Either's Blog: Everything Beyond.

EITHER
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เว็บไซต์ของผม
ขายกล้องฟิล์ม กล้องโลโม่ เลนส์มือหมุน
www.foto-analog.com
www.facebook.com/FotoAnalog
ขายของแต่งรถ กรอบป้ายทะเบียน โลโก้ แตร
www.eautorace.com
www.eautoraceshop.com
Gallery ภาพ รับถ่ายรูปงานต่างๆ สินค้า อาหาร
http://either.multiply.com
รวมพลคนรัก Chevrolet
http://www.thaichevyclub.com


------------
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add EITHER's blog to your web]
Links
 

 

หุ้นอู้ฟู่จ่ายปันผล 2.6 แสนล.

หุ้นอู้ฟู่จ่ายปันผล 2.6 แสนล.

ผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ฯร่ำรวยถ้วนหน้า เผย 541 บริษัท ควักกำไรปี 52 จ่ายปันผลรวม 2.6 แสนล้านบาท บิ๊กกลุ่มสื่อสาร "เอไอเอส"แค่เจ้าเดียวให้สูงสุด 3.3 หมื่นล้านบาท ปตท.ไม่น้อยหน้าจ่าย 2.4 หมื่นล้านบาท แบงก์กรุงเทพนำในกลุ่มสถาบันการเงินเฉียดหมื่นล้าน แลนด์แอนด์เฮ้าส์ยังนำในกลุ่มอสังหาฯแต่คาดว่า "ทองมา"บิ๊กพฤกษาขึ้นเบอร์หนึ่งเศรษฐีหุ้นแซง "เสี่ยอนันต์"

หลังฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานปี 2552 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ผ่านพ้นไป ช่วงเวลาการจ่ายเงินปันผลที่นักลงทุนรอคอยก็มาถึง ทั้งนี้แม้ปีที่ผ่านมา ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แต่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ผลการดำเนินงานยังออกมาดี โดยพบว่า 541 บริษัทจากทั้งหมด 561 บริษัท รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีกำไรสุทธิรวม 4.46 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 42 % จากปี 2551 ที่มีกำไร 3.14 แสนล้านบาท
ทั้งนี้"ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2552 ของบริษัทจดทะเบียน พบว่าจนถึง ณ วันที่ 19 มีนาคม 2553 มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจ่ายปันผล รวม 389 บริษัท คิดเป็นเงินปันผลรวม 2.61 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตรา 58 % ของกำไรสุทธิ


เอไอเอสจ่าย3.3หมื่นล้าน
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 30 บริษัท พบว่ามีทั้งบริษัทในกลุ่มสื่อสาร วัสดุก่อสร้าง พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มมีเดีย
โดยบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)(บมจ.) หรือเอไอเอส เป็นแชมป์จ่ายปันผลสูงสุดคิดเป็นเงินปันผลรวม 33,509.51 ล้านบาท ตามด้วยบมจ.ปตท.จ่ายปันผลรวม 24,087.17 ล้านบาท บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย จำนวน 10,200 ล้านบาท บมจ.ธนาคารกรุงเทพ จำนวน 9,544.21 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) จำนวน 8,861.44 ล้านบาท และบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น 7,682 ล้านบาท เป็นต้น (ดูตารางประกอบ 30 บริษัทจดทะเบียนที่จ่ายปันผลสูงสุดในปี 2552 )
ส่วนบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ติดกลุ่มจ่ายเงินปันผลจำนวนมาก พบว่ายังคงเป็นบมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ที่ควักกำไรสุทธิ มาจ่ายปันผลถึง 3,229.17 ล้านบาท อันดับสอง บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท จ่ายปันผลจำนวน 1,213.75 ล้านบาท ตามติดด้วยบมจ.ศุภาลัย จ่ายปันผลจำนวน 1,114.22 ล้านบาท




"ทองมา"แชมป์เศรษฐีหุ้นคนใหม่
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่าทุกๆปี บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 30 % ของกำไรสุทธิ สำหรับตัวเองและตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ ได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลไม่น้อยกว่า 3-5 % ต่อปี จากปัจจุบันที่ถือหุ้นในบมจ.พฤกษา สัดส่วน 60-70 % ของทุนจดทะเบียน และการที่บมจ.พฤกษา จ่ายปันผลทุกปี สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่เติบโตต่อเนื่อง
"เงินปันผลที่ผมได้รับและราคาหุ้นบมจ.พฤกษา ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยอิงจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ทำให้คาดว่าปีนี้ ผมจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของเศรษฐีในตลาดหุ้นไทย หรือสามารถแซงคุณอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ที่เป็นแชมป์อยู่ขณะนี้ " นายทองมากล่าว
หุ้นบิ๊กแคปหว่าน 1.8 แสนล้าน
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย จำกัด(SCRI) กล่าวว่า สำหรับเงินปันผลจ่ายปี 2552 ของบริษัทจดทะเบียนภายใต้จำนวนบริษัทที่SCRI ได้ออกบทวิเคราะห์ 78 บริษัท ครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่หรือหุ้นบิ๊กแคป ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปรวม 70-80 % ของมาร์เก็ตแคปตลาด (ณ วันที่ 25 มีนาคม 2553 ตลาดหุ้นไทยมีมาร์เก็ตแคป 6.3 ล้านล้านบาท) มีการประกาศจ่ายเงินปันผลรวม 1.8 แสนล้านบาท คิดเป็น 50 % ของกำไรสุทธิ ซึ่งน้อยกว่าปี 2551 ที่จ่ายประมาณ 60 % ของกำไรสุทธิ
อย่างไรก็ตามหากคิดเป็นเม็ดเงินที่จ่ายแล้วถือว่าสูงกว่าปี 2551 ที่จ่ายปันผลรวม 1.6 แสนล้านบาท สาเหตุที่จ่ายมากกว่าในรูปของเม็ดเงินเนื่องจากปีที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนทั้งตลาดมีกำไรเติบโตกว่า 40 % นั่นเอง นำโดยกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มสื่อสาร

เปิดโผหุ้นห่านทองคำปี 53
นายสุกิจ คาดการณ์ถึงแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2553 ของบริษัทจดทะเบียนว่า น่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา จากการประมาณการว่าปีนี้บริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรเติบโต 16 %
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังสามารถจ่ายปันผลได้ดี คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามด้วยกลุ่มสื่อสาร กลุ่มปิโตรเคมี และโรงกลั่น เป็นต้น โดยคาดว่าบริษัทจดทะเบียนที่ยังเดินหน้าจ่ายปันผลต่อเนื่อง เช่น บมจ.ซีพี ออลล์ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และบมจ.สยามแม็คโคร เป็นต้น
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)22 แห่ง ระหว่างช่วงวันที่ 15-19 มีนาคม ว่านักวิเคราะห์ประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน หรือ EPS Growth ทั้งปี 2553 ว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 13.9% จากปี 2552 โดยกลุ่มเดินเรือมีการเติบโตของผลประกอบการสูงสุดที่ระดับ 63.4% รองลงมาคือโรงแรม ปิโตรเคมี และพลังงาน มีอัตราการเติบโต 57.86%, 35.65% และ 19.4% ตามลำดับ

กลุ่มสื่อสารตอบแทนสูงสุด
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดคือ กลุ่มสื่อสาร คาดว่าให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.59% รองลงมาคือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 6.30% กลุ่มอาหาร 5.02% ขณะที่กลุ่มโรงแรมมีอัตราเงินปันผลต่ำสุด 1.5% ตามมาด้วยกลุ่มเดินเรือ 2.61%
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัสฯ กล่าวว่า บมจ.น้ำมันพืชไทย ถือเป็นหุ้นเด่นที่จ่ายปันผลดี ทั้งนี้มองว่าจากสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจในปี 2553 มีหลายปัจจัยบวกที่สนับสนุนการเติบโตของกำไร ทั้งนี้บริษัทดังกล่าว มีประวัติการจ่ายอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้ง โดยในงวดปี 2552 และ 2553 ฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐานให้บริษัทดังกล่าวจ่ายปันผล 60 % ของกำไรสุทธิ ซึ่งตามสมมติฐานดังกล่าว ที่ระดับราคาปัจจุบันหุ้นบมจ.น้ำมันพืชไทย จะให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่ระดับสูงกว่า 8% ต่อปี

ตลท.เปิดฐานะบจ.แกร่ง
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ระบุว่า ดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในปี 2552 โดยรวมปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2551 ทั้งด้านอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่อัตรา 12.10 % จาก 7.83 % ในปี 2551 และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม ซึ่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่อัตรา 9.54 % จาก 7.75 % ในปี 2551
ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(ดี/อี )ในปี 2552 อยู่ที่ 1.15 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับต่ำและใกล้เคียงกับระดับ 1.14 เท่าในปี 2551 ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนไทยจากการมี ส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพียงพอรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจได้
สำหรับปี 2552 บจ.มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 44.08 % จากปี 2551 มาอยู่ที่ 4.32 แสนล้านบาท และแม้ว่ารายได้ปรับลดลง 13.85 % จากปี 2551 เป็น 6.3 ล้านล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานและมีการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลงเป็น 91.26 % จาก 93.17 % ในปี 2551 รวมถึงการที่บจ.ขนาดใหญ่บางแห่งไม่มีผลขาดทุนจากสินค้าคงคลังเมื่อเทียบกับ ปี 2551
ทั้งนี้บจ.ส่วนใหญ่มีผลประกอบการดีขึ้น โดยมีจำนวนบริษัทที่มีผลกำไรถึง 400 บริษัท คิดเป็น 78.43 % ของจำนวนบจ.ทั้งหมด เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2551 ในอัตรา 73.64 % เป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการควบคุมต้นทุน
สำหรับรายได้ของบจ.ไตรมาส 4 ปรับตัวดีขึ้นเป็นไตรมาส 3 ติดต่อกัน ซึ่งยืนยันภาพการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้หากพิจารณาในภาพรวม รายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นไตรมาส 3ติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เมื่อพิจารณาควบคู่กับการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนควรจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,517 28 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2553




 

Create Date : 30 มีนาคม 2553    
Last Update : 30 มีนาคม 2553 13:48:24 น.
Counter : 521 Pageviews.  

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.