Group Blog All Blog
|
แบกเป้ตลุยเวียดนาม(ออกตลุย)#4
ตลอดเส้นทางในลาวสองข้างทางรูปแบบโครงสร้างของบ้านเรือน เหมือนบ้านแถวๆ ภาคอีสานของไทย เมื่อสังเกตดูดีๆ ทุกบ้านจะมีจานรับดาวเทียมเกือบทุกบ้าน ส่วนเมื่อออกสู่ชานเมืองเข้าเขตภูเขาบ้านเรือนของลาวก็จะคล้ายๆ บ้านของชาวเขาของไทยทางทางภาคเหนือ เส้นทางจากสุวรรณเขตไปเว้เป็นถนนสองเลนลาดยางตลอดเส้นทางถนนดีใช้ได้เลย รถที่วิ่งไปมาไม่ค่อยเยอะรถทัวร์คันที่นั่งฉันเห็นวิ่งกลางถนนตลอดทางนอกจากรถที่สวนมาที่วิ่งอยู่กลางถนนเหมือนกันจะเข้ามาใกล้ถึงเบี่ยงเลนเข้าเส้นทางของตัวเอง ทำเอาฉันใจหายไปหลายครั้ง อยากบอกคนขับรถมันไม่หนุกเลยนะคะพี่คนขับ
ประมาณบ่ายสามครึ่งรถใกล้จะถึงด่านลาวขาออกมีแม่ค้าแลกเงินขึ้นรถมา พวกเราอยากทราบว่าแม่ค้าจะให้เท่าไหร่จึงถามราคาค่าเงิน เค้าให้ 500 ดอง ต่อหนึ่งบาท เราก็เลยต่อเล่นๆ ขอ520 ดองต่อหนึ่งบาท ถ้าแลกเงินเวียดนามในไทย 480 ดอง ต่อหนึ่งบาท แม่ค้าเค้าให้คะฉันก็พอใจ เกือบจะควักจ่ายแล้วแต่ลังเลอยู่ คราวนี้ไม่ต้องทำอะไรเลย คุณเธอเกาะติดตื้อไม่เลิกนั่งเฝ้าแถมเดินตามตอนลงด่าน พอดีถึงด่านแล้วต้องลงรถไปทำเรื่องขาออกที่ด่านลาวบาว เมื่อลงรถได้พวกเราทั้งสามต่างฉีกกันไปคนละทางเพื่อหนีแม่ค้า แม่ค้าเลือกตาม นะ เพื่อนหนุ่มของเราไป เก๋ เพื่อนสาวของฉันรีบวิ่งไปที่ช่องของธนาคารเพื่อสอบถามราคา ส่วนฉันก็รีบเอาหนังสือเดินทางไปให้เจ้าหน้าที่ลาวประทับตราขาออกให้แล้วจึงเดินไปหา เก๋ เพื่อเปลี่ยนให้มันไปประทับตราขาออก ฉันจึงแลกเงินไป 2,000 บาท ธนาคารที่ลาวให้ราคาแลกเงินดีมาก ให้55ดองต่อหนึ่งบาท ถ้าแลกที่เวียดนาม526 ดองต่อหนึ่งบาท สรุปใครไปทางนี้ให้แลกเงินจากลาวไปดีกว่าคะ ได้เยอะดีธนาคารนี้เลยคะจะต้องแลกเงินจากบาทเป็นกีบของลาวก่อน2,000 บาทแลกได้ กีบ254.36 แล้วจึงเปลี่ยนจากกีบเป็นดองคะ ราคาดีมากดีนะไม่รีบแลกกับแม่ค้าไปก่อน2,000 บาทแลกดองได้ตั้ง1,101,125.54 โหรวยแล้วฉันมีเงินติดตัวเป็นล้าน พวกเรามัวแต่แลกเงินกันจนคนขึ้นรถกันได้หมดแล้ว คนขับเหมือนจะออกรถแล้วเพื่อนทั้งสองจึงส่งฉันให้ไปหยุดรถก่อนว่ายังมีต่างด้าวอีกสามคนยังไม่ได้ขึ้นรถ คนขับรถก็ยิ้มให้และรอพวกเราเมื่อขึ้นรถกันจนครบ แต่รถก็ขับไปประมาณ500เมตรก็ถึงด่านขาเข้าของเวียดนามแล้ว หนุ่มลาวล่ามของเราก็บอกว่าปกติถ้าขึ้นไม่ทันก็เดินไปขึ้นรถได้ที่ด่านของเวียดนามได้ แต่ไม่เป็นไรไงๆ พวกเราก็ไม่อยากเดินไปอยู่ดี Free TextEditor เมื่อลงรถมาพวกชาวต่างประเทศอย่างเราถูกกันออกมาตรวจโรควัดอุณหภูมิและกรอกประหวัดสุขภาพมีแค่ห้าคนมีชาวตะวันตกสองคนกับพวกเราสามคน ส่วนคนลาวกับคนเวียดนามเดินเข้าไปเลย แล้วแบบนี้มันจะกันไข้หวัด2009ได้ยังไงก็ไม่รู้ รูปตอนทำเรื่องเข้าประเทศที่ด่านเวียดนามคะ ขากลับแวะซื้อซิมโทรศัพท์ของเวียดนาม ยกเครื่องคิดเลขขึ้นมากดเลย 65,000 ดอง โทรต่างประเทศได้ 30,000 ดอง โทรในประเทศได้100,000 ดอง ต่อราคาแล้วเจ้าของไม่ลดแต่ก็ถูกที่สุดแล้วเพราะเราก็แวะถามตลอดทางที่เดินจากท่ารถทัวร์มาแล้ว เข้าโรงแรมมาพวกเราก็คุยเรื่องทัวร์ของวันรุ่งขึ้นในเว้ ตกลงกับทางโรงแรมว่าจะขอซื้อทัวร์มอเตอร์ไซต์ทั้งวันพร้อมคนขับ ตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นคันละ12เหรียญ ให้คนที่ตกลงกับเราเซ็นชื่อกำกับไว้ด้วยตามที่ได้อ่านมาให้รอบคอบเพราะจะถูกโกงเอาได้ แต่ไอ้ที่เซ็นๆไปไม่ได้ช่วยอะไรเราได้เลยก็โดนโกงจนได้ และวันนี้กว่าเราจะได้นอนเกือบเที่ยงคืน ตอนต่อไปเราจะมาบอกว่าโดนโกงมายังไงกลับถึงไทยแล้วยังเซ็งไม่หายถ้าพูดถึงเรื่องนี้ แบกเป้ตลุยเวียดนาม(ออกตลุย)#3
และแล้ววันออกเดินทางก็มาถึง เวลาที่รถทัวร์จากกรุงเทพฯ ไปมุกดาหารจะออกจากหมอชิต 20.30 น. ฉันอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่บ่ายสามโมง หมุนซ้ายหมุนขวาหาโน่นหานี่กลัวลืมของ จนกระเป๋าเดินทางแทบปริ แต่ก็ลืมหมวกจนได้ ลืมนึกไปว่าเป็นช่วงวันหยุดยาวรถติดมาก มาถึงหน้าสถานีหมอชิตได้ ก็พบกับผู้คนจำนวนมากที่จะออกเดินทางเต็มพื้นที่ คนเยอะมาก พวกเรามาถึงสถานีขนส่งมุกดาหาร 8.15 น.เลยเวลาที่จะต้องมาถึงตามกำหนดที่ 06.30 น. รถโดยสารระหว่างประเทศไทย-สปป.ลาวมีออกทุกชั่วโมงคะ หน้าตาตั๋วมุกดาหาร - สุวรรณเขต ค่าโดยสาร 45 บาท พวกเราได้จองตั๋วรถทัวร์เวลา 8.30 น. รถมุกดาหาร-สุวรรณเขตมาแล้วคะ เมื่อผ่านไปได้พวกเราก็ต้องรอขึ้นรถต่อไปจุดผ่านแดนของลาวคราวนี้เราต้องแย่งขึ้นรถเพราะมีคนกลุ่มใหญ่มาดักรอขึ้นรถที่ด่านนี้เพื่อข้ามแดน ดีตรงที่ฉันเอากระเป๋าเป้เดินทางใบใหญ่จองที่เอาไว้เลยได้นั่งที่เดิม มาถึงจุดผ่านแดนของลาวเราต้องเสียค่าผ่านแดนคนละ 10,000 กีบหรือประมาณ 40 บาท คะ ใช้เงินไทยจ่ายได้นะคะลาวรับเงินไทยคะ ก่อนลงจากรถเพื่อเข้าด่านของลาว คนลาวก็ชี้ๆ ตรงกระเป๋าที่ฉันทิ้งไว้เพื่อจองที่นั่ง ฉันไม่เข้าใจจึงทิ้งกระเป๋าไว้จองที่นั่งเหมือนเดิม พวกเราไปจ่ายค่าผ่านแดนกันเสร็จ หลืบไปมองรถทัวร์ก็พบว่าทุกคนขนของลงมาจากรถกันหมดเลย พวกเราทั้งสามจึงต้องวิ่งกลับไปที่รถทัวร์รับกระเป๋าเดินทางที่พนักงานบนรถทัวร์เอาลงมาวางข้างๆรถพวกเราต่างลากกระเป๋าเพื่อเข้าเครื่องแสกนของด่านลาว เสร็จแล้วจึงออกมายืนรอรถทัวร์ที่วนมารับผู้โดยสารอีกฝากหนึ่งของด่านด้านในประเทศลาว ใครจะแลกเงินก็แลกที่ด่านนี้ได้นะคะมีธนาคารรับแลกอยู่ ราคาตั๋วรถทัวร์ใบละ 110,000 กีบ ประมาณ 440 บาท ฉันไม่ได้แลกเงินกีบของลาวมาด้วยเพราะอ่านจากข้อมูลในอินเตอร์เน็ตหลายๆ แห่งบอกว่าลาวรับเงินไทย พวกเราเลยจ่ายค่าต๋วเป็นเงินไทย คนละ 460 บาท เอาเถอะถือว่าไม่ต้องไปแลกเงินกีบเพราะเราจะใช้เงินกีบแค่ค่ารถ เพราะตอนขากลับพวกเราไม่ได้เดินทางกลับมาทางลาวอีกแล้ว ก่อนขึ้นรถไปเว้เพื่อความชัวร์แล้วระยะทางไกลกว่าสามร้อยกิโล คิดแล้วขอเข้าห้องน้ำที่ขนส่งของลาวนี่ละ ไอ้เรารึอุตส่าห์เตรียมเหรียญสิบบาทมาด้วย แต่เค้าไม่รับเหรียญคะ และค่าห้องน้ำก็โหดมากๆ 20 บาทหรือ 5,000 กีบ และแล้วรถก็เข้ามาจอดฉันเดินด่อมๆมองๆขอคนรถขึ้นก่อนเขาก็ไม่ให้ขึ้นพวกเราจึงนั่งรอเกือบครึ่งชั่วโมง รู้สึกเหมือนคนบื้อไม่รู้จะสั่งยังไง ไม่มีใครสนใจพวกต่างด้าวอย่างเราเลย ไม่รู้รถออกแล้วพวกเราจะได้กินไหมอยากจะร้องไห้ จนกระทั้งหนุ่มหล่อที่เรานึกว่าเป็นคนไทยเดินเข้ามาเพื่อรอสั่งอาหาร พวกเราเลยส่งท่านอาจารย์หนุ่มไปสปีคอังกฤษสักหน่อย หนุ่มหล่อตอบมาด้วยความตกใจออกเขินๆ(น่ารัก)เป็นภาษาลาวว่าให้พูดไทยก็ได้เพราะเค้าฟังรู้เรื่อง เพราะเค้าคงเห็นพวกเราพูดภาษาไทยกัน พวกเราจึงได้ล่ามและได้กินอาหารกันเสียที ป้ายของร้านอาหารบอกว่าcom ในภาษาเวียดนามมันคือร้านขายอาหารนะ ร้านที่รถจอดแวะนี้เป็นร้านของคนเวียดนามในลาว พ่อหนุ่มลาวล่ามจำเป็นของเราอธิบาย หน้าตาอาหารคะรสชาติดีทีเดียวเหมือนข้าวราดแกงบ้านเรา เพลงที่เปิดในรถก็เป็นเพลงไทยช่วงแรกๆที่นั่งมาเปิดเพลงไทยอีสานและหมอลำเพราะๆ ทั้งนั้นเลย บางเพลงอยู่เมืองไทยยังไม่เคยฟังเลย พอเวลาผ่านไปกลายเป็นเพลงร๊อคไทยและเพลงไทยสากลใหม่ๆ สดๆ จากไทย ฉันได้ยินเสียงร้องคลอเบาจากชาวลาวเบาะหลังตลอด คิดว่าน่าจะเปิดจาก MP3 ฟังแล้วอยากได้ม้วนที่ฟังกลับบ้านด้วยจัง แบกเป้ตลุยเวียดนาม(เตรียมเป้)#2
เตรียมเป้ตลุยเวียดนาม ศุกร์ 23 ตค. อาทิตย์ 25 ตค. จันทร์ 26 ตค. อังคาร 27 ตค. พุธ 28 ตค. แบกเป้ตลุยเวียดนาม(หนังสือเล่มเดียว)#1
อยากเขียน เป็นการเขียนครั้งแรกในการลง blog ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ก่อนเจ้าคะ เหตุของความอยาก วันอาทิตย์นี้ ฉันนัดเพื่อนรักดูหนัง ฉันมาถึงก่อนกว่าหนึ่งชั่วโมง เดินเตล็ดเตร่ไปมาในห้างสรรพสินค้าดูโน้นดูนี้ไป เมื่อผ่านร้านหนังสือจึงแวะเข้าไปอ่านฆ่าเวลา ฉันเดินดูหนังสือหลากหลายประเภทที่วางไว้ตามชั้นของแต่ละหมวดหมู่ และแล้วสายตาก็สดุดเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่ง หมื่นเดียวเที่ยวได้สามประเทศ ฉันหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านได้สิบหน้าก็มีความคิดว่าควรค่าแก่การซื้อมาอ่าน ก็ในครั้งแรกไม่กะว่าจะซื้อหรอกนะ แต่ไม่ไหวละอุดหนุนเค้าหน่อย มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นทริปการเดินทางไปต่างประเทศครั้งใหม่ของฉัน เมือฉันอ่านจบ ความรู้สึกแรก อ๊ากๆอยากไปเที่ยวจังเลย อยากแบกเบ้เที่ยวแบบลุยๆ ในหนังสือเจ้าของหนังสือเล่นเดินทางเที่ยวเกือบครึ่งเดือน ไปเที่ยวตั้งสิบห้าสิบหกวันครึ่งเดือนคงจะไม่ไหว ครั้งจะไปคนเดียวก็คงไปไม่ได้เหมือนเจ้าของหนังสือที่เป็นผู้ชาย ทำไงดีละคราวนี้ ข้อแรกเลยหาเพื่อนไปด้วย โอ๊ยไม่อยากบอกฉันมีเพื่อนไม่กี่คนเอง ส่วนมากก็จะมีครอบครัวแล้วมีลูกเพิ่งเกิดหรือไม่ก็ไม่กี่ขวบถึงจะชวนก็คงไปกันไม่ได้ เป้าหมายจึงตกมาอยู่ที่เพื่อนสาวสวย(หรือเปล่า)และ(เพิ่ง)โสดหนึ่งเดียวของฉันที่พากันเที่ยวมาหลายทริปในไทยเสียแล้ว ก็เพื่อนรักคนนี้มันลุยพอกันเลย และแล้วแผนการชั่วร้ายของฉันก็บังเกิดขึ้น เพื่อนสาวมาเที่ยวที่พักของฉัน ฉันจึงจัดการยัดหนังสือเล่มที่ทำให้ฉันอยากไปเที่ยวให้เพื่อนที่รักกลับไปนอนอ่านเล่น ได้ผลแฮะอาทิตย์หนึ่งผ่านไป เพื่อนรักโทรมา กริ๊งกร้างอยากไปเที่ยวจังเลย(มันไม่รู้เลยว่าเป็นแผนของชั้น) ทริปเที่ยวของสองสาวจึงบังเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเสียที เพื่อนของฉันบอกว่าถ้าไปทั้งสามประเทศสิบกว่าวันคงโดนไล่ออกจากงานกันพอดี พวกเราจึงปรึกษากันหาวันลางานหลายๆ วันเพื่อจะได้เที่ยวให้เต็มที่ จึงได้กำหนดการมาดังนี้ 22-28 ตุลาคม 2552 และประเทศที่คิดว่าจะไปได้ไกลที่สุดก็คงเป็นเวียดนาม ตามรอยหนังสือกันทีเดียว จึงกำหนดวันได้ว่าน่าจะออกเดินทางเย็น 22-28 ตุลาคม 2552 เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวของไทย เราจะมีเวลาเที่ยวถึงหกวันเต็มๆ ถ้าไม่ต้องเสียเวลานั่งรถกลับไปทางเดิมอีกหนึ่งวันกะหนึ่งคืน พวกเราสองสาวปรึกษาวางแผนกันคราวๆ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะกลับทางเครื่องบิน ดังนั้นแผนการของเราคือเดินทางด้วยรถทัวร์เส้นทางกรุงเทพฯ- มุกดาหาร ผ่านลาว ด่านสุวรรณเขต เข้าเวียดนาม พักเที่ยวเว้ เข้าฮอยอัน และจบทริปที่ฮานอย เหลือเวลาถึงสองเดือนที่จะถึงกำหนดการเดินทาง แต่มีปัญหาเสียแล้วเมื่อที่รักของฉันไม่อยากให้ไปแค่ผู้หญิงสองคน เราจึงต้องตามหาคนที่จะไปด้วย มีหลายคนอยากไปด้วยแต่ติดที่เวลาและสามี 555 ตอนแรกเราว่าจะประกาศในเว๊ปหาเพื่อนไปด้วยแต่นึกไปนึกมาคงไม่มีใครอยากไปกะคนไม่รู้จักอะนะ และแล้วเวลาผ่านไปไม่กี่วันเราก็ได้เหยื่อเป็นหนุ่มวิศวะอาจารย์มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งอกหักมาหมาดๆ เป็นคนใจง่ายตอบรับไปเทียวกะพวกเราโดยไม่ใช้เวลาในการคิดเลยร่วมทริปไปด้วยกัน เมื่อได้เหยื่อเพิ่ม เอ้ย ไม่ใช่ เพื่อนร่วมทริปเที่ยวเวียดนามเพิ่ม เราจึงจัดการจองตั๋วรถทัวร์และเครื่องบินล่วงหน้าถึงสองเดือน รอและก็รอวันเดินทางตลอดสองเดือนพวกเราทั้งสามก็ต่างหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับประเทศเวียดนามมาแชร์กัน มีการเปลี่ยนโปรแกรมเที่ยวกันตลอด จนถึงวันที่พวกเราจะเดินทาง เมื่ออ่านข้อความต่างๆและการเดินทางของนักเดินทางที่ได้ไปมาแล้วทำพวกเราจิตตกกันใหญ่ แต่ละคนโดนฟัน อุ้ยๆไม่โหดร้ายอย่างที่คิดคะการโดนฟันก็คือการโดนโกงหรือโดนโก่งราคากันทั่วหน้านั้นเอง ถ้าไปแล้วไม่โดนหลอกถือว่ายังไม่ถึงเวียดนามหรอกนะคะ ดังนั้นเราจึงต้องหาข้อมูลหาราคากันใหญ่เลยละคะ เอาเป็นว่าแค่โดนฟันเลือดซิบๆพอถ้าเลือดโชกกลัวจะต้องกลับมาเลียเลือดแค้นต่อที่บ้านอะนะคะสาธุ Free TextEditor
|
นาเรเซรัน
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] อย่ายึดติดในสิ่งที่ควรปล่อยมือ Link |