|
ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร (India song)
From the letter to Salenius, J.H. [October 26-27]
"...Now comes to the story of ghost and the next life of dogs and elephants ^_^. I should start from the belief in Buddhism. You might found it is quite complicated, but you can ask if you like. Buddhists believe that there is Jit (spirit) that does not die when the body is damaged (die). There are many kinds of new bodies i.e ghosts, humans, animals, angels, hell creatures, that Jit can be recombined with and the new creature reincarnation. The kind of creatures and Jit combinations depends on the memory of previously life. I said memory but actually it is deeper than just memories. It is something inhabit inside the unconscious mind, f.ex. the blindness of the mind of a liar, the wound of the mind of the killer. This inhabited memories struggle to lives somewhere because this body is damaged. A dog/human having good memories and living with higher creatures, when it dies, the goodness will send him/her to good next life (mind and body) and the bad will send him/her bad next life, depending on which one is more effective. I mean the mind and body of human and angels are higher than animal and hell creatures. Every creature is in this rule of fact (Im sorry if you are not agree here), the weighing of good and bad in Jit. This is the never ended story and closed-loop circle because Jit is clever to know everything as well as stupid to do everything. Jit is clever because it shines/illuminates to percept everything. Jit is stupid because it make up the things it percept. You know, it think about the things it percept and make up according to its impurities. The impurities are Thanha (desire), bava-Thanha (undesire) and Vibhava-thanha (dont to desire or undesired). The only way to get out of this never- ended circle is to learn ones Jit and to solve its problem until it see itself clearly. Jit is clever to learn itself too, if it does not concentrate /illuminate other thing except Jit itself. When it learns until it knows that everything begin from itself, it will be free from any impurities. We calls this state/person Nivana . This is not about good /bad anymore it is about freedom/independence and does not in the circle anymore....."
Indian song--->PRAJNAPARAMITA
English song--->Expression of Kindness
ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร PRAJNAPARAMITA ( พระสูตรว่าด้วยปัญญาอันเป็นหัวใจพาไปถึงฝั่งพระนิพพาน ) (the journey to Nivana-India song at //www.geocities.com/chanin44/page01.htm)
ARYA VALOKITESHVARO BODHISATTVO GAMBHIRAM PRAJNAPARAMITA CHARYAM CHARAMANO VYAVALOKAYATI SMA PANCHA SKANDHAS TAMSH CHA SVABHAVA SHUNYAN PASHYATI SMA IHA SHARIPUTRA RUPAM SHUNYATA SHUNYATA EVA RUPAM RUPAN NA PRITHAK SHUNYATA SHUNYATAYA NA PRITHAK RUPAM YAD RUPAM SA SHUNYATA YA SHUNYATA TAD RUPAM EVAM EVA VEDANA SAMJNA SAMSKARA VIJNANAM IHA SHARIPUTRA SARVA DHARMA SHUNYATA LAKSHANA ANUTPANNA ANIRUDDHA AMALA AVIMALA ANUNA APARIPURNAH TASMAT SHARIPUTRA SHUNYATAYAM NA RUPAM NA VEDANA NA SAMJNA NA SAMSKARA NA VIJNANAM NA CHAKSHU SHROTRA GHRANA JIHVA KAYA MANAMSI NA RUPA SHABDA GANDHA RASA SPRASHTAVYA DHARMAH NA CHAKSHUR DHATUR YAVAN NA MANO VIJNANAM DHATUH NA AVIDYA NA AVIDYA KSHAYO YAVAN JARA MARANAM NA JARA MARANA KSHAYO NA DUHKHA SAMUDAYA NIRODHA MARGA NA JNANAM NA PRAPTIR NA BHISMAYA TASMAI NA APRAPTIH TASMAT SHARIPUTRA APRAPTIVAD BODHISATTVO PRAJNAPARAMITAM ASHRITYA VIHARATYA CHITTA VARANAH CHITTA AVARANA NASTITVAD ATRASTO VIPARYASA ATIKRANTO NISHTHA NIRVANA PRAPTAH TRYADHVA VYAVASTHITAH SARVA BUDDHAH PRAJNAPARAMITAM ASHRITYA ANUTTARAM SAMYAK SAMBODHIM ABDHISAMBUDDHAH TASMAT JNATAVYAM PRAJNAPARAMITA MAHA MANTRO MAHA VIDYA MANTRO 'NUTTARA MANTRO SAMASAMA MANTRAH SARVA DUHKHA PRASHAMANAH SATYAM AMITHYATVAT PRAJNAPARAMITAYAM UKTO MANTRAH TADYATHA GATE GATE PARAGATE PARASAMGATE BODHI SVAHA ITY ARYA PRAJNAPARAMITA HRIDAYAM SAMAPTAM ..................................................................
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ผู้ประกอบด้วยโลกุตรปัญญาอันลึกซึ้ง ได้มองเห็นว่า โดยธรรมชาติแท้แล้ว ขันธ์ทั้งห้านั้นว่างเปล่า และด้วยเหตุที่เห็นเช่นนั้น จึงได้ก้าวล่วง พ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้ สารีบุตร รูปไม่ต่างจากความว่าง ความว่าง ก็ไม่ต่างไปจากรูป รูปคือความว่างนั่นเอง และความว่างก็คือรูปนั่นเอง เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็เป็นดังนี้ด้วย สารีบุตร ธรรมทั้งหลาย มีธรรมชาติแห่งความว่าง ไม่ได้เกิดขึ้นและไม่ได้ดับลง ไม่ได้สะอาดและไม่ได้สกปรก ไม่ได้เพิ่มขึ้นไม่ได้ลดลง ดังนั้น ในความว่างจึงไม่มีรูป ไม่มีเวทนา หรือสัญญา ไม่มีสังขาร หรือวิญญาณ ไม่มีตาหรือหู ไม่มีจมูกหรือลิ้น ไม่กายหรือจิต ไม่มีรูปหรือเสียง ไม่มีกลิ่นหรือรส ไม่มีโผฏฐัพพะหรือธรรมารมณ์ ไม่มีโลกแห่งผัสสะ หรือวิญญาณ ไม่มีอวิชชา และไม่มีความดับลงแห่งอวิชชา ไม่มีความแก่และความตาย และไม่มีความดับลงซึ่งความแก่ และความตาย ไม่มีความทุกข์ และไม่มีต้นเหตุแห่งความทุกข์ ไม่มีความดับลงแห่งความทุกข์ และไม่มีมรรคทางให้ถึง ซึ่งความดับลงแห่งความทุกข์ ไม่มีการประจักษ์แจ้งและไม่มีการลุถึง เพราะไม่มีอะไรที่จะต้องลุถึง พระโพธิสัตว์ผู้วางใจในโลกุตรปัญญา จะมีจิตที่เป็นอิสระจากอุปสรรคสิ่งกีดกั้น เพราะจิตของพระองค์เป็นอิสระจาก อุปสรรคสิ่งกีดกั้น พระองค์จึงไม่มีความกลัวใดๆ ก้าวล่วงพ้นไปจากมายาหรือสิ่งลวงตา ลุถึงพระนิพพานได้ในที่สุด พระพุทธในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ผู้ทรงวางใจในโลกุตรปัญญา ได้ประจักษ์แจ้งแล้วซึ่งภาวะอันตื่นขึ้น อันเป็นภาวะที่สมบูรณ์และไม่มีใดอื่นยิ่ง ดังนั้น จงรู้ได้เถิดว่า โลกุตรปัญญา เป็นมหามนต์อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นมนต์แห่งความรู้อันยิ่งใหญ่ เป็นมนต์อันไม่มีมนต์อื่นยิ่งกว่า เป็นมนต์อันไม่มีมนต์อื่นใดมาเทียบได้ซึ่งจะตัดเสียซึ่งความทุกข์ทั้งปวง นี่เป็นสัจจะ เป็นอิสระจากความเท็จทั้งมวล ดังนั้น จงท่องมนต์แห่งโลกุตรปัญญา คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โพธิ สวาหา ไป ไป ไปยังฟากฝั่งโน้น ไปให้พ้นอย่างสิ้นเชิง ลุถึง การรู้แจ้ง ความเบิกบาน
Create Date : 27 ตุลาคม 2548 |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2548 13:00:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 590 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
Another movement of mind
"ลักษณะของแผ่นดินนั้น คนและสัตว์ทั้งหลายจะทำร้ายทำดีกล่าวร้ายกล่าวดีประการใด มหาปฐพีนั้นก็มิได้รู้โกรธรู้เคือง ที่ว่าทำใจให้เหมือนแผ่นดินนั้น คือว่าให้วางใจเสีย อย่าเอื้อเฟื้ออาลัยว่าใจของตน ให้ระลึกอยู่ว่า ตัวมาอาศัยอยู่ไปชั่วคราวเท่านั้น เค้าจะนึกจะคิดอะไรก็อย่าตามเขาไป...
(คิริมานนทสูตร)
"Rahula, make your mind like the earth. Because if you constantly make your mind like the earth, then neither the pleasant nor the unpleasant mind-objects that come into contact with the mind, can make it waver.
It's like how people sometimes throw clean things sometimes dirty things onto the earth, or how they sometimes urinate or defecate or spit onto the earth, the earth knows not anger, becomes not offended nor annoyed; nor will it feel oppressed or become weary or disgusted with those things. Rahula, if you constantly make your mind like the earth in this way, no mind-objects will be able to overpower your mind."
|
|
|
|
|
|
|
|