กลิ่นพีชสาเกแรงมากๆ ได้กลิ่นตอนแรกอึ้งๆ แต่ใช้ไป 2-3 วัน กลับหลงรักกลิ่นนี้ขึ้นมาทันที กลิ่นสาเกมันหอมหวานยั่วยุยังไงชอบกล อธิบายไม่ถูก :P
หรือว่าเราทาไป เมาสาเกไปหว่า อิอิ


6. Ginseng Repairing Cream



ตัวนี้รู้สึกจะเป็นตัว top ของ Skinfood ในแง่ anti-aging (พูดง่ายๆ ว่าเป็นครีมคนแก่ว่างั้นเถอะ เอิ๊กๆ)
ทาเป็นตัวสุดท้ายก่อนนอน เพราะเนื้อหนัก แบบครีมเป็นครีม ทาไปแบบแล้วก็จะมันๆ แต่ก็ช่างหัวมัน เพราะว่าทาเสร็จก็นอนเลย
แปลกตรงที่ว่า ตอนทาครีม จะมันๆ เยิ้มๆ แต่พอตื่นเช้ามาแล้ว หน้าไม่มันเลย รู้สึกถึงความแตกต่างของหน้าบ้างนิดหน่อย เข้าใจว่าครีมมันคงจะซึมซับลงไปหมด พอเช้ามามันถึงไม่ได้ทิ้งร่องรอยความมันไว้เหมือนครีมเนื้อหนักส่วนใหญ่
ตัวนี้กลิ่นโสมแรงมาก ตอนแรกๆ ต้องกลั้นหายใจเวลาทา เพราะเราว่ามันเหม็น แต่ทาไปบ่อยๆ ก็ชินเอง
แต่เราคงไม่ซื้อต่อแล้วล่ะ ไม่ได้มีจุดเด่นที่ตื่นเต้นใดๆ


7. Cappuccino Mousse Foam



ด้วยความที่ติดใจกลิ่น White Chocolate จึงเชื่อมั่นว่ากลิ่น Cappuccino ต้องออกมาหอมกาแฟลอยละล่องไม่แพ้กัน เลยฝากเพื่อนซื้อมาจากเกาหลีโดยไม่ได้ไปลองดมกลิ่นที่ shop แต่อย่างใด
ผลปรากฏว่า กลิ่นมันแรงงงงงมาก มันไม่หอมแบบกาแฟนะ เหมือนกลิ่น Mocha หรือโกโก้มากกว่า แล้วเราไม่ชอบเลยอะ
โฟมล้างหน้าตัวนี้ มีเม็ดกาแฟเป็นตัวสครับอยู่ด้วย แต่ล้างแล้วเราเฉยๆ มาก ถ้าอยากสครับ ก็ใช้สครับน้ำตาล Black Sugar ไปเลยดีกว่าแยะ
แถมรู้สึกว่าล้างแล้วตึงไปหน่อยสำหรับผิวบอบบางอย่างเรา
คุณสมบัติงั้นๆ และกลิ่นไม่ผ่าน หมดอนาคต


8. Apple White Sun Base SPF 25



เบสแอปเปิ้ลอันเลื่องชื่อ ตัวนี้เราใช้ในวันเร่งรีบที่ไม่มีเวลาทาครีมอะไรหลายอย่าง ก็จะทาเบสแอปเปิ้ลตัวนี้ ได้ทั้งกันแดด ได้ทั้งเบสเลย สะดวกดี
ก่อนใช้ต้องเขย่าขวดก่อน เนื้อจะเหลวกว่าเบสมะนาว ทำให้ทาง่ายกว่า แต่เนื้อมันจะมีเม็ดๆตะกอนอยู่ด้วย ตอนแรกนึกว่าหมดอายุซะอีก แต่ว่ามันก็เป็นเช่นนั้นเอง เข้าใจว่าคงเป็น physical sunblock มั้ง
แต่ทาไปแล้ว มันก็ดูไม่ออกนะคะ เม็ดๆมันก็กลืนไปกับหน้าเลย
ตัวนี้ดีที่เป็น sunblock ในตัว แต่ถ้าเทียบคุณสมบัติเรื่องความผ่องเด้ง เราว่าเบสมะนาวดีกว่า


9. Apple Whitening Toner



ได้เซ็ตทดลองมาคู่กับ Emulsion
ใช้ครั้งแรก นึกในใจ “โทนเนอร์อะไรฟะ กลิ่นโคดแรง” 555 ตัวนี้แหวกแนวมาก แทนที่จะเป็นกลิ่นแอปเปิ้ลชื่นใจ ดันใส่น้ำหอมมาทั้งดุ้น เป็นน้ำหอม perfume กลิ่นแรงๆ เลย
เวลาใช้แล้วไม่สนิทใจอย่างแรง รู้สึกเหมือนเอาน้ำหอมมาทาหน้าเลย กึ๋ยๆๆ

10. Apple Whitening Emulsion

Emulsion เนื้อนุ่ม โชคดีที่ไม่มีกลิ่น perfume แบบ toner
ขนาดทดลองมันน้อยมาก ยังไม่สามารถบอกผลอะไรได้ รู้แค่ว่าไม่แพ้ และก็ให้ความชุ่มชื้นดี โดยที่ไม่มัน
สรุปว่า ผิดหวังกับชุดแอปเปิ้ล (โดยเฉพาะโทนเนอร์) แต่ตัว Emulsion ก็พอใช้ได้ค่ะ น่าจะเป็นตัวที่ดีที่สุดในชุดนี้แล้ว


11. White Grape Fresh Base & White Grape Fresh Foundation



ได้ samples เบสองุ่น และรองพื้นองุ่น ตัวใหม่ล่าสุดจาก Skinfood
รองพื้นองุ่นกลิ่นหอมสุดๆ (555 เรานี่บ้ากลิ่นจริงๆ) แต่ใช้แล้วสิวบุก!!!
คิดว่าต้นเหตุคือตัวนี้ชัวร์ เพราะลอง 2 ครั้ง ก็สิวอุดตันขึ้นทั้ง 2 ครั้งเลย

~มาเขียนเพิ่มค่ะ~
วันนี้ลอง White Grape Fresh Base แล้วค่ะ ชั่งใจอยู่นานว่าจะลอง หรือจะโยน sample ทิ้งไปดี
เพราะขยาดกับรองพื้นองุ่นแล้ว ในที่สุดก็ตัดใจ เอ้า ลองก็ลองฟระ...
ปรากฏว่า โอ้ ชอบค่ะ เนื้อเบสจะเหลวๆบางๆหน่อย เกลี่ยง่าย ทาแล้วไม่หนา + ให้ความชุ่มชื่นนิดๆ (แต่ไม่มัน)
ลงเสร็จก็ตามด้วยแป้งฝุ่นเลย หน้าเนียนดีเหมือนกันค่ะ อยู่ถึงบ่ายๆ ค่อยซับมันครั้งนึง ก็ยังเนียนอยู่ค่ะ
ถ้าใช้แล้ว สิวไม่อุดตัน ถือว่าตัวนี้สอบผ่านเลยค่ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ
เราชอบมากกว่าเบสมะนาวอีกค่ะ


7. Bordeaux Essence



Essence ที่มีส่วนผสมของไวน์แดง
อันนี้ยังไม่ได้ใช้ ฝากเพื่อนซื้อจากเกาหลีเช่นกัน ด้วยความหวังว่า จะทาไป เมากลิ่นไวน์ไป ทำนองเดียวกับ Peach Sake Pore Serum หุหุหุ

~update เพิ่มค่ะ~
1. กลิ่นไม่หอมแบบ Peach Sake Pore Serum
2. เนื้อมันเหมือนซึมยากนิดส์นึง เหมือนมีอะไรมาเคลือบผิวไว้นิดนึง อาจเป็นสิ่งดี แต่เราไม่ชอบ


8. Patron Au Lait Eye Cream



Eye cream ตัวท็อปของ Skinfood ยังไม่ได้ใช้จ้า

~update เพิ่มค่ะ~
เนื้อครีมเข้มข้นดีค่ะ จนเกือบจะต้องวอร์มเหมือน La Mer เลยเชียว แต่ๆๆ ผ่านไปได้ 3 ช.ม. หน้ามันแผลบแต่รอบดวงตาแห้งค่ะ ต้องทาซ้ำกันอีกรอบระหว่างวัน ถึงกับงงเลยทีเดียว
ข้อดีคืออ่อนโยนต่อดวงตาและกระปุกนึงอยู่ได้นานมากค่ะ ทาเช้ากลางวันเย็นไม่หมดเสียที

10. Grain Wrinkle Diminish



เริ่มกังวลเรื่องริ้วรอย เลยซื้อมาเก็บไว้ก่อน ยังไม่ได้ใช้เช่นกัน
<ใช้ไม่ทันน้อ ท้ายสุดก็ยกให้เพื่อนไปเลย>

/////////////////////////////////

แถม Etude House นิดนึง มาจากแดนโสมเหมือนกันค่ะ



1. Orgel Blush อันแสนน่าร้ากกกก แพคเกจจิ้งเจ้าหญิงมากๆ สวยงาม คิกขุ




สีชมพูอ่อนๆ เหลือบๆ วิ้งกระจายสุดฤทธิ์ ทาแล้วมันวาวจนไม่สามารถทาตอนกลางวันได้ เพราะจะดูเหมือนคนหน้ามันไปเลย (เราหน้ามันอยู่แล้ว)
ไม่สามารถทาเดี่ยวๆได้ เพราะเม็ดสีน้อยมาก มีแต่วิ้ง ต้องทาบลัชออนสีชมพูเป็นพื้นก่อน แล้วค่อยปัด Orgel Blush ทับเพื่อให้ว้อบแว้บ
เหมาะสำหรับไปงานกลางคืน รับรองโดดเด่นเป็นประกายไม่แพ้ใคร
ข้อเสียคือ ไม่มีแปรงในตัว แถมกาวในตลับไม่แน่น ตอนนี้ตัวแป้นมันหลุดออกมาจากตลับแล้วอะค่ะ
เลยรู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้มอะ ใช้ได้แค่ไม่กี่โอกาส แพคเกจสวยแต่ก๊องแก๊งไปหน่อย


2. Juicy Pop Tube
<ลืมถ่ายรูปเดี่ยวมาค่ะ>
ลิปกลอสที่มีกากเพชรด้วย สีชมพูอ่อนๆ ใสๆ ทาเดี่ยวในวันสบายๆ ให้ลุคใสๆ หรือทาทับลิปสติคในวันที่ต้องการปากฉ่ำๆ มันวาว
ตัวนี้ถูกใจมากๆ แนะนำๆ

3. แป้งเค้ก 2-way
แป้งเค้กชมพูรีฟิล ยังไม่ได้ใช้ คิดเป็นเงินไทย 200 บาทเท่านั้น ถูกมากๆ



จบรีวิวแบรนด์เกาหลีแล้วค่า...




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 22:16:41 น.
Counter : 10147 Pageviews.  

~~~Review~~~3M Nexcare Acne Dressing

วันนี้มีผลิตภัณฑ์ใหม่มานำเสนอค่ะ
3M Nexcare Acne Dressing
หลังจากเห็นผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้ ขายอยู่ในเมล์แคตตาล็อค ก็เกิดความสนใจขึ้นมา
เราเป็นแบบเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เป็นไม่ได้ อยากจะลองไปหมด
อาทิตย์ก่อนไปฟิตเนส ก็เห็นคุณพี่/ป้าคนนึงแปะไอ้นี่ไว้เต็มหน้า เราก็มองใหญ่เลยนะ 555
(กล้าดีเนาะ แปะไปเล่นฟิตเนสเลยเนี่ย)
ทีนี้ไปเดินวัตสัน แล้วเจอวางขายอยู่พอดี
ราคาก็ไม่ถึงร้อย เลยลองซื้อมาเล่นๆ



เค้าบอกว่า ให้แปะลงบน Blackheads และ Whiteheads (พวกสิวอุดตันหัวขาวหัวดำ/สิวเสี้ยน)
แต่ไม่ควรใช้กับสิวอักเสบหรือเป็นหนอง
สารไฮโดรคอลลอยด์จะดูดซับของเหลวที่อยู่ใต้สิวนั้นออกมา (หัวสิว)

ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ
//www.3m.com/intl/hk/english/mnexcare/3m_acne_dress_eng1.html

วิธีใช้
หลังล้างหน้า รอให้หน้าแห้ง แล้วแปะแผ่นนี้ลงไปบนสิวอุดตัน แล้วทิ้งไว้ทั้งคืน หรือ 12 ชั่วโมง หรือจนกว่าแผ่นจะเปลี่ยนเป็นสีขาว

The Experiment
และแล้ว...เมื่อคืนก็ได้ฤกษ์ลอง 3M Nexcare ค่ะ
เล็งดูแล้ว เห็นสิวอุดตันหัวดำ (blackhead) ขนาดพอควร 1 เม็ดที่หน้าผากที่จะนำมาเป็นหนูทดลอง
เลยตัดสินใจลองมันกับเม็ดนี้ละกัน แปะๆไป ก็ไม่รู้สึกอะไรเลยนะคะ ไม่รู้สึกรำคาญค่ะ
เสร็จแล้ว ก็ทาครีมบำรุงหน้าต่อ โดยไม่ให้ครีมไปโดนแผ่น 3M นี่ค่ะ
(ต้องแปะแผ่น 3M กับผิวที่แห้งเท่านั้น)
แล้วก็ถึงเวลา sleeping beauty ประมาณ 7-8 ชั่วโมง

The Moment of Truth
...ตื่นขึ้นมา รีบมาแกะดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นค่ะ
ปรากฏว่า...
สิวอุดตันมันละลายหายไปแล้วค่ะ!!! โอ้แม่เจ้า ปาฏิหารย์มีจริง!!!
คือมันยุบแบนราบ หัวสิวละลายหายไป ผิวเรียบสนิท
แต่...ผิวบริเวณนั้นกลายเป็นรอยแดงแทนค่ะ
แต่ยังไงซะ เราคิดว่า โดยรวมแล้วพอใจมากค่ะ
เพราะรอยแดง สักพักก็คงหาย
แต่สิวอุดตัน ถ้าไม่กดออก มันก็จะคาอยู่อย่างนั้น
และถ้าไปกดออก ก็จะเป็นรอยแดงอยู่ดี แถมเสี่ยงต่อการเป็นแผลเป็นด้วย กดไม่ดี ทำให้ผิวเป็นหลุมบ่ออีก
วิธีนี้ดีกว่าเห็นๆ เพราะไม่ระคายเคืองอะไรเลยค่ะ

ซื้อต่อไหม
ชัวร์ป้าบๆ




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2550 18:10:51 น.
Counter : 5236 Pageviews.  

คลังสมบัติ DHC (Part II) + รีวิวผลิตภัณฑ์ค่า

หลังจากที่ได้อวดของที่เพิ่งได้จากงาน Sale ปีนี้ไปแล้วที่นี่
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=goddess&month=06-2007&date=21&group=6&gblog=1

วันนี้มาเปิดคลังของที่มีอยู่เดิม จากการช็อปรวมกันหลายๆครั้งค่า...


นี่คือ samples ที่ได้รับแจกมาที่ยังเก็บไว้ไม่ได้ใช้ค่ะ


เอ่อ เห็นรูปแล้วอึ้ง.. ไม่รู้จะเริ่มรีวิวอันไหนก่อนดี

1. DHC Deep Cleansing Oil ออยล์ล้างเครื่องสำอาง DHC อันโด่งดังนั่นเอง
200ml 1,350 บาท
มีส่วนผสมของ Olive Virgin Oil, Rosemary, Licorice และวิตามินอี

ประสบการณ์ใช้
รู้จัก DHC ครั้งแรกเพราะ oil ตัวนี้ ตอนที่ DHC มาเปิดตัวที่เมืองไทย
ถือเป็นพระเอกเลย (หรือนางเอกหว่า)
ก่อนหน้านี้ไม่รู้จัก oil มาก่อน เคยใช้แต่ครีมล้างหน้าแบบใช้สำลีเช็ดออก
ได้ tester มาลองใช้ โอ้พระเจ้าจอร์จ มันเยี่ยมมาก
นี่เพิ่งเปิดขวดใหม่ไปได้เดือนกว่า + มีตุนไว้อีก 1 ขวด (ทำไม 2 ขวดนี้สีมันต่างกันจังหว่า หรือว่ามันใกล้จะหมดอายุแล้ว )
ออยล์ตัวนี้มันจะหนืดๆ หลายคนอาจจะไม่ชอบ...แต่เราชอบแฮะ
รู้สึกว่าการที่มันหนืดเนี่ย ทำให้นวดง่าย (ไม่ไหลลงมาเลอะเทอะ) และเราชอบฟีลลิ่งตอนนวดนะ
น้ำมันหนืดๆ มันเหมือนจะช่วยลดแรงเสียดทานเวลานวด (รึป่าว) คิดว่าน่าจะดีกับผิวหน้ามากกว่า
สำหรับเรา ตัวนี้ถือว่าไว้ใจได้ค่ะ
ซื้อต่อไหม: ชัวร์ค่ะ
ก็คงใช้ DHC สลับกับออยล์ Shu (ซึ่งเราชอบมากกว่าหน่อยนึง) เป็นตัวยืน
และออยล์ยี่ห้ออื่นๆ เป็นตัวเสริม แล้วแต่กระแสและความพอใจในขณะนั้น หุหุ

2. DHC Olive Soap สบู่ล้างหน้าโอลีฟ 90 g. 850 บาท
มีส่วนผสมของ Olive Virgin Oil และ Olive Leaf extract

ประสบการณ์ใช้
ดูจากภายนอก ไม่คิดว่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้น ยิ่งเป็นสบู่ก้อนๆแล้ว ไปไกลๆเลย
แต่พอลองใช้แล้ว...เออแฮะ ไม่น่าเชื่อว่าสบู่ก้อนมันก็มีฟองเยอะหนานุ่ม บอบบาง ล้างเกลี้ยง แต่คงความชุ่มชื้นได้แบบนี้
ราคาคุณหนูทีเดียว แต่ก้อนนึงคงใช้ได้เป็นปีๆ
เพราะแค่ตัว tester ก้อนกะติ๊ด (5 กรัมมั้ง) ยังใช้ได้เกือบเดือน
ช่วงที่หน้าเราเยินจากการแพ้ เราจะล้างหน้าด้วย Olive Soap (ก้อนตัวอย่างแบบนี้ล่ะ) เพราะรู้สึกว่ามันช่วยได้จริงๆ
ซื้อต่อไหม: No
ปกติเราไม่ชอบใช้สบู่ก้อนๆอะ
ถ้าวันหน้าอยากใช้ จะขอเป็น samples มาใช้อะ อิอิ

3. DHC Cleansing Foam โฟมล้างหน้า มีส่วนผสมจาก Olive Virgin Oil (อีกละ), Houttuynia Cordata และ Allantoin
ตัวนี้ราคาย่อมเยาว์ 60 กรัม 290 บาท

ประสบการณ์ใช้
เค้าบอกว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ล้างหน้าวันละหลายๆครั้ง และเหมาะสำหรับพกพาไปใช้หลังออกกำลังกาย
แหม่...เข้าทางเราเลย ตอนนี้ก็พกตัวนี้ไป gym ตลอดเลยจ้า
ก็ไม่มีไรตื่นเต้นค่ะ แค่ล้างเกลี้ยงโดยไม่ทำให้หน้าแห้ง ก็บรรลุวัตถุประสงค์ของมันแล้วล่ะ
ยังไงซะมันก็เป็น cleanser ตัวที่ถูกสุดของ DHC
ซื้อต่อไหม: คงไม่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ค่ะ
มี wish list ตัวอื่นที่อยากลองต่อคิวอีกหลายตัว

4. DHC Peel-off Pack มาส์คลอกหน้า 380 บาท

ประสบการณ์ใช้
เอ่อ คือว่าตัวนี้ซื้อมาเพราะงกน่ะ ตอนมีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 มั้ง
ใช้ครั้งแรกไม่รู้อะไร เราทาทับคิ้วไปเลย กรี๊ด.... มันลอกน้องคิ้วออกมาด้วย
เลยต้องล้างน้ำออกเลย
พอกแล้วมันตึงเกินไปอะ ตอนลอกนะ เจ็บเลย เราว่ามันรุนแรงกับหน้ามากไป
อีกหลอดนึงยกให้น้องไปละ ส่วนหลอดนี้เราคงไม่ใช้แล้ว
อ่านในบล็อคคุณฟีบี้ เห็นบอกว่าตัวนี้มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่เยอะด้วย
แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปเลยดีกว่า
ซื้อต่อไหม: ควรจะถามว่า จะเอาไปฝังที่ไหนดีมากกว่า T_T
เป็นผลิตภัณฑ์ DHC ที่ผิดหวังที่สุดเท่าทีเคยใช้มา

5. DHC Mineral Mask โคลนพอกหน้า 1,580 บาท
มีส่วนผสมจาก Kaolin, Bentonite, micronized Titanium Oxide, Allantoin, Placenta และ Mori Cortex

ประสบการณ์ใช้
หลังจากเซ็งจิตกับมาส์กผู้ร้ายตัวบน ก็พามาพบกับมาส์กพระเอกกันบ้าง
ความดีงามของมันได้รับการบอกเล่าแบบปากต่อปาก อิอิ
พี่ที่ทำงานเก่าเราเค้าได้ sample มาใช้ แล้วเค้ากรี๊ดมาก เลยต้องสอยมา
เค้าก็เลยแบ่งมาให้เราใช้ด้วย เราก็กรี๊ดตาม เลยนำมาบอกเพื่อนๆต่อ
พอกเสร็จ พอล้างน้ำออก หน้านุ๊ม...นุ่ม นุ่มนิ่ม ลื่นๆ แบบว่าดีจังเลยอะ
ซื้อต่อไหม: Maybe
มันแพงอะ กะว่าจะไปสอยที่งาน sale
ดั๊น...ไม่ยอมมา sale อีก

6. Acelora Lotion โลชั่นปรับสภาพผิว
100 ml 620 บาท
มีส่วนผสมของ Acelora (ไม่ต้องบอกก็รู้ได้) ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส

ประสบการณ์ใช้
เราเพิ่งลองใช้มาได้ 2 เดือนค่ะ คิดว่ามันได้ผลทีเดียว :)
พักนี้มีแต่คนทักว่าหน้าขาวขึ้นเนียนขึ้น แต่เราบำรุงเยอะ กินอาหารเสริมอีกเป็นแกลลอน
เลยไม่รู้ว่าเจ้าตัว Lotion นี้มีส่วนอยู่มากน้อยแค่ไหนอ่ะ
ความรู้สึกตอนเอามาแปะๆ ก็รู้สึกสดชื่นดีค่ะ เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับขั้นตอนบำรุงต่อไป
อ้อ ตัวนี้หัวจุกเป็นแบบขวดน้ำปลาอะค่ะ ขวดแก้วหนักเชียว
เวลาใช้ต้องยกขวดแก้วมาเหยาะๆ ใส่มือ ซึ่งก็ประหยัดดี แต่ไม่สะดวก
ชอบขวดที่เป็นฝาปั๊มเหมือน Weak Skin Lotion มากกว่า กดปื้ดๆ สะดวกดี
ซื้อต่อไหม: ซื้อจ้า

7. DHC Olive Virgin Oil 30ml 1,950

ประสบการณ์ใช้
อันนี้สอยมาใช้ช่วงหน้าหนาวปีที่แล้วค่ะ ปกติเราหน้ามัน แต่ช่วงเปลี่ยนฤดูทีเนี่ย อะไรก็เอาไม่อยู่ มันจะแห้งๆมันๆและหยาบเป็นขุยๆลอกด้วย
อธิบายไม่ถูกเลย
ใช้แล้วก็ไม่ผิดหวังนะคะ แปลกแต่จริงว่าน้ำมันมะกอกธรรมดา (แต่ราคาไม่ธรรมดา!) สามารถช่วยฟื้นฟูผิวเราได้เร็วมาก
แต่ช่วงฤดูอื่น เราก็ไม่ใช้นะ เพราะมันจะมันเกินไป เอาไว้ใช้เฉพาะช่วงที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
ซื้อต่อไหม: ชัวร์เลย
ช่วยหน้าเราได้ขนาดนี้ แถมไม่อุดตันอีก ถ้าระหว่างนี้ไม่เจอตัวที่เด็ดกว่าก็ซื้อต่อแน่นอนค่ะ
ตอนนี้ใช้ไปแค่ 1/3 ของขวดเอง คงอีกหลายปีกว่าจะหมดน่ะ

8. DHC Q10 Lotion โลชั่นปรับสภาพผิว Q10
ตัวนี้ไม่มีขายในเมืองไทย เลยไม่ทราบราคานะคะ
เราได้มาจากการประมูลช่วยน้องหมาแมวในสวนลุมฯนี่ล่ะค่ะ
เป็นขวดแก้ว หัวจุกเป็นฝาเหยาะเช่นกัน ลองใช้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นจึงยังไม่สามารถรีวิวได้
ความรู้สึกที่ได้คือ น้ำโลชั่นจะหนืดกว่า Acelora lotion หน่อย
น่าจะมีส่วนผสมบำรุงมากกว่า


9. DHC Balancing Lotion โลชั่นปรับสภาพผิว
"โลชั่นที่ให้ความชุ่มชื่นพร้อมช่วยกระตุ้นขบวนการเมตาบอลิซึ่มและการผลัดเซลล์ผิวเก่า คืนความสดชื่นให้กับผิวหน้าโดยไม่เพิ่มความมัน"
180 ml 1,080 บาท

ยังไม่ได้เปิดขวดเลยค่า แต่คิดว่าตัวนี้น่าจะดีมาก ไม่น่าผิดหวัง

~update เพิ่มค่ะ~
หลังจากใช้หมดขวดแล้ว รู้สึกว่าหน้ามันลดลงเหมือนกันนะคะ ดูส่วนผสมแล้วเป็นโลชั่นปรับสภาพผิวที่คุณภาพดีมากๆ ตัวนึงเลยทีเดียว และคิดว่าน่าจะดีที่สุดของ DHC ด้วย
แต่ถ้าถามความรู้สึก (feel) ในการใช้ ซึ่งเป็นเรื่องทางจิตใจและความพอใจส่วนตัวล้วนๆ เราชอบ Acelora lotion มากกว่าค่ะ

10. Micro Skin Water โลชั่นปรับสภาพผิวแบบสเปรย์
"โลชั่นสเปรย์บำรุงผิว ประกอบด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากสมุนไพร ชา และสารสกัด Thyme ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว แต่ยังมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงทำให้ผิวสะอาดสดชื่น สามารถสเปรย์ทับเครื่องสำอางในช่วงระหว่างวันได้"
65 g. 480 บาท
เคยลองฉีดของพี่ที่ทำงานดู ก็สดชื่นดี ไว้รอให้สเปรย์น้ำแร่ evian หมดก่อน
ค่อยใช้ตัวนี้ต่อไป


11. DHC Eye Make-up Remover 110ml 520 บาท
มีส่วนผสมของ Chamomile และโสม สำหรับผิวบอบบาง
กำ...เพิ่งเห็นว่ามันล้างได้เฉพาะมาสคาร่า water-based อะ
(ยังไม่ได้ลองใช้เลยไม่ทราบมาก่อนค่ะ)
เช็ดมาสคาร่ากันน้ำ oil-based ไม่ได้ง่ะ เซ็งจิตเลย

~update เพิ่มค่ะ~
ความจริงมันไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ จริงๆ แล้วดีทีเดียว ถ้าไม่นับมาสคาร่าที่ล้างออกยากโคดอย่าง Fasio นะ สำหรับมาสคาร่าของ Chanel กับ Lancome ก็ล้างออกไม่มีปัญหาค่ะ
อ่อนโยนกับผิวมากและเช็ดออกง่าย แต่ถ้าเข้าตาก็มีระคายเคืองเหมือนกัน



12. White Sunscreen 30ml 980 บาท
มีสารสกัด Alpha-arbutin, วิตามินซี, Olive Leaf Extract และ Olive Virgin Oil



เป็นกันแดดที่ดีที่สุดเท่าที่เคยใช้มา (จริงๆ เราก็เคยใช้กันแดดไม่กี่ยี่ห้อหรอก มี Eucerin, Neutrogena, Clinique, Origins)
มีส่วนผสมบำรุงเยอะดี ทาแล้วผิวเรียบ ให้ความรู้สึกแบบหนานุ่มกำลังดี เป็นเนื้อโลชั่นที่ไม่เหลวไม่บางเกิน
แต่ก็ไม่หนา/หนักเกิน
ไม่มัน ไม่วอก ไม่ลอก ไม่แพ้
ตัวนี้ใช้ดีจึงบอกต่อ

13. Pack Sheet Eyes 6 คู่ 320 บาท
แผ่นมาส์ก high-polymer gel มีส่วนผสมของ Olive Leaf Extract, Coenzyme Q10, Alpha-arbutin และ Mulberry



แปะทิ้งไว้ทั้งคืน ช่วยลดรอยบวมใต้ดวงตา
(เหนื่อยแล้ว... รีวิวสั้นๆแค่นี้แหละ 555)

14. 2-Way Compact


แป้งรองพื้น + รีฟิล ชุดเป็นตัวเก่าค่ะ ตอนนี้ไม่มีขายแล้ว
ซื้อมาตุนตอนเซลล์ก่อนจะมีแป้งรุ่นใหม่มาแทน
(ยังไม่ได้ใช้เลย)

15. ชุดพื้นฐาน Olive Essentials ขนาดทดลอง


Set นี้ได้แถมมาตอนซื้อที่สุวรรณภูมิค่ะ มี Deep Cleansing Oil, Mild Soap, Mild Lotion และ Olive Virgin Oil
ชอบ cleansing oil ขนาดจิ๋วตัวนี้มาก เพราะพกพาสะดวกจริงๆ
มาแนะนำว่า DHC มีเคาน์เตอร์ที่สุวรรณภูมิด้วยค่ะ บิน domestic ก็ซื้อได้
ราคาจะถูกลงประมาณ 10% และเรายังสามารถใช้บัตรลด King Power ลด on top ได้อีกด้วย
สุดแสนจะคุ้ม

16. ผงโรยข้าว Furikake 20 ซอง 220 บาท


มี 3 รสคละกันมาให้ คือ รสปลาคัตสึโอะ รสงาผสมบ๊วย และรสงาดำ
(ยังไม่ได้กินเลยจ้า)
////////////////////////////////////

น่าจะมีแค่นี้นะคะ เยอะมากๆ รีวิวจนเบื่อไปเลย




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2550    
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 22:26:45 น.
Counter : 27343 Pageviews.  

เปิดกรุ DHC ค่า...

สวัสดีค่า

วันนี้ฤกษ์ดี ขอเปิดบล็อคความงามกะเค้าบ้าง
ทั้งๆที่ low-tech มากๆ แต่ก็จะพยายามนะฮับ อิอิ
เริ่มด้วยการเปิดถุงช็อป DHC จากงาน Thank U Sale
แล้วเลยเถิดไปเปิดคลังสินค้า DHC ที่กักตุนไว้ในอดีตมาย้ำเตือนจิตใจเล่น
(ฮือๆๆ แล้วจาใช้หมดยังไงเนี่ย)

เริ่มจากรายการที่ช็อปมาจากงาน Sale นะคะ ของทีได้มานี้ส่วนใหญ่ลดเกิน 50%
ทั้งถุงนี้รวมกันไม่ถึง 5 พันค่ะ


พอถ่ายของช็อปใหม่มาเสร็จ ก็นึกสนุกไปรื้อกรุสมบัติทองคำ
มาถ่ายเป็นที่ระลึกด้วย (ของที่เคยซื้อมา ทั้งที่ใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้)


มาดูกันทีละตัวเลยนะคะ
1. Makeoff Sheet แผ่นเช็ดเครื่องสำอาง กล่องนึงมี 50 แผ่น
ขอบอกว่าเช็ดเกลี้ยงทีเดียว และอ่อนโยนสำหรับดวงตาด้วย เช็ด eyeshadow เกลี้ยงและไม่ระคายเคือง
มีส่วนผสมจาก Chamomile โสม และ Aloe ตัวนี้ใช้ได้ๆ สอบผ่าน
(แต่เช็ดมาสคาร่า fasio ไม่ออกน้า)
กล่องที่ใช้อยู่ (ขวามือ) กำลังจะหมด แต่มีตุนอีกกล่อง + Refill
สะดวกดี เราจะพกไปที่ gym และเวลาเดินทาง หรือเวลาตอนหน้าเยินมากๆ ไม่อยากใช้ oil นวดหน้าให้ระบม/ระคายเคือง ก็จะใช้แผ่นนี้เช็ดคสอ.ออกเบาๆ แผ่นเดียวอยู่


2. Weak Skin Lotion - for Dry Skin โลชั่นปรับสภาพผิวสำหรับผิวแห้ง มีส่วนผสมของ Yeast extract
เป็นแบบหัวปั๊มด้วย ดีๆๆ เพราะสะดวก สะอาด ไม่เปลือง และไม่ต้องยกขวดหนักๆ เวลาเท

ผลิตภัณฑ์ชุด Weak Skin series นี่เราเล็งมาเป็นปีแล้ว แต่เห็นราคาพันกว่า ก็เลยเฉยๆ พอเจอในงาน sale มีรึจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป หุหุหุ


3. Weak Skin Milk - for Oily Skin ครีมน้ำนมบำรุงผิว มีส่วนผสมของ Horse Chestnut
เป็นแบบหัวปั๊มเหมือนกัน
(พวกตัวที่ยังไม่ได้ลองใช้ ก็จะไม่มีรีวิวนะคะ พามาอวดโฉมเฉยๆง่ะ)


4. Alpha Arbutin White Milk ครีมน้ำนมมีส่วนผสมของ Alpha Arbutin, Olive Virgin Oil และ Squalane
ตัวนี้ได้ยินคำร่ำลือว่า ทำให้หน้ากระจ่างขาวขึ้นจริง แต่ราคาก็ใช้ได้เลย (แพง)
80ml 1,780 บาท ถ้าไม่ sale... มีรึจะซื้อ 555



5. B Mix Cream ครีมที่โด่งดังในเรื่องการควบคุมความมัน
มีส่วนผสมของ Vit B1, B5, B6, B7 มี 3 หลอดๆ ละ 5 กรัม ราคา 1,350
แพงอีกแร้วอะ รวม 3 หลอดแค่ 15 กรัมเองนะ
เทศการ sale ก็ดีเงี้ย ทำให้มีโอกาสสอยของแพงมาลองใช้เล่นๆได้
ตัวนี้ได้มาปุ๊บ ก็รีบใช้ปั๊บเลย เพราะกลัวหมดอายุซะก่อน
ใช้มาได้เกือบ 2 อาทิตย์ละ หน้าเรียบขึ้นพอควร ส่วนเรื่องคุมมัน เราว่าเฉยๆนะ ยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน เตือนไว้ก่อนว่ากลิ่นตุๆ แบบว่า...เหมือน...เอ่อ...ไม่พูดดีกว่า (ต้องทำใจก่อนทานิดส์นึง)
คือผลิตภัณฑ์ของ DHC ทุกตัวไม่มีน้าหอม ก็อ่อนโยนดีสำหรับผิว แต่จะไม่มีกลิ่นหอมๆให้ชื่นใจ และครีมบางตัวก็จะเหม็นเลยอะ อย่างเจ้า B Mix Cream ตัวนี้


6. Eye Bright เจลบำรุงผิวรอบดวงตา มีส่วนผสมของแตงกวา, Hyaluronic Acid และคาเฟอีน
ตัวนี้ลดรอยบวมได้ดี เจลใสๆบางเบาอ่อนโยน ให้ความชุ่มชื้นนิดหน่อย (คนผิวแห้งมากเอาไม่อยู่) แต่คงไม่ช่วยเรื่องริ้วรอยอะไร
เราไม่มีปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ดังนั้นตัวนี้จึงได้ใจเราไปครอง
(เราระคายเคืองได้ง่าย ใช้ eye cream แรงๆ แล้วแสบ)
ซื้อมาราคาเต็ม 880 พอมาเจอ sale ลดครึ่งราคาจึงต้องสอยมาเฉลี่ยต้นทุนโดยพลัน!!!


มาที่เครื่องสำอางกันบ้าง
7. Whitening Concealer คอนซีลเลอร์ มีส่วนผสมของ Olive Virgin Oil และ Germ Oil
ตัวนี้ซื้อมาราคาเต็ม 1,050 รู้สึกว่าแพง แต่พอใช้แล้ว ถูกจายสุดๆ คุ้มราคาเลย
เพราะป้ายนิดเดียวก็กลบรอยสิวมิด ใช้ไปสักระยะก็สังเกตว่ารอยแผลเป็นสิวเราจางลงๆๆด้วย
คือนอกจากมันจะช่วยกลบรอยแล้ว มันยังช่วยบำรุงให้รอยจางลงด้วย สมเป็น "Whitening" Concealer จริงๆ
พอเห็นมันลดราคา ก็ต้องสอยมากักตุน (และเฉลี่ยต้นทุน) เป็นธรรมดาอะ อิอิ


8. Face Powder แป้งฝุ่น
อันนี้ซื้อเพราะมันถูกอย่างเดียวเลย ลดเหลือแค่ 150 บาทเองอ่ะ ไม่ซื้อได้ไงใช่ป่ะ
ได้เฉด 03 (Deep) มา สีเข้มสุด เพราะสีอื่นหมดเกลี้ยงไม่เหลือแล้ว
กะจะซื้อให้แม่ใช้เล่น แต่ถ้าแม่ไม่เอา (แม่ขาวพอๆกับเรา) ก็เอาไปแจกพี่ที่ทำงานก็ยังได้
แต่พอเปิดมาดู กระปุกมันน่ารักดี นานๆจะเห็น DHC มี packaging คิกขุๆ
และพอเปิดมาดูสีแป้ง ก็เออ ไม่ได้เข้มมากอาราย เนื้อก็ละเอียดใช้ได้
เก็บไว้ใช้เองดีกว่าเรา...คิกๆๆ
แต่พอใช้จริงก็เฉยๆนะ ไม่มีอะไรโดดเด่น คล้ำไปติ๊ดส์นึงสำหรับผิวเรา
แต่ก็พอใช้ได้อะ 150 บางเอง ถูกเหมือนได้เปล่า

อันนี้ให้ดูเนื้อและสีค่ะ



9. Wipe Off Pencil เป็น remover ใช้ในการแก้ไขการแต่งหน้าตามจุดต่างๆ
มีส่วนผสมของ Olive Virgin Oil สามารถลบคสอ.แบบกันน้ำได้ง่าย
เหมาะสำหรับพวกแต่งหน้าเลอะเทอะกะเปิ๊บกะป๊าบอย่างเราเป็นอย่างยิ่ง เอิ๊กๆๆ
ราคาก็แสนถูกแค่ 350 บาท (เซลแล้วเหลือ 150 มั้ง)
ตัวนี้ถ้าใช้หมด (ซึ่งก็คงอีกหลายปีมั้ง) ซื้อต่อแน่นอน
เมื่อเช้าปัดมาสคาร่า Fasio อันเลื่องชื่อเรื่องการล้างออกยาก แล้วมันเลอะขอบตา
ใช้ดินสอนี้ลบออกเบาๆ ออกง่ายๆเลย ดีใจๆ ชอบๆ


10. Brow Liner ดินสอเขียนคิ้วแบบเปลี่ยนไส้
อันนี้ไม่มีไร คือเราไม่ชอบเหลาดินสอน่ะ
พอมันทู่ ก็จะเอาไปให้แม่เหลาให้ จนแม่เริ่มเอือมระอา
ก็เลยคิดว่าซื้อแบบ retractable มา จะได้ไม่ต้องเหลา สะดวกดี แค่นั้นแหละ


นี่คือของแถมที่ได้ค่า เป็นลิปสีต่างๆ ซึ่งเราไม่อยากได้เลยอะ
Lip palette ที่มีอยู่ก็ใช้มาหลายปี ไม่เห็นพร่องเลย เมื่อไหร่จาหมดหว่า
สีลิป DHC ที่แถมมานี้ก็แก๊...แก่เนาะ ว่ามั๊ย :P


////////////////////////////////
รีวิว กรุสมบัติ DHC Part II เสร็จแล้ว เชิญที่นี่เลยค่า...
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=goddess&month=22-06-2007&group=6&gblog=2




 

Create Date : 21 มิถุนายน 2550    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2550 15:20:44 น.
Counter : 2592 Pageviews.  

1  2  

Goddess
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Goddess's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.