แบกเป้ตลุยเวียดนาม(ออกตลุย)#4
ตลอดเส้นทางในลาวสองข้างทางรูปแบบโครงสร้างของบ้านเรือน เหมือนบ้านแถวๆ ภาคอีสานของไทย เมื่อสังเกตดูดีๆ ทุกบ้านจะมีจานรับดาวเทียมเกือบทุกบ้าน ส่วนเมื่อออกสู่ชานเมืองเข้าเขตภูเขาบ้านเรือนของลาวก็จะคล้ายๆ บ้านของชาวเขาของไทยทางทางภาคเหนือ เส้นทางจากสุวรรณเขตไปเว้เป็นถนนสองเลนลาดยางตลอดเส้นทางถนนดีใช้ได้เลย รถที่วิ่งไปมาไม่ค่อยเยอะรถทัวร์คันที่นั่งฉันเห็นวิ่งกลางถนนตลอดทางนอกจากรถที่สวนมาที่วิ่งอยู่กลางถนนเหมือนกันจะเข้ามาใกล้ถึงเบี่ยงเลนเข้าเส้นทางของตัวเอง ทำเอาฉันใจหายไปหลายครั้ง อยากบอกคนขับรถมันไม่หนุกเลยนะคะพี่คนขับ
ประมาณบ่ายสามครึ่งรถใกล้จะถึงด่านลาวขาออกมีแม่ค้าแลกเงินขึ้นรถมา

พวกเราอยากทราบว่าแม่ค้าจะให้เท่าไหร่จึงถามราคาค่าเงิน เค้าให้ 500 ดอง ต่อหนึ่งบาท เราก็เลยต่อเล่นๆ ขอ520 ดองต่อหนึ่งบาท ถ้าแลกเงินเวียดนามในไทย 480 ดอง ต่อหนึ่งบาท แม่ค้าเค้าให้คะฉันก็พอใจ เกือบจะควักจ่ายแล้วแต่ลังเลอยู่ คราวนี้ไม่ต้องทำอะไรเลย คุณเธอเกาะติดตื้อไม่เลิกนั่งเฝ้าแถมเดินตามตอนลงด่าน

พอดีถึงด่านแล้วต้องลงรถไปทำเรื่องขาออกที่ด่านลาวบาว เมื่อลงรถได้พวกเราทั้งสามต่างฉีกกันไปคนละทางเพื่อหนีแม่ค้า แม่ค้าเลือกตาม นะ เพื่อนหนุ่มของเราไป เก๋ เพื่อนสาวของฉันรีบวิ่งไปที่ช่องของธนาคารเพื่อสอบถามราคา ส่วนฉันก็รีบเอาหนังสือเดินทางไปให้เจ้าหน้าที่ลาวประทับตราขาออกให้แล้วจึงเดินไปหา เก๋ เพื่อเปลี่ยนให้มันไปประทับตราขาออก ฉันจึงแลกเงินไป 2,000 บาท ธนาคารที่ลาวให้ราคาแลกเงินดีมาก ให้55ดองต่อหนึ่งบาท ถ้าแลกที่เวียดนาม526 ดองต่อหนึ่งบาท สรุปใครไปทางนี้ให้แลกเงินจากลาวไปดีกว่าคะ ได้เยอะดีธนาคารนี้เลยคะจะต้องแลกเงินจากบาทเป็นกีบของลาวก่อน2,000 บาทแลกได้ กีบ254.36 แล้วจึงเปลี่ยนจากกีบเป็นดองคะ ราคาดีมากดีนะไม่รีบแลกกับแม่ค้าไปก่อน2,000 บาทแลกดองได้ตั้ง1,101,125.54 โหรวยแล้วฉันมีเงินติดตัวเป็นล้าน






 พวกเรามัวแต่แลกเงินกันจนคนขึ้นรถกันได้หมดแล้ว คนขับเหมือนจะออกรถแล้วเพื่อนทั้งสองจึงส่งฉันให้ไปหยุดรถก่อนว่ายังมีต่างด้าวอีกสามคนยังไม่ได้ขึ้นรถ คนขับรถก็ยิ้มให้และรอพวกเราเมื่อขึ้นรถกันจนครบ แต่รถก็ขับไปประมาณ500เมตรก็ถึงด่านขาเข้าของเวียดนามแล้ว หนุ่มลาวล่ามของเราก็บอกว่าปกติถ้าขึ้นไม่ทันก็เดินไปขึ้นรถได้ที่ด่านของเวียดนามได้ แต่ไม่เป็นไรไงๆ พวกเราก็ไม่อยากเดินไปอยู่ดี

Free TextEditor


เมื่อลงรถมาพวกชาวต่างประเทศอย่างเราถูกกันออกมาตรวจโรควัดอุณหภูมิและกรอกประหวัดสุขภาพมีแค่ห้าคนมีชาวตะวันตกสองคนกับพวกเราสามคน ส่วนคนลาวกับคนเวียดนามเดินเข้าไปเลย แล้วแบบนี้มันจะกันไข้หวัด2009ได้ยังไงก็ไม่รู้ รูปตอนทำเรื่องเข้าประเทศที่ด่านเวียดนามคะ




แม่ค้าแลกเงินเดินกลับออกจากด่านเวียดนามเพื่อไปรอรถคันใหม่


ตลอดทางฝนตก ดีที่มาถึงเว้ฝนหยุดพอดี มาถึงเว้ประมาณ หนึ่งทุ่มพวกเราเดินจากสถานีรถทัวร์มาแถวริมแม่น้ำประมาณ สองกิโลเมตร ดีที่อากาศเย็นๆสบายดี

วิวระหว่างเดิน


 ระหว่างที่เดินก็มีนายหน้าคนเวียดนามมาขายห้องพักเดินตามตื้อจนเราใจอ่อนเดินอ้อมเมืองกันเลยทีเดียว ราคาพอรับได้เห็นถึงความพยายามพวกเราเลยตกลงพัก 12 USD ต่อห้องมีสามเตียงห้องใหญ่พอควร รวมอาหารเช้าด้วยนะคะ สภาพห้องก็น่าพอใจใช้ได้สำหรับราคานี้อะนะ ชื่อ NGOC BINH
ไม่มีรูปคะเพราะเหนื่อยและหิวมากเกือบสามทุ่มเรายังไม่ได้ทานอาหารเย็นกัน เลยเลือกกินกันข้างทางก็อร่อยใช้ได้ราคาไม่แพง
ชื่อร้าน




หน้าตาอาหารน่ากินปะเฝออีกแล้วใส่ไข่









ทานจนหมดหิวจัด



ขากลับแวะซื้อซิมโทรศัพท์ของเวียดนาม ยกเครื่องคิดเลขขึ้นมากดเลย 65,000 ดอง โทรต่างประเทศได้ 30,000 ดอง โทรในประเทศได้100,000 ดอง ต่อราคาแล้วเจ้าของไม่ลดแต่ก็ถูกที่สุดแล้วเพราะเราก็แวะถามตลอดทางที่เดินจากท่ารถทัวร์มาแล้ว






เข้าโรงแรมมาพวกเราก็คุยเรื่องทัวร์ของวันรุ่งขึ้นในเว้ ตกลงกับทางโรงแรมว่าจะขอซื้อทัวร์มอเตอร์ไซต์ทั้งวันพร้อมคนขับ ตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นคันละ12เหรียญ ให้คนที่ตกลงกับเราเซ็นชื่อกำกับไว้ด้วยตามที่ได้อ่านมาให้รอบคอบเพราะจะถูกโกงเอาได้ แต่ไอ้ที่เซ็นๆไปไม่ได้ช่วยอะไรเราได้เลยก็โดนโกงจนได้ และวันนี้กว่าเราจะได้นอนเกือบเที่ยงคืน


ตอนต่อไปเราจะมาบอกว่าโดนโกงมายังไงกลับถึงไทยแล้วยังเซ็งไม่หายถ้าพูดถึงเรื่องนี้






Create Date : 02 ธันวาคม 2552
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 5:11:42 น.
Counter : 668 Pageviews.

4 comment
แบกเป้ตลุยเวียดนาม(ออกตลุย)#3

และแล้ววันออกเดินทางก็มาถึง เวลาที่รถทัวร์จากกรุงเทพฯ ไปมุกดาหารจะออกจากหมอชิต 20.30 น. ฉันอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่บ่ายสามโมง หมุนซ้ายหมุนขวาหาโน่นหานี่กลัวลืมของ จนกระเป๋าเดินทางแทบปริ แต่ก็ลืมหมวกจนได้ ลืมนึกไปว่าเป็นช่วงวันหยุดยาวรถติดมาก มาถึงหน้าสถานีหมอชิตได้ ก็พบกับผู้คนจำนวนมากที่จะออกเดินทางเต็มพื้นที่





คนเยอะมาก


พวกเรามาถึงสถานีขนส่งมุกดาหาร 8.15 น.เลยเวลาที่จะต้องมาถึงตามกำหนดที่ 06.30 น. รถโดยสารระหว่างประเทศไทย-สปป.ลาวมีออกทุกชั่วโมงคะ



มารอซื้อตั๋ว



หน้าตาตั๋วมุกดาหาร - สุวรรณเขต ค่าโดยสาร 45 บาท พวกเราได้จองตั๋วรถทัวร์เวลา 8.30 น.





พวกเรามาถึงขนส่งมุกดาหารสายไปชั่วโมงครึ่ง ต่างก็กระวนกระวายใจ กลัวว่าจะไปไม่ทันรถทัวร์จากสุวรรณเขต-เว้ รอบ09.30 น.ตามที่สืบมาคร่าวๆ แถมยังมีแค่รอบเดียวต่อวันเสียด้วยสิ

รถมุกดาหาร-สุวรรณเขตมาแล้วคะ




คนที่ขึ้นมาบนรถส่วนมากเป็นพี่น้องชาวลาว รถใช้เวลาจากสถานีมุกดาหารมาถึงจุดผ่านแดนของไทยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีได้รูปวิวนอกรถมาด้วยตอนข้ามแม่น้ำโขง




รถจอดให้ลงเพื่อกรอกใบออกนอกประเทศ



เมื่อผ่านไปได้พวกเราก็ต้องรอขึ้นรถต่อไปจุดผ่านแดนของลาวคราวนี้เราต้องแย่งขึ้นรถเพราะมีคนกลุ่มใหญ่มาดักรอขึ้นรถที่ด่านนี้เพื่อข้ามแดน ดีตรงที่ฉันเอากระเป๋าเป้เดินทางใบใหญ่จองที่เอาไว้เลยได้นั่งที่เดิม มาถึงจุดผ่านแดนของลาวเราต้องเสียค่าผ่านแดนคนละ 10,000 กีบหรือประมาณ 40 บาท คะ ใช้เงินไทยจ่ายได้นะคะลาวรับเงินไทยคะ ก่อนลงจากรถเพื่อเข้าด่านของลาว คนลาวก็ชี้ๆ ตรงกระเป๋าที่ฉันทิ้งไว้เพื่อจองที่นั่ง ฉันไม่เข้าใจจึงทิ้งกระเป๋าไว้จองที่นั่งเหมือนเดิม พวกเราไปจ่ายค่าผ่านแดนกันเสร็จ หลืบไปมองรถทัวร์ก็พบว่าทุกคนขนของลงมาจากรถกันหมดเลย พวกเราทั้งสามจึงต้องวิ่งกลับไปที่รถทัวร์รับกระเป๋าเดินทางที่พนักงานบนรถทัวร์เอาลงมาวางข้างๆรถพวกเราต่างลากกระเป๋าเพื่อเข้าเครื่องแสกนของด่านลาว เสร็จแล้วจึงออกมายืนรอรถทัวร์ที่วนมารับผู้โดยสารอีกฝากหนึ่งของด่านด้านในประเทศลาว ใครจะแลกเงินก็แลกที่ด่านนี้ได้นะคะมีธนาคารรับแลกอยู่



เมื่อออกจากด่านผ่านแดนของลาวมาเป็นเวลา 9.15 น. พวกเราลุ้นกันใหญ่ว่าท่ารถสุวรรณเขตจะไกลหรือเปล่าแต่ใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็มาถึงแล้วละคะ เมื่อลงจากรถพวกเรารีบเข้าไปซื้อตั๋วรถทัวร์จากสุวรรณเขตไปเว้ เมื่อดูจากป้ายบอกเวลารถออกคือ 10.00 น. พวกเราทั้งสามต่างถอนหายใจโล่งอกทันที


ราคาตั๋วรถทัวร์ใบละ 110,000 กีบ ประมาณ 440 บาท


ฉันไม่ได้แลกเงินกีบของลาวมาด้วยเพราะอ่านจากข้อมูลในอินเตอร์เน็ตหลายๆ แห่งบอกว่าลาวรับเงินไทย พวกเราเลยจ่ายค่าต๋วเป็นเงินไทย คนละ 460 บาท เอาเถอะถือว่าไม่ต้องไปแลกเงินกีบเพราะเราจะใช้เงินกีบแค่ค่ารถ เพราะตอนขากลับพวกเราไม่ได้เดินทางกลับมาทางลาวอีกแล้ว ก่อนขึ้นรถไปเว้เพื่อความชัวร์แล้วระยะทางไกลกว่าสามร้อยกิโล คิดแล้วขอเข้าห้องน้ำที่ขนส่งของลาวนี่ละ ไอ้เรารึอุตส่าห์เตรียมเหรียญสิบบาทมาด้วย แต่เค้าไม่รับเหรียญคะ และค่าห้องน้ำก็โหดมากๆ 20 บาทหรือ 5,000 กีบ และแล้วรถก็เข้ามาจอดฉันเดินด่อมๆมองๆขอคนรถขึ้นก่อนเขาก็ไม่ให้ขึ้นพวกเราจึงนั่งรอเกือบครึ่งชั่วโมง



และแล้วคนรถก็เปิดประตูรถให้คนขึ้น พวกเราสามคนเดินขึ้นรถมองหาเบอร์ที่นั่งก็ไม่เห็นลูบๆ คลำก็ไม่เห็นเลขมันจะขึ้น จนกระทั้งมองขึ้นไปบนที่วางของบนหัวจึงรู้ว่าเบอร์เลขที่นั่งอยู่ด้านบนที่วางของบนหัวนั้นเอง โหไอ้เราก็มองหาตั้งนาน



ได้เวลารถออกผู้โดยสารในรถเกือบเต็มคัน มีการหยุดรับคนตามรายทางจนเกือบเต็ม มีหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งนั่งอยู่เบาะตรงข้ามโทรศัพท์ใช้เสียงเรียกเข้าเป็นเพลงไทย ฉันก็นึกว่าเป็นคนไทยเสียอีกแต่ก็ไม่แน่ใจแต่ระหว่างทางรถจอดแวะทานข้าว




พวกเราเมื่อลงจากรถมาก็งงกับภาษาที่ไม่คุ้นไม่เข้าใจเลย ฉันเข้าใจว่าน่าจะเป็นภาษาเวียดนาม งงๆเหมือนกันเพราะจำได้ว่ายังไม่ได้ข้ามไปฝั่งเวียดนามสักหน่อย พวกเรายืนดูคนมุงแย่งสั่งอาหารสั่งใหญ่ ชี้โน้นชี้นี้จนคนขายแทบจะไม่ได้เงยหน้าพวกเราก็ยืนดูทุกคนได้อาหารไปกันหมดเหลือไม่กี่คน





รู้สึกเหมือนคนบื้อไม่รู้จะสั่งยังไง ไม่มีใครสนใจพวกต่างด้าวอย่างเราเลย ไม่รู้รถออกแล้วพวกเราจะได้กินไหมอยากจะร้องไห้ จนกระทั้งหนุ่มหล่อที่เรานึกว่าเป็นคนไทยเดินเข้ามาเพื่อรอสั่งอาหาร พวกเราเลยส่งท่านอาจารย์หนุ่มไปสปีคอังกฤษสักหน่อย หนุ่มหล่อตอบมาด้วยความตกใจออกเขินๆ(น่ารัก)เป็นภาษาลาวว่าให้พูดไทยก็ได้เพราะเค้าฟังรู้เรื่อง เพราะเค้าคงเห็นพวกเราพูดภาษาไทยกัน พวกเราจึงได้ล่ามและได้กินอาหารกันเสียที ป้ายของร้านอาหารบอกว่าcom ในภาษาเวียดนามมันคือร้านขายอาหารนะ ร้านที่รถจอดแวะนี้เป็นร้านของคนเวียดนามในลาว พ่อหนุ่มลาวล่ามจำเป็นของเราอธิบาย หน้าตาอาหารคะรสชาติดีทีเดียวเหมือนข้าวราดแกงบ้านเรา



เฝอน่ากินแต่กินไม่ลง 2 USD


ข้าวราดแกง 60 บาท จ่ายเป็นเงินไทย



เพลงที่เปิดในรถก็เป็นเพลงไทยช่วงแรกๆที่นั่งมาเปิดเพลงไทยอีสานและหมอลำเพราะๆ ทั้งนั้นเลย บางเพลงอยู่เมืองไทยยังไม่เคยฟังเลย พอเวลาผ่านไปกลายเป็นเพลงร๊อคไทยและเพลงไทยสากลหม่ๆ สดๆ จากไทย ฉันได้ยินเสียงร้องคลอเบาจากชาวลาวเบาะหลังตลอด คิดว่าน่าจะเปิดจาก MP3 ฟังแล้วอยากได้ม้วนที่ฟังกลับบ้านด้วยจัง





ไว้มาต่อนะคะ จะมีใครอ่านไหมนี่




Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 5:12:10 น.
Counter : 1165 Pageviews.

5 comment
แบกเป้ตลุยเวียดนาม(เตรียมเป้)#2

เตรียมเป้ตลุยเวียดนาม
มาดูโปรแกรมที่พวกเราทำกันคร่าวๆ
โปรแกรมเวียดนาม เว้ -ฮอยอัน- ฮานอย 22- 28 ตุลาคม ของสามพระหน่อเฉพาะกิจ
พฤหัส 22 ตค.    
ถึงหมอชิต19.30 รับตั๋วชั้น 3 รถออก 20.30 น. หมอชิตใหม่ สู่มุกดาหาร นอนบนรถ

ศุกร์ 23 ตค.         
ถึงมุกดาหารเช้า  ซื้อตั๋วมุกดาหาร – สะหวันเขต
แล้วจองตั๋ว สะหวันเขต-เว้ 10.00 - 18.00 ที่สถานีเลย
ถึงเว้ หาที่พัก ออกหาไรกิน ติดต่อหารถไปฮอยอัน พักเว้                                
 เสาร์ 24 ตค.           
ตื่นเช้าๆ หาทัวร์มอไซค์พร้อมคนขับเที่ยวชมสุสานกษัตริย์ เดินตลาดดองบา นครจักรพรรดิเที่ยวเว้กลางคืนชมแม่น้ำหอม พักเว้

อาทิตย์ 25 ตค.       
8.00 น. รถออกจาก เว้ ถึงฮอยอันประมาณ13.00น.
หาที่พักและหารถไปฮานอย ลองดูรถนอนของ Shin Café' ไปฮานอย
เที่ยวเมืองเก่า เย็นๆ ชมวิว แม่น้ำทูโบนหาของกินมื้อใหญ่ๆ ชมเมืองฮอยอันกลางคืนพักฮอยฮัน

จันทร์ 26 ตค.      
เช้า เที่ยวเมืองเก่าฮอยอัน (อีกแล้ว) บ่ายนั่งรถทัวร์ยาวจาก ฮอยอัน - เว้ – ฮานอย นอนบนรถ

อังคาร 27 ตค.     
ถึงฮานอย หาซื้อทัวร์ไปฮาลองเบย์ทัวร์จะเริ่มราวๆ 8 โมงถ้าไม่ทันก็เที่ยวในฮานอย แล้วค่อยไปวันรุ่งขึ้น ถ้าไปกับทัวร์จะกลับถึงฮานอย 4-5 โมง เที่ยวฮานอยช่วงกลางคืน พักฮานอย

พุธ 28 ตค.
ตื่นสายๆ ก้ได้เด้อเที่ยวฮานอยทั้งวัน 18.00 น.เดินทางไปสนามบินนอยไบ
กลับกรุงเทพด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ไฟล์ท 21.05 น.ถึง 23.00 น.
นอนบ้าน

หนึ่งอาทิตย์ก่อนถึงกำหนดไปเวียดนาม
เอาละก่อนจะบุกเวียดนามเรามาหัดพูดเวียดนามกันเอาใจเจ้าบ้านเค้าหน่อยโดยเฉพาะตัวฉันนักช็อปตัวยงเห็นของวางขายเป็นไม่ได้ต้องเข้าไปลูบๆ คลำๆ สักนิดสักหน่อย และการต่อราคาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ขอบคุณ = ก่าม เอิน
ราคาเท่าไหร่ = บาว เญียว เตี่ยน
ราคา/ลดราคา = สา ก่า / ส่าม สา
ห้องน้ำอยู่ที่ไหน = หญ่า เวะ ซิง เอ่อ เดิว
สถานีตำรวจอยู่ไหน = โด่น กง อาน เอ่อ เดิว
สวย / ไม่สวย = แด็บ/คงเด็บ
ชอบ/ไม่ชอบ = ทิ้ก / คง ทิ้ก
อร่อย/ ไม่อร่อย = งอน/ คง งอน
ขอรายการอาหาร = จอ โตย แซม เมนู
เก็บเงินด้วย = ติ๋ง เตี่ยน

การจะแบกเบ้ตะลุยเที่ยวก็ต้องคำนึงถึงการแต่งกาย ต้องสบายๆ พร้อมลุยได้ดี ต้องนี้เลยเสื้อยืดกางเกงยืนส์ เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าที่มีสองตู้ใบใหญ่กับเสื้อผ้าที่พับไว้อีกหลายกะเป๋า ไม่อยากบอกฉันไม่มีเสื้อยืดตัวใหญ่เลยสักตัว มีแต่ตัวเล็กๆรัดรูป ดูแล้วคงไม่เหมาะที่จะใส่เดินทางแบกเป้ ค้นกางเกงยีนส์จากก้นหีบที่มีกว่าห้าหกตัวตั้งแต่สมัยเรียนเอามาปัดฝุ่นแล้วใส่ดูอ๊ากทำไงดีฉันอ้วนขึ้นกางเกงใส่ไม่ได้สักตัว พอจะใส่ได้มีอยู่ตัวเดียวเองที่ฉันเพิ่งซื้อมาใหม่ ทำไงดีละ งั้นฉันก็ต้องหาซื้อเสื้อและกางเกงยีนส์ใหม่หนะสิอิอิ
ฉันคิดว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างของความอยากของตัวฉันต่างหากละที่จะยกมาเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดในการออกช็อปปิ้งเสื้อผ้าใหม่ครั้งใหญ่ ก่อนซื้อก็ต้องคำนวนเสียก่อนว่าจะต้องใช้เสื้อผ้ากี่ชุดสำหรับทริปนี้

22-28 หกวันหกคืน ชุดนอน 4 ชุด 4 คืน เสื้อยืด 2 ตัวกะกางเกงนอนยาว 2 ตัว มีแล้วไม่ต้องซื้อใหม่
ชุดเดินทาง 7 ชุด เสื้อยืด 7 ตัว กะกางเกงยีนส์สามตัว ต้องซื้อเสื้อยืดห้าตัว กางเกงยืนส์สอง
มีคนบอกว่าอากาศเริ่มหนาวจึงเอาเสื้อกันหนาวบางๆไปอีก 1 ตัว เสื้อแขนยาวกันแดดอีกหนึ่งตัว
มีผ้าขนหนูผืนเล็กอีกหนึ่งผืน
ส่วนชุดชั้นในเอาไปครบตามวัน
รองเท้าผ้าใบ 1 คู่ ร้องเท้าเต๊ะอีกหนึ่งคู่
อุปกรณ์ห้องน้ำและเครื่องสำอาง แปลงสีฟัน ยาสีฟันหลอดเล็ก ยาสระผมกะครีมนวดผมเทใส่ขวดเล็ก หมวกอาบน้ำ สบู่ ครีมล้างหน้า cotton bud ครีมทาหน้ากลางคืนและกลางวัน พิมเสนน้ำ Hirudoid แป้งเด็ก ครีมกันแดด คลีนซิ่งทำความสะอาดหน้า สำลี น้ำมันใส่ผม ยาทาระงับกลิ่นกาย แป้งตลับ ครีมรองพื้นกันแดด ยาวิตามินและยาแก้ไข้ใส่กล่องเล็ก ทั้งหมดเมื่อจับรวมเข้าในถุงแล้วได้แค่นี้เองคะ
ตามรูปเลยคะถุงไม่ใหญ่นะเพราะทุกอย่างเป็นขนาดเล็กไม่เกิน 50cc


และทุกอย่างก็ยัดให้อยู่ในเป้เดินทางแค่ใบเดียวยังแปลกใจว่ายัดเข้าไปได้ยังไง


มีเป้ใบเล็กอีกหนึ่งใบสำหรับใส่พวกของมีค่าเช่น หนังสือเดินทาง เงิน สมุดบันทึก ปากกา แว่นตากันแดด สมุดจดบันทึก เครื่องคิดเลข โทรศัพท์ แค่นี้ก็หนักเอาการแล้วละคะ



กำลังคิดอยู่ว่าแบกเบ้ไปเที่ยวนะ แล้วฉันจะบ้าขนอะไรไปเยอะเยอะขนาดนี้กันละนี่ เพื่อนบอกว่าอาจมีฝนตกให้พกเสื้อกันฝนไปด้วย ลืมคะเลยไม่ได้ยัดเข้ากระเป๋าด้วย
เรื่องเงินฉันเตรียมไป 260 USD เงินบาท 3,000 บาท และแลกเป็นเงินปลีกไว้ด้วยเพราะกลัวจ่ายไปแล้วเค้าจะไม่ทอนให้ 555 ฉันไม่เอากระเป๋าเงินไปด้วยกลัวหาย เอาแต่บัตรเครดิตไปใบเดียว ขนาด เอทีเอ็มยังไม่เอาไปด้วยเลย
เอาละเมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมเรามาลุยกันเลย






Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 2:46:08 น.
Counter : 1484 Pageviews.

1 comment
แบกเป้ตลุยเวียดนาม(หนังสือเล่มเดียว)#1

อยากเขียน เป็นการเขียนครั้งแรกในการลง blog ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ก่อนเจ้าคะ


เหตุของความอยาก


          วันอาทิตย์นี้ ฉันนัดเพื่อนรักดูหนัง ฉันมาถึงก่อนกว่าหนึ่งชั่วโมง เดินเตล็ดเตร่ไปมาในห้างสรรพสินค้าดูโน้นดูนี้ไป เมื่อผ่านร้านหนังสือจึงแวะเข้าไปอ่านฆ่าเวลา ฉันเดินดูหนังสือหลากหลายประเภทที่วางไว้ตามชั้นของแต่ละหมวดหมู่ และแล้วสายตาก็สดุดเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่ง หมื่นเดียวเที่ยวได้สามประเทศ ฉันหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านได้สิบหน้าก็มีความคิดว่าควรค่าแก่การซื้อมาอ่าน ก็ในครั้งแรกไม่กะว่าจะซื้อหรอกนะ แต่ไม่ไหวละอุดหนุนเค้าหน่อย มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นทริปการเดินทางไปต่างประเทศครั้งใหม่ของฉัน


           เมือฉันอ่านจบ ความรู้สึกแรก อ๊ากๆอยากไปเที่ยวจังเลย อยากแบกเบ้เที่ยวแบบลุยๆ ในหนังสือเจ้าของหนังสือเล่นเดินทางเที่ยวเกือบครึ่งเดือน ไปเที่ยวตั้งสิบห้าสิบหกวันครึ่งเดือนคงจะไม่ไหว ครั้งจะไปคนเดียวก็คงไปไม่ได้เหมือนเจ้าของหนังสือที่เป็นผู้ชาย


           ทำไงดีละคราวนี้ ข้อแรกเลยหาเพื่อนไปด้วย โอ๊ยไม่อยากบอกฉันมีเพื่อนไม่กี่คนเอง ส่วนมากก็จะมีครอบครัวแล้วมีลูกเพิ่งเกิดหรือไม่ก็ไม่กี่ขวบถึงจะชวนก็คงไปกันไม่ได้ เป้าหมายจึงตกมาอยู่ที่เพื่อนสาวสวย(หรือเปล่า)และ(เพิ่ง)โสดหนึ่งเดียวของฉันที่พากันเที่ยวมาหลายทริปในไทยเสียแล้ว ก็เพื่อนรักคนนี้มันลุยพอกันเลย และแล้วแผนการชั่วร้ายของฉันก็บังเกิดขึ้น เพื่อนสาวมาเที่ยวที่พักของฉัน ฉันจึงจัดการยัดหนังสือเล่มที่ทำให้ฉันอยากไปเที่ยวให้เพื่อนที่รักกลับไปนอนอ่านเล่น


            ได้ผลแฮะอาทิตย์หนึ่งผ่านไป เพื่อนรักโทรมา กริ๊งกร้างอยากไปเที่ยวจังเลย(มันไม่รู้เลยว่าเป็นแผนของชั้น) ทริปเที่ยวของสองสาวจึงบังเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเสียที


             เพื่อนของฉันบอกว่าถ้าไปทั้งสามประเทศสิบกว่าวันคงโดนไล่ออกจากงานกันพอดี พวกเราจึงปรึกษากันหาวันลางานหลายๆ วันเพื่อจะได้เที่ยวให้เต็มที่ จึงได้กำหนดการมาดังนี้  22-28 ตุลาคม 2552 และประเทศที่คิดว่าจะไปได้ไกลที่สุดก็คงเป็นเวียดนาม ตามรอยหนังสือกันทีเดียว จึงกำหนดวันได้ว่าน่าจะออกเดินทางเย็น 22-28 ตุลาคม 2552 เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวของไทย เราจะมีเวลาเที่ยวถึงหกวันเต็มๆ ถ้าไม่ต้องเสียเวลานั่งรถกลับไปทางเดิมอีกหนึ่งวันกะหนึ่งคืน พวกเราสองสาวปรึกษาวางแผนกันคราวๆ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะกลับทางเครื่องบิน ดังนั้นแผนการของเราคือเดินทางด้วยรถทัวร์เส้นทางกรุงเทพฯ- มุกดาหาร ผ่านลาว ด่านสุวรรณเขต เข้าเวียดนาม พักเที่ยวเว้ เข้าฮอยอัน และจบทริปที่ฮานอย


              เหลือเวลาถึงสองเดือนที่จะถึงกำหนดการเดินทาง แต่มีปัญหาเสียแล้วเมื่อที่รักของฉันไม่อยากให้ไปแค่ผู้หญิงสองคน เราจึงต้องตามหาคนที่จะไปด้วย มีหลายคนอยากไปด้วยแต่ติดที่เวลาและสามี 555 ตอนแรกเราว่าจะประกาศในเว๊ปหาเพื่อนไปด้วยแต่นึกไปนึกมาคงไม่มีใครอยากไปกะคนไม่รู้จักอะนะ และแล้วเวลาผ่านไปไม่กี่วันเราก็ได้เหยื่อเป็นหนุ่มวิศวะอาจารย์มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งอกหักมาหมาดๆ เป็นคนใจง่ายตอบรับไปเทียวกะพวกเราโดยไม่ใช้เวลาในการคิดเลยร่วมทริปไปด้วยกัน เมื่อได้เหยื่อเพิ่ม เอ้ย ไม่ใช่ เพื่อนร่วมทริปเที่ยวเวียดนามเพิ่ม เราจึงจัดการจองตั๋วรถทัวร์และเครื่องบินล่วงหน้าถึงสองเดือน


              รอและก็รอวันเดินทางตลอดสองเดือนพวกเราทั้งสามก็ต่างหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับประเทศเวียดนามมาแชร์กัน มีการเปลี่ยนโปรแกรมเที่ยวกันตลอด จนถึงวันที่พวกเราจะเดินทาง


              เมื่ออ่านข้อความต่างๆและการเดินทางของนักเดินทางที่ได้ไปมาแล้วทำพวกเราจิตตกกันใหญ่ แต่ละคนโดนฟัน อุ้ยๆไม่โหดร้ายอย่างที่คิดคะการโดนฟันก็คือการโดนโกงหรือโดนโก่งราคากันทั่วหน้านั้นเอง ถ้าไปแล้วไม่โดนหลอกถือว่ายังไม่ถึงเวียดนามหรอกนะคะ ดังนั้นเราจึงต้องหาข้อมูลหาราคากันใหญ่เลยละคะ เอาเป็นว่าแค่โดนฟันเลือดซิบๆพอถ้าเลือดโชกกลัวจะต้องกลับมาเลียเลือดแค้นต่อที่บ้านอะนะคะสาธุ






Free TextEditor



Create Date : 18 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 2:51:36 น.
Counter : 727 Pageviews.

3 comment
1  2  

นาเรเซรัน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อย่ายึดติดในสิ่งที่ควรปล่อยมือ