Series_Moonlight 105 [Arrested Development]


Series_Moonlight 105 [Arrested Development]


“If I’ve learned anything in 85 years,
it’s that what you want.Doesn’t  always matter.
You can wanna get from here to there.
You can want to be on time.
You can want to avoid someone for their own good because…
- -Say,you drank their blood out in the desert.
But if the universe wants something different…
- -well,you can run,but you can’t hide.”


“สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากการอยู่มา 85 ปี,
คือสิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่เรื่องสำคัญเสมอไป
คุณอาจอยากไปที่นั่นที่นี่ให้ตรงเวลา
คุณอาจอยากหลบหน้าใครสักคนเพื่อตัวเขาเองเพราะ...
- -สมมติว่าคุณดื่มเลือดเขากลางทะเลทราย
แต่ถ้าจักรวาลไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
- -คุณอาจจะหนีได้ แต่หลบเลี่ยงไม่ได้”


“มิค เซ็นจอห์น”



*สปอยเนื้อหาของตอนระดับรุนแรง*


“เรามีสิ่งที่เราต้องการ
แต่ก็มีเหตุบังเอิญล้านแปดที่เราควบคุมไม่ได้
เหตุการณ์ที่ทำให้เรามาอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
แล้วเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล”


จอชสงสัยในรอยแผลสองรอยที่ปรากฎบนต้นแขนของเบ็ธ
นั่นเป็นสาเหตุที่เขาพาเธอมาตรวจเลือด(A Blood Test)ที่โรงพยาบาล
และอย่างที่มิคกล่าวไว้ข้างต้น...
“คุณอาจหลบหนีได้ แต่หลบเลี่ยงไม่ได้”
มิคเจอเบ็ธและจอชที่หน้าลิฟท์ ทั้งที่เขาใช้เวลาทั้งหมดหลังกลับจากทะเลทรายเพื่อหลบหน้าเธอ….


จอชเชิญมิคให้มาร่วมงานฉลองครบรอบ 1 ปี ที่เขาและเบ็ธคบกัน
แต่มิคปฎิเสธ- -


ที่งานฉลองครบรอบ 1 ปีระหว่างจอชและเบ็ธ พร้อมกับเพื่อนๆ ของเธอ
เบ็ธท่าทางกระอักกระอ่วนเมื่อเพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาและเธอได้มาพบกัน


 “พรหมลิขิต”(Fate)


คำนี้บอกให้รู้ว่า..หัวใจของเบ็ธเริ่มห่างเหินจากจอชไปทีละนิดๆ หลังจากเธอได้พบกับมิค


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและเธอต้องการออกไปทำงาน
เมื่อสายจากห้องเก็บศพในโรงพยาบาล โทรมาแจ้งเธอถึงความผิดปรกติของศพ
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาและเธอมีปากเสียงกัน...


มิคถูกว่าจ้างจากสามี-ภรรยาคู่หนึ่ง
ให้ช่วยตามหาลูกสาว ที่เป็นสาวแอสคอร์ท
เขาพาสามี-ภรรยาคู่นี้เดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อมาชี้ศพ


มิคได้พบกับเบ็ธที่นี่อีกครั้ง …
เป็นครั้งที่สอง - - -
เหมือนที่มิคพูดเอาไว้ข้างต้น But if the universe wants something different…
- -well,you can run,but you can’t hide.”


นี่จะเรียกได้ว่า Fate สำหรับเธอได้หรือเปล่า?


มิคสืบ (ด้วยความช่วยเหลือด้านไฮ-เทค จากทีมงานของโจเซฟ)
จนได้รู้ว่า ฆาตกรที่ฆ่าสาวเอสคอร์ทคนก่อนหน้านี้คือ
แวมไพร์วัยรุ่น…
ที่ชีวิตถูกสต๊าฟไว้ที่อายุ 16 ปี ตลอดกาล…
นั่นทำให้แวมไพร์วัยรุ่นตนนี้หมกหมุ่นแต่เรื่องเซ็กส์ตลอดเวลา


มิคช่วยสาวเอสคอร์ท (เชอริช) ลูกสาวของสามี-ภรรยาที่ว่าจ้างให้เขาช่วยตามหาไว้ได้
และปิดท้ายด้วยฉากต่อสู้สุดมันส์และน่าหวาดเสียว
ระหว่างมิคและแวมไพร์วัยุร่นบนรางรถไฟเหาะสีเหลืองสด....


*พูดคุย*


-A Blood Test-รอยเขี้ยว 2 รอย และ รั้วลวดหนาม
สิ่งแรก-ทำให้จอชพาเบ็ธมาโรงพยาบาล=ความห่วงใย
สิ่งที่สอง-สิ่งที่มิคได้ฝากร่องรอยเอาไว้บนต้นแขน =ความเป็นจริง
สิ่งที่สาม คือ คำพูดที่เบ็ธบอกจอช =คำโกหก


“ช่องว่าง”ระหว่างเบ็ธและจอช
 (ซึ่งคาดว่าน่าจะมีอยู่บ้างระหว่างคู่รัก แต่พอมิคเดินเข้ามาในชีวิตของเธอ ช่องว่างนี้กว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด)
ที่เธอไม่อาจพูดหรือบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอได้ทุกอย่าง
ซึ่งตรงข้ามกับมิค...


อาจเป็นเพราะจอช---เปราะบางทางความรู้สึก เกินกว่าที่เบ็ธจะทำร้ายเขาด้วยความจริงที่อยู่ตรงหน้าได้


หากเธอบอกเขาว่า ถูกมิคดูดเลือด เขาจะรับมันได้แค่ไหน?
ยิ่งรู้ลึกไปอีกว่า เบ็ธเต็มใจเสียสละเลือดในร่างกายของเพื่อให้มิคมีชีวิตรอด


ข้อสังเกตของคนขี้สงสัย—นี่เป็นสถานการณ์ที่คู่รักคู่หนึ่ง กำลังจะไปไม่รอด
โดยที่จอชพยามยื้อ ส่วนเบ็ธก็ห่วงความรู้สึกของอีกฝ่าย
ความจริงตรงหน้าคือ คู่รักคู่นี้รอนับถอยหลังเลิกรา
 เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าเธอใช้คำพูดโกหกกับเขา(ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม)
คำพูดโกหกไม่ว่าสถานการณ์พาไปหรือสถานการณ์บังคับ
มักทำให้คู่รักหวาดระแวงกันและกันได้ง่ายๆ
และที่สำคัญเหนืออื่นใด...เธอรักแวมไพร์อีกคน


-แวมไพร์วัยรุ่นสิวเขรอะ หน้าหื่นมาก เหมาะกับบทจริงๆ
-ฉากอีกหนึ่ง FATE ที่ลานจอดรถ เมื่อมิคก้มลงควานหากุญแจใต้ท้องรถ
เป็นอีกหนึ่งฉากโรแมนติก ….ถ้า-ถ้าไม่ติดว่า เธอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว
-โจเซฟโชว์หน้าตากวนๆ ในสูทเท่ห์ ออกมาแค่ฉากเดียว
ส่วนพี่คาร์ล เจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็โผล่หน้ามาให้เห็นฉากเดียวเช่นกัน
-เป็นอีกตอนที่เพลงเพราะ แม้บางเพลงจะขึ้นมาแผ่วๆ แล้วก็เฟดหายไปแผ่วๆ กับฉากที่เปลี่ยนไป



*ว่ากันเรื่องเพลง*


เพลงที่ 1-Believe (The Bravery)
เพลงที่ 2- All My Life (DJ Harry)
เพลงที่ 3-The Bird and The Worm (The Used) ร็อคหนักแน่น ช่วงท้ายๆ เมื่อมิคต่อสู้กับแวมไพร์วัยรุ่นในสวนสนุก
เพลงที่ 4-Sleep (Meiko) เพลงนี้หวาน โรแมนติกและเพราะค่ะ ฉาก Buzz Wire ต่อเนื่องไปที่ลานจอดรถเข้ากับซีนโรแมนติก


ข้อดีของหนังหรือซีรีส์แนวแวมไพร์หรือผีดูดเลือด ( Vampire หรือ Bloodsucker) คือเพลงร็อคเพราะๆ เพียบเลย....







------------------------------------------------END CREDIT-------------------------------------------






Free TextEditor



Create Date : 13 มกราคม 2552
Last Update : 13 มกราคม 2552 17:17:12 น.
Counter : 470 Pageviews.

0 comment
Series_Moonlight 104 [Fever]


Series_Moonlight 104 [Fever]


Maybe it was her blood in my vein that let me feel her.
The beating me feel her.
The beating of her very living heart or
Maybe we’ve always been connected.


“Mick St.John”



*สปอยเนื้อเรื่องในตอนระดับรุนแรง...และมีสปอยถึงซีรีส์ Bone Season 3 + Prison Break S.1-2*         


เปิดเรื่องด้วยสภาพโรงแรมรูหนู เต็มไปด้วยเศษขยะ พื้นสกปรก คราบน้ำเยิ้มๆ
แมลงสาบวิ่งหนีเข้าไปหลบในซอกอ่างอาบน้ำสภาพซ่อมซ่อ
มิคนอนตาค้างในอ่างโสโครกนี้ น้ำแข็งลอยเป็นแพเต็มอ่าง
และภาพจินตนาการจากสภาพใกล้จะตาย....
เขากัดคอเบ็ธ เพื่อดื่มเลือดเธอดับกระหาย…


มิคตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร
(ความคิดในสมองเขาคิดว่า Ends up near death in no-star motel hell
-บ่งบอกสภาพของเขาได้ดี)


ย้อนกลับไปเมื่อ 21 ชั่วโมงก่อนหน้านี้...
ตำรวจสองนายที่คุมกันพยานสาว ในคดีสำคัญ ถูกคนร้ายบุกมายิงถึงเซฟเฮ้าส์
เลนี่ เฮเยส-พยานสาววัย 22 รอดตายและหนีออกไปได้อย่างหวุดหวิด


จอช ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัยการเขต เจ้าของคดีนี้ ว่าจ้างให้มิคสืบหาตัวเลนี่
(เนื่องจากในหน่วยงานของเขา มีหนอนบ่อนใส้)
เพื่อมาให้ปากคำในศาลในคดีของ อาเมียร์ ฟาเย็ด พ่อค้าอาวุธ
ซึ่งเลนี่เคยเป็นพี่เลี้ยงของลูกสาวฟาเย็ดมาก่อน และเห็นเขาฆ่าลูกน้อง
ที่ชื่อว่า แจ๊ค โทแลนด์


มิคและเบ็ธ ตามร่องรอยของเลนี่ ไปที่บ้านของโทแลนด์
พวกเขาประหลาดใจกับรูปถ่ายที่บ่งบอกความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างแจ๊คและเลนี่


เนื่องจากหูของแวมไพร์ได้ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างชัดเจน
มิคได้ยินหัวใจอีกดวงเต้นอยู่ในท้องของเลนี่
เลนี่ประหลาดใจเมื่อมิครู้ว่าเธอตั้งท้อง ลูกของแจ๊ค โทแลนด์ ...


มิคตามหาตัวเลนี่จนเจอ เขาโทรแจ้งจอช
จอชส่งตำรวจมารับคนทั้งคู่เพื่อเดินทางกลับแอลเอ


ตำรวจที่มารับคนทั้งคู่...เป็นผู้ชายคนเดียวกับที่บุกไปยิงตำรวจสองนายตอนต้นเรื่อง...


มิคใช้ไหวพริบและเซ้นต์ในการเป็นแวมไพร์ หลบหนีออกมากับรถตำรวจ
ผู้ร้าย (เว่อๆ เห็นได้จากหนังแอ็คชั่นขี้โม้ทั่วๆ ไป) ขับฮ.ยิงจรวดเล็งมาที่รถ
มิคและเลนี่หลบออกจากรถได้หวุดหวิด ก่อนที่รถจะโดนจรวดลูกที่สอง ส่องซะกระจุย


วิบากกรรมของมิค...เริ่มต้นตรงจุดนี้ ท่ามกลางทะเลทรายสองข้างทางอันแห้งแล้ง ปราศจากบ้านเรือน


มิคเริ่มกระหายเลือดขึ้นเรื่อยๆ เขาสูญเสียการควบคุมตัวเอง จนเกือบจะดูดเลือดเลนี่
แต่เธอเห็นโรงแรมร้างกลางทะเลทรายซะก่อน


มิคให้เลนี่หาน้ำแข็งให้เขาอย่างด่วน (เลนี่หาน้ำแข็งได้อย่างเหลือเชื่อ
จากตู้แช่หน้าโรงแรม---ฉากนี้นึกถึงตู้แช่ศพมนุษย์จากหนังโรคจิตเรื่อง ไซโค)
ก่อนที่เขาจะไล่ให้เธอออกไปนอกห้อง เนื่องจากความกระหายเลือดอย่างหนัก


มิคเปิดน้ำจากก๊อกที่สนิมจับจนเขลอะ  เปิดจนเต็มอ่างและลงไปนอนแช่
ในสภาพใกล้จะตาย...........ฉากเดียวกับตอนเปิดเรื่อง


เลนี่ใช้โทรศัพท์ของมิค โทรไปหาเบ็ธ ซึ่งหัวใจสลายเพราะคิดว่ามิคเสียชีวิตไปแล้ว
เบ็ธเดินทางมาที่โรงแรมร้างกลางทะเลทราย
เธอพบมิคในสภาพใกล้ตาย นอนใกล้หมดสติในอ่างอาบน้ำ


สิ่งที่ซีรีส์ช็อคคนดูในฉากต่อมาคือ...
เบ็ธบริจาคเลือดให้มิคที่กำลังหิวกระหายจัด ได้ดื่มเลือดจากแขน
โดยไม่มีท่าทางลังเลใดๆ ในสีหน้าและแววตาของเธอ
ฉากนี้—รู้เลยว่าเธอรักมิคมาก ขนาดที่เสียสละตัวเองเพื่อเขา


ส่วนมิคจำต้องตัดใจจากเธอ เพื่อไม่ให้เบ็ธตกอยู่ในอันตรายกว่าที่เป็นอยู่...


*พูดคุย…


-ภาพสีเหลืองน้ำตาล (ซีเปีย)สวยแทบทุกซีน แม้จะอยู่ในโรงแรมรูหนู
-น้ำแข็งนี้ เจ้าได้แต่ใดมา (แกล้งๆ ลืมเหตุผลไปบ้าง เพื่อความสนุกของซีรีส์)


-แวมไพร์ดูดเลือดที่เเขน ไม่ทำให้คนที่ถูกดูดเลือดเป็นแวมไพร์ หากหยุดทัน (ก่อนเลือดจะหมดตัว)
-ซีรีส์นี้ตั้งใจขายรูปลักษณ์และเสน่ห์ของตามิคแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง โดยให้มิคถอดเสื้อโชว์หลายซีน 555
-เพลงเพราะดี โดยเฉพาะเพลงท้ายๆ ตอน


-ตั้งแต่เริ่มต้นซีรีส์มาได้ 4 ตอน Fever เป็นตอนที่สนุกที่สุด
มีทั้งฉากดวลปืนระหว่างผู้ร้ายและตำรวจ ฉากแอ็คชั่นมันๆ และเว่อๆ กลางท้องถนน ในเขตทะเลทราย
เป็นที่น่าเสียดายว่าอายุของซีรีส์นี้มีแค่เพียงปี 2007 แค่ 1 Season
ทั้งที่ตอนซีรีส์นั้นไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก...
 
จัดเป็นซีรีส์ดูเพลินๆ เรื่องนึง  (แม้ไม่เท่า Supernatural ก็ตาม - -
เนื่องจากซีรีส์นี้มีพลังแม่เหล็กใหญ่ๆ ทั้งพี่ดีน เจนเซ่น และน้องแซมมี่ จาเรด ...
พี่น้องคู่นี้ลากซีรีส์ ปราบภูติ-ผี-ปีศาจ กันจนถึง Season 4 ทั้งที่จะว่าไปแล้ว บทสรุปในแต่ละตอนของซีรีส์สุดแสนจะอ่อนปวกเปียก)


-เรตติ้ง ตัวการสำคัญที่ทำให้ซีรีส์หน้าติดตามหลายๆ เรื่อง ถูกฆ่าตัดตอนจากทางสตูดิโอให้จบอย่างเศร้า เช่น...


ล่าสุดเศร้าไปกับซีรีส์สุดรักอย่าง…Pushing Daisies
 ที่ถูกฆ่าตัดตอนแค่ Season 2 ตอนที่ 13....
สร้างความหงุดหงิดและสุดแสนเซ็งๆ ให้กับแฟนๆ ของหนุ่มร้าน Pie’s Hole อย่างรุนแรง....



*กลับมาเข้าส่วนเพลงประกอบในตอน - -


-Vanished (Front Line Assembly)
-Just Like Everyone (Saturn Missiles)
-Into Dust (Mazzy Starr)…ชอบเพลงนี้ ขึ้นมาในท้ายๆ ตอน เมื่อมิคนั่งอยู่ตามลำพังภายในบ้าน


*คำเตือน - - อย่ากลับมาดูใหม่ในเวลาอันใกล้
 เพราะจะทำให้อรรถรสของความสนุกในการดูครั้งแรก หายไปเกิน 50 % แม้ว่าจะทำให้เข้าใจรายละเอียดในซีรีส์มากยิ่งขึ้น


พิเศษ..อย่ากลับมาดู หลังกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ(เหมือนเรา)
พานจะทำให้ดูไปตาจะปิดไป เหมือนตอนที่นั่งปั่นพรีวิว ซีรีส์นี้
และกลับมาดูซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเก็บรายละเอียดให้ครบ...
เนื่องจาก ข้า-พะ-เจ้า ดูซีรีส์เป็นงานอดิเรก ดูมันทุกอาทิตย์ ถ้าไม่กลับมาดูซ้ำ
จะทำให้นึกรายละเอียดได้ไม่หมด ยิ่งช่วงนี้พึ่งดู Bones Season 3 จบไปหมาดๆ
ยังติดกับตัวละคร อย่างพ่อบู๊ท-เจ๊โบนส์-น้องแซ็ค...
ซึ่งจบซีซั่นแบบทำร้ายหัวใจเจ๊อย่างรุนแรง เมื่อให้น้องแซ็ค เด็กปั้นของเจ๊ มาพบกับจุดเปลี่ยนเช่นนี้  (ทำหน้าเศร้า+)


--ยกเว้น  ยกเว้นก็แต่โคตรซีรีส์ เจ้าของความมันส์แห่งปีอย่าง Prison Break
ที่กลับมาดูได้หลายๆ รอบ แต่ความตื่นเต้นและความสนุกยังคงอยู่ครบ
ซึ่งแนะนำเฉพาะ Season 1 และ 2 เท่านั้น
S.3-SONA ทำร้ายหัวใจแฟน PB อย่างรุนแรง
ส่วน Season 4 นั่นไซ้...กู่ไม่กลับซะแล้ว PB ของชั้น!


Special Scene - - ที่ถูกใจพวกขาโหด แต่ขัดใจแฟนสาวๆ
 เมื่อพ่อถุงชา ที-แบ็ค ตัดนิ้วเท้าของไมเคิลซะขาดกระจุย จาก S.1
และฉากขวานฟันฉับไปที่แขนที-แบ็ค ใน S.2 จะทำให้แฟนซีรีส์ต้องช็อคตาค้างไปด้วยความตกใจ...




<มิค & เลนี่>



<เจ๊เบ็ธ..บริจาคเลือดให้มิค>


                                                                                                                






Free TextEditor



Create Date : 08 มกราคม 2552
Last Update : 8 มกราคม 2552 17:18:25 น.
Counter : 506 Pageviews.

0 comment
Series_Moonlight 103 [Dr.Feelgood]


Series_Moonlight 103 [Dr.Feelgood]


Two Buddhist monks are walking down  a road.
And they see a woman trying to cross a stream.
The first monk pick her up,carries her across.
She says thanks and they go their separate ways.


But the second monk is spitting mad after a couple more miles,
The second monk speaks up,tells the first monk.
“You violated the rules of our order.
When you carried that woman across the stream.”


And the first monk replied:
I may have carried her across that stream.
But you’re been carrying her ever since.


“โจเซฟ พูดเตือนสติ มิค เรื่องโคราลีน ได้อย่างเฉียบคม”


*แนะนำตัวละครเพิ่มเติม*
   กีเลอร์โม่-แวมไพร์ Dealer ที่ขายเลือดให้มิค เขาทำงานในห้องชันสูตรศพของโรงพยาบาล 
                 และเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีของมิค


*สปอยเนื้อเรื่องในตอน 103-Dr.Feelgood*
แวมไพร์วัยกลางคน ถูกรถชนกระเด็นกลางท้องถนนในยามค่ำคืน
เมื่อหมอพอลล็อค เจ้าของรถยนต์จอดรถลงมาดู
แวมไพร์วัยกลางคนทำให้หมอคนนี้กลายเป็นแวมไพร์เกิดใหม่
 หมอพอลล็อคกระหายเลือดอย่างหนัก และไล่ฆ่าคนอย่างสะเปะสะปะ


ส่วนมิคและเบ็ธ...ในที่สุดมิคได้เล่าความจริงให้ฟัง ว่าเขาเป็นแวมไพร์ได้อย่างไร
 ย้อนกลับไป L.A.1952- คืนที่มิคกลายเป็นแวมไพร์ โดยโคราลีนมอบชีวิตอมตะให้กับมิค
ในวันแต่งงานระหว่างเขาและเธอ...


*เพลงในตอน*
–Catch My Fall (The Elliots) เพลงขึ้นมาตอน หมอแวมไพร์เกิดใหม่ เข้าไปในร้านสะดวกซื้อ
  เสียงเพลงขึ้นมาแผ่วๆ มา ไม่ตั้งใจฟัง แทบไม่ได้ยิน
–All The World (Fauxliage) ชอบเพลงนี้ Intro ขึ้นมาช่วงซีนท้ายๆ
 เมื่อมิคไปเคาะประตูบ้านเบ็ธ เพื่อเล่าความจริงว่าเขาเป็นแวมไพร์ได้อย่างไร
 ก่อนมิคปิดท้ายคำพูดว่า I trust you.(หวานซะ!…)













Free TextEditor



Create Date : 29 ธันวาคม 2551
Last Update : 29 ธันวาคม 2551 15:59:02 น.
Counter : 291 Pageviews.

28 comment
Series_Moonlight 102 [Out Of The Past]


Series_Moonlight 102 [Out If The Past]


Don’t ever let anybody hold you back.
I don’t care who they are or how tough they think they are.
You look them straight in the eye,and say,
I’m better than you…

“Lee Jay” [คำพูดเฉพาะเจาะจง ที่ฝากไปถึงมิค เซนต์จอห์นโดยตรง]


~แนะนำตัวละครเพิ่มเติม--
*จอช-อัยการหนุ่ม แฟนของเบ็ธ
*คาร์ล-เจ้าหน้าที่รัฐ คู่ปรับของเบ็ธ แต่ก็เป็นแหล่งข่าวชั้นดีให้กับเธอด้วย


~สปอยเนื้อเรื่องในตอน~
นักโทษ ลี เจย์ (Lee Jay) ต้องโทษนานถึง 25 ปี ได้ถูกปล่อยตัวออกมาจากคุก
ลี เจย์ เป็นหนึ่งในความผิดพลาดที่มิค เซนต์จอห์น ก่อเอาไว้ในอดีต (L.A.ปี 1983)
เมื่อลีออกจากคุก เป้าหมายแรกคือทวงแค้นคืนจากมิคและเพื่อเปิดตัวหนังสือชื่อ “Wronged  Man”
หนังสือชีวิตของลี เจย์ ที่เขียนโดย จูเลีย สตีเว่น นักเขียนและนักข่าวหนังสือพิมพ์….


~พูดคุย---
*ตอนนี้ ชอบรถมัสแตงสีแดงสดของโจเซฟ
*ภาพใหญ่จำนวน 3 ภาพที่ติดอยู่บริเวณทางเดินภายในบ้านมิค
รสนิยมดีจริงๆ ชอบๆ  ลายเส้นยุ่งๆในรูป แต่ประกอบเป็นใบหน้าคนที่ได้อารมณ์ความรู้สึก
ภาพวาดขนาดใหญ่ที่เห็นใบหน้าผู้หญิง ซึ่งติดอยู่ภายในบ้าน รูปนั้นก็สวย
*ชอบตอนที่มิคพูดตอบโต้ในใจ ในสิ่งที่ไม่สามารถบอกความจริงแก่เบ็ธได้
 “Because I’m a vampire.”I’m a vampire.I’m a vampire.”


*เบ็ธเป็นนักข่าวที่ไหวพริบไม่เลว เมื่อบันทึกเสียงสนทนาระหว่าง ลี เจย์และมิค ขณะที่ฝ่ายลี เจย์ จับตัวจูเลีย เพื่อล่อให้มิคไปติดกับ
*Silverbullet (กระสุนเงิน) จากฝีมือของ ลี เล่นงานมิคซะสะบักสะบอม
*ไม้แหลม ไม่สามารถฆ่าแวมไพร์ในเรื่องนี้ได้ แค่ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ไม่ทำให้แวมไพร์ตาย ต้องไฟเผาเท่านั้น
*ฉากมิคกับเบ็ธ ในรถเปิดประทุน เหมือนรถขับผ่านฉากประกอบหลอกๆ ไม่เนียนเลย เห็นมา 2 ตอนแล้ว
*ท่าไต่กำแพงขึ้นตึกของมิค เหมือนสไปเดอร์แมน แต่เป็นสไปเดอร์แมนในร่างแวมไพร์ที่แต่งตัวดีทุกซีน (คอสตูมซีรีส์นี้หาเสื้อผ้าให้พระเอกใส่ แล้วออกมาดูดีมากๆ---)
*เมื่อมิคกลายร่างเป็นแวมไพร์ ตาทั้งคู่ขาวขุ่น กระด้าง เหมือนดวงตา ปีเตอร์ แพทเทลลี่ (คุณพี่ไมโล--จากซีรีส์ Heroes) ตอนที่วาดภาพในอนาคตเด๊ะ!...


*อึ้งเล็กน้อย+++เบ็ธรู้ความจริงเกี่ยวกับมิคเร็วมาก แค่ 2 ตอนก็รู้แล้วว่ามิคเป็นแวมไพร์
 Beth- What  are you?
 Mick- I’m a vampire.
จบด้วยคำพูดนี้ แล้วก็ปล่อยให้ไปลุ้น EP  3 ต่อ....


*2 ตอนผ่านไป ชักสงสัยตะหงิดๆ ว่า สรุปแล้วอีตาโจเซฟ เพื่อนซี้แวมไพร์ของมิค
จะทำอย่างอื่นบ้างมั้ย นอกจากเดินไปเดินมา คุยโทรศัพท์มือถือ ดื่มไวน์ (เลือด) หรือ ขับรถหรูๆ โชว์
*กว่าจะจบซีรีส์นี้ นักแสดงทั้ง อเล็กซ์ และ เจสัน คงได้กระเดือกน้ำแดง กันจนท้องกาง!
*เสียงพูดของ Alex O'Loghlin (มิค) เหมือนเสียงของ Jensen Ackles (พี่ดีนของน้องแซมมี่ จากซีรีส์ Supernatural) เด๊ะ
ฟังครั้งแรกสะดุ้งเลย โดยเฉพาะ วิธีการออกเสียงคำว่า Okay เหมือนกันราวกับเป็นพี่น้องฝาแฝด แค่มิคไม่มีลูกบ้าดีเดือดโฉ่งฉ่างและขี้เล่นเท่า ดีน วินเชสเตอร์


~เพลงประกอบในตอนนี้ Forever And Ever Amen (8mm)..…
ในที่สุดก็ค้นหาจนเจอ เพลงนี้ขึ้นมาฉากรถพยาบาล ช่วงท้ายๆ ...เพราะดีนะเออ!



"มิค---โดนเล่นงานด้วยกระสุนเงินซะสะบักสะบอม จนต้องกลับบ้านมาซดเลือดในถุง"



"จอชกับเบ็ธ"



"รถของมิค"





"Lee Jay--นักโทษคนดัง"



"นักแสดงหลักของซีรีส์"


 








Free TextEditor



Create Date : 26 ธันวาคม 2551
Last Update : 26 ธันวาคม 2551 16:39:36 น.
Counter : 330 Pageviews.

0 comment
Series_Moonlight S01E01


Question : What’s It like being a vampire?
Answer    : Being a vampire sucks. (มิคตอบแบบกวนๆ)
                  It’s a bad joke,I know.But it’s the truth.          
     


*Moonlight: :Season 1*
มูนไลท์ เทพบุตรนักสืบแวมไพร์ ปี 1


~แนะนำซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่องของ ...
*เลือด-Blood *เขี้ยว-Fangs และชีวิตอมตะ-Immortal*
*ประเภท-แฟนตาซี สยองขวัญ


คำเตือน-สปอยเนื้อเรื่องอย่างรุนแรง


~เนื้อเรื่อง~
มิค เซนต์จอห์น ชายหนุ่มลึกลับ ...
เขาเป็นแวมไพร์ มิคมีเพื่อนสนิทเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ชื่อว่า โจเซฟ(แวมไพร์อายุ 300 ปี ในร่างของหนุ่มอายุ 30)
นอกจากนั้นมิคยังคงมีความทรงจำจากอดีตภรรยา “โคราลีน”ผู้ที่ทำให้เขากลายเป็นแวมไพร์ 
รวมทั้งความผูกพันที่เขามีต่อ เบ็ธ นักข่าวสาวที่เขาต้องการปกป้องเธอ และอาจตกหลุมรักเธอ
  มิครู้ดีว่าความรักระหว่างมนุษย์และแวมไพร์ เป็นเรื่องต้องห้าม....



~แนะนำตัวละคร~
*มิค เซนต์จอห์น (Alex O'Loghlin)-แวมไพร์หนุ่มนักสืบเอกชน (อายุประมาณ 90 ปี)
*โจเซฟ (Jason Dohring)-แวมไพร์หนุ่มนักธุรกิจ (อายุจริง 300 ปี)
*เบ็ธ (Sophia Myles)-นักข่าวสาวจากบัซไวร์
*โคราลีน (Shannyn Sossamon)-อดีตภรรยา ที่ให้ของขวัญวันแต่งงาน ด้วยการมอบชีวิตอมตะให้กับมิค



S01E01-NO SUCH THING AS VAMPIRE


มิคผูกพันกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่เขาเคยช่วยเอาไว้ในอดีต (L.A. ปี 1985)
และเด็กผู้หญิงคนนั้นเมื่อโตมา กลายเป็นเบ็ธ นักข่าวสาวจากบัซไวร์ (Buzz Wire)
มิคได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง เมื่อเขาเปิดดูข่าวออนไลน์ การฆ่าโหดนักศึกษา ที่ชื่อ แคลลี่ ฟอสเตอร์
ซึ่งเบ็ธทำหน้าที่รายงานข่าวชิ้นนี้ ด้วยการโยงเนื้อข่าวให้เกี่ยวข้องกับแวมไพร์ดูดเลือดเหยื่อ
มิคและเบ็ธเข้าไปสืบเรื่องจากอาจารย์และนักศึกษา ที่คลั่งลัทธินี้....


มิค
*ดื่มเลือดที่ได้จากคนขายเลือด
 (The Dealer—แวมไพร์ร่างอ้วนท้วน เห็นแวมไพร์ตนนี้แล้ว ตรงกันข้ามกับภาพแวมไพร์หนุ่มในจินตนาการอย่างสิ้นเชิง)
*มีเขี้ยว
*มิคชอบเลือดกรุ๊ป A+ เป็นพิเศษ
*ไม่ล่าผู้หญิง,เด็ก และคนบริสุทธิ์
*แสงแดด (Daylight) – มิคไม่ชอบแสงแดดค่ะ แดดทำให้เขาอ่อนเพลีย หมดพลัง (แต่เลือกอาศัยอยู่ในเมืองแดดจ้าอย่าง L.A เนี่ยนะ)
*มิคนอนในตู้แช่เย็นขนาดใหญ่ยักษ์  (ไม่ใช่ในโลง)
*ตู้เย็นในบ้าน(หรูหรามาก)ของมิค มีเพียงหลอดแก้วบรรจุเลือด ที่เขาเอาไว้ฉีดให้ตัวเองเพื่อดับกระหาย
*อาชีพนักสืบเอกชน


ข้อมูลเพิ่ม-คดีฆาตกรรม 9 ใน 10 คดี...ฆาตกรเป็นคนที่เหยื่อรู้จัก


~เพลงประกอบตอนนี้ : My Immortal (Evanescence) ชอบพลังเสียงของสาวเอมี่ ลี,
  ชอบเพลงนี้, วงนี้ เป็นทุนเดิม พอเพลงขึ้นมา มันใช่เลย เหมาะกับซีรีส์ที่เกี่ยวกับแวมไพร์สุดๆ



I'm so tired of being here
Suppressed by all of my childish fears
And if you have to leave
I wish that you would just leave
Because your presence still lingers here
And it won't leave me alone


ความเห็นส่วนตัว—เนื่องจากว่ามิคเป็นแวมไพร์หน้าตาดี (อิอิ)
ที่เพื่อนร่วมงานเล่าให้ฟังเป็นระยะๆ จนวันหนึ่งอดไม่ได้ ต้องหยิบซีรีส์นี้มาดู
 แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ(เนื่องจากไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว)


*ชอบมุมกล้องที่ถ่ายให้เห็นบรรยากาศในแอลเอ 
การตัดภาพอย่างฉับไว ภาพมุมสูง L.A.ให้ภาพแปลกตาจากหนังบางเรื่อง
*โทนซีรีส์เป็นสีน้ำเงิน...บ้านของมิค แสงออกเหลืองนวล
*การตัดภาพ Flash Back ย้อนกลับไป L.A ในช่วงเวลาของอดีต
 ภาพซีเปียสีเหลืองสวย บางซีนเจือสีอื่นมาด้วย
*เทคนิคเขี้ยวที่งอกขึ้นมาของมิคเนียนมาก  แต่เขี้ยวแวมไพร์บางคน ดูเหมือนเขี้ยวปลอม
*บรรยากาศในซีรีส์ไม่เชย แต่ทันสมัย บ้านไฮเทค และเป็นระเบียบสุดๆ  
*นางเอก (เบ็ธ) สวยบางมุม บางมุมกล้องมองแล้วเหมือนเคท วินสเลต


จะกลับมาอัพเดสตอนต่อไปเมื่อมีเวลาค่ะ.............................................................


รูป~iรูป~รูป~


*มิค*


*มิค&เบ็ธ*


*มิค&โคราลีน*


*โจเซฟ*


*คาร์ล*



******************************************************************


 


 


 






 






Free TextEditor



Create Date : 25 ธันวาคม 2551
Last Update : 25 ธันวาคม 2551 13:40:43 น.
Counter : 901 Pageviews.

0 comment
1  2  

aommi63
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



http://i841.photobucket.com/albums/zz338/MOVIES_TV_STUFF_5/TV%20STUFF/THE%20VAMPIRE%
Group Blog