[5 วัน 4 คืน]: เการักที่เกาหลีครั้งแรกช่วงตุลา 2015 (Part3)
[ดูบนมือถือ กดดูเนื้อหาแบบ Desktop Version ก่อนน้า~] 4th day: Catching nice scenery, Idols & Halloween :D วันนี้ตามแพลนของเราสองสาวคือการเที่ยวชมธรรมชาติแบบชิวๆและติ่ง! ใช่แร้ววว คนติ่งคือชั้นเอง 5555555555 ก่อนติ่งเราก็ไปสวนยออิโดกัน (รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงลงสถานี Yeouido exit 2) บรรยากาศที่นี คือมันสดชื่น ร่มรื่น สวนเงียบๆ มีคนมาวิ่งมาเดินเล่นบ้าง เอาภาพมาฝาก เหมาะแก่การถ่ายรูปเล่นมากๆเลยค่ะ ดูนังชุ 55555 ระหว่างทางก็เจอกลุ่มคนคริสเตียนจะมาประกาศเรื่องพระเยซูด้วย แต่เค้าคงเห็นว่าเราเป็นต่างชาติเลยได้แต่ให้ลูกอมแล้วจากไป.. พอพวกเราถ่ายรูปจนหนำใจละ ก็ได้เวลา ติ่ง แพลนวันนี้คือ ชั้นต้องไป JYP และ THE STREET ให้ได้!! 5555555555 แต่ได้ข่าวว่าเมนไม่อยู่จ่ะ เมนไปยุ่นในช่วงนั้น โถๆๆๆ ไม่เป็นไร ยังไงเราก็ต้องไป! ตึก JYP (รถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว หรือสาย 5 สีม่วง มาลงยังWangsimni Station มาต่อสายพุนดัง นั่งไปลงที่Apgujeong-Rodeo Street Station ทางออกที่ 2 ) ตอนเดินนี่ก็เจอตุ๊กตาเหล่าไอดอลต่างๆด้วย นี่เห็น 2PM ปั๊ปกรี๊ดเข้าไปกอดเลยค่ะ 55555555 ระหว่างทางเดินไปตึกก็เห็นได้ว่า ถนนที่นี่ดูดีมีสกุล คือเทียบก็คงประมาณย่านสุขุมวิท ย่านหรูๆบ้านเรา บ้านเมืองเค้าค่อนข้างเป็นระเบียบนะ ไม่มีขยะให้เห็นเลย พอเดินไปเรื่อยๆ เดินผ่านโชว์รูม KIA แล้วจะเจอตึก SM แล้วเดินตรงตามทางโค้งไปเรื่อยๆ จนเจอซอย Apgujeong-ro 79-gil เลี้ยวเข้าโลด! ตรงยาวผ่าน The Coffee Bean and Tea Leafซ้ายมือ แล้วจะเห็น JYP! พร้อม Dunkin donuts อยู่ตรงข้ามเลย นี่ก็ขอให้แค่ได้มาถึงมาถ่ายรูปก็พอใจละ 555555555 เซ็ง ถ้าพี่อยู่จะดีมากๆ งือออออ จากนั้นเราก็ไปกิน ข้าวเช้า กัน 555555 ซึ่งเป็นเวลาประมาณบ่ายเท่าไหร่ไม่รู้ ต้องบอกว่า อากาศเย็นๆของที่นู่น ทำให้พวกเราไม่หิวเลยจริงๆ มันอยู่ได้อ่ะ อากาศดีมากกกก ไม่ต้องกินทั้งวันยังได้เลย ผิวดี แถมได้เดินเยอะ หุ่นดีขึ้น ร้านอาหารที่เราไปฟาดกันคือ 청담 찌개 (ชองดัมชีเก) อยู่เยื้องๆกับ CUBE STUDIO CAFÉ ค่ะ ร้านอยู่ใต้ดิน เห็นว่ามีศิลปินเยอะมากที่แวะเวียนมากินกัน มีลายเซ็นพี่ด้วยยย แต่ไม่ได้ถ่ายมา ถถถถ อาหารที่นี่เป็นอาหารเกาหลีทั่วไปค่ะ ซึ่งเราก็สั่งเซ็ตปลาหมึกยักษ์ผัดซอส และ หมูผัดกิมจิ กินกับข้าวสวย บอกเลยว่า ปลาหมึกมาอลังการมากค่ะ จริงๆมันคือ dinner set นะ แต่เค้าก็ให้สั่งได้ รสชาติใช้ได้เลยค่ะ อร่อยดี (ขออภัยรูปปลาหมึกหายจีจี T T) หลังจากอิ่มหนำไปแล้ว.. ขอไปติ่ง mission สุดท้าย คือ THE STREET ร้านกาแฟของพี่ <3 มาอุดหนุนแล้วน้าา 555555 The street Location: ตรงข้าม Hotel Prima in Seoul (Cheongdam-dong, Gangnam-gu) Opening Hours: 11:00 AM ~ 11:00 PM KST https://www.facebook.com/cafe.thestreet/timeline นี่ก็เปิด MAP หาโรงแรม Hotel Prima เดินมาตามทางเรื่อยๆจนเจอเลยค่ะ กรี๊สสมากจริมๆ บรรยากาศร้านเรียบๆเงียบๆดีค่ะ ฟังเพลงคลอเบาๆ ไหนๆนังชุเป็นคนร่วมเส้นทางติ่งกับชั้นในวันนี้เลยเลี้ยงชาเขียวร้อนขอบคุณนางไปหน่อย555555 เมนูที่สั่งมีคาปูร้อนกับชาเขียวร้อนค่ะ อร่อยดี กาแฟห๊อมหอมมมม (ไม่ค่อยอวยยยย555555) รวมประมาณ 10,000 W ++ ถ้าจำไม่ผิด backdrop ด้านหลังก็มีรายชื่อศิลปินค่าย JYP อยู่ด้วยย ต้องบอกว่าพี่พนักงานผู้ญที่นี่น่ารักมาก เราถามทางกันว่าจะไปสถานีรถไฟใกล้นี่ไปทางไหนได้บ้าง เค้าก็เสริชแมพเขียนใส่กระดาษมาให้เราด้วย ขึ้นรถเมล์ไปได้ค่ะ แอบบอกความโง่ตัวเอง คนอื่นจะได้ไม่ทำตาม คือในการจะลงรถเมล์ที่นี่ ต่อให้ประตูเค้าจะเปิดให้คนด้านนอกขึ้นมา คุณก็ต้องกดปุ่มลงนะ แล้วเค้าจะเปิดอีกประตูให้ อีนี่โง่มากจ่ะ รีบมาก ก็เดินลงสวนกับทางเข้าเลย สรุปคลาดกับอิชุ อิชุติดคนอยู่บนรถเมล์ ออกมาไม่ได้ โมเมนต์นั้นคือช็อค..... wifi ก็อยู่กับมัน กรูจะติดต่อใครได้วะเนี่ย ถถถถถถถถถถ จนมันลงสถานีหน้า ละเดินกลับมาเจอกันคนละครึ่งทาง โชคดีไป บทเรียนที่ต้องจำตลอดการโดยสารที่เกาหลี -..- . . จากนั้นเราก็กลับไปช้อปปิ้ง มยองดงกันต่อค่ะ ไปเก็บตกสิ่งที่เราอยากได้ ซึ่งอิเชอก็มีเล็งกระเป๋าไปร้าน BOSCH.LOOK ซึ่งเป็นร้านที่มีแต่items ชิคๆ street wear มากค่ะ
นี่เรยยย เลิฟมากใบนี้ จำราคาไม่ได้จริงๆ แต่น่าจะราวๆ 30,000 W++ การช้อปปิ้งตอนดึกเป็นอะไรที่สบายมากๆ ได้บรรยากาศดีไปอีกแบบ ผู้คนคึกครื้นเต็มถนนสายนี้ หลังจากเก็บตกจนพอใจละ ก็กลับที่พักเก็บของ คืนวันนี้เป็นคืน Halloween จริงๆเราก็มีแพลนอยากไปดู Cocoon แต่จริงๆก็ไม่ชอบการที่อปป้ามาทำเลื้อยแบบนั้น บวกกับดึกแล้ว เลยแต่งผีไปกินไก่แทน 5555555555 เราเดินกันไปร้านไก่ใกล้ที่พักที่เล็งกันไว้ตั้งแต่วันแรก เรียกว่าเป็นช่่วงเวลาที่ดีแฮปปี้มากๆอะแกร๊ ตั้งแต่มานี่ได้กินเบียร์เกาหลีครั้งแรกก็วันนี้แหละ เห็นในโฆษณาเยอะมากจริมๆ กับ CASS และแน่นอน.. มาทื่นี่ก็ต้องโซจูด้วย ซึ่งตอนเรากำลังจะสั่งโซจู จู่ๆก็มีอปป้าเดินมาที่โต๊ะ อปป้า: Soju is not delicious. Chamong is better. ชั้นก้บอิชุก็กำลังงง.. เราก็เลยบอกเค้าว่า เอออยากได้ทั้งเบียร์ทั้งโซจูเลย ให้เค้า recommend แล้วเค้ากับอาจุมม่าก็พูดพร้อมกันประมาณว่า เบียร์และชามง ละนางก็เดินจากไป.. สรุปนางเป็นลูกค้าจ้ะ อปป้าคนนั้น ใจดีเอ่าะะ มาแนะนำด้วย 5555555 ซึ่งอิเชอมารู้ว่า ชามงคือ grapefruit จากพี่พู ตอนแรกก็คิดว่าชามงไม่ใช่โซจู ถถถถ แล้วเราก็เพลิดเพลินกับค่ำคืน Halloween ในร้านไก่ ถถถถ หลังจากได้ลองจิบชามง.. หื๊มม อร่อยอ่ะะะ คือมันรสเปรี้ยวหวานๆ ลื่นๆ กินง่ายมาก ชิมเบียร์ CASS ก็อร่อย เบาๆกินง่ายเช่นกัน ลองผสมกันก็อร่อย สักพักอินี่คึกมากกกก มันเป็นเองงงงงงงงง 555555555 แล้วไก่ก็มาเสริฟ.. อิชุมันไม่ค่อยกินชามงเท่าไหร่ นางนั่งกินไก่กับเบียร์แทน รสชาติไก่ก็ถือว่าโอเคค่ะ ไม่ได้ฟินมากขนาดนั้นแต่ก็ถือว่าดี บางเมนูมันก็หมดเลยอดกิน เนื่องด้วยตอนนั้นมันเที่ยงคืนแล้นจ้าาา ความคึกของ CASS+CHAMONG = การยัดห่าไก่อย่างไม่ยั้ง!! 55555555 แกร๊ คือมันคึกละทำให้กินได้รัวมาก พังค่ะพัง . . หลังจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นแบบสองผีสาวย่านฮงแดนี่แหละ ตอนเดินผ่าน cocoon นี่อื้อหือออ คนต่อคิวล้นมาข้างนอก เดาได้เลยว่าข้างในคืนวันนั้นคับแน่นไปด้วยมือปลาหมึกแน่นอน อิเชออิชุก็เดินไปเรื่อยๆ จนไปเจอสนามเด็กเล่น.. แกร๊! มันเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากกก!! คือบรรยากาศคึกคัก ผู้คนจัดเต็ม costume มากอ่ะ เปิดเพลง ไอคนดริ้งก็ดริ้งไป ไอคนเต้นก็เต้นจริงจังอ่ะ เหมือนคนที่นี่แต่งมาเพื่อให้ enjoy กับการถ่ายรูป ซึ่งมันสนุกมากๆกับการอยู่ตรงนั้น
แนะนำเลยค่ะ ถ้าปีนี้ใครมาช่วงฮาโลวีน ต้องลองมาตรงนี้ จะเห็นเลยว่าผู้คนน่ารัก แฟนซีซาบาลาฮึ้มมากก นี่อยากโดนผีตัวนี้หลอกจุงเบยยยย 555555555 เป็นอีกค่ำคืนที่น่าจดจำ.. 5th day: Its time to say goodbye..TT ตื่นมาด้วยฟีลลิ่งที่แบบ วันนี้เรากลับแล้วหรอวะ.. ตอน check out เราก็ทิ้งกระเป๋าไว้ที่พัก แล้วก็ไปกินข้าวกัน ซึ่งทางเราแจ้งโฮสไว้แล้ว ซึ่งร้านที่เราเล็งไว้ก็อยู่ใกล้ที่พักพอดี ร้านชื่อว่า Hamjibak Cheese, Grilled back ribs & chicken ซึ่งเราเห็นภาพร้านสไตล์นี้ตั้งแต่อยู่ไทยละ อยากกินมากก ในที่สุดก็ได้กิน แต่
คำเตือนสำหรับการกินร้านนี้ อย่าคิดว่ากินเผ็ด ได้ ในระดับคนไทย แล้วจะมากินเผ็ด รอด สำหรับที่นี่!!!!! คือเค้ามีให้เลือกระดับ ปกติ1 เผ็ด level 2 ,3, 4 รู้สึกเราจะเลือก 3 ไป คิดว่าคงกลางๆ แม่เมิ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง อยากจะพิมพ์ยาวไปถึงดาวอังคาร เผ็ดแบบ น้ำมูกน้ำตาไหล!! คือหมูมันอร่อยมากนะ กินกับชีส แต่ความเผ็ดมันทำให้ช่วงเวลาการกินเต็มไปด้วยความทรมาน ร้อนแสบทรวง ซี๊ดๆๆตลอดจนมึน ซึ่งเราถามพนง.ว่ามีอะไรให้จิ้มหวานๆมั้ย มันบอกไม่มี เราเห็นรูปมันมีคล้ายๆน้ำผึ้งราด เลยถามว่า ขอสั่งอันนี้ได้มั้ย มันก็บอกไม่มีน้ำผึ้งอีก คือยังไงมันก็ไม่ให้เราอะ ต่อให้เราบอกว่าเผ็ดแค่ไหนก็ตาม เวร! แนะนำกินแบบ original ไปเลยไม่ก็ระดับ1 พอค่ะ พริกที่นี่มาเป็นเม็ดเคลือบรสติดแน่นจริงๆ ขากลับมาแวะ etude ใกล้ที่พักอีกรอบ ซึ่งเจอพนง.คนไทยที่นั่นด้วย ก็เม้ามอยหอยกาบกะเจ้เล็กน้อย รีบสอยเครื่องสำอางแบบหยิบๆๆแล้วก็รีบบึ่งสู่สนามบิน เกือบตกเครื่อง its time to say good bye.. T T แนะนำให้เผื่อเวลาอย่างน้อยเกือบ 3 ชม.จะดีมาก ส่วน tax refund ถ้าช้อปเกิน 30,000 W จะสามารถยื่นที่สนามบิน แต่ตั้งแต่ปี 2016 นี้สามารถเอา tax refund ได้ที่ร้านเลยค่ะ เริ่ดมากกก ส่วนนี่คือเครื่องสำอางทั้งหมดที่ช้อปมาตลอดทริปค่ะ มาส์คหน้าแบบไม่ต้องล้าง ส่วนใหญ่หมือนๆกัน อยู่ที่ปริมาณ treatment ที่เค้าให้ในแต่ละซอง ของ The face shop นี่ให้ถล่มทะลายมาก มาส์คหน้าเปล่าๆได้อีกสองวัน ส่วน Nature republic treatment ที่ให้ค่อนข้างแห้ง แบบพอดีๆรอบเดียวจบ เครื่องสำอางที่ซื้อมาโดยรวมคือดี ทั้งหมดนี่เชอไม่เคยใช้มาก่อนเลยค่ะ นับว่าปลื้มมม เป็นอันจบการรีวิวที่ยาวววววววววววววววมาก.สำหรับทริปนี้ หวังว่าที่รีวิวจะเป็นประโยชน์กับคนที่จะเดินทางไปเกาหลีไม่มากก็น้อยน้าา ฮ่าๆ xoxo [5 วัน 4 คืน]: เการักที่เกาหลีครั้งแรกช่วงตุลา 2015 (Part2)
[ดูบนมือถือ กดดูเนื้อหาแบบ Desktop Version ก่อนน้า~] 3rd day Enjoy local culture วันนี้พวกเรามีแพลนไปตลาด Noryangjin ซึ่งเป็นตลาดอาหารสดที่ใหญ่มากในโซล ก่อนไปแวะซื้อกาแฟก่อนเลยติดมากจริงๆ นี่เป็นร้านกาแฟที่อร่อยมาก ชอบบบ อยู่ติดที่พักเลยจ้าลงมาละเจอเลย แก้วนึงไม่แพง 3000 W ได้ ปล* เสื้อตัวลายทางข้างในนี่แหละที่บอกว่าซื้อรถไฟใต้ดิน Myeongdong 200 บาทไทย วิธีการเดินทาง: NoryangjinFish Market รถไฟใต้ดิน Line1 (สายสีน้ำเงิน) ลงสถานีNoryangjin ออกทางออกที่ 1 หลังจากออกมาจากทางออกรถไฟฟ้าแล้ว ให้เดินตรงไปทางสะพานลอยที่เป็นทางเชื่อมไปทางตลาด มันจะเป็นทางลาดลงไปข้างล่างค่ะ ที่มาที่นี่เพราะอยากกินซาชิมิแบบสดๆเลยเนื่องจากไปเห็นภาพทริปของอาจารย์มหาลัยที่รู้จัก เค้าบอกว่าอร่อยมากแต่เค้ากินที่อินชอน นี่เลยถามพี่พูว่าควรกินที่ไหนดีในโซล นางก็แนะนำว่าให้มาที่นี่และแนะนำ Rock fish หรือภาษาเกาหลีคือ 볼락 (Polrak) โดยให้ทำเป็นซาชิมิ และ เอาก้างไปต้มเป็นซุป ซึ่งเรียกเป็นภาษาเกาหลีว่า 매운탕 (mae-un-tang) ตอนมาถึงทีนี่คือแบบ เห้ย ร้านมันเยอะมากกกก และทุกร้านที่พวกเราเดินผ่านนี่เรียกลูกค้ากันสุดฤทธิ์จ่ะ หนีห่าวๆกันใหญ่ หน้าชั้นคงจีนมาก55555555 คือชั้นจีนจริงแต่พูดไม่ได้เลยค่ะ จนเราก็มาหยุดอยู่ร้านนึง ซึ่งพ่อค้าเค้าก็คุยกับเรา เลยเออดูก็ได้วะร้านนี้ เลยถามว่ามี polrak มั้ย เค้าก็ชี้ในกะละมังให้ดูเลย ก็เลยตกลงซื้อ และเราอยากกินกุ้งด้วยเค้าเลยไปบอกอาจุมม่าร้านข้างๆให้ สิ่งที่พวกเลือกซื้อคือ rockfish ในราคา30,000 W และ กุ้งใหญ่ 1ตัว 20,000 W บอกเลยว่า.. สิ้นสุดการตกลงซื้อปลาปุ้ป นางเอาจอกแทงเข้าคอปลาแล้วเอาขึ้นมาแร่ทันที!!!OO อินี่ยืนช็อคร้องหันหนีด้วยความตกใจ ฮรือออออ ปลาน้อยยยย ชั้นขอโทษษษษ TT ละนางก็พาขึ้นมานั่งร้านอาหารข้างบน คือ ทีนี่เค้าจะมีร้านอาหารอยู่ด้านบนหลายร้าน ซึ่งเราสามารถจิ้มๆๆละก็จ่ายตัง ละเค้าก็จะพาไปร้านอาหารข้างบนให้แม่ครัวทำให้กิน พวกเราตกลงกันว่าจะให้นางเอากุ้งไปย่าง รวมค่าทำอาหารข้างบนพร้อมข้าวสวย ประมาณ2000+ บาทไทย ซึ่งอิชั้นก็ไม่รู้หรอกว่ามันแพงหรือถูก เลยแชทไปถามพี่พู นางบอกว่า ราคาประมาณนี้แหละ ไม่โดนหลอก นี่คือซาชิมิจาก Polrak เค้ามีแถมแซลมอลมาในเซ็ตด้วย พอลองชิมซาชิมิ แกร๊ คือมันกรุบ กรอบ สด หวานอร่อย กรี๊สสสสส (ตะกี้ได้ข่าวเพิ่งสงสารน้องปลา ตอนนี้กลับแหล็กมันอย่างราบคาบ555555555) เค้ามีน้ำจิ้มแบบ วาซาบิ และGojuchang คือดีทั้งสองแบบ ดีคนละแบบ ชอบมาก ประทับใจ ส่วนกุ้ง เอาจริงเราว่ามันก็ดี แต่เฉยๆ กุ้งมันก็คือกุ้งอะ กุ้งย่าง5555555 แต่ก็ถือว่าไม่เลวค่ะ มาลองถึงถิ่น ส่วนซุป แรกๆที่กินมันจะแปลกๆจืดๆ แต่พอมันต้มไปเรื่อยๆ ต้มจนได้ที่ แล้วกินกับข้าวสวยเกาหลีเค้านะ หื๊มม ถามอิชุเอาละกัน นังนี่ซดแล้วซดอีก555555555 คือหน้าตามันประมาณแกงส้มอะแก แต่ชั้นว่ามันอร่อยนะ ต้องรอให้มันต้มจนได้ที่ก่อน เป็นมื้อที่น่าประทับใจมากจริมๆ . . หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางไปเที่ยวชมละแวกพระราชวังเริ่มที่ Deoksugung Palace รถไฟใต้ดิน สาย2 ลง CityHall ออกทางออกที่ 2 แต่ก่อนที่เราจะออก เหลือบไปเห็นขนมปังร้านนี้แล้วต้องหยุดแวะ.. 누이단팥빵 อ่านว่า nu-ee-dan-pat-ppang นูอีดันพัดปัง แปลว่า ปังถั่วแดง ซึ่ง 단팥dan-pat = ถั่วแดงนั่นเอง คือมันเป็นร้านขนมปังที่น่ากินมาก เลยปรี่เข้าไปชมและชิม เค้ามีให้ชิมฟรีด้วยแกร รสที่ชิมคือถั่วแดงและชีส แต่ที่ซื้อคือถั่วแดงและครีมชีส 55555555 เค้าคง งงอ่ะ มันมีชีสสองแบบ ชีสแบบชีสจริงๆเป็นขนมปังยาวๆ กับอีกแบบคือครีมชีส ด้วยความที่มันใหญ่ยาวเหลือเกินเลยเออเอาครีมชีสละกัน (อะไรคือโลจิค ถถถถ) และก็ไม่ผิดหวัง คือมันนุ่มละมุนนีละมุนลิ้นมากก ชอบบบบ ตัวแป้งนุ่ม ไส้หวานหอม ปังจริง ต้องโดนนะคะ จำราคาไม่ได้แต่ไม่แพงเลยๆ พอเราไปถึงหน้าพระราชวัง Deoksugung เค้ากำลังมีการแสดงพอดีเลย แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปนะ ถถถถ เวลาไม่ทัน เลยได้แต่ถ่ายรูป และมีการไปถ่ายรูปกับอปป้าหน้าวังด้วยจร้า อปป้าคะ ทำไมอปป้าไม่ลืมตาคะ? หนูเข้าใจว่าแสงมันแยงตาค่ะ ถถถถถถถถถถถถ . . บรรยากาศดีๆต้องเก็บภาพให้หนำใจ ครุคริ จากนั้นเราก็เดินถ่ายรูป เดินเลียบถนนเลียบกำแพงหินไปเรื่อยๆเพื่อไปจตุรัสฮวางมุน อากาศดจีมากๆแกร๊ และเราก็ไปโผล่ที่ พระราชวังเคียงบก เอาจริงๆแนะนำว่าให้ไปคลองชองกเยชอนต่อไปเลย จะได้ไม่ต้องเหมือนอิเชอ วกกลับมาตอนดึก 55555 คือเหนื่อย
ที่นั่นมันจะมีห้องประทับสมัยก่อนเปิดให้ได้ชมกันด้วยค่ะ ต้องบอกว่า ฉากนี้ทำให้นึกถึงเรื่อง Rooftop prince มากแกร๊ คือบรรยากาศดีไปอี๊กก กรี๊สสสส เสียดายที่ไม่ทันคิดเรื่องเช่าชุดฮันบกใส่ถ่ายรูป ไม่งั้นเจ้จิแวะไปเช่ามาใส่สวยๆเผื่อจะมีอปป้ามาสุ่ขอ *ตื่นค่ะ* 555555555555 ถ่ายรูปกันยาวๆ หลังจากนั้นเราก็แวะไปที่ถนน Samcheongdong-gil ซึ่งเป็นถนนที่อยู่ข้างๆพระราชวังเลยค่ะ เป็นถนนที่เชอชื่นชอบมากกกแถวนั้นก็มีพวกร้านกาแฟ มีร้านแฟชั่นเสื้อต่างๆ เก๋ๆมีสไตล์ ราคากลางๆไปถึงสูง ประมาณ 400 บาทไทยขึ้นไป คือเป็นย่านที่แบบคนไม่พลุกพล่านมาก เห็นเค้าว่ากันว่ามีอีกชื่อนึงคือ ถนนแกเลอเรีย นอกจากนั้น พวกเราก็อยากจะแวะหมู่บ้านโบราณบุกชน ด้วย เห็นว่าตั้งอยู่ระหว่าง พระราชวังเคียงบกกุงกับพระราชวังชางด๊อกกุง เลยเอาสักหน่อย
กว่าจะเดินขึ้นไปถึง ล่อเอาหอบเบาๆ ได้บรรยากาศเงียบๆคลาสสิคไปอีกแบบ.. จากนั้นเราก็เดินลงมาตามทางเรื่อยๆ แวะร้านกาแฟ (อีกรอบถถถถ) ร้านนี้เป็นร้านชื่อดังอีกแล้วStreet Churros ซึ่งอยู่สี่แยกของย่านซัมชองดงเลยค่ะ แต่อิเชอขอกาแฟพอ เบาๆไม่ได้ลองขนม ต้องบอกว่ามานี่กินกาแฟร้อนตลอดเลยค่ะ คือมันได้ฟีลมากๆ อากาศหนาวๆเย็นๆสบายจิบอะไรร้อนๆ ราคามีตั้งแต่ไม่เกินร้อยยันร้อยกว่าเลย ชอบกาแฟที่นี่มากๆ แก้วปกติของเค้าคือแก้วใหญ่บ้านเราอ่ะ 555 ใกล้ๆร้านกาแฟแถวนี้เค้ามีไกด์คอยแนะนำทางด้วย ก็เลยถามทางไปอินซาดง ซึ่งเราก็เดินเข้าซอยกาแฟนี้และตรงไปเรื่อยๆยาวๆเลย ระหว่างทางไปอินซาดง แอบบอกว่ามีร้านนึง เป็นขายaccessories ราคาย่อมเยาว์ จำชื่อร้านไม่ได้ เสียใจมาก แต่จำอปป้าเจ้าของร้านได้555555555555 แกร คือนางแต่งตัวดีมากเว้ย เสื้อคอเต่า สูทตัวยาว หน้านิ่งตลอดเว สุงยาวเข่าดี อือหือ นี่คือโฉมหน้าอปป้า แอบถ่ายมาลางๆ อิอิ ซูมเห็นกันมั้ย?555555 นี่เป็นเคสที่ชั้นสอยมา ในราคา 5000W คือถูกอะ ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวมาก สอยบีนี่ร้านนี้มาด้วยซึ่งก็จะใส่วันถัดไปอีกเช่นเคย ไว้มีโอกาสก็คงกลับไปร้านนี้อีก ถถถถ . . พอเราถึงอินซาดง ชุตี้ก็ฟินละค่ะ จุดประสงค์นางคือมาสอยตะเกียบเด็กและหม้อต้มมาม่า55555555 คือถิ่นนี้ก็เปรียบเสมือนย่านสำเพ็งบ้านเรานั่นเอง อิเชอสอยส้ม+ช้อน2-in-1 มา ระหว่างทางเราก็ได้แวะที่ตึกใหม่ในอินซาดงด้วยนั่นก็คือ Insadong Maru เข้ามาปุ๊ปเจอขนมปังขรี้ก่อนเลยค่ะ55555 แกรมันเป็นอารมแบบ ขนมปังปลา แต่นี่เป็นรูปนุ้งขรี้ไส้ช็อคโกแลต อร่อยดีค่ะ ร้อนๆ ชิ้นละ 1000W นอกจากนี้ก็มีร้านค้าอื่นๆ เป็นพวกงานฝีมือ กิ๊ฟช็อพ ร้านอาหาร อะไรแบบนี้ เราก็เดินไปจนถึงชั้นบนสุด ก็เจอโซนให้ถ่ายรูปคู่รักอีกเช่นเคย แต่ดูพวกเราเส่ะ ถถถถ ผลัดกันถ่าย เดินไปจนสุดทางก็เจอร้านขายสาหร่ายด้วย คนขายนี่พอเค้ารู้ว่าเราเป็นคนไทยนี่พูดสวัสดีครับ ทักทายเราใหญ่เลย นางมีการแกะสาหร่ายให้ชิมด้วย ใจดีมาก นังชุเลยฟาดสาหร่ายนางไปด้วยค่ะ ระหว่างทางเราก็เริ่มจะหิวเล็กน้อย แล้วเจอร้านข้าวต้มซุปหางวัว ก็ปรี่เข้าไปสิคะรออะไร อิเชอนี่ชื่นชอบซุปหางวัวมาแต่ไหนแต่ไร เห็นในซีรี่ยส์คนชอบกินเยอะมาก พอได้ลองที่ไทยนี่ติดใจเลย นี่มาถึงถิ่น นอกจากข้าวต้มก็ได้สั่งmandoo ด้วยค่ะ เป็นเกี๊ยวหมูผสมผัก คือมันชิ้นใหญ่มากกกก กินแล้วอิ่มเลยอร่อยดีค่ะ เสียใจที่จำชื่อร้านไม่ได้ แต่อยู่ในซอยตรงอินซาดงนี่แหละ เป็นข้าวต้มซุปหางวัวร้านดังอยู่ ต้องโดนค่ะ ราคาไม่แพงมาก มีกิมจิให้ตักตรงโต๊ะไม่อั้นเช่นกัน ในซอยนั้นจะมีร้านขนมหวานพื้นเมืองด้วย ขออภัยที่ไม่มีรูปร้านมาให้ ร้านมีชื่อว่า bizeun ค่ะ ร้านใหญ่ //www.bizeun.co.kr มันเป็นร้านขนมพื้นเมือง+caféในตัว มีขนมที่ทำด้วยแป้งต๊อก ขนมคล้ายๆไดฟุกุ ไส้ถั่วแดง ไส้ช็อคโกแลต อะไรแบบนี้ สีสันสวยงาม เค้ามีเป็นกล่องให้ด้วยค่ะ โดยที่เราสามารถเลือกรสได้ แอบชิมรสช็อคโกแลตไป (รูปซ้ายสุดแถวล่าง) อร่อยมากกเลยค่ะ หอมช็อคโกแลต มันไม่หวานแบบแสบคอเหมือนขนมญี่ปุ่น ตอนออกจากร้าน ข้างหน้ามีขายเค้กข้าวนึ่งอยู่ด้วย เป็นสี่เหลี่ยม มีถั่วแดงดำหรือถั่วด้านบน ซึ่งเราก็สอยมากิน เห็นเลื่องลือกันเหลือเกินในซีรี่ยส์ สรุป.. มันไม่อร่อยเลยอะะะะ แบบรสชาติจืดมากกก ฝืดๆ กินยากมากกก T T บรัยยย
จากนั้นเราก็เดินทางไปคลองชองกเยชอนต่อ ซึ่งตอนดึกๆมันก็ให้บรรยากาศดีไปอีกแบบ เห็นในซีรี่ยส์แล้ว เราก็มาถึงแล้วนะจ้ะ ผู้คนไม่เยอะมากเวลานี้ ระยะทางข้างล่างนี้เห็นว่ายาวถึง 5 กม. ซึ่งพวกเราก็ถ่ายรูปเล่นกันไป และตัดสินใจไม่เดินต่อ เพราะเรามีมิชชั่นต่อไปอีก555555 ตารางชีวิตถ้าจะแน่นขนาดนี้ ปิดท้ายด้วยการข้ามก้อนหินในตำนาน เป็นอันเสร็จ . . หลังจากกลับมาที่พัก เราก็ตัดสินใจแวะไปกินติมที่ตลาดวัยรุ่นฮงแดอีกครั้ง มันคือไอติมที่พวกเราเล็งกันตั้งแต่เมื่อคืน หึหึ Tiramisu Ice-Cream แกร๊ คือคนต่อคิวเยอะมาก แม้อากาศจะหนาวเหน็บเพียงใด คนก็ต่อคิวกันติมกันจริงจัง ตอนอินี่ยกกล้องขึ้นมาถ่ายตอนที่เจ้าของร้านตกแต่งครีมใส่แก้ว.. ออนนี1:masca@#)()(%^#$% อิเชอ: Huh? หน้างงเป็นไก่ตาแตก นางก็พูดอีก:Mascapo@#$)*% อิเชอ:..... OO ออนนี2:Mas-ca-po-nue-chee-sue อิเชอ: อ๋ออออ ออนนี1+2:อ๋ออออออ MASCARPONECHEESE 555555555555555 คือน่ารักดี ภาษาปะกิดนาง คือนางจะสื่อว่า ไอครีมขาวข้างล่างที่เพิ่งโปะลงแก้วเนี่ย คือมาสคาโปนชีส แล้วเค้าก็กดไอติมใส่ลงไป แล้วเอาช็อคโกแลตเป็นก้อนใหญ่ๆขูดฝอยลงแก้วอย่างเยอะ แล้วโรยผงโกโก้แบบ ไม่แคร์พื้นเลยค่า นางไม่เอาอะไรรอง นางโรยแล้วปล่อยให้มันลงพื้นหมดเลย ร้านเลยอบอวนไปด้วยกลิ่นโกโก้ มาพูดถึงรสชาติ.. คือ ไม่ผิดหวังที่รอ.. รสชาติมันดจีมว๊ากกกกกกกกกก แกร๊!! ละมุนลิ้นเหลือเกิน กลิ่นหอมของแผ่นช็อคโกแลตที่ขูดฝอยบวกก้บรสขมของผงโกโก้ พอเจอกับไอติมมันลงตัวมากอะะะ และที่ฟินสุดคือตักกินกับมาสคาโปนชีสข้างล่าง.. อื้อหือ ฟินมาก! ตอนกินเสร็จนี่อยากซัดอีกแก้วมาก5555555 ราคาจำได้ว่าแก้วละประมาณ 150 บาทไทย แต่คืออร่อยเหาะจริง ยอมค่ะ จากนั้นเราสองก็กลับห้องพัก เปลี่ยนชุดแปลงโฉมแล้วท่องยามราตรีอีกครั้ง ผับเกาหลีกับชื่อเสียงอันเลื่องลือ.. NB2 จากที่เคยอ่านกระทู้ต่างๆว่า อปป้าในผับนี่สุดยอดมือปลาหมึกและขึ้นชื่อเรื่องColoring .. (สี) วันนี้ อิชั้น.. เชื่อแล้วค่ะ ค่าเข้า ตอนนั้นไปเกินห้าทุ่ม เลยโดนไป15,000 W ได้ 1drink ด้วยความที่เป็นคืนวันก่อนHalloween คนเป็นล้านนนน แน่นชิปหาย ที่นี่จะมีสองชั้น ชั้นสองคือเป็นระเบียง คนไม่เยอะมาก ชั้นล่างเป็นFloor เต้น มีดีเจตรงกลาง คนแน่นเอี๊ยดดด ยั้วเยี้ยไปหมด ส่วนการฝากกระเป๋านี่ต้องเดินไปทางหนีไฟอะ เพราะโซนข้างในมันเต็ม ค่าฝากก็โดนอีก แต่จำไม่ได้เท่าไหร่ แต่ไม่แพงเท่า octagon คนที่นี่จะค่อนข้างเด็กค่ะ แบบวัยรุ่นมหาลัยเลย มีผู้ใหญ่บ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น หลังจากฝากกระเป๋าอะไรเสร็จสรรพ เราก็ไปแลกดริ้ง ที่นี่ก็จะมีเป็นcocktail vodka whisky shot อะไรแบบนี้ เราเลือกเป็นcocktail Malibu คือนางกดดันอะ ไม่รู้จะเลือกไรเลยจิ้มมาสักอัน แม่มไม่อร่อยเลยด๋อย กลิ่นมะพร้าว ละมีผลไม้เปรี้ยวๆ == แหย่ะ จากนั้นก็ลงไปข้างล่าง สิ่งที่ชอบสำหรับที่นี่คือ แนวเพลง มันเป็นHiphop และเป็นเพลงที่เราฟัง เรารู้จัก BigBang งี้ เพลงฝรั่งก็มี สนุกมาก ระหว่างยืนฟังเพลงอยู่ด้านหลังๆของโซนfloor มีมือมาลูบไหล่ชั้นตอนเดินผ่าน หันไปนี่หน้าประมาณ 40+ อีเดาะ คือแบบ เมิงมาลูบกูทำแมะ! วันนั้นอิเชอไม่ได้แต่งตัวล่อแหลมเลยค่า เดรสแขนยาว ไม่สั้น แค่มีเว้าไหล่เป็นวงนิดเดียว หลังจากนั้นนี่เริ่มโดนcoloring เรื่อยๆ ต้องคอยระวังเป็นระยะ คือเซ็งมาก ชั้นไปคือไปให้รู้ และไปแด๊นซ์ แต่culture ที่นี่คือการคัลเลอร์ริ่งแอนด์แฮฟฟันสินะ บางคนมาพูดห่านไรด้วยไม่รู้ อิเชอก็ได้แต่บอกว่าไม่เข้าใจ แล้วก็ Noๆ ไป บางคนก็จะหยุด ส่วนบางประเภทก็จะมือปลาหมึก แกะมือออกละก็ยังมาจับ ตรงเอวอีก ยี๊! หนักสุดคือโดนเข้าด้านหลัง ละนางเอาเป้ามาพยายามจะcoloring ตูดช้านนนนนน อีห่ารากไส้ นี่ก็แอ่นหนีเต็มที่ แกะมือออกจ้า จังหวะที่ชั้นกับอิชุเขยิบเข้าไปตรงฟลอร์หน่อย เหมือนมีเรดาร์ชวิ้งขึ้นมากลางกาอากาศ.. อปป้าสองคนพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกัน แล้วนางก็ตะโกนใส่กัน ย๊าาาาา!! ประหนึ่งแย่งช้านนน อีเวร กุสวยเพรียวมากกกกก =..= บอกเลยว่าอิเชอไม่ได้มองหน้าใครเลย หลบหน้าหนีอย่างเดียว แม่งก็พูด อปป้าหื่น: @#)(*%%(^*$#%@_) อิเชอ: I dont understand และผละมันหนี มันก็ยังกอดชั้นอยู่ แล้วก็ ถาม อปป้าหื่น: Where are youfrom? อิเชอ: Thailand .. เท่านั้นแหละ มันหยุดคิดไป 3 วิ.. แล้วรวบชั้นเข้าไปกอดอีกรอบ! กรี๊สสสสสส เห๊ย มึงคงคิดว่า ญไทยใจง่ายมากใช่มั้ยยย!? ชั้นก็รีบปฏิเสธ อิเชอ: No ๆๆ!! หันหนีแบบรัวๆ มันก็พูดเสียงดังแบบไม่สบอารมณ์ใส่ อปป้าหื่น: NO? ชั้นก็ หันหนี ผละๆๆออก ละรีบเดินออกมาเลย แม่งก็แบบ ฮู๊วว! แบบไม่พอใจ แล้วพยายามจะเอามือมาจับตูดตอนชั้นเดินออกอีก อีเวน! หลังจากนั้นนี่ยืนอยู่โซนด้านหลังFloor ตลอด แล้วก็ขึ้นไปเต้นชั้นสองแทน ปลอดภัยค่ะ ริมระเบียง แม้จะไม่มันเท่าข้างล่างแต่ก็โอเค วิวจากระเบียงที่มองไปFloor นี่แบบ อ้อเหาะ คือแทบทุก area เต็มไปด้วยคู่ๆๆ กอดกันจากด้านหลังจ่ะ สักพักก็จะจูงมือกันออกไปบ้างงี้ เอริ่ม.. มันคงเป็นธรรมดาของบ้านเค้า หลังจากอยู่กันไปจนเริ่มเมื่อยก็เลยกลับที่พัก สอยของมินิมาร์ทมานั่งกินกัน อ่านต่อ Part3 ได้ที่นี่เลยจ้าา: //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cherriiecherry&month=09-01-2016&group=17&gblog=3 [5 วัน 4 คืน]: เการักที่เกาหลีครั้งแรกช่วงตุลา 2015 (Part1)
[ดูบนมือถือ กดดูเนื้อหาแบบ Desktop Version ก่อนน้า~] เมื่อช่วงปลายตุลาที่ผ่านมา อิเชอได้บินลัดฟ้าไปแดนกิมจิ ที่ๆนางเฝ้ารอมาตลอดช่วงเวลาการทำงาน.. :D เรียกได้ว่าเป็นแรงจูงใจในการทำงานมาก 55555 เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังคร่าวๆ เอาจริงเห็นคนโพสท์กระทู้มากมายเกี่ยวกับเที่ยวเกาหลี งานนี้ อิเชอจะหยิบแต่ประเด็นที่น่าสนใจมาแชร์ให้ฟังละกัน อ้อ ทริปนี้ อิเชอมี แฮชแทกด้วยนะคระ #CCKAORAKTEEKOREA2015 ซีซีคือเชอรี่กับชุตี้นั่นเองค่ะ นังนี่เป็นเพื่อนร่วมทริปของอิชั้นเอง หน้าสดก่อนขึ้นเครื่อง นี่เตรียมมาส์คหน้านอนเรียบร้อย สำหรับข้อมูลท่องเที่ยวต่างๆเชอกับชุก็ได้ช่วยกันรวบรวมกันมาหลายที่มาก แต่ส่วนใหญ่มาจาก//seoulcafe2013.blogspot.com ต้องขอบคุณแหล่งข้อมูลที่ดีมากๆสำหรับการเดินทางสู่แดนกิมจิในครั้งนี้.. ^^ เชอเลือกเดินทางกับ Air asia-X ค่ะ Flight ตี1.55 น.ของคืนวันที่ 28 ตุลา คือนางดีเลย์ 20 นาที ==.. อืมก็นะ เห็นว่าเป็นเรื่องปกติของสายการบินนี้ เชอซื้อตั๋วช่วงโปรมาได้ 12,000+ กว่าๆ มันจะถูกก็ไม่ถูก แพงก็ไม่แพงอะนะ เห็นว่าบางคนกดได้ถูกกว่านี้ แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้เที่ยวก็พอละ 555 อ่ะมาเริ่มกันเลยดีกว่า LANDED. แปลงโฉมแต่งหน้าบนเครื่องเรียบร้อย. สาบานว่ามาด้วยกัน 55555555 คือนางเป็นเพื่อนในแก๊งที่แบบ ไม่มีความสาวเลยเว้ยยย 555555 นางเป็น Sport girl MAN-U girl มากค่ะ ถ้าอยากจีบนางให้เอาเรื่องบอลมาคุย :D ประหนึ่งเป็นมาม่าซังพาเด็กมาเปิดหูเปิดตาต่างแดน มาถึงสนามบินปุ้ปก็ต่อ Wifi ซึ่งนังชุเป็นผู้จัดการหาเช่ามา โดนเสียคนละ 100บาท/วัน และติดต่อกับเจ้าของที่พัก ซึ่งอิเชอได้จองที่พักผ่าน Airbnb ย่านฮงแด ย่านวัยรุ่นสุดฮิตที่ใครหลายคนคุ้นเคยกันดี ที่บ้านอิเชอคือ Ultari Guesthouse จากสนามบินเราก็ไปโดยรถไฟใต้ดิน Airport Railroad (AREX) (อยู่บริเวณชั้น B1) ลงสถานี Hongik University4050 วอน ใช้บัตร T-Money ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ทั้งหมดทั้งปวง ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนบัตร T-Money ของเราสองด้วยค่ะ Korea Tourism Organization Thailand: https://www.facebook.com/KTOThailand/ ที่แจกบัตรพร้อม Top up 10,000 W ให้เราด้วยยยย >< *กราบงามๆ* คือตอนนั้นเค้ามีการให้ไปรับบัตร T money ถ้าเรามีหลักฐานการเดินทางในช่วงที่กำหนด ซึ่งก็ได้ไปรับที่สำนักงานเลยค่ะ แล้วก็ได้สมัครบัตร Korea Privilege Card ด้วย บัตรก็มีสิทธิพิเศษมากมาย เช่นลดราคาเครื่องสำอาง คลินิค ส่วนลดสวนสนุกที่นู่น หรือร้านอาหารเกาหลีบางร้านในไทยด้วยค่ะสมัครฟรีและยังสมัครได้เรื่อยๆสำหรับบัตรนี้ . . พอมาถึงสถานี Hongik แกร .. ที่นี่เค้าไม่มีบันไดเลื่อนเว้ย!!~ OO นึกภาพชั้นลากกระเป๋าสองใบขึ้นบันไดสถานีทางออก ถ้าไม่ถึก ทำไม่ได้!! พูดจริง!! นี่แบกแบบกระหืดกระหอบมากค่ะ เดินออกจากสถานีไปยังที่พัก ตอนได้สัมผัสลมด้านนอก.. หือออ อากาศช่วงเดือนตุลานั้นดี๊ดีอ่ะเทอ ลมเย็นหนาวปะทะหน้า หายใจคล่อง สดชื่นมวากกก เราก็เดินตามแผนที่ มุ่งหน้าไปที่พัก ที่พักนี่บันไดอีกเช่นเคย แบกขึ้นไปแทบตาย นี่คือรูปบ้านพักค่ะ Airbnb : Ultari House 1 https://www.airbnb.com/rooms/618021?checkin=10%2F28%2F2015&checkout=11%2F01%2F2015&guests=2&s=lmk0 Host ชื่อ Allen หรือชื่อเกาหลีคือ Dongryul Host เค้าตอบรับให้เรามาพัก และก็ text มาหาเราตอนที่เราลงเครื่องพอดี พร้อมบอกให้แจ้งเค้าถ้าเราไปถึงที่พัก สำหรับราคาที่พัก: ค่าเสียหาย 5,315 บาท แต่นี่ได้โค้ดเพื่อนมาแล้วโหลดแอพสมัครเลย จะได้ discount ไป 700+บาท จากการอ่าน condition .. The Space Accommodates: 2 Bathrooms: 1 Bed type: Real Bed Bedrooms: 1 Beds: 1 ชั้นสองเข้าใจว่า ที่นี่จะเป็น private bathroom คืออิชุก็คิดเหมือนกัน แต่ทว่า..มาถึงปุ้ป มันเป็นห้องน้ำรวม ละสภาพที่ชั้นเห็นใน airbnb กับความจริงนั้น.. แตกต่างเหมือนกั๊นน~ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แต่มันดูเก่าแก่กว่าที่เห็นพอสมควร ละห้องสองคนคือแบบ เล็กอะ แคบมาก มันมีห้องพักอื่นอีกสองห้องด้วย รวมห้องเราเป็น 3 ซึ่งมันก็ผิดกับ condition ที่เค้าเขียน คือโชคดีที่สามวันแรกเราพักกันแค่ห้องเดียวบวกกับคนดูแลที่พักอีกหนึ่งคน คืนที่สามนี่มีสาวมาเลมาพักอีกห้อง และอีกห้องเป็นสาวไหนไม่รู้ นี่ต้องต่อคิวรอห้องน้ำอะ เซ็งมาก == เสียเวลาเดินทาง สรุปข้อดี: 1. ใกล้สถานที่เที่ยวและเดินทางสะดวก Shop เครื่องสำอางนั้นเต็มเลยค่ะ อาหงอาหารรายล้อม ติด Subway แต่ถ้าให้มาพักอีก คงบายค่ะ ขอหาที่ๆแบบ ห้องน้ำส่วนตัวเถิด 2. ของใช้ในห้องน้ำมีให้ เค้าก็มีของใช้ในห้องน้ำให้หมดนะ ยกเว้นแปรงสีฟันส่วนตัว มันก็ดีที่เราไม่ต้องซื้อ น้ำยงน้ำยาคอนแทค แชมพู ครีมอาบน้ำ มีกระทั่งยี่ห้อของไทยให้ แต่มันแบบ ระเนระนาด แอบสกปรกนิดนึงอ่ะ คือบ้านคนจริงๆถ้าใครไม่ซีเรียสก็โอเค 3. มีเครื่องซักผ้าให้ ถ้าใครที่เอาเสื้อผ้ามาน้อยก้ซักได้ มีผงซักฟอกให้อยู่ 4. ห้องครัว ตู้เย็น คือเรากินได้ทุกอย่างในห้องครัวเค้า แต่เราก็ไม่ค่อยกินอะ มีน้ำอุ่นให้ก็พอละ ข้อเสีย: 1. ห้องน้ำรวม ไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่ ไม่สะอาด 2. สภาพบ้านเก่าไปหน่อย มีห้องจริงๆ 3 ห้อง ขัดกับ condition เค้าควรจะระบุว่าเป็น share bathroom ต่อ พอเก็บขงเก็บของเสร็จก็ออกมาหาไรกิน แพลนวันแรกคือแบบชิวๆ ช้อปปิ้งและกิน! . . ระหว่าเดินหาร้าน ก็เจอร้าน mandoo หรือเกี๊ยวซ่านั่นเอง ซึ่งก็ไม่รู้อันไหนอร่อย จิ้มมั่วๆมาในราคา 3000 W .. มันคือเกี๊ยวไส้พิซซ่า == ความโคเรียนี้ อาหารมื้อแรก 5555 รสเฉยๆ แบบซอสพิซซ่าอะ อาจุมม่าก็พุดอังกฤษไม่ได้ เลยไม่รุ้ว่ามันไส้อะไร ฮืมม.. สุดท้าย เราก็มาลงเอยด้วย ไก่ทอดเกาหลี มื้อแรกอย่างเป็นทางการ ร้านอยู่แถวๆซอยที่พักนี่แหละ ถ้าลงจาก subway hongik univ. no.9 เดินตรงเข้าซอยผ่านพวก kfc มาจะเจอเลย อร่อยดีนะ เป็นไก่มีกระดูกฉ่ำซอส แต่เรารู้สึกว่ามันยังอร่อยได้อีก เอาไป 7/10 จากนั้นเราสองก็พร้อมลุยช๊อปกับ 1st day : SHOPPING DAY! ณ Myeongdong!! (Line 4 สายสีฟ้า ลงสถานี Myeongdong ออก Exit 5, 6, 7, 8 หรือ Line 2 สายสีเขียว ลงสถานี Euljiro1(il)-gaออก Exit 5 ) ซึ่งก่อนจะขึ้นสู่พื้นถนน เราก็แวะ ก่อน Myeongdong Underground Shopping Center ซึ่งเราชอบมากก คือเสื้อผ้าสวยนะ ถูกด้วย ชั้นได้เสื้อตัวนึงในราคา 200 บาทไทย มีรูป เดี๋ยวลงละจะบอก ละข้างล่างนี่คือมีร้านขายของติ่งเกาเว้ย เพื่อนชั้นก็ฝากนังชุแบกโฟโต้บุคน้อง Got7 กลับมาด้วย ของที่นี่ถือว่าถูกกว่าร้านอื่นๆเลยค่ะ แนะนำเพื่อนติ่งต้องมาที่นี่ . . พอเดินจนครบละก็ขึ้นสู่พื้นดิน.. แกร คือมันเป็นดินแดนสำหรับนักช็อปม๊าก!!!! เครื่องสำอางที่นี่แบบสุดมาก อัด แน่น ครบเครื่องทุกซอกทุกมุม นี่คือเครื่องสำอางที่เราสอยมา คือแฮปปี้มากอะ นอกจากเครื่องสำอางก็จะมีเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ Street food ต่างๆ แต่ส่วนใหญ่จะแน่นไปด้วยเครื่องสำอางซะมากกว่า และมาถึงไอติมสู๊งงสูงที่เลื่องชื่อ คือเดินไปเรื่อยๆละก็เจอเฉย กับ 32 Parfait https://www.facebook.com/32parfait/timeline ที่ตั้ง : 22-9 Chungmuro 1-ga, Jung-gu, Seoul จริงๆมันจะกดใส่โคนยาวสูงเลย แต่ด้วยการอยากชิมหลายรสและเรามากันสองคน เลยสั่งแบบถ้วยแทน รสชาติเอาจริงเฉยๆนะ คือมันก็ดีที่ไม่หวานมาก แต่แบบ มันไม่ค่อยมีความหอมของตัวไอติมเลย จำราคาไม่ได้ แต่ประมาณ 60 บาท ระหว่างทางก็ลองชม Street food ที่นี่ไปเรื่อยๆ คือลองกินเป็นบางอย่าง อย่างปลาเส้นร้านนี้ เค้าบอกว่า มันคือ fish cake เค้าจะให้ตักน้ำซุปละหยิบไม้กินในลักษณะโอเด้ง คือรสมันจืดแบบ.. จืดมากกกกกกกก ไม่อร่อยอะ 5555 ส่วนอันนี้ เป็นลูกๆคล้ายทาโกะยากิ มันเป็นเนื้อบดๆรวมกันละมีปลาหมึกด้วย เค็มๆเผ็ดๆมันๆ ส่วนตัวก็เฉยๆอีก.. คือรสมันไม่มีอะไรโดดเด่น และนี่ หน้าตาน่ากินมากจ่ะ ต๊อกชีส รสก็คือความจืดของต๊อกเลย คือ ตอนกลับมาไทยเพิ่งจะรู้ว่ามันมีนมข้นให้ราดด้วย == อินี่ไม่ได้สัมผัสรสชาติของความหวานเลยค่ะ ซึ่งนังชุมันบอกว่า เค้าใส่มาให้แต่นิดเดียว แสดงว่าอิส่วนที่เค้าใส่มา นังนี่คงกินไปหมดแล้ว ถถถถถถ อด ตัวชีสจะหอมมันๆหน่อย ครั้งหน้าไปต้องไปฟาดอีกรอบ ขอนมข้นหนักๆ หึหึ โดยรวมคือไม่ได้ลอง street food ครบทุกอย่าง แต่ส่วนใหญ่ที่เจอคือรสไม่ค่อยอร่อย5555 . . สำหรับห้างละแวกนี้ เราก็ได้แวะ หลายห้างอยู่ อย่าง Migliore ก็ได้แวะ แต่ชั้นว่ามันไม่มีไรเลยอ่ะ เฉยๆมาก ไม่ค่อยมีเสื้อผ้าสวย สำหรับเวลาเปิดปิดของร้านค้าต่างๆ ย่านมยองดงจะเปิดประมาณ 10.30 และปิดตั้งแต่ 20.30 น.เป็นต้น บางที่ก็ปิดดึก บางที่ก็ตี 5 เลย . . จากนั้นก็ไป Seoul tower ค่ะ ด้วยความที่มาครั้งแรก ดู Map ละก็คิดว่าคงไม่ไกลมาก ไหนๆก็อยู่มยองดงละ ไม่ต้องรถบัสหรอก ก็เดินจากมยองดง ไป cable car คือเดินหาโรงแรม Pacific hotel ก่อน แล้วเข้าซอยขวามือ ตรงยาวไปเรื่อยๆ มันจะชันขึ้นๆ ก็จะถึง cable car ซึ่ง cable car จะเปิด 10.00 23.00 น.ผู้ใหญ่ตกคนละ 6,000 W (เที่ยวเดียว) / 8,500 W (ไปกลับ) ซึ่งกว่าจะถึงบอกเลยว่า.. โคตรเหนื่อย! คือทางมันชันมากกกกกกกและไกลอยู่ ประมาณ 15 นาทีอะแกร๊ อิชุคือหนักสุด อินี่แบกโฟโต้บุค Got7 ขึ้นหลังเดินขึ้นไปด้วยจร้า 5555555 ละดึกๆนี่แอบเปลี่ยวๆ มืดๆ ถ้าใครที่ขี้เกียจเดิน แนะนำให้ขึ้นรถบัสค่ะ โดยนั่งรถ Namsan Sunhwan Shuttle bus สาย 02,03,05 จากมยองดงไปได้ อันนี้เป็นวิวจาก cable car พอมาถึง.. นี่บอกเลยว่า ข้างบนหนาวมาก! อุณหภูมิประมาณ 8 องศาแต่โคตรหนาว คือดูเสื้อผ้าอิชั้น มีแค่เสื้อเชิตแขนยาวบางข้างในและผ้าพันคอคลุม นี่ยังหาเสื้อโคทไม่ได้ไง ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันไป บอกเลยว่าคู่รักข้างบนนั้นเยอะมากกกก คือนางจะมุ้งมิ่งซารางเฮกันเต็มไปหมด อิชั้นกับเพื่อนก็จิ้นกันเองเส่ะ หอยหราด ถ้าใครจำฉากในหนังที่เป็นที่คล้องกุญแจคู่รักได้.. ชั้นบอกเลยว่า มันผิดคาดมาก คือมันเล็กกว่าที่คิดมากกกแกร เป็น Square area เท่านั้นจริงๆ รายล้อมไปด้วยแม่กุญแจ แต่มันก็เป็นจุด landmark ที่น่าจดจำ.. ถ้ามากับคู่รักจะฟินมาก คือบรรยากาศมันดีอ่ะ ครั้งหน้าชั้นจะต้องมีหลัวมาด้วยค่ะ 55555555 ครั้งนี้อยู่กับนังนี่ไปก่อนละกัน ถถถถถ พอมองวิวจากตรงนี้ไป Seoul Tower มันสวยจริงๆ ระหว่างรอคิวขึ้น Seoul Tower ก็ไปจิบกาแฟรอ คือชั้นค่อนข้างประทับใจกาแฟที่นี่ รู้สึกอร่อยทุกร้านเลย นี่แก้วละประมาณ 120+ บาทไทย พอขึ้น Seoul Tower ข้างบนมันแบบ เป็นที่ไม่กว้างมากอะ แต่เห็นทั้งโซลเลย สวยงาม.. ถ้าไม่มานี่ก็เหมือนมาไม่ถึง มีของฝากน่ารักๆด้วยค่ะ เก็บภาพกันไปจนพอใจ.. จากนั้นเราก็มาชอปปิ้งห้างที่ปิดดึกย่านทงแดมุนต่อ แต่พวกเรานั่งรถบัสกันมาค่ะ อันนี้แปะเผื่อคนเดินทางด้วยรถไฟ (รถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว, สาย 4 สีฟ้า, สาย 5 สีม่วง ลงสถานี Dongdaemun History & Culture Park ทางออกที่ 1 หรือสาย 1 สีน้ำเงิน,สาย 4 สีฟ้า ลงสถานีทงแดมุน (Dongdaemun) ก็ได้เหมือนกัน) ระหว่างนั้นก็แวะชิม street food อีก จะรสเหมือนไก่ก็ไม่ใช่ ลูกชิ้นก็ไม่เชิง ดูท่าจะไม่ถูกโฉลกสตรีทฟู๊ดสักอย่าง 5555555 . . บอกเลยว่า ใครที่มีแพลนมาหน้าหนาวปีนี้ และจะหาซื้อเสื้อโค้ทเกร๋ๆตั้งแต่ชิคๆไปยันขั้นหรูหรา ชั้นขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ ไม่ต้องหาซื้อจากไทยไป เพราะบางร้านที่นี่ถูกกว่าจริงๆ ถ้าอยากได้แบบสไตล์ High fashion หน่อยก็ต้องห้าง Lotte FITIN เลย มันดูดีมากกกก แต่ราคาก็สูงตามท้องเรื่องประมาณ 3000+ บาทไทย แต่มันสวยจริงๆ ส่วนอิเชอ ไปฟาดที่ห้าง Hello apM แทน ด้วยความที่อากาศบ้านเรามันไม่มีวันหนาว เลยคิดว่า ซื้อแพงไปคงใส่ได้น้อยครั้งอยู่ดี เลยขอแบบราคากลางๆรับไหวละกัน สำหรับห้าง Hello apM เปิด 10:30-05:00 ปิดวันอังคาร ซึ่งร้านที่อิเชอจัดไปจะอยู่ชั้นล่างเลยค่ะ จำได้ว่า อาจุมม่าเค้าลดให้เหลือ 60,000 W ก็ประมาณ 1800 บาทตอนนั้น แกรคือโค้ทเค้าดีอะ ทรงสวย สีคือแมทช์ได้ทุกชุดเลยค่ะ ซึ่งอิเชอจะใส่ในวันถัดไป รอดูรูปรัวๆ คืออิเชอพูดอังกฤษไป นางตอบมาเป็นเกา 5555555 แม้อาจุมม่าจะพูดอังกฤษไม่ได้เลยเถอะ แต่เราสื่อสารกันได้ ;D ;D น่ารักป้ะล่ะ ;D ;D ในคืนวันแรกก็ผ่านพ้นไปด้วยดี 2nd day: Fun Park is calling Plan ของเราคือไป Lotte World Lotte world Address : 240, Olympic-ro, Songpa-gu, Seoul Website : www.lotteworld.com เวลาเปิด : 9:30-23:00 วิธีเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว หรือ สาย 8 สีชมพู ลงสถานีชัมซิล (Jamsil) ทางออกที่ 4 ออกมาแล้วเดินเลียบถนนใหญ่ไปค่ะ ซึ่งอิเชอกับเพื่อนก็ได้ซื้อบัตรเป็นแบบ 1 Day Pass Ticket ตอนนั้นจำได้ว่ามีโปร ต้องคอยเช็คนะคะว่าที่ไหนมีส่วนลดบ้าง แต่เรามีบัตร Korea tourism member อ่ะ มันมีให้ลดสำหรับtourist เหมือนกัน . . พอเข้าไปในโซน Lotte World Adventure //global.lotteworld.com/app/attrctn/list.asp?cmsCd=CM0196 นี่ก็เป็นความโง่ของอิชั้น คือซื้อตั๋วแบบ 1-day passport มาไม่ถึง 5 นาที ตั๋วหาย!!! T T ไปแจ้ง customer service ซึ่งที่นี่เค้ายังดีที่ออกบัตรให้ใหม่ได้ แต่จะไม่ได้เป็นแบบ magic pass มองเผินๆนะ ตอนแรกคิดว่าเห้ย มันอยู่ในห้างหรอวะ Lotte world แต่พอเข้าไปแล้วมันเป็นอีกมิติ มันเป็นอีกโลกมาก! ทะด้าา วันนี้ใส่โค้ทที่สอยมามะคืน นี่ปลื้มมากจีจี ไม่คิดว่าเค้าจะทำอลังการทะลุนอกห้างขนาดนี้ น่าประทับใจมากกกก ในตัวห้างจะมี 4 ชั้นค่ะ แบ่งโซนกันไป เค้าจะมีทำสัญลักษณ์ในโบชัวร์ เช่นแบบ Thrill คือจะตื่นเต้นเร้าใจ Children ก็คือเบาๆเหมาะกับเด็กเป็นต้น Indoor Zone เครื่องเล่นที่พวกเราเล่นกันข้างในก็มี French Revolution คือมันเป็นรถไฟเหาะอันแรกที่ได้เล่นเลย แหกปากสิคะตอนมันตีลังกา 55555 สนุกดีนะ แต่จบเร็วไปหน่อย คืออะไรพวกนี้มันจะสั้นมากๆ จับเวลาประมาณ 2 นาทีอ่ะ 555555 แต่ชอบบบ Jungle Adventure นี่จะอารมณ์ Grand Canyon บ้านเรา คือมันเปียกนิดหน่อย ต้องคอยกอดสัมภาระไว้ให้ดี สนุกดีค่ะ ตอนเราไปนี่นั่งกันสองคนเลย Pharoahs Fury เค้าทำได้เพลินมากอะ production ข้างในนี่เว่อวังอลังการ ล่องเรือ fury ไปเรื่อยๆ เล่นแล้วก็อินไปกับ story เค้าเหมือนกัน Atlantis เป็นเครื่องที่พวกเราอยากเล่นมาก แต่คนเยอะแบบ รอเป็นชม. เลยต้องตัดใจ วันที่เราไปคนค่อนข้างเยอะค่ะ เลยเล่นได้ไม่ครบ ต้องทำเวลาด้วย ระหว่างเดินเล่นข้างในก็ไปเล่นพวกตู้หนีบตุ๊กตาด้วย แต่อย่าไปเล่นเล้ย โดยแมร่งแดรกหมด 555555 ครั้งละ 500 W เกลี้ยงจ่ะ OUTDOOR ZONE Magic Island พอออกโซนนอกห้าง มันเป็นบรรยากาศที่น่ารักมากๆ ดีมากๆ แดดอุ่นลมเย็น หายใจละสดชื่นมากค่ะ พูดถึงพวกกลุ่มเครื่องเล่นสายระทึกดีกว่า GYRO มันจะมีสามเครื่องเล่น ซึ่งอิเชอกับอิชุก็ฟาดสิคะ รอไร พร้อมลุ๊ยยยย!! ตัว Gyro drop นี่จะเหมือน Giant drop ที่เราคุ้นเคยชื่อกัน คือเสียวไส้แบบเสี้ยววิ ตอนรอคิวนี่น๊านนาน 5555 แต่สนุกดีค่ะ ตอนขึ้นไปสูงสุดละรอจังหวะจะ drop นี่แบบ อร๊อยยยระทึกกก Gyro Spin เครื่องเล่นนี้ กระเป๋าใครที่ปิดซิบไม่ได้ ซวยนะคะ คือนางไม่ให้ฝากตรงโซนข้างนอกด้วย ต้องกอดไว้ในขณะที่คุณก็ต้องกอดเก้าอี้ไว้ให้แน่นจ่ะ ละมันก็จะสวิงเราท่ามกลางท้องฟ้าที่สวยงาม สนุกอีกเหมือนกัน ลงมาไม่วิ้งค่ะ เก็บภาพระหว่างรอคิว Gyro Swing ใครที่อยากวัดความสตรวอง ความเสียวไส้.. ต้องเจอตัวนี้ค่ะ อิเชอเก่งมาทุกเครื่อง เจอนี่ ลงมานี่กินอะไรไม่ลงเลยค่ะ คือมันเหวี่ยงแบบ 360 ในขณะที่ตัวเราก็ขาชี้ฟ้าไปด้วย ลงมานี่ถึงกับจอด ท้องไส้หมุนติ้ว ออกมาพัก กินจาจังเมียนใน Lotteriaได้แค่ไม่กี่คำ แทบพุ่ง 55555 ทำเอาเอื่อยไปเลย แนะนำให้ใช้ magic pass จองไว้เล่นท้ายๆโปรแกรม ไม่งั้นอาจจะไม่ไหวละหมดสนุกได้ นอกจากนั้นก็มีเล่น BUNGEE คือมันเป็น short version ของ Gyro drop อ่ะ เสียวแบบสั้นไปอี๊กกก ก็สนุกเหมือนกัน คือเสียดายที่มีเวลาน้อยจริงๆ คนมันเยอะ แล้วเมจิคพาสของเรามันก็ใช้ไม่ได้เพราะเป็นบัตรสำรองที่ทำมา . . หลังจากนั้นเราก็แวะ Lotte Mart ต้องบอกว่าของเยอะมาก คำแนะนำสำหรับการช้อปที่นี่นะคะ หาถุงหรือกระเป๋าใบใหญ่มาเองเลย จะได้ไม่ต้องเสียค่าถุง เชอซื้อเยอะเลยเอาถุงใหญ่สุด ใบละ 1000 W ก็ประมาณ 30 บาท มานี่ก็ได้ซื้อของกินหมดเลยค่ะ ที่ชอบที่สุดคือช็อคโกแลตของ lotte ไส้เมล็ดกาแฟ ต้องบอกว่าถ้าไม่ใช่คอกาแฟคงไม่ชอบ คือมันเป็น cocoa ไส้เม็ดกาแฟทั้งเม็ดเลยค่าาา กรี๊สสสส ปลื้มมวากกก อร่อยมากกกก มันหอมคั่วกาแฟในปาก เคี้ยวละกรุบกรับฟินจริง ส่วนอีกอันเป็น cocoa เข้ม มันไม่ถืงกับเข้มขม แต่รสดีงาม ชอบอีกเช่นกัน ลาก่อน Lotte World แล้วเราจะกลับมาอีก.. หลังจากหนึ่งวันที่ยาวนาน เราก็ไปหาข้าวเย็นกินกัน แกร คือชั้นตาม twitter เที่ยวเกาหลี ละเค้าบอกให้มาร้านนี้ แต่ซึ่งเมนูในรูปที่เค้าโพสต์มันน่าจะผิด เพราะไม่มีเมนูที่เห็นในร้านนี้เลยค่ะ พูดอังกฤษ ที่ร้านก็พูดไม่ได้ เราอยากขอสั่งเนื้อกับชีส เค้าก็ไม่ให้ พอจะสั่งหมู ก็ต้องเป็นรายการตามที่เค้าฟิกไว้ ไปๆมาๆได้สิ่งนี้ ด้วยความสงสัยในเนื้อที่เคี้ยวอยู่ เลย kakaoไปถามพี่พู (คืออิเชอมีเพื่อนเกาคนนึง ขอเรียกนางว่าพี่พูละกัน นางมาจากพูซาน) ว่า.. สิ่งนี้คืออะไร.. สรุปสิ่งที่สั่งมาคือ.. กระเพาะหมูชีส!!! อิ้ววววววรรรร มันไม่มีความอร่อยเลยแก T T เศร้าแปป ต่อให้หน้าตามันจะดูน่ากินก็เถอะ 555 หลังจากนั้นเราก็เก็บของในที่พัก แล้วก็ออกมาเดินเล่นตลาดวัยรุ่นย่านฮงแด ข้ามถนนจากที่พักไปก็ถึงเลย ก่อนไปก็ต้องมี Fashion set นิสนึง สำหรับย่านนี้.. ชั้นค่อนข้างชอบเสื้อผ้าที่นี่อะ คือมันใช่ เสื้อผ้าน่ารักมากก ส่วนใหญ่เป็นสไตล์ที่อิเชอชอบเลย ราคาแถวนี้ก็ไม่แพงมาก อาจจะไม่ถูกเท่าพวกใต้ดิน แต่มันมีสไตล์ เกร๋ๆ มีราคาสูงเป็นบางอย่าง นี่ก็สอยโค้ดมาอีกตัวจ่ะ แต่บางกว่า ราคาประมาณ 19,000 Wซึ่งเป็นตัวที่เชอจะใส่ในวันรุ่งขึ้นค่ะ . . จากนั้นเราก็กลับที่พัก แปลงโฉม แล้วไปท่องราตรี.. วันนี้เราไปกันที่กังนัม OCTAGON เห็นว่าเป็นเดอะเบสของหน้าตาอปป้า มีคนบอกมา.. ขอไปเชยชมหน่อย หุหุ พอเราไปถึง ต้องบอกว่า ร้านค่อนข้างดูดีเลยทีเดียว มันจะมีแบ่งชั้นแบ่งโซน ชั้นสองเหมือนจะถูกจอง ต้องมีบัตรผ่านเข้าไป ส่วนโซนสำหรับคนทั่วไปจะอยู่ด้านล่าง ล็อคเกอร์เก็บของที่นี่หะรูหะราดีมาก คือต้องใช้ wrist band ในการสแกนบาร์โค้ดแล้วฝากของจ้า เสียค่าฝาก 5,000 W ถ้าจำไม่ผิด ผู้คนที่นี่แต่งตัวดีค่ะ ดูโต เป็นผู้ใหญ่ ส่วนหน้าตาก็ธรรมดา-ดี เอาจริงไม่ค่อยได้เห็นหน้าหรอก มืดๆ ส่วนใหญ่แต่งตัวดีซะมากกว่า วันที่เชอไป เป็นวันที่มีงาน event ดีเจอะไรสะอย่าง เลยเข้าฟรี คนไม่เยอะมาก เอาจริง จากแนวเพลงนะ เราว่ามันไม่สนุกเลยเว้ย เพลงแบบ electro อย่างเดียว อยู่ละง่วง ดีที่ไม่มีอปป้ามือปลาหมึกนะ หรืออาจเพราะวันที่ไป คนน้อยด้วย ต่างคนต่างเต้น แต่ยอมรับว่าที่นี่แต่งตัวดูดีจริง มีแค่ฝรั่งหน้าหม้อที่คั่วสาวไปทั่วมายุ่งๆ คือมันคงว๊อนท์มาก เห็นเจอญไหนเข้าหาหมด ที่นี่ดริ้งแพงค่ะ เบียร์ขวดเล็กก็จำได้ว่าแพงแล้ว อยู่ได้ไม่นานก็กลับ นั่งแท็กซี่กลับเลยจ่ะเพราะมันดึก ตอนนั้นตี 1+ โดนค่ารถไปเกือบ 500 บาทไทยได้ เค้าถึงว่า แท็กซี่เกาหลีแพง บอกเลยว่าคุณลุง อาซาชี นี่ขับแบบ FAST & FURIOUS มากค่ะ ขับขนาดนี้อยู่เมืองไทยโดนแน่ๆ 5555555 นี่ต้องเกาะบาร์โหนเลย ไม่งั้นตัวเซหัวโขกกระจกแน่นอน
อ่านต่อ Part 2 ได้ที่นี่เลยจ้าา!: //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cherriiecherry&month=09-01-2016&group=17&gblog=2 |
สมาชิกหมายเลข 808387
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?] cherriiecherry's blog Beauty, Fashion & Lifestyle "ทุกอย่าง เกิดขึ้นได้จากแรงบันดาลใจและความเชื่อ" รายละเอียดเพิ่มเติมใน About me เลยค่า <3
Link |