|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
โอ้เจ้าจันทร์กะพ้อ
ช่างจดช่างจำได้ทุกรายละเอียดอย่างน่าทึ่งเสียเหลือเกินสุทรียภาพในการชื่นชมชวนเคลิบเคลิ้มเสียนี่กระไรทำให้รู้สึกเหมือนกลับเข้าไปสู่ห่วงเวลาเก่าๆเดิมๆที่เคยผ่านมาไม่ร้อนรุ่มเหมือนไฟสุ่มเฉกเช่นที่กำลังเป็นอยู่ความร่มเย็นของร่มไม้ชายคา สายลมรำเพยยังคงโชยกลิ่นไอของความอ่อนหวานอบอวด้วยความสุข อบอุ่นและชวนฝันผสมเจือเข้ากลับไอดินกลิ่นฝน จวนจะพลบค่ำก่อกองไฟไว้ที่ท้ายเรือน
ด้วยหวังจะลงไปชมแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ หวั่นว่าจะไม่ต้องหนาวเหน็บด้วยลมแรงแสงตะไลจากใต้ส่องจับวาววับใบหน้านวลยวนตาเดินผ่านโหรงไม้ไปอีกด้านหวังว่าจะไม่ต้องผ่านลานดอกปีบแต่ลมเจ้ากรรมกลับเปลี่ยนทิศ หวลเจ้ากลิ่นมณฑาทอง..เจ้าไม้สุดสูงที่ไม่อยากเหงนคอมองเจ้า แต่สายลมก็ยังหวลมาให้ต้องกลิ่นอันล้ำค่าเข้าจนได้หวั่น หวั่น ให้หวนคิดคำนึงถึง..สายลมอันเป็นที่รักเมื่อครั้งเก่าที่เคยเย็นชื่นหัวใจต้องผิวแผ่วเบา พอให้รับรู้ว่าเย็นระรื่นผิว แต่มิอาจจจะจับต้องสายลมแห่งความสุขนั้นได้เลยยะเย็นเยือกหวามจิตคิดหวาดหวั่น แต่...ชีวิตยังคงต้องก้าวเดินต่อไป แสงไฟจากอัปนี้ยังคงส่องทางให้ก้าวเดินต่อไปแค่เพียงหัวใจได้หยุดคิดหวนคิดถึง..สายลมที่แผ่วเผาอบอุ่นนั้นอีกคราวโอ้ละหนอนวลตาเอย พี่นี้รักแสนรักดังดวงใจ โอ้เป็นกรรมต้องจำจากไป ขอลาแล้ว..เจ้าแก้วโกสุม อกพี่อาลัยเจ้าดวงเดือนเอย
แว่วเสียงซอสามสายที่คุ้นเคย แม้นแต่แสงใต้อันริบหรี่ ก็ยังมองเห็นหยาดหยดของน้ำตา จงไหลย้อนคืนกลับเถิด อย่าได้อาบนองสองแก้มนวลนี้เลยไหลย้อนกลับไปสู่แห่งที่เจ้ามา น้ำตาที่หลั่งมาจากใจ น้ำตาแสงใต้วาบวับจับตาอยู่เพียงแต่ครู่เดียว ร่างระหงนั้นยังคงก้าวเดินต่อไป สะไบแพรสีหม่นของเจ้าอบร่ำได้กลบกลิ่นเจ้ามณฑาทองเสียจนหมดแล้วเจ้ามีเวลาแค่เพียงได้พักผ่อนหัวใจเพียงเท่านั้น หมดเวลาแล้วสำหรับเรื่องราวของหัวใจ เจ้าคงจะต้องเข้มแข็งเพื่อต่อสู้ และสู้ เจ้าดวงเดือนดวงน้อยเอ๋ย แม้นโสตจะยังแว่วพี่ทนทุกข์ทุกข์ทนโอ๋เจ้าดวงเดือนเอยขอลาแล้ว...เจ้าแก้วโกสุมแต่กับใจดวงหนึ่งยังคงมีความหวังว่า..แสงเทียนใต้เงาจันทร์อันพิลาศนี้จะเป็นแสงที่ส่องนำทางพาใครบางคนให้ย้อนคืนกลับมาสู่เรือน
ค่ำคืนนี้อากาศที่คุ้งน้ำ ยังคงหนาวเหน็บแต่ความหนาวเย็นนี้กลับทำให้จิตใจของคนที่ยืนนิ่งอยู่นี้อบอุ่นอย่างประหลาด...อีกใจหนึ่งก็แอบมีหวังว่าเจ้าหญิงจันทร์กะพ้อปีนี้จะมีดอกให้เชยชม
ด้วยหวังว่าจะนำมาปรุงน้ำอบ นำขึ้นบูชาพระรัตนตรัยในหอพระแล้วนำไปบรรณาการแด่คนที่รักด้วยหัวใจแทนกลิ่นแก้วเจ้าจอมที่ผ่านมาเนิ่นนาน ว่าเจ้าหญิงจันทร์กะพ้อนั้นกลิ่นเย็น รวบระรื่นชื่นจิต แลพอทดแทนกลิ่นเดิมที่ผ่านมาเนิ่นนาน
"กรุ่นกลิ่นหอมจันทร์กะพ้อเมื่อยามสาย ยังมิได้อุ่นกลิ่นรัก เมื่อยามชื่น นับคืนวันมองพระจันทร์ อย่างกล่ำกลืน ใจสุดฝืนหมองมัว สลัวจันทร์"
ขอกรุ่นกลิ่นรักจงหวลกลับคืนมาดั่งปรารถนาสมดั่งใจใฝ่ฝันอีกคราลมรำเพยเอ๋ยอย่าเพิ่งเคลื่อนขอให้หัวใจข้าได้สูดกลิ่นแห่งความรักแลปรารถดีมิรู้วายเช่นนี้ อีกครั้งมาเยือนเรือนแห่งรักนี้ทีไร มิเห็นว่าท่านจะขึ้นเรือนมาสักครั้งคงเดินเชยชมแลผูกเปลนอนฟังเสียงดอกไม้ต้นไม้ที่เรือนกระซิบกระซาบคุยกันเป็นนิจแต่แปลกใจนักที่ท่านรู้ว่า
ขวัญของเจ้าเรือนอยู่ที่สระบัวเหล่านั้นแต่อย่ากระไรเลยค่ะ..เจ้าเรือนเองก็มีความสุขกับการถูกธรรมชาติหยิบยื่นปรนเปรอจนรู้สึกว่า สิ่งรอบตัวนอกเรือนนั้น ไม่น่าภิรมย์รื่นใจเอาเสียเลยแต่ยามนี้..บ้านเมืองกำลังแตกกระสานซ่านเซนคงจะหาความสุขไม่ได้ที่จะอยู่นิ่งเฉยเช่นกัน
Create Date : 24 สิงหาคม 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 24 สิงหาคม 2550 16:35:28 น. |
Counter : 1276 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: 007 IP: 125.24.193.231 วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:16:07:04 น. |
|
| |
|
ศิริรำไพร |
|
|
|
|