ครีเอทีฟภูธร

ประโยชน์ของจมูกข้าว

ประโยชน์ของจมูกข้าว

เมล็ดข้าวทุกพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี จะมีส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งอยู่ในเมล็ดพืช เรียกว่าจมูกข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่จะงอกออกไปเป็นต้นใหม่ ประโยชน์ของจมูกข้าวโดยเฉพาะจมูกข้าวกล้อง คือ เป็นแหล่งโปรตีน ต้นข้าวต้นใหม่จะงอกได้ก็ต้องอาศัยโปรตีนจากจมูกข้าวนี่แหละ มนุษย์ที่กินจมูกข้าวก็เลยไดประโยชน์ส่วนนี้ไปโดยปริยาย จมูกข้าวยังอุดมด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญ จะช่วยชะลอความชรา ป้องกันโรคเสื่อมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันอัมพาต อุดมด้วยสารเส้นใย ช่วยในการขับถ่าย รักษาสุขภาพลำไส้ใหญ่ และป้องกันมะเร็งลำไส้ มีเกลือแร่เซเลเนียม ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการของวัยหมดประจำเดือน จึงเหมาะมากสำหรับผู้หญิงวัยกลางคน มีสังกะสีมาก ซึ่งจำเป็นสำหรับผู้ชาย เพราะหากผู้ชายคนไหนขาดสังกะสีจะทำให้ต่อมลูกหมากโต จมูกข้าวจึงป้องกันโรคของต่อมลูกหมาก และป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้

วันนี้จะแนะนำให้กินจมูกข้าว ว่าเอามาทำอะไร กินได้บ้างนอกจากเอามาโรยข้าว แต่ที่สำคัญกว่าคือจะต้องเลือกจมูกข้าวที่ใหม่ ไม่มีกลิ่นหืน เพราะความหืนที่ว่ามาจากน้ำมันในจมูกข้าวถูกออกซิไดซ์ โดยทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ จะทำให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพมากกว่า เวลาซื้อจมูกข้าวสาลีจึงต้องเลือกใหม่ ๆ ถามคนขายก็ได้ คนขายที่รักสุขภาพน่าจะบอกความจริงแก่ลูกค้าว่าอันไหนใหม่ อันไหนเก่าเก็บ ถ้าเลือกแบบบรรจุในถุงสุญญากาศก็จะเสี่ยงต่อความหืนน้อยกว่า

-ข้าวกล้องอินทรีย์ บ้านไร่ต้นฝัน




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2557 23:24:05 น.
Counter : 727 Pageviews.  

ข้าวกล้องหอมนิล ของดำ...หม่ำแล้วแข็งแรง

ข้าวกล้องหอมนิล ของดำ...หม่ำแล้วแข็งแรง

ข้าวสีนิล หรือ ข้าวหอมนิล หรือ ข้าวก่ำ คือข้าวที่มีสีดำโดยกำเนิด ไม่ได้มีการย้อมสีใดๆ ทั้งสิ้น มีรสชาตอร่อย มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดดเด่น แตกต่างจากข้าวสีอื่น มีคุณประโยชน์บางอย่างมากกว่าข้าวสีอื่น ในตลาดจะมีข้าวสีนิลทั้งแบบที่สีหลายขั้นตอนซึ่งเป็นขั้นตอนเหมือนกับการสีข้าวสารจนเป็นสีขาว แต่ข้าวสีนิลนี้สีอย่างไรก็ไม่ขาว และแบบที่กำลังเป็นที่นิยมบริโภคกันคือการสีแบบข้าวกล้อง คือการสีเอาเปลือกออกเท่านั้น ซึ่งจะคงคุณค่าทางโภชนาการ คุณค่าทางยา วิตามิน เกลือแร่ต่างๆ ไว้ได้ครบถ้วน และกำลังมาแรงคือข้าวกล้องงอกสีนิล ข้าวกล้องงอกแบบนี้มีสาร GABA ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ปริมาณมากกว่าข้าวกล้องงอกแบบอื่นหลายเท่า ลองซื้อหามากินกันดูนะครับ แนะนำให้ซื้อเป็นข้าวกล้อง ยิ่งเป็นข้าวกล้องที่เพิ่งเกี่ยวใหม่ในฤดูการปลูกล่าสุด จะได้กินข้าวที่นุ่มมาก หอมมากจนคุณติดใจ แต่ถ้าไปซื้อข้าวที่เก็บไว้นานๆ (โดยส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ดังๆ) จะเจอข้าวสีนิลที่แข็ง...เกินอร่อย แล้วก็จะเข็ด โดยโทษข้าวว่าเป็นข้าวที่ไม่อร่อยบ้าง แข็งเกินไปบ้าง... ข้าวสีนิล เกษตรกรปลูกกันน้อย เพราะไม่ได้เป็นข้าวเศรษฐกิจ ดูแลยาก เลยทำให้มีราคาแพงกว่าข้าวประเภทอื่นเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นข้าวกล้องงอกสีนิลจะแพงขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว
เคล็ดลับการกินข้าว ไม่ว่าคุณจะกินข้าวแบบไหนก็ตาม ถ้าเลือกซื้อข้าวที่เพิ่งเกี่ยวไปฤดูเกี่ยวล่าสุด และเพิ่งสีมาไม่นาน จะได้กินข้าวที่นุ่ม อร่อยกว่าข้าวค้างปี และสีทิ้งไว้นาน
คุณค่าทางอาหารของข้าวกล้องหอมนิล :
1). วิตามิน B1, B2, Bรวม และวิตามิน E
2). ธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง แคลเซียม โพแทสเซียม (โดยเฉพาะธาตุเหล็กสูงกว่า
ข้าวกล้องทั่วไป 30 เท่า)
3). โปรตีน 12.5% (มากกว่าข้าวกล้องทั่วไป)
4). คาร์โบไฮเดรต (ต่ำกว่าข้าวกล้องทั่วไป จึงกินแล้วไม่อ้วน)
5). สารต้านอนุมูลอิสระ (ANTI-OXIDANT) สูงกว่าข้าวกล้องทั่วไป 7 เท่า
6). เส้นใยอาหาร (FIBER)
ประโยชน์ที่ได้รับ:
1. วิตามิน B1 ป้องกันเหน็บชา และช่วยการทำงานของระบบประสาท
2. วิตามิน B2 ป้องกันโรคปากนกกระจอก และ ช่วยเผาผลาญอาหาร
3. วิตามินบีรวม ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการอ่อนเพลีย แขน ขาไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ
โรคผิวหนังบางชนิด บำรุงสมอง ทำให้เจริญอาหาร
4. ไนอาซีน ช่วยการทำงานของระบบประสาท และระบบผิวหนัง
5. แร่ธาตุเหล็ก แม็กนีเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ป้องกันโรค
โลหิตจาง ป้องกันไม่ให้เป็นตะคริว
6. เส้นใย ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก ป้องกันมะเร็งลำไส้ ซับไขมัน ช่วยลดระดับค
ลอเรสเตอรอลป้องกันโรคไขมันสะสมในเส้นเลือด
7. คาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานต่อร่างกาย
8.โปรตีน เสริมสร้าง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
นอกจากนี้ ข้าวพันธุ์นี้ยังมีสารแอนโทไซยานิน ที่ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ นุ่มสลวยไม่แตกปลาย ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง กระตุ้นให้ผมมีสีเข้มขึ้น ชะลอกการเกิดผมหงอกก่อนวัย และธาตุเหล็กที่มีอยู่ในข้าวหอมนิลนี้ ทานเข้าไปในร่างกายสามารถดูดซึมได้เลย ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการบำรุงโลหิตได้ทันที ดีไหมครับ

ลองซื้อหามากินดูนะครับ ข้าวกล้องหอมนิล ข้าวสีดำ หม่ำอร่อย กินบ่อยๆ ร่างกายแข็งแรง

ขอบคุณเว็บไซต์ ข้าวกล้องอินทรีย์ บ้านไร่ต้นฝัน




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2557 23:24:30 น.
Counter : 610 Pageviews.  

ข้าวกล้อง กินไว้...ตายช้า

ข้าวกล้อง กินไว้...ตายช้า

รู้มั้ย! ทุกๆ วันที่เรากินกันแต่ข้าวขาว หรือข้าวที่ถูกขัดสีให้ขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะ เราแทบจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากมันเลย ที่จะเป็นประโยชน์บ้างก็คือ อิ่มท้อง ในด้านสุขศึกษาก็เห็นจะมีแค่ แป้ง ซึ่งจะกลายเป็นคาร์โบไฮเดตหรือน้ำตาลเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ถ้าร่างกายใช้ไม่หมดก็จะถูกสะสมเป็นน้ำตาลในเลือด เยอะหน่อยก็จะกลายเป็น"เบาหวาน" นอกนั้นก็จะมีกากใยไฟเบอร์บ้างพอจะช่วยเราในการขับถ่ายได้บ้าง ผู้ใหญ่ถึงในเรากินผักเข้าไปด้วยงัยหล่ะ ตรงกันข้ามกับคนโบราณที่มีร่างกายกำยำแข็งแรง อายุยืนยาว(ถ้าไม่เป็นโรคระบาดตายเสียก่อน) เพราะคนโบราณเหล่านั้นกินข้าวซ้อมมือหรือข้าวกล้องนั่นเอง ทำไมเราไม่หันมากินข้าวกล้องกันหล่ะ?

คุณประโยชน์ของข้าวกล้อง
มีวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ในข้าวกล้องรวมกัน 20 กว่าชนิด ทำให้การทำงานของส่วนต่างๆ ของ ร่างกายมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ เช่น
·วิตามินบีรวม ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการอ่อนเพลีย แขน ขาไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ โรคผิวหนังบางชนิด บำรุงสมอง ทำให้เจริญอาหาร
·วิตามินบี 1 หากกินเป็นประจำป้องกันโรคเหน็บชาได้
·วิตามินบี 2 ป้องกันโรคปากนกกระจอก
·ฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
·แคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นตะคริว
·ทองแดง สร้างเมล็ดโลหิต และเฮโมโกลบิน
·ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
· โปรตีน ช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ ข้าวกล้องมีโปรตีนประมาณ 7-12% (ขึ้นอยู่กับพันธุ์ข้าว) การขัดสีข้าวจนมีสีขาวทำให้โปรตีนสูญหายไปประมาณ 30%
·ไขมัน ให้พลังงานแก่ร่างกาย ไขมันในข้าวกล้องเป็นไขมันที่ดี ไม่มีคอเรสเตอรอล
·ไนอะซิน ช่วยระบบผิวหนังและเส้นประสาท และป้องกันโรคเพลลากรา (โรคที่เกิดจากการขาดไนอะซิน จะมีอาการท้องเสีย ประสาทไหว โรคผิวหนัง)
·คาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานแก่ร่างกาย
·กากอาหาร ข้าวกล้องมีกากอาหาร เส้นใยไฟเบอร์มาก ช่วยให้ท้องไม่ผูก ช่วยป้องกัน มะเร็งในลำไส้
·สุขภาพจิตและสติปัญญาดีขึ้น เพราะสุขภาพกายดีขึ้น




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2557 23:14:14 น.
Counter : 431 Pageviews.  

มองโรคในแง่ดี

มองโรคในแง่ดี

ลองกลับไปอ่านชื่อเรื่องอีกทีครับ! คุณไม่อ่านผิดและผมก็ไม่ได้เขียนผิดหรอกครับ ผมแค่อยากให้พวกเรามองด้านดีของเรื่องร้ายๆ กันสักหน่อย เพราะทุกๆ เรื่องมีด้านที่ดีเสมอ ก่อนที่ผมจะมองโรคในแง่ดี ผมอยากเล่าด้านร้ายให้พวกเราได้ตระหนักกันก่อน
หลายท่านคงรู้ ผมผ่านเรื่องร้ายที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตของผมมาแล้ว... “ไตวาย” ภัยเงียบที่มาโดยผมไม่รู้ตัว (อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายนักนะครับ) ผมเป็นคนที่แข็งแรงมาก ปีหนึ่งปวดหัวตัวร้อนครั้งสองครั้งไม่เกินนั้น มีอยู่วันหนึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วผมเกิดอาเจียนไม่หยุดตั้งแต่เช้าจนเย็น เมื่อสรุปอาการว่าไม่ใช้อาหารเป็นพิษหรือโรคอื่นที่เคยเป็นแน่นอน ผมก็ตรงดิ่งไปหาหมอ หลังจากคุณหมอตรวจทั้งโดยการสังเกตอาการ สอบถามประวัติและเจาะเลือดตรวจ คุณหมอบอกผมว่า
หมอ: “อาการของคุณคือ ไตวายเรื้อรัง”
ผมอึ้งไปพักใหญ่และถามคุณหมอว่า
ผม: “แล้วไตเอ๊กซ์และไตแซดเป็นยังงัยครับหมอ”...(บรรทัดนี้ล้อเล่นครับ ขำ ขำ)
ผมถามจริง: “ไตวาย มันเป็นยังงัยครับหมอ”
หมอ: “ไตวายมี 2 ประเภท มีไตวายเฉียบพลัน กับไตวายเรื้อรัง ของคุณเป็นไตวายเรื้อรังระดับ 4 ครับ”
ผม: “แล้วมันมีกี่ระดับครับหมอ”
หมอ: “4 ระดับ”...
ผม: อึ้ง!
หมอ: “สำหรับคุณยังไม่ต้องฟอกไต แต่ต้องควบคุมเรื่องอาหารอย่างเคร่งครัด”
ผม: “ถ้างั้นผมจะกินอย่างชีวจิต ผมก็คงอยู่โดยไม่ต้องฟอกไตได้อีกนานใช่ไหมครับ”
หมอ: “อืม...ม...”(ไม่ตอบ) ...”ขั้นต่อไปหมอขอเจาะไตของคุณเพื่อดูเนื้อไตอย่างละเอียดหน่อยนะครับ แล้วคุณมีไวรัสตับอักเสบบี คงต้องเจาะตับดูภาวะเสี่ยงอีกด้วยครับ”
ผม: “เหรอ...ครับ”
หลังจากกินแบบชีวจิตอย่างเคร่งครัดเพื่อนหลายคนเป็นพยานได้ ผมก็ทนได้แค่ 3 เดือน ผมต้องเข้ากระบวนการฟอกไต นอนฟอกครั้งละ 4 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลา 8 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่ครอบครัวผมร่วมวางแผนเปลี่ยนไตให้ผม โดยมีน้องชายและน้องสาวทั้งสองของผมยินดีสละไตให้ผมหนึ่งข้าง... วันปีใหม่ปี 2550 ของขวัญปีใหม่ในปีนั้นของผมคือ ไตที่สมบูรณ์ของน้องชายผม ทุกวันนี้น้องชายผมสุขภาพแข็งแรงดี ส่วนผมก็ใช้ชีวิตอย่างมีสุข รู้ค่าทุกนาทีของการมีชีวิตอยู่ เรียนรู้ที่จะอยู่กับยากดภูมิตลอดชีวิตเพื่อไม่ให้ร่างกายปฏิเสธไตของน้องชาย ตรงไปตรงมากับตัวเอง รีบทำสิ่งที่คิด ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ยึดติดกับสิ่งสมมติมากเกินไป ดีต่อคนรอบข้าง ดีต่อเพื่อนร่วมงาน...ผมมีความสุขดี...มาก
ทำไม่ผมถึงอยากให้คุณมองโรคในแง่ดีเหรอครับ เพราะผมอยากให้คุณมีความสุข ถ้าเลี่ยงมันไม่ได้ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีความสุข ข้ามผ่านมันไปได้อย่างมีสติ หันกับมามองมันอย่างคนที่แข็งแกร่ง

วิธีมองโรคในแง่ดี
• ถ้าคุณเป็นหวัดวันนี้ คุณจะไม่มีวันเป็นหวัดจากไวรัสตัวนี้อีกเลยตลอดชีวิต(ตัวอื่นไม่เกี่ยว)
• ถ้าคุณเป็นโรคแปลกใหม่ คุณจะได้ความรู้ใหม่ๆ เก็บไว้บอกเล่าสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้มันเกิดกับคนที่คุณรักหรือเพื่อนคุณได้อีก
• ถ้าท้องเสีย คือ ได้ทำดีท๊อกซ์
• ถ้าท้องผูก ไม่ต้องเข้าห้องน้ำ มีเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ
• ถ้าเป็นโรคกระเพาะคือเพื่อนคอยเตือนให้เรากินข้าวให้ตรงเวลา
• ปวดหัวเป็นไข้ ทำให้ทิฟฟี่ ไทลีนอล หรือพาราเซตตามอลขององค์การเภสัชขายได้ ถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทาง
• คนป่วยมักได้กินแต่อาหารดีๆ นะครับ อยากกินอะไรเดี๋ยวมีคน...จัดให้
• แต่ตอนไม่สบาย มักไม่ค่อยอยากกินอาหาร ก็ถือเป็นโอกาสแห่งการลดน้ำหนักซะเลย
• เวลาป่วยไข้ จะได้ความรักความเอาใจใส่จากคนรอบข้าง โดยเฉพาะแฟน(อ้อนไว้ อ้อนไว้)
• ตอนพักฟื้น เป็นช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้ทบทวนชีวิต
• ถ้าป่วยหนัก จะได้เห็นน้ำใสใจจริงของคนรอบข้าง ของคนที่เคยบอกว่าห่วงใยคุณ
• เมื่อคุณหายป่วยสนิท ร่างกายคุณจะแข็งแรงขึ้น จิตใจจะสดชื่นกระชุ่มกระชวยเป็นพิเศษ
• ถ้าป่วยขนาดเฉียดตาย ก็จะได้รู้คุณค่าของการมีชีวิตอยู่(แบบรู้จริงซะด้วย)
• ทำให้เราเรียนรู้ที่จะเห็นใจและเต็มใจช่วยเหลือคนป่วยไข้คนอื่นๆ ในโลกนี้
• ทำให้การกลายเป็นGuru เรื่องโรคที่เราเป็น

ยังมีข้อดีของการเป็นโรคอีกเยอะ ซึ่งถ้าไปถามคนที่ผ่านมันมาได้ก็อาจจะได้มุมมองดีๆ ที่แตกต่างกันไปอีกมากมาย มองโรคในแง่ดีเถอะครับ อย่างน้อยที่สุดมันก็ทำให้ไม่ตื่นกลัว ทำให้คุณมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข เพราะที่จริงแล้ว

มองโรคในแง่ดี = มองโลกในแง่ดี




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2553 18:25:32 น.
Counter : 521 Pageviews.  

ความจริงเกี่ยวกับ “ข้าวหุงขึ้นหม้อ”

ความจริงเกี่ยวกับ “ข้าวหุงขึ้นหม้อ”

คนกินข้าวอย่างเราโดนคำพูดกรอกหูมานานจนฝังหัวไปแล้วว่า “ข้าวที่หุงแล้วขึ้นหม้อ” เป็นข้าวที่ดี บวกกับเมื่อมองทางกายภาพแล้วมันก็ดูฟูน่ากิน ยิ่งพอเปิดหม้อหุงข้าวแล้วได้กลิ่นฉุยและสัมผัสความร้อนที่กระจายมากระทบใบหน้าแล้ว...ต้องยอมรับว่ามันเพิ่มความน่ากินเข้าไปอีก เมื่อตาเห็น จมูกได้กลิ่น กายได้สัมผัส ก็เสร็จมันซะจานสองจาน...อิ่มแปล้
ความจริง! ข้าวที่หุงขึ้นหม้อส่วนใหญ่จะเป็นข้าวขาว ถูกขัดสีซะจนขาว มันคือข้าวแบบที่เราซื้อตามห้างถุงละ 5 กิโลนี่แหละ รู้มั้ยครับมันถูกเก็บมาเป็นปีปี บางที 2 -3 ปี ด้วยเหตุผลหลายประการของโรงสีซึ่งก็คือพ่อค้านี่แหละครับ บ้างก็เพื่อเก็งกำไร บางเพื่อส่งออกแต่ไม่ได้ส่ง บ้างก็ไปซื้อต่อมาจากพ่อค้าคนอื่นอีกต่อ ฯลฯ การเก็บข้าวเขาทำกันอย่างไร ลองอ่านดูในเรื่องข้าวเรื่องที่แล้วดูนะครับ แต่ในที่นี้ผมจะพูดถึงความชื้นครับ ข้าวที่ถูกเกี่ยวมาใหม่ๆ จากมีความชื้นสูง พ่อค้าไม่ชอบความชื้นสูงเพราะข้าวมันจะหนัก พ่อค้าจะได้กำไรน้อย
สมมติว่า ถ้าเป็นข้าวเกี่ยวใหม่ใน 1 กิโลกรัม มีข้าว 100,000 เมล็ด แต่ถ้าทิ้งไว้สักเดือนหนึ่ง ข้าว 1 กิโลกรม จะมีเมล็ดข้าว 110,000 เมล็ด ดังนั้นพ่อค้าก็ต้องอยากได้ปริมาณข้าวที่เยอะกว่าใช่มั้ยครับ ถ้าแต่ขณะนี้ชาวนาอยากขาย ถ้าไม่ซื้อก็ไม่ได้เดี๋ยวเขาไปขายเจ้าอื่นขึ้นมาก็อดได้ข้าว ก็เลยอ้างว่า “ข้าวชื้นเกินไป” จากข้าวเปลือกกิโลกรัมละ 14 บาท อาจจะเหลือ 12 บาท
อ้าว!...ไปๆ มาๆ ดันไปพูดถึงพ่อค้าซะนี่ กลับเข้าเรื่องดีกว่า ข้าวที่เกี่ยวใหม่ๆ จะมีความชื้นสูง ความชื้นสูงเนี่ยะ ดีนะครับ มันหมายถึงในเมล็ดข้าวจะมีน้ำอยู่ภายใน เมื่อหุงสุกแล้วลองกินดูจะรู้สึกว่า เมื่อกัดเข้าไปในเมล็ดจะมีความชุ่มฉ่ำ ไม่แห้ง ไม่แข็ง ไม่สาก ข้าวจะมีความเหนียว ยืดหยุ่นดี หนึบหนับ แม้จะเป็นข้าวสารก็เถอะ ไม่เชื่อลองหาข้าวใหม่ที่เพิ่งเกี่ยวเสร็จมากินดู แต่ข้อเสียของข้าวใหม่คือ “หุงไม่ขึ้นหม้อ” จริงมันก็เป็นของมันปกติแบบนั้นมาตั้งแต่โบราณกาลมาแล้ว คนเราไปนิยามมันเองว่า แบบที่พ่อค้าเจ้าใหญ่ผลิตมาขายคือข้าวหุงขึ้นหม้อ อีกแบบเลยกลายเป็นข้าวที่หุงไม่ขึ้นหม้อไปโดยปริยาย
ที่นี้มาดูข้าวหุงขึ้นหม้อกันบ้าง...ทำไมมันถึงขึ้นหม้อ? คำตอบคือก็เพราะข้าวเหล่านี้มันถูกเก็บไว้นานมาก นานจนความชื้นในข้าวมันหายไปหมด เมื่อนำไปหุงก็ต้องใส่น้ำมากกว่าข้าวเกี่ยวใหม่ ในขณะที่หุง...เมื่อข้าวที่แห้งพบกับน้ำ มันก็จะดูดน้ำเข้าไปไว้ในตัวมัน ดูดแล้วดูดอีก แล้วตัวมันก็จะฟูขึ้น พองขึ้น บวมขึ้น หลายๆ เมล็ดรวมกันมันก็เลยเบียดเสียดกันยกตัวกันขึ้นจนสูงท่วมหม้อหุงข้าว เมื่อเราเปิดหม้อก็ แอ่น แอน แอ๊น...ข้าวหุงขึ้นหม้อเลย ถ้าจะเปรียบมันก็เหมือนกับคุณแช่ขนมปังในน้ำ ทิ้งมาม่าไว้ในชามนานๆ มันก็จะพองหรืออืดขึ้น หรือยุคหนึ่งที่เรานิยมไอ้ตัวดูด ที่พอนำมันมาแช่น้ำมันจะขยายตัวเป็นรูปต่างๆ นั่นแหละครับ
นี่คือความจริงอีกแง่เกี่ยวกับข้าวที่อยากให้คุณรู้ เพื่อต่อไปพวกเราจะได้บริโภคกันอย่างสร้างสรรค์งัยครับ




 

Create Date : 28 มกราคม 2553    
Last Update : 9 มิถุนายน 2553 11:07:02 น.
Counter : 459 Pageviews.  

1  2  

evilblue
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จากครีเอทีฟโฆษณา สู่เกษ๖รกร
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add evilblue's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.