เหมือนมันง่ายไปหมด
จากวันที่ตัดสินใจว่าจะไปเมืองนอก ก็ทำงานสองที่เก็บเงินเอง เป็นเวลา 2 ปี จนคิดว่าเงินน่าจะพอแล้วก็เริ่มหาข้อมูลเรียนต่อที่แคนาดา.... ปรากฏว่า... เงินไม่พอเรียน MBA แต่ใจมันอยากไปแล้ว ไม่อยากขอตังพ่อแต่เค้าไม่อยากทำงานเก็บเงินอีกปีหรอกนะก็เลยเลือกหลักสูตรสั้นๆ ที่ Ryerson U และ U of T ที่ Toronto... จัดการสมัครตั้งแต่เดือนกุมภา หวังว่าจะได้เริ่ม เรียนเทอมถัดไป (กันยา) เอาชีวิตไปฝากไว้ที่เอเจนซี่นึง และแล้วเวลาก็ผ่านไป ผ่านไป ยังไม่ทราบผลเลยว่ามหาลัยจะรับหรือเปล่า เอเจนซี่ก็บอกว่าเค้าส่งอีเมล์ไปแล้วไม่ได้อะไรกลับมาเลย เราก็โมโหนิดๆว่า เพราะว่าตัวเองไม่ใช่ตัวแทนของสองมหาลัยนี้เลยไม่ตามผลให้เราเหรอ เลยตั้งใจใหม่ว่าเอาวะ สมัครเองก็ได้ ขอเลือกเมืองที่อุ่นที่สุดของแคนาดาแล้วกัน!เหลือเวลาอีกแค่ 3 เดือนก่อน Fall semester จะเปิด วีซ่าก็ยังไม่ได้ขอ เอาวะ... สู้!เรื่องง่ายเรื่องที่ 1: University of Victoria (UVic) ตอบรับเราภายใน 2 อาทิตย์ เร็วอย่างกะจรวด เย้เรื่องง่ายเรื่องที่ 2:ที นี้ก็ถึงขั้นตอนการขอวีซ่า... ไม่ใช้ statementของพ่อ ให้คนที่ไม่ใช่ญาติเป็น sponsor เงินในบัญชีเราก็มีแค่พอค่าเรียน ฟังๆดูก็รู้ว่าผ่านยากแน่นอน... เลยต้องมีการกุเรื่องขึ้นมา ทางสถานทูตขอเอกสารเพิ่มสองรอบ แต่ไม่มีสัมภาษณ์ ได้วีซ่านักเรียนมา 1 ปีซะงั้น เย้!!เรื่องง่ายเรื่องที่ 3:วันที่ต้องบิน สายการบินเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชม. แปลว่าถ้าเราไม่เช็คอินภายใน 10 นาที เราจะตกเครื่อง กรรม! เพื่อนๆอุตส่าห์มาส่งก็ไม่ได้ลากัน จัดการถ่ายรูปกับพ่อแม่ เพื่อนๆแบบลนๆ แล้วก็ต้องรีบเช็คอิน พี่ของ Eva Air ก็ลน เช่นกัน กระป๋งกระเป๋าแทบจะไม่ได้ชั่ง บังเอิญว่าวันนั้นกระเป๋าเราก็หนักเกิน แต่ก็ผ่านมาได้แบบงงๆ เงินในกระเป๋ามีแค่ $3,000 (หลังจ่ายค่าเรียน) จะอยู่ได้นานขนาดไหนกันนะ เอาวะ ขอให้ได้ไปก่อนละกัน....