aLwaYs moodY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




.
.
.
.
The best things in life are often unseen
that's why we always close our eyes when
we kiss, pray and dream.
.
.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add aLwaYs moodY's blog to your web]
Links
 

 

Autumn diary + โอไดบะ +



เที่ยวกันต่อนะคะ เราไปโอไดบะกันช่วงบ่ายของวันที่สองของทริปค่ะ จากสถานีโตเกียว เรานั่งเมโทรย้อนมาที่ Ginza เพื่อเปลี่ยนสายไปที่ Shimbashi ค่ะ



+ เราซื้อตั๋ว pass ของ Yurikamone รถไฟสายพิเศษที่ไม่มีคนขับเพื่อข้ามไปโอไดบะกัน +





+ นี่เป็นครั้งแรกที่เราเดินทางอยู่เหนือพื้นดินในโตเกียว หลังจากลงเครื่องบินมา +





+ ... +












+ เห็นสะพานสายรุ้งอยู่ลิบๆแระ เสียดายฟ้าไม่ใสเอาซะเล้ยย +







+ อีกมุมใกล้ๆของสะพานสายรุ้งช่วงที่สะพานม้วนเกลียวหนึ่งรอบก่อนจะข้ามออกไป +











+ มองย้อนกลับมาจากฝั่งโอไดบะ +







+ เราลงที่สถานีแรก มองตรงไปเห็นเจ้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์ตั้งอยู่ +











+ บังเอิญมีตลาดขายของมือสองอยู่แถวๆสถานีรถไฟ น่าจะเป็นคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่แฟลตแถวนั้น เราเลยถือโอกาสเดินตลาดนัดญี่ปุ่นซะเลย ที่ตลาดมีเด็กๆมานั่งขายของเล่น หนังสือนิทานมือสอง ส่งเสียงเรียกคนซื้อ น่ารักดี +





+ ซ้อปพอหอมปากเราก้อเดินข้ามสะพานไป Pallet Town - Venus Forth +





+ Venus Forth ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ใน โรม อิตาลีเลย +





+ Venus Outlet +





+ Snow Wish theme plaza +




+ Starbuck ใน Venus Forth ชิลดีจังค่ะ ชอบมาก +


เดินเล่นอยู่จนเมื่อย ออกมานั่งพักขาที่ลาน Venus Family กัน




+ มีของเล่นให้พ่อแม่พาเด็กๆมาเล่นสนุกกัน +












+ อากาศเริ่มเย็นลงมาก นั่งนานๆชักหนาว หลบเข้าไปเดินเล่นใน Venus Family ดีกว่า +





+ กรี๊ดๆๆๆ ถ้าไม่ได้เดินเข้าไปคงเสียใจแย่แน่เลย รถเมล์แมวของเมย์จอดอยู่ เบ้อเริ้มเล้ยยยยย +





+ อยากเป็นเด็กน้อยบ้าง อยากขึ้นไปขี่รถเมล์แมวบ้างอ่ะ +






+ Totoro ที่ร้ากกก ... +



+ อยากได้เจ้านี่มาใส่น้อง iphone แต่ลองแล้วไม่พอดี เลยไม่ได้สอยมา +






+ ฮาดี ไม่น่ากลัวเอาซะเลย +











+ จุกจิกน่ารักๆ ไปหมด ใครหลงเข้าไปมีหวังกระเป๋าเบาหวิวววว +









+ เด็กน้อยกำลังสนุกกับการเลือกตุ๊กตา +



+ คนโตๆอย่างเรายังทำใจยากส์เลย เด็กๆไม่ยอมออกไปง่ายๆ ถ้าไม่ได้อะไรติดมือสักอย่าง +



+ เจ้าหนูนี่ได้ตัวที่ถูกใจยิ้มแป้นเลย +

ออกจาก ห้าง Venus แล้วเราข้ามกลับมา ที่ The Deck แต่มันก้อมืดมากแล้วเลยไม่มีรูปสวยๆมาฝาก เสียดายเหมือนกันที่ไปได้ถ่ายรูปกับเทพีที่คล้ายเทพีเสรีภาพของอเมริกา คนบางคนถ่ายฉากหลังมาดูคล้ายๆไป USA มา เสียดายๆ วันนี้เท่านี้ก่อนนะคะ เด่วพรุ่งนี้มาต่อภาคกลางคืนที่โตเกียวทาวเวอร์กัน bye for now ..




 

Create Date : 19 มกราคม 2554    
Last Update : 19 มกราคม 2554 22:30:52 น.
Counter : 1769 Pageviews.  

Autumn diary .. + พระราชวังอิมพิเรียล +






+ วันที่สองของทริปแล้วค่ะ ตกลงเราไปเริ่มต้นกันที่พระราชวังอิมพีเรียล จากอูเอโนะนั่งเมโทรไปลง กินซ่า แล้วเปลี่ยนสายไปสถานีโตเกียว เดินออกจากสถานีหลงนิดหน่อย +





+ โผล่ออกมาเจอตึกนี้ สวยดี +




+ เช้าๆอย่างนี้ผู้คนยังบางตา +




+ จริงๆเปลี่ยนสายที่สถานี GInza แล้ว สามารถนั่งไปลงที่ Otemachi ได้เลยจะได้ใกล้อีกหน่อย เล่นเดินเอาเหนื่อยเลยเพราะข้อมูลไม่แน่ แหะๆ +




+ ดูกันชัดๆนะคะ เราออกจากสถานี JR โตเกียวตรงหมุดสีแดงค่ะ แต่ถ้าไปลงที่ Otemachi จะไปออกตรงหมุดสีเหลืองเลยค่ะ เขตพระราชวังคือพื้นที่สีเขียวด้านบนอ่ะค่ะ +




+ เราเดินไปตามถนน Eitai Dori ค่ะ สุดถนนก้อจะเป็นทางข้ามไปพระราชวังแล้วค่ะ ประตูนี้เรียก Ote-mon Gate +








+ มองย้อนกลับไปที่ถนน Eitai Dori ที่เราเดินมา +




+ ด้านหน้าพระราชวังเป็นคูน้ำรอบล้อม ร่มรื่นมาก +







+ น้ำใสๆ เห็นตัวปลา +




+ หงส์เล่นน้ำ +




+ มีการรักษาความปลอดภัยด้วย +




+ มองย้อนออกไปหลังจากผ่านการตรวจอาวุธ +




+ อันนี้น่าจะเป็น Ote-mon Gate ของจริง ใหญ่มากๆเลยค่ะ +




+ เดินผ่านประตูนี้เข้าไปแล้วจะมีเจ้าหน้าที่คอยแจกเจ้านี่อ่ะค่ะ อ่านไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นการนับจำนวนคนหรือป่าว แต่ไม่ต้องแลกบัตรหรือแสดงเอกสารอะไรนะคะ แค่เพียงเข้าแถวเรียงเข้าไปค่ะ +










+ อาคารเก่า ไม่รู้ว่าใช้ทำอะไรได้แต่เดินถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น +







+ เดินเลยเข้าไปเป็นสวนกว้างมากเลยค่ะ ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้วค่ะ +










+ นี่ซากุระป่าวอะค่ะ +










+ วันนี้อากาศดีค่ะ คนญี่ปุ่นออกมาเดินเล่นและพักผ่อนเยอะเชียวค่ะ +





+ ปอดเมืองกรุงโตเกียว สวนกว้างๆแทรกอยู่กลางใจเมืองใหญ่ +










+ เดินเล่น ถ่ายรูปกันจนเมื่อยก้อหาสะพานแว่นตาไม่เจอสักที ท้องเริ่มหิวเราเลยยอมแพ้เดินย้อนกลับไปที่สถานีโตเกียว +











+ เดินหลงๆอยู่ในสถานีโตเกียว ร้านอาหาร ขนมเยอะแยะน่ากิน น่านั่งทั้งนั้นเลย แต่ว่ามันใหญ่มาก หลงอ่ะ หลงๆๆ +





+ ออกมาตรงนี้ได้ไงไม่รู้ดิ +







+ เห็นคนญี่ปุ่นเค้านั่งทานอาหารจานเดียวที่ซื้อจากเซเว่นอีเลฟเว่นตรงนั้น ชิลดีจัง +





+ เราเลยฝากท้องกลางวันวันนั้นด้วยอาหารกล่องราคาประหยัดของ เซปุง อีเลปุง +







+ สาวน้อยคนนี้สนุกกับต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่กลางปาร์คค่ะ เพิ่งจะกลางพฤจิกาเองแต่เกือบจะทุกที่ในโตเกียวก้อเริ่มเข้าบรรยากาศคริสมาสต์กันแล้ว+




 

Create Date : 17 มกราคม 2554    
Last Update : 19 มกราคม 2554 21:26:34 น.
Counter : 1709 Pageviews.  

Autumn Diary + อะซากุสะ.. ตลาดอะเมโยโก +



อดใจไม่เขียนไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ว่าจะปิดกรุ๊ปบล็อคนี้ไปแล้ว
ทุกครั้งที่ได้อ่านกระทู้ห้องบลู ที่มีเพื่อนกำลังจะเดินทางเข้าไปถามข้อมูลโน่นนี่แล้วนึกถึงตัวเองตอนทำทริป อ่านเป็นบ้าเป็นหลังเลย ได้ประโยชน์มากมาย จะไม่ทิ้งรอยความทรงจำไว้เป็นแนวทางให้นักเดินทางคนต่อไปก้อคงใช่ที่ (จริงๆก้อ..เคยเขียนรีวิวห้องพักและทริปฉบับย่อไปแล้ว) ออกตัวก่อนว่ากลับสองเดือนกว่าๆแล้วอ่านจะจำสลับกันไปบ้างก้อไม่ว่ากันนะคะ

เราเดินทางกันด้วยสายการบิน ANA ถึงนาริตะประมาณ 7 โมงค่ะ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วก้อรับกระเป๋าแล้วก้อดิ่งไปที่สถานีรถไฟ Keisei ซึ่งอยู่ชั้นได้ดินค่ะ ไม่มีรูปละเอียดพอจะรีวิวบอกตำแหน่งได้ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าป้ายในสนามบินเค้าบอกชัดเจนและไม่หลงแน่นอน





+ แบกกระเป๋าขึ้นรถไฟแล้วเลือกที่นั่งตามสบาย แต่อย่าลืมระวังกระเป๋าจะไหลไปโดนคนอื่นด้วยนะคะ +




+ วิวข้างทาง เป็นท้องทุ่งสลับกับบ้านคน คล้ายๆเรานั่งรถไฟจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพ ฯ อ่ะคะ +



+ ถ้าต้องการลงหรือเปลี่ยนสถานีระหว่างทาง ก้อสะดวกค่ะเพราะเค้าว่าป้ายบอกสถานีให้ตลอดทาง ไม่ต้องห่วงค่ะ มีภาษาอังกฤษกำกับด้วย +

จากสนามบินนาริตะเราใช้เวลาบนรถไฟ Keisei Main Line ประมาณ 1ชั่วโมงกับ 15 นาที ถึงปลายทางที่ Keisei Ueno โดยไม่ตรงเปลี่ยนสายเลย สะดวกมากเพราะเราวางแผนเลือกโรงแรมให้สะดวกกับการเดินทางทั้งขาไปและขากลับเพื่อยืดเวลาเที่ยวอันน้อยนิดของเราให้มากขึ้น(ไม่มากก้อน้อย)

ถึงอุเอโนะแล้วเรานำกระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อนเพราะยังเช็คอินไม่ได้ ยังมีเวลาอีกสี่ห้าชั่วโมงทีเดียว ไม่ต้องรีบจับรถไฟไปอะซะกุสะกัน



เราซื้อตั๋วรถไฟเป็นเที่ยวๆเอาค่ะวันนี้ ซื้อจากเครื่องขายตั๋วได้เลยค่ะมีภาษาอังกฤษแค่เพียงเรารู้ว่าระยะทางที่ไปราคาเท่าไรก้อพอ ครั้งแรกก้อช้าหน่อยค่ะพอครั้งสองครั้งสามก้อแทบจะไม่ต้องอ่านตามแล้วค่ะ

จากอุเอโนะไปอะซะกุสะแค่สามสถานีค่ะ ใกล้มาก (คลิกเพื่ออ่านและดูแผนที่อะซะกุสะ ที่นี่)







+ ถึงแล้วเซนโซจิแคนนอน หรือวัดอะซะกุสะ ที่คนไทยรู้จักกัน เราไปถึงสายมากแล้วกว่าจะได้รูปยอดฮิตมุมงามกับโคมแดงใบโตหน้าวัดก้อยากเต็มที +





+ ผ่านประตูสายฟ้ามาแล้วสองข้างถนนนามิคาเซะร้านรวงเต็มไปหมด +




+ เราไม่พลาดแน่ค่ะ เสียสตางค์กินแป้งทอดชาเขียวไส้ถั่งแดงกัน เค้าทอดร้อนๆค่ะแต่ไส้หวานเกิ๊น +




+ไหว้พระ เดินเล่นถ่ายรูปกันแล้วชักหิว เราเลยเดินย้อนกลับออกมาแต่คราวนี้เดินถนนข้างๆซึ่งเป็นซอยเล็กๆ เห็นเด็กๆนักเรียนมาเที่ยวออกแนวทัศนศึกษาทำนองนั้นอ่ะคะ+






+ เดินมาอีกหน่อยก้อเจอร้านขายของกินน่ากินทั้งนั้นเลย +




+ เห็นคนญี่ปุ่นเข้าคิวซื้อเยอะเลยอ่ะแต่ตอนนั้นมันหิวของหนักๆแล้วอ่ะ ก้อบ่ายมากแล้วตั้งแต่ลงเครื่องมาก้อยังไม่ได้ทานอะไรจิงจังเลย เป็นอันว่าได้แต่ภาพถ่ายมานี่ละค่ะ +









+ เดินเล่น(แต่แอบหิวๆ) ถ่ายรูปกันมาเรื่อยๆ +





+ เห็นเด็กๆเค้ายืนถ่ายรูปกัน +





+ เงยหน้าไปเห็นป้าคนนี้แกนั่งอยู๋ +





+ ฝั่งตรงข้ามก้อมี +

ร้านนี้ละค่ะที่เราฝากท้องไว้ เป็นราเมงไข่แฝดของขึ้นชื่อนะคะเพิ่งมาทราบตอนกลับมาแล้ว เป็นร้านดั่งเดิมสูตรสมัยโชวะแหน่ะ ร้านมีที่นั่งรวมกันสองชั้นประมาณยี่สิบโต๊ะได้ค่ะ ตอนเราเข้าข้างล่างเต็ม รออยู่แป๊บนึงเค้าก้อเรียกเข้าไปในร้าน ได้ที่นั่งชั้นสอง ร้านเป็นตึกห้องเดียวนะคะบันไดขึ้นลงจึงแคบและชันมาก




+ หน้าตาราเมงค่ะ +




+ ไข่แฝดให้เห็นกันชัดๆค่ะ +










+ อิ่มแล้วก้อได้เวลากลับมาเช็คอินแล้วค่ะ นั่งรถไฟสายเดิมกลับมาอุเอโนะค่ะ เดินสำรวจรอบๆก่อนเข้าโรงแรมกันเล็กน้อย +






+ อ่านไม่ออกอ่ะคะแต่น่าจะแปลว่าทางด่วนไปสนามบินอยู่ใกล้แค่ 500 เมตร +




+ ร้านนี้ท่าทางจะเป็นร้านเก่าแก่ เป็นร้านเดียวที่โทรมแทรกอยู่ท่ามกลางตึกใหม่ๆรอบ +



หลังพักเหนื่อยกันงีบใหญ่แล้ว เราก้อออกท่องราตรีกันต่อ สังเกตได้นะคะว่าเราไม่ได้ไปตามแผนที่ตั้งไว้แป๊ะๆ เพราะเอาเข้าจริงต่างคนต่างก้อเพลินกับการถ่ายรูปอ่ะคะแผนเราก้อเลยโอนเอนไปตามลุกทัวร์ วันแรกเราเลยจบกันที่อะเมโยโก ตลาดที่อยู่หน้าสถานีรถไฟอุเอโนะ สะดวกกับพวกเรามากๆเลย เดินข้ามสะพานไปก้อถึงแล้วค่ะ




+ ถ่ายจากสะพานกลับไปที่โรงแรมเรา +





+ แค่ประมาณ 5 โมงเย็นเองนะคะ มืดเร็วมากๆ อากาศก้อเย็นลงกว่าตอนกลางวันมากเลย ยิ่งเวลาที่ลมพัดมานี่หนาวจนอยากจะหาคนมากอดเลยทีเดียว อิอิ +




+ รถรามากมายเพราะว่าเป็นช่วงเลิกงานแล้ว +






+ ร้านรวงแถวอะเมโยโกก้อเริ่มเปิดไฟกันแล้ว ตลาดอะเมโยโก อยู่หน้าสถานีรถไฟอุเอโนะ จากในภาพจะเห็นรางรถไฟ JR อยู่ด้านบนทางซ้ายมือนะคะ ตลาดก้อจะทอดยาวไปตามทางรถไฟเลยค่ะ +











+ ร้านค้าในตลาดวางสลับกันทั้งของสด เสื้อผ้า รองเท้า แปลกตาดี แบบว่าเลือกซื้อเห็นสดเสร็จก้อไปซื้อรองเท้าร้านข้างได้เลย +










+ ร้านเกม ร้านปาจิงโกะก้อเยอะ ที่เราชอบกันมากๆก้อคือตู้หยอดเหรียญเห็นที่ไหนเป็นไม่ได้ เหรียญมีเท่าไหร่ก้อเล่นหยอดกันหมด ก้อดูสิค่ะสีสันเจ้าตุ๊กตามันสดใสยั่วใจซะนี่จิงๆ +





+ ยิ่งดึกคนก้อยิ่งเยอะ โดยเฉพาะคนทำงานเพราะวันนั้นเป็นวันศุกร์เห็นเค้าพากันมานั่งดื่มทั้งชุดสูททำงานเลยค่ะ +





+ ร้านหลายๆร้านเต็มแน่นเลยค่ะ +





+ แบบนี้ก้อมีนะค่ะ แต่ไม่กล้าเข้าไป +
















+ เดินช๊อปปิ้งกันจนเมื่อย เราทานอาหารเย็นง่ายกันที่ cURRY RICE SHOP ค่ะ +






+ เดินฝ่าลมหนาวกลับมาฝั่งสถานีรถไฟ หน้าสถานีรถไฟมีร้านเก๋ๆอยู่หลายร้าน +




+ สตาร์บัคก้อมีนะแต่ก้อไม่ได้ใช้บริการสาขานี่เลยจิงๆ +








+ ก่อนกลับโรงแรมเดินเล่นหน่อยในสถานีอุเอโนะ ตอนนั้นดึกแล้วคนเลยน้อยไม่พลุกพล่านเหมือนตอนเช้า +




+ อันนี้น่าจะเป็นเครื่องรางอะไรสักอย่าง +


เดินได้นิดหน่อยเท้าสองข้างก้อร้องระงม เราเลยกลับโรงแรมกันเพื่อนอนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้ยังมีอีกหลายที่ให้ลุยกัน





++ ปล ++ นี่คือขนมทั้งหมดที่เราแอบออกไปซื้อกันที่ Lawson ก่อนนอนคืนนั้น กล่องเล็กๆด้านซ้ายมือที่เป็นรูปไก่นั่น เป็นไก่ทอดคล้ายๆไก่ป๊อบอะ แต่รถออกเผ็ดเล็กน้อย กินร้อนๆตอนเดินฝ่าลมหนาวประมาณเกือบห้าทุ่มอร่อยมากค่ะ










 

Create Date : 16 มกราคม 2554    
Last Update : 11 สิงหาคม 2554 21:14:56 น.
Counter : 3960 Pageviews.  

Last....with Love " Tokyo "



ขอปิดกรุ๊ปบล็อคและการเดินทางครั้งนี้

ด้วยภาพใบไม้เหลืองและแดงที่เราได้เห็น


- จนกว่าจะเดินทางครั้งใหม่ -
















































































































 

Create Date : 26 ธันวาคม 2553    
Last Update : 26 ธันวาคม 2553 12:02:42 น.
Counter : 1017 Pageviews.  

A pieces of my Autumn's memories in Tokyo




.......


รูปถ่ายจากทริปโตเกียวเรามีเยอะมาก

จะเอาอัฟหมดคงไม่ไหวขอเลือกเอาภาพที่ประทับใจ

และบอกเล่าเรื่องราวระหว่างเดินทางของพวกเรามาใส่บล็อคละกัน





" Love at First Light "


ภาพถ่ายจากเครื่องบินก่อนถึงสนามบินนาริตะ

หลังจากนั้นเครื่องก้อค่อยๆลดระดับลง หูเริ่มอื้อและเพิ่มความหนักหน่วง

ขึ้นเรื่อยๆ นักบินวัยรุ่นมากลดระดับลงยังกะอยู่ในลิฟท์ เจ็บหูและทรมานที่สุด ^"^




"Love at First Touch"


วันนั้นเครื่องเราแตะพื้นประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ

รู้สึกได้ถึงอากาศที่เย็นเข้ามาจากข้างนอกตอนที่แอร์เค้าเปิดประตู

ทุกคนเริ่มขยับตัวส่วนเราคว้าเสื้อกันหนาวมากันก่อนเลย เย็นค่ะเย็น

ความรู้สึกแปลกๆกลัวๆกล้าๆ แต่ตอนนั้นบอกตัวเองว่าให้กล้ามากกว่ากลัว

เลยจิตตกเล็กๆตอนจะเข้าผ่านด่านฯ แต่ก้อผ่านไปได้ด้วยดี




" Love at Begin "


เราออกจากสนามบินนาริตะประมาณเก้าโมง

หลังจากผลัดกันเฝ้ากระเป๋าเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน

ก้อผ่านออกมาแล้วตรงไปที่สถานีรถไฟเพื่อเข้าโตเกียวกันเรย

และเพื่อความประหยัดเราใช้ Keisei แบบ Limited Exp

ตอนซื้อตั๋วคุณเจ้าหน้าที่บอกเราว่าให้ไปขบวนตอน 9.17 นาที

แต่ด้วยความโชคดีเราลงไปที่ชานชลาทันรถคันก่อนหน้า ไม่รอช้าก้อ

ลากกระเป๋ามองหาเบาะว่างกันเลย เราอยู่ที่ตู้สุดท้ายมีที่นั่งโชคดีจัง

ตลอดทางก้อนอกจากทิวทัศน์ข้างทางแล้ว การนั่งมองการปฏิบัติงานของคุณพนักงาน

ขับรถก้อทำให้เพลินไปอีกแบบ ^__^




" Love at First Red "


จุดหมายข้อใหญ่ของการมาโตเกียวครั้งนี้ของเรา

คือการได้เห็นใบไม้สีแดงสีเหลืองให้สมกับ Autumn ตลอดทางรถไฟ

วิ่งเราก้อลุ้นกับสีสรรของต้นไม้ใบหญ้า ทำใจไว้ก่อนไปแล้วเพราะ

ปีนี้ใบไม้เปลี่ยนสีช้ากว่าทุกปีก้อเหอะแต่ก้อยังแอบมีความหวัง




วิวสวยๆข้างทางที่เรานั่งรถไฟผ่าน " Love at first sight "



........




หลังจากฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วเราก้อออกเที่ยวกันเลย

จากที่พักเรานั่งรถไฟสายกินซ่าไปสุดสาย เพื่อไปไหว้ขอพรให้การเดินทาง

เราราบรื่น ซึ่งถือว่าได้ผลค่ะเพราะตลอดสี่วันที่เราอยู่โตเกียวไม่เจอฝนเลย

อะซากุซะเป็น a mustของนักท่องเที่ยวดังนั้นวัดจึงไม่เคยร้างผู้คน ตอนโผล่ขึ้น

มาจากรถไฟเมโทรเจอกรุ๊ปคนไทยเลยถามทางจากเค้า ไม่รู้เพื่อนๆเป็น

เหมือนกันหรือป่าวเวลาเราเจอคนไทย พูดภาษาเดียวกับเรานั้นมันรู้สึกอบอุ่นใจดีจัง



Love after Sun Set


อากาศหนาวทำให้มืดเร็ว พระอาทิตย์ตกประมาณ 4.30 ทุกวัน




" Love at every Cups "


อากาศหนาวๆได้กาแฟจากร้านในดวงใจเติมไออุ่นแล้วก้อถึงไหนถึงกัน




"Love their simply Life"


ไม่เห็นมีใครบอกว่าที่ที่ดูใบไม้แดงๆในสวนข้างพระราชวังอมพีเรียล

ก้อสวยไม่แพ้ที่อื่นๆ เราเดินไปถ่ายรูปกันไปตลอดทาง ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง

ยังเดินไม่ถึงสะพานแว่นตาซึ่งเป็นไฮไลท์ อากาศหนาววันนั้นไม่หนาวมาก

แดดอุ่นๆเลยเห็นผู้คนโตเกียวออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะในวันหยุด

คนในรูปนี่ Chill ดีจัง ถ้ามีเวลาอยู่โตเกียวนานๆอยากจะลองทำแบบเค้าบ้างจัง




" Love at Sign "


ป้ายนี้ติดอยู่ที่สถานที่ที่กำลังมีการก่อสร้าง

ทำให้รู้สึกถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมของคนญี่ปุ่น

จนรู้สึกอิจฉาในคุณภาพชีวิตของชาวโตเกียวที่เค้าได้รับจริงๆ





จากทริปสั้นๆนี้เราสังเกตเห็นพ่อแม่คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆ

นี่อายุยังน้อยๆกันอยู่เรย เอ หรือว่าเค้าหน้าเด็กๆกันนะ วันที่

เราไปโอไดบะนั่นก้อเห็นแม่ๆยังสาวและสวยด้วยนะ จูง อุ้ม เข็นรถ

พาลูกๆมาเที่ยวเต็มไปหมดเรย แต่ละคนก้อแต่งตัวเฉิดฉายสวยซะ

รองเท้าส้นสูงส้นเข็ม สามารถมากๆ





เด็กน้อยคนนี้ดูมีความสุขมากเลยกับรถเมล์ของเมย์

ถ้าใครเป็นแฟนของจิบลิสตูดิโอคงไม่มีใครไม่รู้จักที่นี่เค้ามีขาย

ทุก Charactor เลยหละแต่ส่วนมาก made in China นะ





ที่โอไดบะเราตั้งใจจะไปถ่ายรูปกะวีนัสที่มีสะพานสายรุ้ง

เป็นฉากหลัง แต่เพราะหลงไหลกับความสวยของ Venusfort

ออกมาอีกทีมืดตื้อแล้วอ่ะ ข้ามฝั่งกับมีที่ Deck เจอผู้คนมากมาย

มารอดูคอนเสริ์ตกันอ่ะเห็นเค้ามีจัดรายการสดๆ OdaibaTV





" Love at the way it is "


มุมหนึ่งในวัด Meiji Shrine - Harajuku

ไม่มีความวุ่นวายบีดเสียดให้เห็นเหมือน Takeshita St.




"Love at the way she dress up"


วันอาทิตย์มีบ่าวสาวมาทำพิธีแต่งงานที่วัด

กันหลายคู่ คนที่มาร่วมงานนิยมให้เด็กชายหญิงแต่งชุดประจำชาติ

นักท่องเที่ยวต่างขอเข้าไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกัน พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นก้อใจดี

หยุดยืนรอให้เราถ่ายภาพน้องๆอย่างเต็มใจ ใจดีจัง




" Love at yellow & glow "


Ginko's Street วันนั้นยังไม่เป็น full bloomก้อตาม

แต่เราก้อรู้สึกประทับใจในความสวยความและบรรยากาศรอบๆตัวเราอย่าง

มาก นับว่าเราได้พบในสิ่งที่เราตามหาจากทริปนี้แล้วหละ




" Love the way they ride "


วันอาทิตย์นั้นถนนโดยรอบที่เชื่อมจาก Gikko's street

ปิดให้เป็นถนนคนเดิน และมีส่วนนึงจัดเป็นเหมือนสนาม

ให้เด็กเล็กๆไปหัดขี่จักรยานกันด้วยหละ






" Love........."






" Love until last dishes "




เราฝากท้องสำหรับมือสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องบินที่ชั้น 5

Observation Deck นั่งชิลๆกับอากาศเย็นๆก่อนฝนตกวันนั้น

บะหมีญี่ปุ่นวันนั้นอร่อยที่สุด


- จนกว่าจะเดินทางครั้งใหม่ -





 

Create Date : 25 ธันวาคม 2553    
Last Update : 26 ธันวาคม 2553 11:57:36 น.
Counter : 1196 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.