Either's Blog: Everything Beyond.

EITHER
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เว็บไซต์ของผม
ขายกล้องฟิล์ม กล้องโลโม่ เลนส์มือหมุน
www.foto-analog.com
www.facebook.com/FotoAnalog
ขายของแต่งรถ กรอบป้ายทะเบียน โลโก้ แตร
www.eautorace.com
www.eautoraceshop.com
Gallery ภาพ รับถ่ายรูปงานต่างๆ สินค้า อาหาร
http://either.multiply.com
รวมพลคนรัก Chevrolet
http://www.thaichevyclub.com


------------
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add EITHER's blog to your web]
Links
 

 

แนะนำหนังสือจาก My Collection :: หนังสือแนว Sci-Fi&Fantasy&เยาวชน (2)


ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่ติดตามชมนะครับ หนังสือที่ผมมาลงไม่ได้เรียงตามการอ่าน หรือความสนุก หรืออะไรนะครับ แค่นึกอันไหนได้ก็เอามาลงก่อน
หลายๆ เรื่องก็แทบลืมรายละเอียดเนื้อเรื่องไปแล้วด้วยนะ 555+

(5) The Chronicles of Narnia : ตำนานแห่งนาเนีย โดย ซี. เอส. ลูอิส




เรื่องดังอีกเรื่องนึง ที่ดังจนมาทำหนังไปแล้ว 2 ภาค อันที่จริงผมก็เพิ่งมาได้อ่านตอนที่เค้ามาสร้างหนังนี่แหล่ะ
เคยเห็นและรู้จักมานานแล้ว แต่ไม่ได้อ่านซะที พอมาทำหนังในภาคแรก ก็เลยไปซื้อมาอ่านก่อนที่จะไปดู
อ่านแค่เล่มแรก หรือ 2 เล่ม มันไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าอ่านจบทั้งชุด 7 เล่ม มันจะรู้สึกสนุกมาก เมื่อผูกเรื่องราวต่างๆเข้าไป


การอ่านก็มี 2 แบบ คือ อ่านเรียงตามปีที่พิมพ์ (ผมอ่านตามนี้ และหนังก็ตามนี้ (คิดว่านะ) )




หรือเรียงตามเวลาในนาเนีย (เห็นว่าเด็กๆ บางคนอ่านเรียงตามปีที่พิมพ์แล้วสับสน) ในเว็บนายอินทร์ เรียงตามบบนี้



คำแนะนำจากเว็บ Wikipedia

"ตำนานแห่งนาร์เนีย (อังกฤษ: The Chronicles of Narnia) เป็นชุดนิยายแฟนตาซีจำนวน 7 เล่ม เขียนโดย ซี.เอส. ลิวอิส ระหว่าง ค.ศ. 1949-1954 ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมเยาวชนคลาสสิคเรื่องหนึ่ง และเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของผู้เขียน ปัจจุบันถูกจำหน่ายไปมากกว่า 100 ล้านเล่มใน 41 ภาษา ได้รับการดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์, ละครวิทยุ, ภาพยนตร์ และละครเวทีหลายครั้ง

ตำนานแห่งนาร์เนีย เป็นเรื่องของเด็กที่เข้าไปผจญภัยในดินแดนแห่งนาเนีย ซึ่งสัตว์สามารถพูดภาษามนุษย์ เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสัตว์ประหลาดในเทพนิยาย ตัวเอกในหนังสือแต่ละเล่มจะแตกต่างกันไป แต่ทุกเล่มจะจับความตามช่วงเวลาในอาณาจักร์นาร์เนีย โดยมีสิงโตอัสลานเป็นตัวละครสำคัญ"


(6) Magic Kingdom For Sale : ประกาศขายอณาจักรแห่งเวทมนต์ โดย Terry Brooks



หนังสือชุด "ประกาศขายอณาจักรแห่งเวทมนต์" ซื้อมาอ่านเพราะสะดุดที่ชื่อ และคำโปรยด้านหลังที่น่าสนใจ
พอได้อ่านแล้วก็ถือว่าสนุกใช้ได้ เป็นเรื่องของคนธรรมดาในโลกแห่งความจริง ที่ไปเห็นประกาศขายอณาจักรแห่งเวทมนต์ เมื่อคนในโลกแห่งความจริง ต้องไปเป็นพระราชาแห่งโลกแห่งเวทมนต์ ที่อยู่เหนือจินตนาการ เรื่องราวสนุกสนาน ผจญภัย ความยุ่งยาก จึงตามมา

หนังสือในชุดนี้ มีทั้งหมด 5 เล่มนะครับ เป็นตอนต่อเนื่องกัน คือ
1. ประกาศขายอณาจักรแห่งเวทมนต์
2. ประกาศขายอณาจักรแห่งเวทมนต์ ตอน ปริศนายูนิคอร์นสีดำ
3. ประกาศขายอณาจักรแห่งเวทมนต์ ตอน พ่อมดจอมยุ่ง
4. ประกาศขายอณาจักรแห่งเวทมนต์ ตอน กล่องแห่งความยุ่งเหยิง
5. ประกาศขายอณาจักรแห่งเวทมนต์ ตอน ชำระแค้น



คำแนะนำจากเว็บสนพ. แจ่มใส

"แลนโดเวอร์ แผ่นดินตระการตาและที่มาของการผจญภัยซึ่งสามารถเติมจินตนาการของคุณ ดินแดนแห่งอัศวิน พ่อมด มังกร นางไม้ ฯลฯ อบอวลไปด้วยเวทมนตร์ และเป็นสถานที่ที่จะทำให้ความฝันของคุณเป็นจริงด้วยตำแหน่งกษัตริย์และ ไฮลอร์ด จุดสุดยอดของผู้รักการผจญภัยกำลังรอการท้าทายจากท่านอยู่ ราคา $ 1,000,000 เชิญสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัว พร้อมรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อที่ 'มีคส์' สำนักงานใหญ่ "




(7) หัวขโมยแห่งบารามอส โดย Rabbit



หนังสือชุดนี้ ได้น้องผู้หญิงข้างบ้านแนะนำมา ก็เลยลองอ่านดู เป็นผลงานของเด็กไทยเราเอง
แม้ว่าเนื้อเรื่องจะยังไม่ลึกซึ้งมากนัก แต่เรื่องนี้ถือว่าสนุก อ่านเพลิน ชวนติดตาม (อย่างน้อยก็ตามอ่านจนจบ 4 เล่มได้)

เนื้อเรื่องนี่พออ่านจบมันแบบว่า อารมณ์การ์ตูนผู้หญิงเลยอ่ะนะ สำหรับผู้ชายอ่านคงรู้สึกแปลก แต่ผู้หญิงน่าจะชอบกัน ถึงเห็นว่ามีแฟนคลับเยอะพอควร มีกระทั่งแฟนฟิกด้วย เหอๆ อยากรู้ว่าเป็นไงลองติดตามเองครับ (ผมอาจจะรู้สึกคนเดียวก็ได้นะ)

หนังสือในชุดนี้ มีทั้งหมด 4 เล่มนะครับ เป็นตอนต่อเนื่องกัน คือ
เล่มที่ 1 มงกุฏแห่งใจ
เล่มที่ 2 คทาแห่งพลัง
เล่มที่ 3 แหวนแห่งปราชญ์
เล่มที่ 4 ดาบแห่งกษัตริย์

ปัจจุบันหนังสือน่าจะหน้าปกประมาณนี้ ส่วนข้างบนเป็นปกแบบที่ผมซื้อ



คำแนะนำจากเว็บสนพ. สถาพรบุ๊คส์

"เจ้าตัวยุ่ง เฟริน หัวขโมยแห่งบารามอส จำต้องเข้าไปศึกษาในโรงเรียนพระราชาตามแผนการของผู้เป็นพ่อ เรื่องวุ่นวายมากมายจึงตามมาอย่างไม่คาดฝัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบังเอิญล่วงรู้ความลับของมงกุฎแห่งใจ"


เดี๋ยวค่อยมาต่ออีกทีครับ พอว่างๆ ไม่ค่อยมีอารมณ์เขียน แต่พอเวลาต้องทำงานกลับอยากเขียน (เป็นงั้นไป)

แอบโฆษณาเว็บตัวเองหน่อย ใครชอบเรื่องรถ เข้าไปตามข่าวที่เว็บผมได้นะครับ
//blog.eautorace.com




 

Create Date : 18 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 14:01:53 น.
Counter : 4540 Pageviews.  

แนะนำหนังสือจาก My Collection :: หนังสือแนว Sci-Fi&Fantasy&เยาวชน (1)


แนะนำหนังสือจาก My Collection ก็คือแนะนำหนังสือที่ผมได้ซื้อมาอ่านน่ะครับ
ผมอาจจะไม่ได้อ่านหนังสือเยอะเท่าหลายๆ คน แต่ก็อยากจะแบ่งปันหนังสือที่ (คิดว่า) ดีๆ ให้เพื่อนๆ
โดยมากก็เป็นหนังสือที่เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว ประมาณว่าใครชอบแนวนี้เคยอ่านแน่นอน ถือว่ารำลึกความหลังแล้วกัน
ส่วนคนที่เพิ่งเริ่มอ่าน ก็ถือว่าเป็นการแนะนำหนังสือน่าอ่านนะครับ

ส่วนใหญ่ผมจะอ่านแนว Sci-fi , Fantasy แล้วก็วรรณกรรมเยาวชน
นอกเหนือจากนี้ก็แล้วแต่ความสนใจ เช่น ของ วินทร์ เลียววาริณ, แดน บราวน์
และแนวต่อสู้ทางสังคมเคยอ่านเล็กน้อย (เป็นหนังสือที่บ้าน ที่เหลือมาจากยุคคอมมิวนิสต์ และยุค 14 ตุลาฯ)
อันนี้ผมไม่พูดถึงแล้วกัน ส่วนที่แนะนำบางเล่มอาจจะเขียนไม่เยอะ เพราะจำไม่ได้ค่อยได้นะครับ (อ่านแล้วชอบลืม)

เริ่มจากหนังสือสุดคลาสสิคก่อน


(1) The Neverending Story : จินตนาการไม่รู้จบ โดย มิฆาเอ็ล เอ็นเด้

(ผมมีปกแบบนี้)


เป็นการผจญภัยของเด็กหนุ่ม 2 คน จากโลกแห่งความจริง และโลกแห่งจินตนาการ ส่วนการผจญภัยจะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านเองดีกว่าครับ

คำแนะนำจากเว็บนายอินทร์

".."จินตนาการไม่รู้จบ" ผลงานอันยอดเยี่ยมแห่งจินตนาการและความฝัน ซึ่งเส้นแบ่งระหว่างความฝันและความจริงบางอย่างยิ่ง หรืออาจไม่มีอยู่เลยด้วยซ้ำไป นานแล้วที่มนุษย์ได้หลงลืมศาสตร์อันเก่าแก่ที่เรียกว่าจินตนาการและความฝัน นี้ โดยเราถูกสอนให้คิดอย่างมีเหตุผลมานานเกินไปจนกลายเป็นคนที่แข็งกระด้างและ รู้จักแต่วัตถุเท่านั้น เราถูกสอนให้ใช้สมองยิ่งกว่าที่ใช้หัวใจ ถูกสอนให้คิดยิ่งกว่ารู้สึก จนกระทั่งเราได้สูญเสียความละเอียดอ่อนที่จะมองเห็นถึงสิ่งทั้งปวงอันเป็น นามธรรม และด้วยเหตุที่ว่า สัจจะแห่งดวงวิญญาณนั้นดำรงอยู่ในอาณาจักรแห่งนามธรรมเท่านั้น สิ่งนี้จึงดูเหมือนจินตนาการและความฝันสำหรับเรา แต่เราอาจลืมฉุกคิดไปว่า โลกแห่งความจริงที่เรามีชีวีตอยู่นี้อาจเป็นเพียงแค่ "Dream of the Devine" เท่านั้น เราเป็นเพียงความฝันและชีวิตจริงของเรานั้นเป็นเพียงความฝันอีกมิติหนึ่ง ลองสัมผัสดูว่าเรื่องราวในจินตนาการและความฝันนั้นจะต่างกันอย่างไร แล้วปลดปล่อยความคิดของคุณให้ว่างเปล่าแล้วให้ล่องลอยไปกับจินตนาการอันไม่ รู้จบนี้"


หน้าปกปัจจุบันน่าจะเป็นแบบนี้



และเรื่องนี้ก็เคยเป็นหนังมาก่อน ในชื่อ "มหัศจรรย์สุดขอบฟ้า" ที่จริงผมได้ดูเมื่อตอนเด็กๆ ก่อนที่จะได้มาอ่านหนังสือ






(2) MOMO : โมโม่ โดย มิฆาเอ็ล เอ็นเด้





เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วให้แนวคิดดีๆ อ่านแล้วรู้สึกดีครับ

คำแนะนำจากเว็บซี-เอ็ด

"หนังสือเล่มนี้แปลเป็นภาษาต่างๆ มากกว่า 30 ภาษา และได้รับการยกย่องว่าเป็นคัมภีร์ในการดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวยุคใหม่
ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่เพียงนิทานที่เด็กๆ จะอ่านได้สนุก และไม่ใช่เพียงเทพนิยายสมัยใหม่สำหรับเด็กๆ รุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นนิทานที่สามารถกระตุ้นเตือนให้ผู้ใหญ่ได้มองเห็นความสำคัญของการ ใช้ชีวิตอย่างเอื้ออาทรต่อทุกๆชีวิต และความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันในฐานะมนุษย์ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ทุกคนถูกเรียกร้องให้ "ประหยัดเวลา" แต่--ยิ่งเราประหยัดเวลา เวลาในชีวิตเราก็น้อยลง ความเป็นเพื่อนถูกละลืม เด็กๆ ถูกละเลย ชีวิตมนุษย์น่าสงสารมากขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำซากขึ้นเรื่อยๆ และเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ
แต่ไม่มีใครสงสัย ไม่มีใครสังเกต มีแต่เด็กๆ เท่านั้นที่รู้สึกได้ชัดเจน
เพราะผู้ใหญ่ไม่มีเวลาเหลือให้พวกเขาอีกแล้ว"




(3) The Wonderful Wizard of Oz : พ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซ โดย แอล.แฟรงก์ โบม; ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (แปล)





ที่จริงหนังสือเรื่องนี้ มีหลายเล่มมาก แปลเป็นไทยก็หลายเล่ม แต่ผมได้อ่านแค่เล่มเดียว คือ เล่มนี้
ทั้งที่ก็ซื้อหนังสือในชุดนี้ไว้อีก 2 -3 เล่ม จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้อ่านซะที (เฮ้อ) อาจจะเพราะเล่มหลังๆ ตัวหนังสือเยอะขึ้นด้วย
เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่อง ที่ได้ดูหนังก่อนเมื่อตอนเด็ก แต่ก็เป็นคนละตอนกัน จะเป็นตอนที่ โดโรธี กลับมา Oz อีกครั้ง

คำแนะนำจากเว็บนายอินทร์

"พ่อมดแห่งมหัศจรรย์แห่งออซ คือเรื่องแรกของชุดออซ เรื่องราวของเด็กหญิง โดโรธี ซึ่งอาศัยกับลุงและป้าในแคนซัสที่แห้งแล้งและมักเกิดพายุทอร์นาโดอยู่ เนื่องๆ เธอถูกหอบเอาบ้านทั้งหลังที่มีเธอและโดโต้สุนัขสีดำไปตกลงในดินแดนอัศจรรย์ แห่งออซอันอุดมสมบูรณ์และมีทิวทัศน์อันสวยงาม แต่สิ่งที่อยู่ในใจของเด็กหญิงเล็กๆอย่างเธอคือการกลับบ้านไปหาลุงกับป้า เธอได้รับคำแนะนำให้ไปขอความช่วยเหลือจากพ่อมดออซซึ่งอาศัยอยู่ ในเมืองมรกต ในการเดินทางไปหาพ่อมดเธอได้พบกับสหายแปลกๆที่ร่วมเดินทางไปกับเธอด้วย ดังนั้นจึงเกิดการผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์แห่งออซขึ้น มาช่วยกันลุ้นว่าเด็กหญิงโดโรธีจะสามารถเดินทางไปหาพ่อมดแห่งออซ เพื่อหาทางกลับบ้านได้หรือไม่ใน พ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซ"

หนังสือชุดออซที่มีอยู่ แต่ไม่ได้อ่านครบซะที






(4) The Little Prince (Le Petit Prince) : เจ้าชายน้อย โดย อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี





เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าใครได้อ่าน เป็นต้องชอบเจ้าชายน้อยแน่ๆ กับความคิดอันน่าประทับใจของเจ้าชายน้อย

คำแนะนำจากเว็บนายอินทร์

"ความงดงามไร้เดียงสาของ " เจ้าชายน้อย " สามารถที่จะทะลวงผ่านพรมแดนระหว่างประเทศ กำแพงทางภาษา ศาสนา วัฒธรรม เพศ ผิว วัย ชนชั้น และ เส้นแบ่งใดๆ ในโลกทั้งหมด เป็นเรื่องราวที่สื่อสารเป็นตัวอักษรและรูปภาพที่นำความสุขและความประทับใจ มาสู่นักอ่านทุกคนที่ได้อ่านเรื้องนี้ ตราบนานเท่านาน"


จบส่วนแรกเท่านี้ก่อน เดี๋ยวจะมาแนะนำใหม่นะครับ ติดตามกันได้




 

Create Date : 16 เมษายน 2553    
Last Update : 16 เมษายน 2553 12:45:00 น.
Counter : 854 Pageviews.  

หนังสือที่รอมานานออกแล้ว (ซะที) แดน บราวน์ & Tokien

หลังจากช่วงนี้มีเวลามากขึ้น (จากความรักที่หายไป T__T) เลยได้กลับมาหาหนังสือมาอ่าน (อ่านเพราะจะได้ไม่คิดมากอ่ะนะ 555+)
เลยเข้าร้านหนังสือไป ก็พบหนังสือที่รอมานาน นั่นคือ The Lost Symbol ของ Dan Brown
และ The Silmarilion ของ J.R.R Tokien



เรื่อง Silmarillion นี่รอมานานมาก ตั้งแต่ตามอ่านจากหลายๆคนแปลให้อ่านในบอร์ดเทงค์วา และตอนนั้นก็เหมือนจะมีข่าวว่าจะแปลขาย
แล้วก็เงียบๆ ไปเลย หายไปนานมาก จนมาเจอ "ตำนานบุตรแห่งฮูริน" ออกมาก่อนซะอย่างนั้น แต่ก็ยัอ่านไม่จบอ่ะนะ



สำหรับสาวก The Lord of the Ring น่าจะรู้จัก Silmarillion กันแล้ว จะบอกว่าออกแล้วนะครับไปซื้อมาอ่านได้
ส่วนคนที่ชื่นชอบ LOTR แล้วยังไม่รู้จัก ก็สมควรไปซื้อมาอ่าน แล้วจะเข้าใจว่า โลกของโทลคีน โลกของวรรณกรรม ที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดเป็นอย่างไร
LOTR เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความสุดยอดนั้นเท่านั้นเอง



ส่วนอีกเล่ม คือ ผลงานของ Dan Brown , The Lost Symbol หลังจากที่ตอนนั้นบ้า Davinci Code ตามกระแสหนังสือนิยมไป
แล้วก็เกิดอาการชอบแนวนี้ขึ้นมา เลยไปตามอ่าน Angle and Demon, Digital Fortress และ Deception Point แบบติดๆ กันไปเลย
ก็สมกับที่อัมรินทร์โปรยไว้ว่า "Unputdownable" จริงๆ มันวางไม่ได้เลย จากนั้นก็รอคอยผลงานของ Dan มาเรื่อย แต่ก็เงียบไปเลย (เป็น 3-4 ปีเลยมั้ง)
จนมาเมื่อไม่กี่วันมานี่ ถึงได้เกิดอาการสิ้นสุดการรอคอยซะที
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้อ่านเลย ไล่อ่านเรื่องอื่นก่อน แต่คิดว่าไม่น่าผิดหวังนะ แนะนำว่าหนังสือ Dan Brown ทุกเรื่องสนุกทั้งหมด อ่านได้เลย







 

Create Date : 15 เมษายน 2553    
Last Update : 15 เมษายน 2553 16:33:49 น.
Counter : 3521 Pageviews.  

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.