
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
ดั่งม่านหมอกกั้น (เนื้อเรื่องย่อ)
ท่านชายจัตราพงษ์ท่านชายหนุ่มแห่งเขมรัฐประเทศที่ อยู่ระหว่างไทยกับกัมพูชา ประเทศที่ยังรักษาวัฒนธรรมของตัวเองไว้ได้เหนียวแน้นไปพร้อมๆ กับการเจริญเติบโตทางด้านเศษฐกิจ ท่านชายหนุ่มกำพร้าบิดามารดาตั้งแต่เด็ก เขามีน้องสาวสองคนคือ ท่านหญิงสุวรรณ โสภิตเด็กหญิงวัยสิบสองปีที่ไม่สามารถพูดได้เลยตั้งแต่มารดาของเธอเสียไป เป็นเด็กที่เก็บตัวเงียบขรึมเจ้าน้ำตา อีกคนคือท่านหญิงสิริโสภาค หรือท่านหญิงน้อยนิจสัยร่าเริงช่างพูด อ่อนกว่าพี่สาวแค่สองปี ทั้งหมดอยู่ในความดูแลของเสด็จพระองค์หญิงรัตนารำไพ ผู้เป็นอา
เสด็จทรงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับหลานๆ โดยยอมหย่าขาดจากสมเด็จอาทิตวงค์ พระสวามี เพราะตนเองไม่สามารถมีบุตรได้ และได้รับการกดดันจาก สมเด็จพิรำภา พระมารดาของพระสวามี ที่เป็นคนจัดหาหญิงอื่น มาให้สมเด็จอาทิตติวงค์ เพื่อมีทายาทสือสกุล
เสด็จทรงต้องการครูที่จะมาสองขนบธรรมเนียม ไทยและภาษาไทยให้กับท่านหญิงทั้งสอง เพราะสายเลือดส่วนหนึ่งทางพระมารดาของพระนัดดาทั้งสามพระองค์เป็นคนไทยจึงทรงอยากให้เรียนรู้ความเป็นไทยไว้บ้าง
ท่านชายรับเป็นธุระให้ เขาไปติดต่อภรรยาเพื่อนสนิทที่เป็นคนไทยชื่อรตี ให้ช่วยหาให้ รตีจึงแนะนำอรกัญญา เพื่อนสนิทสมัยเรียน แต่หญิงสาวขอคิดดูก่อนเพราะไม่อยากจากบ้านจากแม่
แต่สุดท้ายเคราะกรรมก็ชักพาให้ชีวิตของหญิงสาวเปลี่ยนแปลง เมื่อคุณหญิงอรุอร แม่ของอรกัญญาจับได้ว่าท่านนายพลวิศนุ สามีแอบมีภรรยาน้อยเป็นหุ้นส่วนไร่กาแฟ ที่ คุณหญิงไว้ใจ ท่านรับไม่ได้ช๊อคหัวใจวาย เสียชีวิต
ท่านนายพลเสียใจมากพอๆกับลูกๆคืออรกัญญา และ ร้อยเอกรพีภพ บุตรชาย อรกัญญาผูกพันธ์กับแม่มาก เมื่อเสียแม่ไปอย่างกระทันหันจึงเหมือนไร้หลักไร้ที่ปรึกษา และยังไม่พอใจกับการกระทำของพ่อที่เอาภรรยาใหม่เข้ามาแทนแม่ทั้งที่ คุณวิสนุทำเพื่ออยากลืมคู่ทุกข์คู่ยากที่จากไปเท่านั้น
อคติทำให้สองพ่อลูกไม่เข้าใจกัน หญิงสาวตัดสินใจ ไปเป็นครูที่เขมรัฐ และได้พบท่านชายระหว่างเดินทาง ท่านชายหลงรักหญิงสาวตรงหน้าพอๆกับที่หญิงสาวก็แอบมีใจ
การสองหนังสือเป็นไปด้วยดีจะมีบ้างคือคิดถึงบ้านคิดถึงแม่ อรกัญญาได้รับความรักความเอ็นดูจากเสด็จพระองค์หญิงรัตนรำไพ และหม่อมละออ เป็นอย่างดี หม่อมละออเป็นภรรยาทูตไทยที่ไปประจำการที่เขมรัฐ เมื่อสามีเสียชีวิต จึงปักหลังอยู่ที่เขมรัฐตามคำชวนของเสด็จและคอยรับใช้เล็กๆ น้อยๆ และดูแลท่านหญิงทั้งสอง
เมื่อความรักกับการงานเป็นไปได้ด้วยดี แต่ถ้าจะรักให้มั้นคงมันก็ต้องมีอุปสรรค์บ้าง ถึงแม้ทั้งคู่จะอยู่ในสายตาของเสด็จแต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของสมเด็จพิรำภา
ท่านรีบเรียกท่านหญิง พิราวดี กลับจากต่างประเทศ เพื่อมาแต่งงานกับท่านชายโดยเร็ว ตามที่ได้หมั้นหมายไว้ เสด็จทรงยุ้งอยู่กับงานที่ทรงทำเกี่ยวกับการต่างประเทศ กว่าจะรู้ก็สายเกินแก้เสียแล้ว
อรกัญญาเสียใจมากพอๆกับท่านชายแต่ไม่มีวิธีไหนที่จะแก้ปัญหาได้เลย ดูเหมือนว่าข่าวร้ายจะประดังเข้ามาหาหญิงสาวคนนี้เหลือเกิน เมื่อพี่ชายของเธอส่งข่าวมาบอกว่า บิดาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะกลับจากไร้กาแฟที่เชียงใหม่ แม่เลี้ยงของเธอเสียชีวิต ส่วนพ่อของเธอ เป็นอัมพาตครึ่งตัว ไม่สามารถเดินได้
อรกัญญาตัดใจกลับไปดูแลบิดา และเพื่อหนีปัญหา เสด็จสงสารแต่ก็ไม่เอยคำทัดธาน ท่านตรัสว่าความกตัญญูจะทำให้หญิงสาวสมหวัง และอวยพรให้เธอพบแต่สิ่งที่ดีใหภายภาคหน้า ถึงแม้จะไม่ได้เป็นหลานสะใภ้ของท่านก็ตาม
ท่านชายจัตราพงษ์เสียใจแต่ก็ไม่สามารถรั้งคนรักไว้ได้ หญิงสาวหอบเอาความโศรกเศร้ากลับบ้าน อยู่เหมือนคนหมดอาลัยในชีวิต ท่านชายทนการกดดันไม่ไหว และหัวใจที่ร่ำร้องจึงหนีไปเมื่องไทย ทิ้งให้เสด็จพระองค็หญิงรัตนารำไพ รับกับคำถามจากพระญาติทั้งหลายจนทรุดลงด้วยโรคหัวใจที่เป็นอยู่
ท่านชายพบกับคนรักสมใจ แต่ก้ต้องผิดหวังเมื่อหญิงสาวพยายามจะลืมท่านชายหนุ่มแห่งเขมรัฐให้ได้ จึงตกลงสานสัมพันธ์กับ รัฐเศษ หลานชายของคุณหญิงแม้นวาดแม่สามีของคุณหญิงกิติภาผู้เป็นน้า
รัฐเศษเป็นชายหนุ่มที่สมกับเป็นสุภาพบุรุต เขาทราบทุกอย่างว่าหญิงสาวที่เขารักเคยรักมั้นกับราชนิกูลหนุ่มแห่งเขมรัฐ แต่ก็ยอมรับทุกอย่างไม่ว่าอรกัญญาจะเลือกเขาหรือไม่โดยมี วิณวรรณเพื่อนของอรกัญญาอีกคนที่คอยให้คำปรึกษาซึ่งเธอก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีของเขา
เสด็จตรัสลาพระสวามีเพื่อไปตามหลานชายกลับเป็นการรับผิดชอบทุกอย่างหลังจากโดนกดดันอย่างหนัก ทั้งที่ตนเองก็ป่วย เสด็จอาทิตวงค์รับรู้ได้ถึงบางอย่างว่าอดีตพระชายาอันเป็นที่รัก อาจจะจากกันตลอดไปแต่ก็รั้งไว้ไม่ได้เพราะเกรงพระมารดา
เสด็จทรงเสด็จถึงเมืองไทย ก็ไปพบกับหมออนุวัฒ หมอหนุ่มเพื่อนของท่านชายที่อุปการะไว้จนเรียนจบแพทย์ ท่านชายทราบว่าอามาหาก็ยังไม่ยอมไปพบแม้อรกัญญาจะเตือนเท่าไรชายหนุ่มก็ยังบอกว่ายังไม่ถึงเวลาและเขารู้ใจ อาดี
เสด็จเสด็จไปหาคุณหญิงแม้นวาดมารดาของพี่สะใภ้เพราะอยากให้หลานๆได้รู้จักยายแต่ก็คราดกัน
เสด็จพระองค์หญิงรัตนารำไพทรงคิดมาก จนโรดหัวใจกำเริบล้มลงตกบันได ศีรษะฟาดกับบันไดเลือดอาบ สมเด็จอาทิตวงค์เสด็จมาหาพระชายาที่เมืองไทยเข้ามาเห็นเหตุการจึงพาส่งโรงพยาบาล
ท่านหญิงทั้งสองเสียใจมากกลัวว่าอาจะจากไป เอาแต่นั้งร้องให้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินพอดีพบกับคุณหญิงแม้นวาดที่มาโรงพยาบาล ท่านมองเด็กน้องด้วยความสงสาร ก่อนเข้าไปทักและก็ได้รู้ว่าทั้งสองคนไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลานของท่านเอง แม้จะดีใจที่เจอยายแต่ก็ยังไม่เท่ากับความเสียใจที่มีให้อา
หมออนุวัฒ พยายามช่วยผู้มีพระคุณของเขาอยางเต็มที่ แต่ก็ทำได้เพียงยืดเวลาให้นานเท่านั้น ท่านชายมาเยี้ยมอาเขาเฝ้าโทษตัวเองที่มีส่วนทำให้บุคลที่มีบุณคุณใหญ่หลวงกับเขาต้องเป็นแบบนี้
เสด็จฟื้นขึ้นมาเห็นหลานชายท่านดีใจมาก พร้อมอวยพรให้หลานชายมีครอบครัวที่มีความสุข และไม่เคยคิดโกรธเขาเลย เช้าวันนั้เสด็จก็สิ้นพระชนต์ไปอย่างสงบท่านขอร้องให้พระสวามีอภัยให้หลานชายและดูแลหลานสาวทั้งสองคนด้วย ท่านหญิงกลางทรงทำตามคำขอของอาเป็นครั้งสุดท้ายคือพูดให้อาได้ยินและท่านก็สามารถพูดได้
สมเด็จอาทิตติวงค์ทรงเสียพระทัยมากท่านไม่อยากให้หลานต้องเป็นแบบคู่ของท่าน จึงจัดงานแต่งงานให้ท่านชายและอรกัญญาเล็กๆในประเทศไทยหลังจากงานพระศพของเสด็จผ่านไปแล้ว
สมเด็จพิรำภาทรงมาร่วมงานท่านทรงเสียพระทัยพอกับพระโอรสไม่คิดว่าเสด็จจะทรงอายุสั้น ถึงจะตั้งป้อมกับลูกสะใภ้ ยังไงก็ยังอดใจหายไม่ได้ ท่านเข้าใจทุกอย่าก็เมื่อสายแล้ว
ท่านชายยอมสละฐานันดร ใช้ชีวิตคู่ที่ไร่กาแฟของท่านนายพลบิดาของอรกัญญาที่เชียงใหม่ ท่านหญิงทั้งสองคนกลับเขมรัฐเพื่อศึกษาต่อและกลับมาเยี้ยมยายของเธอบ้างบางคราวโดยอยู่ในการดูแลของสมเด็จพิรำภา รัฐเศษชายหนุ่มผู้แสนดีเขาหันไปรักกับวิณวรรณที่ปรึกษาคนเก่ง ความรักของคนคู้นี้ต้องแลกมากับความสูญเสียต่างๆมากมากกว่าที่จะได้มาครองคู่กันสมใจ
ความรักของคนทั้งคู่เปรียบเสมือนมีสายหมอกที่มากั้นไว เมื่อหมอกสลายฟ้าใหม่ที่สดใสก็ตามมา แต่มันก็ทิ้งรอยแห่ความชอกช้ำไว้ให้ดูเตือนใจเช่นกัน

Create Date : 31 สิงหาคม 2550 |
|
4 comments |
Last Update : 31 สิงหาคม 2550 15:44:10 น. |
Counter : 4308 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: ศิริรำไพร วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:15:50:12 น. |
|
โดย: Happy heart วันที่: 2 กันยายน 2550 เวลา:21:19:13 น. |
|
โดย: พอดีเลย วันที่: 11 กันยายน 2550 เวลา:9:40:47 น. |
|
| |
|
ศิริรำไพร |
 |
|
 |
|