ฉันเห็นวันพรุ่ง...
Group Blog
 
All blogs
 

Designer วัยเด็ก

Designer วัยเด็ก

ตัดชุดครั้งแรก



ฉันยังจำได้ดีเสมอ เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็กน้อย
ฉันเห็นแม่ฉันนั่งเย็บผ้า แม่ฉันเป็นแม่บ้าน เตี่ยของฉันเป็นเจ้าของอู๋ซ่อมรถ มีคนงานใส่เสื้อผ้าเกราะกังเปื้อนน้ำมันสีดำไม่น่ามอง
บ้านของฉันจึงมีคนงานจำนวนมาก ตั้งแต่เด็กฉันก็ไม่เคยที่จะวิ่งเล่นหยิบจับ ไขควง หม้อแบตเตอรี่ วิ่งเล่นใต้ท้องรถแต่อย่างใด
แม่ของฉันมีจักรซิงเกอร์แบบถีบ ฉันชอบถีบจักรเล่นมากกว่า
พอแม่เผลอ ก็แอบเอาเศษผ้ามาลองถีบจักร ลองเย็บผ้า
แม่ต้องคอยปรามเสมอเพราะกลัวว่าเข็มจะเย็บมือน้อยๆที่ซนอย่างฉัน




ที่บ้านของฉัน มีลูกพี่ลูกน้องที่โตมาด้วยกัน เป็นผู้หญิง
เค้าชอบเล่นตุ๊กตา วันหนึ่ง แม่ของเธอเย็บชุดตุ๊กตาสีบานเย็นไว้ให้เล่น
หัวตุ๊กตาเป็นสีทอง เพราะสมัยนั้นเด็กชอบตุ๊กตาฝรั่ง ตาโตขนตางามงอน ฉันก็ชอบเล่นกับเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้มีตุ๊กตาเป็นของตัวเองหรอก
ฉันยังจำภาพครั้งอดีตในวัยเยาว์ได้ว่า ฉันลองเอาผ้ามาพัน มาผูกเป็นเสื้อเป็นกระโปรง แล้วพัฒนาเรื่อยมาจนเย็บชุดด้วยมือ ฉันชอบประดิษฐ์ประดอย ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว วิชาสร้างสรรค์ งานประดิษฐ์ เพื่อนๆชอบแย่งตัวฉัน ชอบอยู่กลุ่มเดียวกันฉัน แต่ฉันก็ไม่ค่อยชอบเพื่อนๆสักเท่าไหร่ ฉันชอบทำงานคนเดียวตั้งแต่เด็กๆแล้ว นิสัยรักสันโดษและเก็บตัวเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กจนโต



ฉันอยากมีตุ๊กตาเป็นของตัวเอง จำได้ว่าสมัยก่อนนู้น 20 กว่าปีแล้วมั้ง
ตุ๊กตาบาร์บี้ ตัวละตั้ง 500 - 1,000 บาท ตอนนั้นข้าวที่โรงเรียน ชามละ 3-5 บาทเอง (ใครมาอ่านถึงตรงนี้ ต้องว่าฉันแก่แล้วแน่เลย 555 )
ฉันก็รบเร้าจะเอาให้ได้ แล้วฉันก็ได้มาสมใจอยาก
ฉันเย็บชุดให้ตุ๊กตาบาร์บี้ใส่หลายชุด ที่ฮ๊อตฮิตชอบทำก็ชุดราตรี หรือกระโปรงบานแบบสุ่มไก่ เหมือนชุดแต่งงาน ฉันตัดผ้าเป็นวงกลม ชั้นๆ ต่อกันเป็นระบาย และนำเศษผ้าลูกไม้มาแต่งกระโปรง เวลาผ่านไปฉันก็มีตุ๊กตามากขึ้นถึง 5 ตัว และมีชุดตุ๊กตาที่เย็บเองด้วยจักรซิงเกอร์ที่ฉันฉ่ำชองมากกว่าใครในหมู่พี่น้องของฉัน ฉันถีบจักรเป็นตั้งแต่ประถมต้น




หลังจากนั้นเมื่อฉันโตขึ้น ฉันก็ไม่ได้เล่นตุ๊กตาอีกเลย ยังคงเก็บไว้ในตู้
ฉันเปลี่ยนทิศทางความชอบวาดภาพงานศิลปะแทน วิชางานศิลปะฉันจะทำคะแนนได้ดี ส่วนวิชาที่เกลียดที่สุดคือวิชาเกษตรกรรม เพราะต้องคลุกดิน ตากแดด พรวนดิน จับปุ๋ยขี้วัว ขี้ควาย 555 ฉันไม่ค่อยชอบงานเปื้อนๆสักเท่าไหร่ บางทีสมัยเด็กๆ เพื่อนผู้ชายเกเรหรือเด็กผู้หญิงบางคนก็ล้อฉันว่า
"อีตุ๊ด" ฉันไม่ชอบคำนี้เลย




ตอนนี้หลังจากที่ห่างหายงาน ตัดเย็บเสื้อผ้าในวัยเด็กมานานหลายสิบปี
ซึ่งเป็นความสามารถของฉันในขณะนั้น ณ ตอนนี้ฉันกลับมาเรียนรู้ งานตัดเสื้อผ้า อีกครั้ง ค่อยๆทำไป หัดทำแพทเทริน์เสื้อผ้า ตัดเย็บเอง
บางครั้งฉันก็เกิดความรู้สึกท้อ ด้วยเรื่องราว สิ่งที่พบเจอหลากหลาย ฯลฯ
รวมถึงกิจการร้านขายเสื้อผ้าของตัวเองในขณะนี้ ที่เปรียบเหมือนกับออกเรือท่ามกลางพายุฝน

แต่เมื่อฉันได้นึกถึง คนหลายๆคน ช่างเสื้อหลายคน เรียนจบ ป.4
คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่อ่านหนังสือไม่ออก ยังทำได้เลย แล้วถ้าฉันพยายามจนที่สุดของความสามารถจะทำไม่ได้เชียวหรือ ตำรา หนังสือ ฉันก็อ่านออก
มีโอกาศมากกว่าเขาอีกนะ



และสิ่งที่ทำให้ฉัน นึกพยายาม ฮึดสู้ ก็ ความทรงจำในวัยเด็กของฉันนี่แหละ ขนาดตอนนั้นเรายังเด็กเล็ก ไม่ได้เรียน ยังทำเสื้อกระโปรงให้ตุ๊กตาใส่ได้สวยๆเลย ใครเห็นใครก็ชมนิยมชอบ
เพราะฉะนั้น ความฝันจางๆในวัยเด็กที่เคยอยากเป็นดีไซน์เนอร์
ในวันนี้ฉันจะทำให้ได้




ปล. เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากการที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ ไปเรียนที่ศูนย์ฝึกอาชีพ ห้วยขวาง** หลังจากที่เค้าส่งฉันถึงที่หมาย


วินมอเตอร์ไซค์ : พี่มาเรียนอะไร

ฉัน : ตัดเย็บเสื้อผ้า

วินมอเตอร์ไซค์ : พี่เป็นดีไซน์เนอร์เหรอ

ฉัน : ใกล้เป็นแล้วววววววว

แล้วเราทั้งคู่ก็หัวเราะขำๆจากกันไปในทิศทางของตัวเอง ฉันหิ้วสิ่งของพะรุงพะรังก้าวขึ้นบันไดตึกเรียน พร้อมกับสมุดภาพแบบสเก็ตเพื่อไปสร้างแบบเสื้อ จากแบบสเก็ตให้เป็นชุดตามที่ฉันใฝ่ฝัน




*** เวลาคนถามว่าเรียนที่ไหน ฉันมักบอกว่า เรียนที่ เซนต์ มาติน ห้วยขวาง 555


**** หากฉันได้เป็นดีไซน์เนอร์แล้วมีโอกาศได้สัมภาษณ์หนังสือสักฉบับ ฉันอยากเล่าเรื่องราวในวัยเด็ก เพื่อให้ผู้คนได้หวลนึกถึง ครั้งหนึ่งเราอาจหลงลืมความสามารถที่เราเคยมีอยู่

แต่ครั้งนี้ฉันขอถอดบทความ จากอดีตให้ได้อ่านกันสั้นๆก่อนนะครับ

^_^




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2553 3:09:15 น.
Counter : 405 Pageviews.  

บันทึกที่ร้านเสื้อผ้า

เข้าสู่เดือนที่ 4 ในการเปิดร้านขายเสื้อผ้า
แต่จนบัดนี้.....ชื่อร้านหรือโลโก้ร้านก็ยังไม่มีซะที.....

ช่วงนี้ค้าขายอะไรก็ลำบาก เพราะพิษการเมืองเสื้อสี ผู้คนไม่ค่อยมี
การเดินทางมาที่ร้าน บางวันก็ติดกลุ่มผู้ชุมนุม ปิดถนน ทำให้ไม่มีคน
ร้านเพิ่งเปิดใหม่อย่างฉัน ก็มาเจอภาวะเศรษฐกิจ การเมือง แล้วเซ็นทรัลลดราคา(ร้านฉันอยู่ไม่ไกลจากเซ็นทรัลมากนัก ลูกค้าหายไปพอสมควร)

ปัญหาเรื่อง สินค้า เสื้อผ้า ที่ยังออกมาไม่มากนัก เงินลงทุนที่มีอยู่ก็น้อย
ค่าเช่าร้านที่แพง และปัญหาในการตัดเสื้อ ทำแพตเทริน์ กับช่าง
บางตัวยังสื่อสารกับช่างไม่ตรงใจนัก ต้องควบคุมราคาให้ดี
ต้องบอกกับตัวเองว่า อย่าใจดี(กับช่าง)เกินไป
ต้องบริหารจัดการให้ลงตัว เพราะนี่คือธุรกิจที่เราต้องพาไปให้รอดในภาวะ
เช่นนี้.....


ร้านนี้ฉันอยู่ขายเอง 6 วันต่อสัปดาห์
วันอาทิตย์คือวันเดียวที่ว่างไปซื้อผ้า
ที่พาหุรัด ขายอยู่ที่ร้าน...ตอนนี้ไม่ค่อยมีลูกค้า ฉันก็ได้แต่นั่งออกแบบเสื้อผ้าแล้วก็จัดร้าน ทำนู้นทำนี่ วันก่อนไปพาหุรัด เลือกซื้อผ้ามาได้นิดหน่อย
เพราะว่าแบบที่ออกแบบนั้นยังไม่ค่อยสวยสะดุกตา สะกิดใจมากนัก


ก่อนกลับ.....แวะไปซื้อดอกไม้ มา 2 กำ ที่ปากคลองตลาด
เอามาจัดดอกไม้ที่ร้านและแต่งห้อง .....


ส่วนด้านหน้าร้าน ฉันก็จัดดิสเพลย์เก๋ๆ รื้อของในลังเก่าในห้อง เจอสดึงไม้
หลายอันเลยเอาไปแต่งที่ร้าน เอาริบบิ้น ลูกไม้ พวกเชือก ผ้าแต่งลาย
มาติดมาโยง หน้าร้าน มันก็ช่วยทำให้ร้านแปลกตา มากขึ้น....


หวังว่า....น่าจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้น
ตอนนี้ได้แต่ ทำสิ่งที่ดี ถ้าเราพยายาม (อย่างมาก) ทุ่มเทอย่างเต็มที่
ด้วยสติและปัญญา ก็น่าจะฝ่าวิกฤต ตรงนี้ไปได้บ้าง เมื่อฟ้าหลังฝน
ปรากฏขึ้นในวันใหม่ การเตรียมการของเราก็น่าจะเห็นผล....


แค่นี้แหละเพื่อนโทรมา





 

Create Date : 06 เมษายน 2553    
Last Update : 6 เมษายน 2553 21:24:09 น.
Counter : 452 Pageviews.  

ตะลุยพาหุรัด

กว่าจะก่อร่าง สร้างตัวได้ด้วยตัวเองนี่ มันช่างสาหัสนัก

นับถือคนที่ประสบความสำเร็จด้วยตัวเองจริงๆ

ถ้าเราไม่หยุดที่จะพายเรือ สักวันก็ต้องถึงฝั่งฝัน

ถ้าเราหยุดพายเราอาจจะเป็นเหยื่อของปลาฉลามก็ได้....


เปิดร้านเสื้อผ้านี่เป็นทั้ง designer เป็นทั้งแจ๋ว ใช้ทั้งแรงงานและแรงสมอง
ต้องสร้างสรรค์ จินตนาการ ต้องเป็นนักบริหารที่ดี ไม่งั้นถ้าติสอย่างเดียว
คงไปไม่รอด ต้องเป็นนักการค้าขาย พูดเก่งให้คำแนะนำ
ต้องรู้หลักจิตวิทยา (กับลูกค้าบางประเภท) ต้องใช้กลยุทธ์หลากหลายมาก
ต้องจัดการเรื่องบัญชีด้วย วางแผนการตัดเสื้อ ไหนยังเรื่องการพีอาร์
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ถนัดเลย......มีเรื่องอะไรอีก ใครช่วยคิดหน่อยก็ได้นะครับ


วันนี้เป็นวันหยุดวันเดียวที่ฉันจะได้ไปพาหุรัดเพื่อไปเลือกซื้อผ้า
ฉันเตรียมเป้สีแดงสะพายหลัง ใส่ไว้ในกระเป๋าอีกทีเพื่อไว้สำหรับ
แบกผ้าผืนหนาและหนัก ผ้าผืนแรกเป็นผ้าลายยาว 24 เมตร
ลูกชายคนขายน่ารักดี....ถ้าอ่อนเยาว์กว่านี้สักหน่อยคงน่ารักกว่านี้


ผ้าสีอื่นๆก็อย่างละนิดอย่างละหน่อยก็ก็หนักและทำให้ปวดหลัง
รวมกระเป๋าและถุงใบใหญ่ๆก็สี่ใบ ฉันพาร่างตัวเล็กๆเดินลัดเลาะ
เบียดเสียดไปกับผู้คนในซอยตรอกแคบๆของพาหุรัดและสำเพ็ง


ไหนจะต้องรีบซื้อเพื่อแข่งกับเวลาเพราะร้านจะปิดประมาณ
สี่โมงเย็น.... ต้องวัดดวงว่าแบบที่ออกแบบมานั้นจะขายได้มากน้อย
ขนาดไหน


แล้วช่างที่ไปจ้างเค้าตัดชุด จะทำได้สวยงามตามแบบที่วาดเอาไว้หรือเปล่า
วันก่อนส่งไปสี่แบบ ออกมาดูดีตัวเดียวเอง

ตอนนั่งมาในรถเพื่อไปเปิดร้าน ฉันเหนื่อยและท้อใจบ้าง
แต่ไม่ยอมแพ้หรอกนะ แค่น้ำตาไหล แอบสะอึกสะอื้นในรถ
แท็คซี่เบาๆ นี่ถ้าเป็นรถตัวเอง คงร้องไห้โหไปแล้ว

รู้สึกกดดันหลายๆอย่าง ทั้งยอดขายและค่าเช่าร้าน
แล้วแบบเสื้อผ้าที่ตัดมาก็ยังไม่ได้ตามที่ใจคิด

ตอนนั้นเหนื่อยใจอยากปลดปล่อย แต่ก็ทำได้เพียงร้องไห้เบาๆ
และรีบกลับไปเปิดร้านขายเสื้อผ้าต่อ

ตอนนี้ผ้าวางกองอยู่ที่ห้อง พรุ่งนี้ต้องแบกขึ้นรถไปส่งช่าง
และรีบไปเปิดร้านขายต่อ

พรุ่งนี้ขอให้เฮงๆด้วยเถิด....

เรื่องสำเพ็งพาหุรัด หยิบมาเล่าได้อีกเยอะ

...พอแค่นี้ก่อน...ง่วง

ปล.วันนี้ไปนวดเท้า กับนวดตัวมา
พี่คนนวดกดแรงได้ใจมากๆ แต่ก็ทำให้ตัวเบากระเป๋าเบาไปเลย




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2553 1:39:49 น.
Counter : 2264 Pageviews.  


จ็อบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาดู profile นะครับ คงคิดว่า เอ๊...ไอ้เจ้าของความคิดนี้...มันคือใครหว่า

... ตอนนี้ขอยังไม่เปิดตัวนะครับ...

ที่ผ่านมาอาจสร้างศัตรูไว้เยอะ 555

พร้อมเมื่อไร แล้วจะเปิดตัวน๊า
Friends' blogs
[Add จ็อบ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.