ปฏิบัติการของบรรดาเซียนอินเตอร์เน็ตร้อนวิชา ที่มีชื่อเรียกรวมๆ ว่า "แฮกเกอร์" กลับมาฮือฮาอีกครั้ง และคงเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ไปอีกหลายวัน

เมื่อมีมือดีเข้าไปเจาะเว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรีwww.opm.go.th โพสต์ภาพล้อเลียนและข้อความหยาบคาย มุ่งเป้าโจมตีนายกฯยิ่งลักษณ์ เพิ่มงานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกระทรวงไอซีทีต้องติดตามมาตกรางวัลด้วยข้อหาความผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

หากเป็นเมื่อก่อนเรื่องจะตามให้ได้ ไล่ให้ทัน อาจค่อนข้างยากลำบาก แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเรียนรู้เท่าทันกันหมด แฮกเกอร์ที่มั่นใจในฝีมือ คิดจะ "เจาะ" แล้ว "จร" เหมือนแต่ก่อน คงต้องคิดซ้ำหลายๆ รอบ

ซึ่งหน่วยงานที่คร่ำหวอดในการเกาะติดบรรดาแฮกเกอร์ อย่าง พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการ กองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ให้รายละเอียดว่า จากสถิติที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับแฮกเกอร์ค่อนข้างมากในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะธนาคารต่างๆ และเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ แต่ผู้เสียหายส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกล้าเข้าแจ้งความ เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประชาชน ซึ่ง บก.ปอท.ได้ร่วมกับกระทรวงไอซีทีคอยป้องกันและปราบปรามอาชญากรทางคอมพิวเตอร์ โดยไอซีทีจะดูในภาพรวมเชิงนโยบาย ส่วน ปอท.จะเป็นหน่วยปฏิบัติ

สาเหตุที่หน่วยงานของรัฐโดนแฮกบ่อย พล.ต.ต.พิสิษฐ์วิเคราะห์ว่า อาจเป็นเพราะมีงบประมาณจำกัดในการจัดซื้อเครื่องมือเพื่อป้องกันการแฮก จึงสามารถป้องกันได้แค่ระดับหนึ่ง หากเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการป้องกันแฮกเกอร์ ธนาคารจะอยู่ในระดับร้อยละ 95 ส่วนหน่วยงานรัฐจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 70 เพราะว่าหน่วยงานรัฐส่วนใหญ่จะเน้นงบในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ธนาคารหรือหน่วยงานเอกชนจะจัดสรรงบประมาณในการป้องกันการแฮกข้อมูลด้วย พวกแฮกเกอร์จึงเล็งเห็นช่องทางหน่วยงานรัฐได้ง่ายกว่า

ขณะที่พฤติกรรมในการแฮกข้อมูล ผบก.ปอท.บอกว่า พวกแฮกเกอร์จะไม่เข้ามาตรงๆ แต่จะอำพรางตัวเองไว้ เมื่อตรวจสอบทางเทคนิคจะพบว่า ส่วนใหญ่มักแฮกมาจากต่างประเทศ แต่หากตรวจสอบจริงๆ ก็จะพบว่าเป็นกระทำผิดในไทยนี่เอง

พวกแฮกเกอร์เหล่านี้เป็นคนเก่ง ร้อนวิชา มักจะสุ่มแฮกไปเรื่อยๆ ลองแฮกเว็บนั้น

เว็บนี้ ธนาคารนี้ หน่วยงานนี้ พอเจาะเข้าได้ก็จะประกาศให้รู้ว่าตัวเองเก่ง มีฝีมือ เช่นเดียวกับการแฮกเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรีที่เขียนว่า Unlimited Hack Team!!!เพื่อต้องการให้ตัวเองโด่งดัง หากไปเจาะเว็บไซต์อื่นๆ ก็ไม่มีใครรู้จัก

พวกแฮกเกอร์ในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 4-5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสมาชิกประมาณ 10-20 คน พวกมีแนวความคิดในทางเดียวกันก็จะไปรวมอยู่กลุ่มเดียวกัน แล้วจะแข่งขันกัน ส่วน "Unlimited Hack Team" ถือว่าเป็นทีมแฮกเกอร์อันดับ 1

ในไทยก็ว่าได้ มีสมาชิกประมาณ 20 คน แฮกเจาะเว็บไซต์ต่างๆ มาแล้วมากมาย ทั้งราชการและเอกชน ต้องการโชว์ว่าตัวเองเก่ง

ผบก.ปอท.แนะวิธีการป้องกันการแฮกไว้ว่า หากเป็นคอมพิวเตอร์ของตัวเองควรตั้งรหัสไว้ ใช้แอนตี้ไวรัสป้องกันที่มีประสิทธิภาพ บางคนอาศัยของฟรีจะป้องกันได้แค่ระดับหนึ่ง แต่แฮกเกอร์มีการพัฒนาโปรแกรมตลอด หน่วยงานรัฐควรหาเครื่องป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง หรือมีการป้องกันหลายๆ ชั้น เช่น ไฟล์วอลที่แข็งแกร่ง หากใครมีข้อมูลสำคัญก็ควรจะต้องลงทุนบ้าง

สถานการ์แฮกเกอร์ในไทยมีแนวโน้มน่าเป็นห่วง เพราะไทยกำลังมีการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับสูง แต่หากถึงจุดๆ หนึ่งที่คนไทยมีการเรียนรู้ป้องกันได้ดี พวกแฮกเกอร์จะย้ายตัวเองไปยังประเทศที่ยังไม่พัฒนาไปตามวัฏจักร โดยแฮกเกอร์ส่วนใหญ่จะมาจากประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย จากนั้นจะเข้ามาก่อเหตุในไทย แต่หากอนาคตไทยมีระดับการป้องกันที่สูง พวกแฮกเกอร์อาจจะย้ายไปกระทำผิดในประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม หรือลาว เป็นต้น

นายตำรวจคุมหน่วยปราบแฮกเกอร์ยังฝากไปถึงบรรดาแฮกเกอร์ด้วยว่า ขณะนี้ ปอท.มีเครื่องมือและเทคโนโลยีเพียงพอ และพร้อมจะสู้กับแฮกเกอร์ได้ไม่น้อยหน้า แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ เพราะแฮกเกอร์ก็พัฒนาตัวเองตลอดเวลา

ดังนั้น ทางการจึงต้องพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวตามให้ทันอาชญากรทางคอมพิวเตอร์ด้วย โดยเฉพาะในอนาคตไทยจะก้าว

เข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือเออีซี ปอท.จึงต้องพัฒนาหน่วยงานให้ได้ในระดับที่เทียบเท่ากับประเทศอื่นๆ ที่พัฒนาแล้วให้ได้

แฮกเกอร์ทั้งหลายฟังเอาไว้ ก็เข้าใจหรอกนะว่าฝึกเจาะเข้าไปมากๆ "มันร้อนวิชา" ต้อง "ปล่อยของ" กันบ้าง แต่ถ้าไปละเมิดสิทธิคนอื่นจนเกินงาม

อาจต้องไป "ดับร้อน" ในตะราง

หน้า 13,มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2556

ที่มา : //www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1368152434&grpid=01&catid=&subcatid=