ขึ้นเดือนที่สาม กับความเป็นที่สุด
เริ่มบินมาตอนนี้ก็ขึ้นเดือนที่สามแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในช่วง Route introduction อยู่ ได้มีโอกาสไปค้างที่ Station ต่างๆบ้าง ตามสมควร ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ อาจจะยังไม่มากนัก แต่ก็อยากจะเอามาสรุปว่า สุดๆในด้านต่างๆเป็นยังงัยบ้าง แต่ก็ขอออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่าทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ที่เกิดจากประสบการณ์แค่ไม่นานนัก ผิดพลาดจากข้อเท็จจริงอย่างไรก็ขออภัยครับเริ่มด้วย จังหวัดที่ชอบที่สุดยกให้เลยครับเชียงราย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ผมว่าเมืองเขา ชาวบ้าน ผู้คนเข้าน่ารักดี และที่สังเกตได้อย่างหนึ่งคือจากที่ไปพักมาทั้งหมด ที่เชียงรายเนี๊ยเป็นจังหวัดที่คนใช้ภาษาถิ่นมากที่สุดมันน่ารักดี มันเป็นเสน่ของแต่ล่ะที่เลยนะ คือที่อื่นเขาก็ใช้กันนะ แต่เขาคุยกันเอง แต่ที่เชียงรายเนี๊ย ขนาดไปซื้อของที่ เซเว่น เขายังอู้คำเมืองเลยจังหวัดที่กันดารสุดอันนี้ไม่ได้วัดจากอะไรเลยเพียงแค่ออกจากโรงแรมแล้ว หาของกินลำบากแค่ไหนโดยใช้สองเท้าที่เรามี ก็เลยไม่ใช่ที่อื่นใดเชียงรายเช่นเดิม เพราะร้านเจ็ด-สิบเอ็ดที่ใกล้ที่สุดก้เดินไปกลับเกือบสามกิโลแหนะ แล้วรอบๆโรงแรมก็ไม่มีอะไรด้วย แต่ถ้าลากสังขารไปจนถึงตลาดได้ ก็ถือว่าโอเคเลยครับ เหมือนเดินไปถึงโอเอซิสจังหวัดที่แสบที่สุดอันนี้ให้พิษณุโลกครับ เพราะว่าบินไปทีไรโดยเฉพาะ FLT ดึก อากาศสุดยอดไม่เคยมีดี เรียกว่าต้องได้ประสบการณ์กลับมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังตลอด วันก่อนก็ต้อง Hold รออากาศเปิดตั้งเกือบยี่สิบนาที รอไปสักพักดูไม่ไหวแล้ว ครูเลยตัดสินใจเปลี่ยน Runway ก็เลยต้องบินอ้อมไปอีกฝั่งนึงถึงจะลงได้ นอกจากนี้แล้วผมว่าคนที่นี่เขาตื่นสายๆกันหน่อยนะครับ ร้านส่วนใหญ่จะเปิดกันสายๆอ่ะครับ ไอ้เรามันก็เป็นโรคตื่นเช้าเสียด้วยสิ ก็ทำไรมากไม่ได้ครับนอกจากลากกระเพาะรอ เพราะว่าที่โรงแรมไม่มีอาหารเช้าให้เสียด้วยสิ ถนนก็มี สุขัข ตลอดเลย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า มันมาจากไหนเยอะแยะ แสบสุดท้ายไปกินลองก๋วยเตี๋วยห้อยขาครับ สรุปง่ายๆ อย่าหาอย่างอื่นกินดีกว่าไปเลยจังหวัดที่ฝรั่งเยอะสุดอุดรธานี จริงไม่ได้ไปไหนใกลโรงแรมมากหรอกครับ แค่เดินอยู่รอบๆโรงแรมนั่นแหละ แต่ฝรั่งเต็มไปหมดเลย เหมือนเดินอยู่ข้าวสารตลอด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากไหนกันเยอะแยะ แต่เท่าที่ดูเหมือนกับส่วนใหญ่ที่มากันจะเป็นพวกที่เกษียณแล้วมาพักผ่อนใช้ชีวิตบั้นปลายกันมากกว่า เรื่องเสียวสุดวันนั้นระหว่างที่บินไปกระบี่ มันก็มีไฟวูบขึ้นมาตรงกระจก สักพักก็มีเสียงเปรี๊ย !! กระจกแตกเป็นรอยร้าวยาวเลย ตรวจกับ Checklist แล้ว มันเขียนไว้ไว้ถ้ากระจกแผ่นนอกแตกไม่เป็นไร บินต่อได้ คือกระจกมันเป็นสองแผ่นติดกัน แผ่นในกับแผ่นนอก แต่มันก็อดเสียวไม่ได้ครับ เพราะถ้ามันเปรี๊ยอีกทีนี่ จากนั้นก็เริ่มรัดตัวเองไว้กับเก้าอี้แน่นๆครับ สรุปว่าวันนั้นก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ถึงกระบี่โดยสวัสดิภาพ แต่บินกลับไม่ได้ครับ ต้องค้างที่กระบี่คืนนึงขายหน้าสุดวันนั้นไปขอนแก่นครับ ตอนนั้นเพิ่งไม่กี่ Land ตอนลงพอจะถึงพื้นแล้วภาษานักบินเขาเรียกเงยไม่ทัน หรือดึงหัวเครื่องเพื่อลดอัตราตกก่อนถึงพื้น ไม่ทันทัน ผลที่เกิดขึ้นนะเหรอครับ โครม ซัดลงไป Smooth as rough silk.... คอหอยเลื่อนลงมาถึงลำไส้ใหญ่ ทีแรก ก็ไม่ได้คิดไรมาก แต่พอออกมาจากเครื่องนี่สิ เดินผ่านตรงที่ผู้โดยสารเขารอกระเป๋ากันอยู่ พอเห็นสายตาจ้องมองมาทีเราแล้ว มัน ทำไรไม่ถูกครับ ได้แต่เอามือดึงปีกหมวกให้ปิดหน้าลงมาอีกหน่อย แล้วรีบลากกระเป๋าจากไป แล้วก็นึกไปถึงที่เพื่อนเคยเตือนไว้ว่าจะบินดีแค่ไหนไม่มีใครรู้หรอก แต่ถ้าลงห่วยเนี๊ยนะ เป็นอันจบ...ภูมิใจที่สุดคงไม่พ้นเรื่องที่ไปวนรออากาศที่พิษณุโลก ขณะวนรออยู่นั้น ฟ้าร้องฟ้าฝ่าเปรี้ยงปร้าง เต็มไปหมดผู้โดยสารคงกลัวมากล่ะครับ เพราะเรายังแอบกลัวๆเลย แต่พอลงถึงพื้นแล้ว ลูกเรือมาบอกว่า "ผู้โดยสารฝากขอบคุณกัปตัน ที่พามาได้โดยปลอดภัยค่ะ" แล้วพอเดินผ่านตรงที่ผู้โดยสารรอกระเป๋ากันอยู่ สายตาที่มองเราวันนั้นกับที่ขอนแก่นมันคนล่ะเรื่องเลย ถึงเขาจะขอบคุณกัปตันไม่ใช่เรา แต่ก็อดภูมิใจไปด้วยไม่ได้ครับ