Group Blog |
Lover's Concerto
* How gentle is the rain that falls softly on the meadow ฝนที่ตกลงสู่ทุ่งหญ้าอย่างแผ่วเบานั้นอ่อนโยนแค่ไหนกัน Birds high up in the trees serenade the clouds with their melody นกที่อยู่สูงขึ้นไปบนต้นไม้ บรรเลงเพลงขับกล่อมก้อนเมฆ ด้วยเสียงอันไพเราะ (ซ้ำ *) See there beyond the hills ดูสิ นั่นไง หลังภูเขาลูกนั้น The bright colors of the rainbow สีสันที่สว่างสดใสของสายรุ้ง Some magic from above made this day for us เวทมนตร์บางอย่างจากเบื้องบน ทำให้เกิดวันนี้ขึ้นสำหรับเรา Just to fall in love เพื่อตกหลุมรัก ** You hold me in your arms คุณกอดฉันไว้ในอ้อมแขน And say once again you love me และบอกอีกครั้งว่าคุณรักฉัน And if your love is true และถ้ารักของคุณเป็นจริง Everything will be just as wonderful ทุกๆอย่างคงจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ Now, I belong to you from this day until forever ตอนนี้ ฉันเป็นของคุณจากวันนี้จนนิรันดร์ Just love me tenderly แค่รักฉันอย่างนุ่มนวล And I'll give to you every part of me และฉันจะให้คุณในทุกๆสิ่งของฉัน Don't ever make me cry อย่าทำให้ฉันร้องไห้ Through long lonely nights without us ผ่านคืนอันยาวนานอย่างโดดเดี่ยวโดยปราศจากเรา Be always true to me จงซื่อตรงต่อฉันตลอดไป Keep this day in your heart eternally จำวันนี้เอาไว้ในหัวใจของคุณตลอดกาล (ซ้ำ **) เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่หวานซึ้งมากทีเดียว เชื่อว่า หลายๆคนที่อยู่ในห้วงรัก คงจะมีอารมณ์แบบนี้เป็นแน่แท้ เพลงนี้จึงเสมือนเป็นตัวแทนของความรักที่เต็มไปด้วยความหวาน แต่หากลองสังเกตดูจะพบว่า ในความหวานที่เพลงนี้สะท้อนออกมา ก็ยังมีคำขอที่เป็นเสมือนคำสอนใจให้กับผู้ที่มีความรักทั้งหลาย ว่า เมื่อรักแล้ว จง อ่อนโยน ซื่อตรง มั่นคง และจดจำความรักเอาไว้ในหัวใจตราบจนนิรันดร์ เพราะเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ความรักที่เกิดขึ้นคงจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ^_^ Through the rain : Mariah Carey
When you get caught in the rain with no where to run
เมื่อคุณติดอยู่ท่ามกลางสายฝน ไม่มีที่ให้หนีไป When you're distraught and in pain without anyone เมื่อคุณว้าวุ่นใจและเจ็บปวดอย่างเดียวดาย When you keep crying out to be safe but no body come เมื่อคุณร้องไห้ขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครมาช่วย And you feel so far away และคุณรู้สึกเหมือนอยู่ไกลแสนไกล That you just can't find your way home คุณไม่สามารถที่จะหาทางกลับบ้านได้ You can get there alone, it's okay คุณสามารถอยู่ที่นั่นคนเดียวได้ มันไม่เป็นไรหรอก what you say is สิ่งที่คุณพูด คือ I can make it through the rain ฉันสามารถผ่านมันไปได้ I can stand up once again on my own ฉันสามารถยืดหยัดใหม่อีกครั้ง ด้วยตัวฉันเอง And I know that I'm strong enough to mend และฉันรู้ว่า ฉันเข้มแข็งมากพอที่จะลุกขึ้นมาอีก And every time I feel afraid I hold tighter to my faith และทุกครั้งที่ฉันรู้สึกกลัว ฉันโอบกอดศรัทธาไว้อย่างแนบแน่น And I live one more day and I make it through the rain และฉันอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน และฉันสามารถผ่านมันไปได้ And if you keep falling down don't you dare give in และถ้าคุณยังคงตกลงไป ทำไมคุณไม่กล้าที่สู้ You'll arise safe and sound, so keep pressing on steadfastly คุณจะกลับขึ้นมาอย่างปลอดภัย ดังนั้นจงแน่วแน่ต่อไป And you'll find what you need to prevail และคุณจะเจอว่าอะไรที่คุณต้องการเพื่อที่จะชนะ What you say is สิ่งที่คุณพูด คือ I can make it through the rain ฉันสามารถผ่านมันไปได้ I can stand up once again on my own ฉันสามารถยืดหยัดใหม่อีกครั้ง ด้วยตัวฉันเอง And I know that I'm strong enough to mend และฉันรู้ว่า ฉันเข้มแข็งมากพอที่จะลุกขึ้นมาอีก And every time I feel afraid I hold tighter to my faith และทุกครั้งที่ฉันรู้สึกกลัว ฉันโอบกอดศรัทธาไว้อย่างแนบแน่น And I live one more day and I make it through the rain และฉันอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน และฉันสามารถผ่านมันไปได้ And when the wind blows, as shadows grow close don't be afraid และเมื่อลมโหมกระหน่ำ เหมือนกลุ่มเงาเข้ามาใกล้ อย่าได้กลัว There's nothing you can't face ไม่มีอะไรที่คุณจะเผชิญหน้ากับมันไม่ได้ And should they tell you, you'll never pull through และถ้าพวกเขาบอกว่า คุณจะไม่มีทางผ่านมันไปได้ Don't hesitate, stand tall and say อย่าลังเล จงยืนหยัดและพูดว่า I can make it through the rain ฉันสามารถผ่านมันไปได้ I can stand up once again on my own ฉันสามารถยืนหยัดขึ้นอีกครั้งด้วยตัวเอง And I know that I'm strong enough to mend และฉันรู้ว่าตัวเองเข้มแข็งมากพอที่จะลุกขึ้นอีก And every time I feel afraid I hold tighter to my faith และทุกครั้งที่ฉันรู้สึกกลัว ฉันโอบกอดศรัทธาไว้อย่างแนบแน่น And I live one more day and I make it through the rain และฉันอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน และฉันสามารถผ่านมันไปได้ I can make it through the rain ฉันสามารถฝ่าสายฝนนี้ไปได้ And stand up once again และสามารถยืนหยัดขึ้นอีกครั้ง And I live one more day and night และฉันอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน I can make it through the rain ฉันสามารถผ่านมันไปได้ (oh Yeah you can) ใช่ คุณสามารถ You're gonna make it through the rain คุณจะสามารถผ่านมันไปได้ เจ้าของ Blog ได้เขียนความคิดเห็นต่อเพลงนี้ไว้ที่ //my.dek-d.com/kimsoah1991/blog/ เผื่อเพื่อนๆคนไหนสนใจจะแบ่งปันความคิดเห็นของตนเองที่มีต่อเพลงนี้ ก็ลองเข้าไปอ่านและแบ่งปันกันได้นะคะ สุดท้าย สิ่งที่เจ้าของ Blog ได้เรียนรู้จากเพลงนี้ และอยากฝากถึงเพื่อนๆที่ (หลง) เข้ามาอ่าน คือ ทุกคนเคยมีช่วงเวลาที่ชีวิตตกลงไปอยู่ที่จุดที่ตัวเองไม่ต้องการกันทั้งนั้นคะ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของชีวิต แต่เรื่องปกตินี้ จะวิเศษมากขึ้น หากเราเรียนรู้ที่จะใช้มันเป็นบทเรียน เพื่อทำความเข้าใจและฝึกซ้อมตนเอง ให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่เรามองว่ามันเลวร้าย เหตุการณ์แย่ๆ ที่อาจจะเข้ามาอีกในอนาคต ฝึกซ้อมเพื่อที่จะต่อสู้กับมัน และผงาดขึ้นมาอีกครั้ง คุณจะแข็งแกร่งขึ้น จนไม่ว่าเรื่องนั้นจะหนักหนาแค่ไหน มันจะไม่สามารถฆ่าคุณได้ อย่าปล่อยให้ความเลวร้าย เรื่องแย่ๆ สิ่งที่คุณไม่ต้องการ ฆ่าคุณนะคะ คุณต่างหากที่ต้องเป็นคนขจัดเรื่องพวกนั้นออกไปจากชีวิตคุณ สู้คะ สู้ต่อไป ^_^ ผ่านสายฝนนี้ไปให้ได้นะคะ ^_^ The show : Lenka
Im just a little bit caught in the middle ฉันแค่กำลังติดกับอยู่ตรงกลาง Life is a maze and love is a riddle ชีวิตเป็นเหมือนเขาวงกต และความรักก็เหมือนกับปริศนา I dont know where to go ฉันไม่รู้จะไปทางไหน I cant do it alone (Ive tried) ฉันไม่สามารถทำมันคนเดียวได้ ฉันพยายามแล้ว and I dont know why และฉันไม่รู้ว่าทำไม Slow it down ช้าๆลงหน่อย make it stop หยุดมันซะ or else my heart is going to pop ไม่งั้นหัวใจของฉันคงระเบิดออกมา cuz its too much เพราะมันมากเกินไป yeah, its a lot to be something Im not ใช่ มันมากเกินไปที่จะต้องเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ Im a fool out of love ฉันเป็นคนโง่ ขาดความรัก cuz I just cant get enough เพราะฉันไม่สามารถพอได้สักที ** Im just a little bit caught in the middle ฉันแค่กำลังถูกจับไว้ตรงกลาง Life is a maze and love is a riddle ชีวิตเป็นเหมือนเขาวงกต และความรักก็เหมือนกับปริศนา I dont know where to go ฉันไม่รู้จะไปทางไหน I cant do it alone (Ive tried) ฉันไม่สามารถทำมันคนเดียวได้ ฉันพยายามแล้ว and I dont know why และฉันไม่รู้ว่าทำไม Im just a little girl lost in the moment ฉันแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆที่กำลังหลงทาง Im so scared but I dont show it ฉันกลัวมากแต่ไม่แสดงออก I cant figure it out ฉันไม่สามารถหาทางออกได้ Its bringing me down มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ I know Ive got to let it go ฉันรู้ ฉันต้องปล่อยมันไป and just enjoy the show และสนุกกับการแสดงตรงหน้า The sun is hot in the sky พระอาทิตย์แผดเผาอยู่บนท้องฟ้า Just like a giant spotlight เหมือนกับสปอร์ตไลท์ดวงใหญ่ๆ The people follow the sign คนเดินตามแนวทาง and synchronize in time และทำมันอย่างคล้องจองกัน Its a joke มันตลกดี Nobody knows theyve got a ticket to that show ที่ไม่มีใครรู้ ทุกคนได้รับตั๋วไปชมการแสดงนั้น Yeah, Im just a little bit caught in the middle ใช่ ฉันแค่กำลังติดกับอยู่ตรงกลาง Life is a maze and love is a riddle ชีวิตเป็นเหมือนเขาวงกต และความรักก็เหมือนกับปริศนา I dont know where to go ฉันไม่รู้จะไปทางไหน I cant do it alone (Ive tried) ฉันไม่สามารถทำมันคนเดียวได้ ฉันพยายามแล้ว and I dont know why และฉันไม่รู้ว่าทำไม Im just a little girl lost in the moment ฉันแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆที่กำลังหลงทาง Im so scared but I dont show it ฉันกลัวมากแต่ไม่แสดงออก I cant figure it out ฉันไม่สามารถหาทางออกได้ Its bringing me down มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ I know Ive got to let it go ฉันรู้ ฉันต้องปล่อยมันไป and just enjoy the show oh oh และสนุกกับการแสดงตรงหน้า just enjoy the show oh oh สนุกกับการแสดงตรงหน้า (ซ้ำ **) dum de dum dudum de dum Just enjoy the show แค่สนุกกับการแสดงตรงหน้า dum de dum dudum de dum Just enjoy the show แค่สนุกกับการแสดงตรงหน้า I want my money back x 3 ฉันต้องการเงินของฉันคืน Just enjoy the show แค่สนุกกับการแสดงตรงหน้า I want my money back x 3 ฉันต้องการเงินของฉันคืน Just enjoy the show แค่สนุกกับการแสดงตรงหน้า เจ้าของ Blog ได้เขียนความคิดเห็นเกี่ยวกับเพลงนี้ไว้ที่ //my.dek-d.com/kimsoah1991/blog/ เผื่อเพื่อนๆคนไหนสนใจจะแบ่งปันความคิดเห็นของตนเองที่มีต่อเพลงนี้ ก็ลองเข้าไปอ่านและแบ่งปันกันได้นะคะ สุดท้าย สิ่งที่เจ้าของ Blog ได้เรียนรู้จากเพลงนี้และอยากฝากถึงเพื่อนๆผู้อ่านทุกคน คือ ถ้าชีวิตของคนเราเปรียบเหมือนการชมและการแสดงละคร และเวลาก็เปรียบเหมือนเงินตราที่เราใช้จับจ่ายเพื่อได้ชมการแสดงเหล่านั้นหรือเพื่อแสดงมันด้วยตัวเราเอง เรามาเลือกใช้เงินตราของเราให้คุ้มค่ากันเถอะนะคะ เชื่อได้ว่า หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เราคงจะสุขใจกับการแสดงที่อยู่ตรงหน้า ที่มาจากการเลือกใช้เงินอย่างมีสติของเราเอง เกริ่นนำก่อนเข้าเรื่อง
สวัสดีคะทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Blog ของเรานะคะ Welcome to my world คะ ^_^ (ยิ้มหวาน) เราตั้งใจทำ Blog นี้ขึ้นมาเพื่อที่จะลงเพลงที่ตัวเองชื่นชอบและได้มีโอกาสลองฝึกแปลความหมายไว้สำหรับคนที่สนใจและเพื่อให้เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านได้แบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับความหมายของเพลงกันคะ ในความเป็นจริงแล้ว เราเองก็ไม่ใช่คนที่เก่งภาษามากมาย ดังนั้น อาจมีบางจุดที่เราแปลผิดพลาดได้ ก็ขอให้เพื่อนๆที่พบเห็นจุดบกพร่องของเรา ช่วยชี้แนะให้เราเห็นด้วยนะคะ ถือว่า เป็นการช่วยแนะนำเพิ่มเติมความรู้ให้กับเรา ^_^ เราหวังว่า การเขียน Blog นี้จะเป็นประโยชน์แก่ทั้งตัวเรา ที่กำลังพยายามฝึกภาษาผ่านบทเพลงอยู่ และผู้ที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อยนะคะ สุดท้าย ขอขอบคุณทุกคนที่คลิ๊กเข้ามาอ่าน ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม ขอบคุณที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการเขียน Blog ของเรา เป็นเพื่อนที่คอยแนะนำ และให้กำลังใจเรานะคะ ขอบคุณคะ |
crystal-girl
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Friends Blog
Link |