เจ้านายเก่า เคยสอนฉันไว้ว่า...
"การแต่งงาน ไม่ใช่การลงเอย...ที่แสนสวยงาม เหมือนตอนจบของละคร
แต่การแต่งงาน เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่ของคนสองคน ที่มาจากการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน ดังนั้น ต้องประคองการใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานให้ดีที่สุด"
แล้วชีวิตคู่ออกแบบได้ด้วยหรือ?
น่าจะได้นะ เพราะหลายคู่ที่ฉันเห็น เค้าก็อยู่กันอย่างมีความสุข
เข้าอก เข้าใจกันและกันดี คงออกแบบกันมาดีแน่เลย
แต่ก็มีหลายคู่นะ ที่มีปัญหารกรุงรัง มีปากเสียงกันไม่เว้นแต่ละวัน...
อย่างนี้ จะเรียกว่าออกแบบมาไม่ดี หรืออาจจะไม่ได้ออกแบบมาเลย
ส่วนคู่ฉัน ก็เป็นแบบหลัง คือไม่ได้ออกแบบมาก่อน มีแต่วาดฝัน คาดหวัง
แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าเป็นครั้ง เป็นคราวไป
แน่ล่ะ ปัญหาจึงตามมามากมาย มากมายสำหรับเราสองคนนะ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นกับเราทั้งคู่
อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย หรืออาจไม่ใช่ปัญหาของคู่ชีวิตคนอื่นก็เป็นได้
ตลอด 3 เดือนแรก (หลังลาออกจากงาน) ฉันมีความสุข ที่ฉันได้มาใช้ชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์แบบ
ฉันได้มีโอกาสปรนนิบัติดูแลสามีได้ตลอดเวลา แต่นั่น ก็มาพร้อมความกังวลใจ ที่เริ่มก่อตัวขึ้น
ความกังวลใจของคนที่เคยต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองมาเกือบทั้งชีวิต กังวลที่เหมือนตัวเองไร้ค่า
กังวลกับสายตาของคนรอบข้างที่มองเข้ามา
คำถามเดิม ๆ ที่ชอบถามกันเมื่อเจอหน้า...เก็บความรู้ ความสามารถไว้ในพุงทำไม?
เข้าเดือนที่ 4 ฉันเริ่มเปลี่ยนไป ฉันเริ่มหงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย
มักคุยกับสามีได้ไม่นาน ไม่เกินสามประโยค ก็ต้องทะเลาะกัน
ฉํนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ฟุ้งซ่าน พูดจาไม่ดีกับสามีเสมอ
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ควรพูดอย่างไรให้เขาสบายใจ พูดอย่างไรเขาจึงจะพูดดีด้วย
ฉันร้ายไปคราใด เขาก็ร้ายตอบมาทันทีเช่นกัน
รู้ว่าดี...แต่ไม่ทำ
รู้ว่าไม่ดี...กลับทำ
เอาก้บฉันสิ
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับฉันล่ะ
ความตึงเครียด ไม่มีความสุข วัน ๆ เอาแต่คอยจับผิด ว่าใครเริ่มก่อน ทำอย่างนั้นก่อน
ใครพูดอย่างนี้ก่อน และก็ต้องมานั่งเสียอกเสียใจทั้งฉัน และเขา
ฉันพยายามเอาธรรมะเข้าข่ม เคยคิดจะไปอยู่วัดสักพัก อยู่บ่อยครั้ง
แต่คิดไปคิดมา ความจริงแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มาจากจิตใจที่คิดไม่ดีของตัวเอง
ถึงไปอยู่วัด ก็คงหนีความเลวร้ายที่ฝังอยู่ในสมองตัวเองไม่พ้นหรอก
ฉันเริ่มทำใจเย็น จับเข่าคุยกับสามีในค่ำคืนหนึ่ง
เขาทำให้ฉันอึ้ง เพราะคำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากเขา ทำให้ฉันเจ็บปวดใจไม่น้อย
เขาบอกว่าเขามีความสุข ยามเมื่อฉันเป็นเพื่อนกับเขา ยามที่เราคุยกันฉันท์เพื่อน
เขาเครียด เขาไม่พอใจฉันหลายครั้ง เมื่อเขามองว่าฉันเป็นเมีย ที่สมควรเป็นช้างเท้าหลัง
ฉันแปลกใจมาก เพราะก่อนแต่งงานกัน และก่อนหน้านี้ เขาบอกว่า เขารักฉัน และแต่งงานกับฉัน
ด้วยเหตุผลที่ว่า ฉันเป็นผู้หญิงเก่งในสายตาของเขา
แต่ทำไมวันนี้ เขากลับตอบว่า หลายครั้งที่เขาไม่พอใจ
เพราะความเก่งที่ฉันเผลอแสดงออกต่อหน้าคนอื่น เขาว่า...ฉันไม่ไว้หน้าเขา
เขาเคยแอบคิดว่า หากไม่มีฉัน เขาจะอยู่คนเดียวได้ไหม
หากเราต้องเลิกกัน เขาจะให้อะไรฉันบ้าง
หากเราต้องแยกกันอยู่ เขาจะทำอย่างไรต่อไปในชีวิต
ค่ำคืนนั้น เขาโอบกอดฉัน รั้งฉันไว้ เพราะฉันดึงดัน จะออกไปจากชีวิตเขาให้ได้
ฉันจะไป เพราะคิดว่า เขาจะได้จัดการกับชีวิตของตัวเองให้ดีกว่านี้ เขาอาจจะมีความสุขมากขึ้น
แต่ในที่สุด เราก็ตัดสินใจเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง
ช่วงเดือนที่ผ่านมา เขาไปต่างประเทศหนึ่งสัปดาห์
ฉันมีโอกาสที่ได้อยู่กับตัวเอง ฉันเริ่มกลับมามองตัวเองอีกครั้ง
ฉันเริ่มคิดใหม่ ทำใหม่
ฉันเริ่มทำในสิ่งที่ รู้ว่าทำแล้วให้ผลดี
ฉันเลิกทำในสิ่งที่รู้ ว่าหากทำแล้ว จะเกิดความไม่สบายใจแก่เขา และตัวฉันเอง
ฉันเริ่มมีสัมมาทิฐิขึ้นมาบ้างแล้ว
ฉันออกแบบการใช้ชีวิตคู่ของฉันแล้ว...
เริ่มด้วยการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ตัวฉันเองก่อน ด้วยความรู้สึกขอบคุณที่เขาให้โอกาสกับฉันอีกครั้ง
ฉันจะไม่คาดหวังอีกแล้ว ว่าหากฉันทำดีกับเขา เขาต้องดีตอบ
ฉันคิดดี กับเขา...คิดมากขึ้น คิดทบทวนหลายครั้งก่อนที่จะพูด
ฉันพูดดี กับเขา...พูดในสิ่งที่คิดมาดีแล้ว ว่าพูดไปแล้วเขาจะไม่เสียใจในคำพูดของฉัน
ฉันทำดี กับเขา...ทำในสิ่งที่เขาพึงพอใจ ทำในสิ่งที่สร้างสุขให้ทั้งกับเขา และฉัน
เมื่อเขากลับมา ฉันได้เห็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น...ราวปาฏิหารย์
ฉันถามเขาว่า ชอบมั้ยที่ฉันพูดน้อยลง เขาพยักหน้า
ฉันจึงขอให้เขาซื้ออมยิ้มมาให้ฉันสักกระปุกใหญ่ ๆ
สีหน้าเขางงมากกับสิ่งที่ฉันขอ
"จะเอามาอมไว้ไง มีอมยิ้มอยู่ในปาก จะได้พูดน้อยลงไงล่ะ"
กลิ่นความสุขกำลังอบอวลมาอีกครั้งจริง ๆ หรือ?
จริงสิ ฉันสัมผัสได้ว่า ยิ่งฉันปล่อยวางสิ่งที่จะทำให้ทุกข์ใจลงมากแค่ไหน
ฉันก็จะยิ่งได้ความสุขคืนกลับมามากมายเท่านั้น
ความสุขอยู่ไม่ไกลจริง ๆ
สุขอยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ
แล้วฉันจะโง่ มองข้ามความสุข เลือกความทุกข์ เพียงเพื่อความสะใจของตัวเองเหมือนก่อนหรือ?
เมื่อก่อน คำพูดที่หลุดปากฉันไปแต่ละคำ เหมือนดาบแหลมคมที่พุ่งออกไปฟาดฟัน
ทิ่มแทงจิตใจคนฟัง ด้วยความรู้สึกสะใจ
บัดนี้ ฉันเลือกที่จะให้คำพูดของฉัน เป็นดอกไม้ธรรมดา ๆ แม้จะไม่หอม ไม่สวยนัก
แต่...ดอกไม้ ย่อมดีกว่าดาบ และไม่ทำร้ายใครเหมือนดาบแน่นอน
ความสะใจหายไป...แต่มีความสุขใจเข้ามาแทนที่
แม้ฉันกลับไปเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้อีกแล้ว แต่ฉันยังมีโอกาสที่จะกำหนดอนาคตของตัวเองได้นี่นา
ลีลาท่าจะบร้าหายไปแล้ว ลีลาท่าจะดีคนเดิม กลับมาอีกครั้งแล้วค่ะ
แล้วคุณล่ะคะ ออกแบบชีวิตคู่กันไว้อย่างไรบ้างเอ่ย?