หาดทราย สายลม และผมคนเดียว

วันนี้ตอนบ่ายแก่ๆ หลังจากตะลอนเที่ยวทั่วภูเก็ต ทุกคนกลับมาหลับที่โรงแรมด้วยความเหน่ือยอ่อน โรงแรมที่ผมพักอยู่แถวกะตะ ตรงสามแยกที่จะขึ้นไปแหลมพรหมเทพพอดี ถ้ามาจากทางแหลมพรหมเทพเลี้ยวขวาก็จะลงไปหาดกะตะ เลี้ยวซ้ายก็จะไปหาดกะตะน้อย ชาวบ้านแถวนั้นเรียกแยกนี้ว่าสามแยกต้มยำกุ้ง ตอนแรก ๆ ก็งงว่าทำไมถึงเรียกอย่างนี้ แต่ก็ถึงบางอ้อ เพราะตรงสามแยกนั้นมีร้านอาหารไทยชื่อว่าต้มยำกุ้งอยู่นั่นเอง

เมื่อทุกคนสลบกันไปหมดแล้ว ผมไม่เหนื่อยเท่าไหร่เลยออกเดินเร่ือยเปื่อยจากโรงแรมกะว่าจะเดินเล่นที่ชายหาดเสียหน่อย

เม่ือถึงทางสามแพร่ง อะไรบางอย่างทำให้ผมตัดสินใจเลี้ยวซ้ายไปทางกะตะน้อย

เส้นทางลาดชันขึ้นเดินไป 300-400 เมตร ผ่านร้านและรีสอร์ทแปลกตาร้านหม่อมตรีที่มีแนะนำใน Trip adviser ก็อยู่ที่นี่

เลยจากร้านหม่อมตรีไปไม่เท่าไหร่ก็มีบันไดชันสูงเกือบๆ 50 เมตร เป็นทางลัดลงไปยังหาดกะตะน้อย

ผมยืนลังเลอยู่ชั่วครู่

นี่คือจุดหมายที่เราตั้งใจจะมาไม่ใช่หรือ?

ผมตัดสินใจก้าวเท้าเดินลงไปตามขั้นบันไดสูงชัน จนมาถึดหาดทรายขาวละเอียด 

ผมมองไปรอบๆ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เหมือนเวลาหยุดนิ่งอยู่กับที่

............

13 ปีแล้วสินะ...

เมื่อ 13 ปีก่อน ผมกับภรรยาแต่งงานกันได้ไม่ถึง 1 วัน เราสองคนมาฮันนี่มูนที่กะตะน้อย นอนห้องสวีทของกะตะธานี 3 วัน 2 คืน คู่บ่าวสาวใหม่เอี่ยม ชีวิตคู่ที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของวันข้างหน้า

ผมก้าวเท้าลงบนผืนทรายละเอียดนุ่ม แม้กระทั่งผืนทรายก็ยังเหมือนเดิม 

ผมเงยหน้ามองไปทางโรงแรมกะตะธานี ห้องนั้นก็ยังคงอยู่ที่นั่น

ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกผมตอนนี้เป็นอย่างไร...แต่ก็ก้าวเดินต่อไปด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา

ผมเดินมาถึงท่ีจัด Dinner ริมหาด คืนแรกท่ีกะตะเม่ือ 13 ปีก่อน ผมกับเธอน่ังกินอาหารฉลองชีวิตคู่คืนที่สองที่นี่ ดินเนอร์หรูใต้แสงเทียน ท่ามกลางเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งและเสียงเพลง The Girl From Ipanema

ผมเดินเข้าไปในเขตโรงแรมโดยไม่รู้ตัว

"Only Hotel guest, sir!!" เสียงการ์ดตะโกนบอกผม

"โอ๊ะ! ขอโทษ"

"อ้าว! คนไทยหรือครับ ตรงนี้สงวนไว้สำหรับแขกของโรงแรมเท่านั้น" การ์ดพูดท่าทางขึงขัง

"ขอโทษครับ พอดีเม่ือ 13 ปีก่อนผมมาฮันนี่มูนท่ีนี่...ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ"

"อ๋อครับ... " การ์ดโรงแรมยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร "ครั้งนี้พาครอบครัวกลับมาเที่ยวหรือครับ"

ผมหน้าสลดลง

"เขาไม่อยู่แล้วครับ"

"โอ้ เสียใจด้วยครับ"

ผมโบกมือลาการ์ดโรงแรม แล้วหันหลังกลับไปทางเดิม 

ใช่ครับ.. เราสองคนได้ตายไปจากชีวิตของกันและกัน ชีวิตคู่ของเราจบลงไปเมื่อหลายปีก่อน เหลือไว้เพียงความทรงจำของสองเราที่ริมหาดกะตะน้อย

ผมรู้สึกเหมือนยกอะไรที่มันหนักอึ้งออกจากอก ทุกอย่างเริ่มต้นที่น่ี และได้จบลงไปแล้วท่ีนี่ ณ เวลานี้ผมไม่มีอะไรค้างคาในใจผมอีกต่อไป

ผมเดินต่อไปจนสุดหาดกะตะน้อยก่อนจะเดินลุยคลื่นซัดฝั่งกลับมา มองฝรั่งที่นอนอาบแดด บางคนก็มองผมอย่างสนเท่ห์ ผมรู้สึกตัวว่าผมเป็นคนเอเชียเพียงคนเดียวที่อยู่ที่หาดนั้น

ผมค่อยๆ เดินกลับขึ้นจากหาดกะตะน้อยผ่านทางบันไดสูงชันอันเดิม

เม่ือถึงคร่ึงทาง ผมพบว่ามีแหม่มสูงอายุกำลังหยุดพักเหน่ือยอยู่ ผมยิ้มให้คุณป้า

"It's so high...." คุณป้าทำหน้าอ่อนใจ พอหันกลับลงไปมองบันไดที่พึ่งเดินขึ้นมาเธอก็ทำท่าลังเลว่าจะไปต่อดีไหม

"Don't look back... Just watch your steps" ผมบอก

ใช่..

Don't look back, just watch your steps... 

ชีวิตมันก็เป็นเช่นนี้



รูปนี้ถ่ายที่เกาะอะไรซักอย่างที่กระบี่ครับ ไม่ใช่หาดกะตะน้อย




Create Date : 31 พฤษภาคม 2556
Last Update : 31 พฤษภาคม 2556 8:16:09 น.
Counter : 688 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Broken Heart Prophet
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คุณพ่อลูกสามจิตว่าง
ที่กำลังพยายามเขียนนิยายแข่งกับลูกสาว