Group Blog All Blog
|
เรื่องเล่ากว่าจะเป็นหมอ ep 8 สูต กับ เด็ก สารพัดเรื่อง ภาคต่อการฝึกงานของนิสิตแพทย์ กับ อีก 2 วอร์ดหลัก วอร์ดเด็ก เมื่อนิสิตแพทย์ปี 5 ต้องมาฝึกงานในวอร์ดเด็ก ซึ่งจะแบ่งเป็นเด็กเล็กเบบี้ กับเด็กโต หมอคนนี้ไม่ชอบและรำคาญเด็กมาเป็นทุนเดิม แม่ก็พยายามบอกว่าให้ใจเย็นเวลาเจอกับเด็กน้อย เพราะเด็กก็ต้องมีนิสัยพูดไม่รู้เรื่องบ้างล่ะ ตัวหมอเองตอนเด็กก็งอแงแบบนี้แหละ ผ่านไปสักพัก ตอนเป็นวอร์ดน้องเบบี้ ก็ไม่ค่อยมีอะไร แต่พอต้องมาดูแลเด็กโต 3-4 ขวบขึ้นไป ก็มีโทรมาบ่น 🧑⚕️ ดูสิ แค่บอกว่าหมอจะขอ... (เอาหูฟังเสียงปอด) ยังพูดไม่จบก็โวยวาย ร้องไห้เสียงดังแล้ว 👵🏻 ก็ยิ้มให้เด็กสิ 🧑⚕️ ใส่หน้ากากครับ ยิ้มก็ไม่เห็น ผมก็เลยจ้องหน้าแม่ เขาคงรู้มั้ง พยายามปลอบ ลูกให้เงียบ ก็จะมีบทสนทนาประมาณนี้ บ่นเบื่อเด็ก แต่ก็ดูแลรักษาตามหน้าที่ ไม่เกิดปัญหาอะไร นานๆก็จะมาบ่นเคสที่เด็กอาการหนัก เพราะพ่อแม่ไม่ดูแล ปล่อยให้ตายายเลี้ยงไปตามมีตามเกิด สงสารเด็ก ไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้จะปล่อยให้ท้องทำไม วอร์ดสูตินารีสูตินารีเวช เริ่มจากวอร์ดสูติ ก็ดูแลหญิงมาฝากครรภ์ จนถึงคนมาคลอดบุตร รายแรก เป็นหญิงมาด้วยอาการปวดท้อง และประจำเดือนไม่มา จากซักประวัติอาการ และดูจากรูปร่าง หมอสงสัยว่าน่าจะตั้งครรภ์ แต่คนไข้แย้งว่าเป็นไปไม่ได้ เธอเป็นคนประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หมอจึงขอให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ ผลก็คือ ท้อง 8 เดือนกว่าๆ แล้ว จากการเช็คสิทธิบัตรทอง เธออยู่อีก รพ ไม่ใกล้มาก นั่งรถ ไม่เกิน 10 กว่านาที หมอจึงแนะนำให้รีบไปที่นั้น เพราะอาการที่เธอบอกมันคือการเจ็บท้องเตือน คราวนี้สามีบอกกลัวจะคลอดระหว่างทาง จะขอ แอดมิดที่นี่ ทาง รพ บอกถ้าคลอดที่นี่ ทางคนไข้ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง รวมถึงค่าหมอของทารกด้วย พอประมาณค่าใช้จ่ายให้รู้ ญาติคนไข้ บอก รปภ เรียกรถแท๊กซี่ให้ รายที่สอง ท้อง 7 เดือน มาตรวจครรภ์ จากการซักประวัติคุณแม่มีโรคประจำตัวแล้วเธอก็มีลูกมาแล้ว 1 คน น่าจะต้องผ่า ไม่สามารถคลอดแบบธรรมชาติได้ หมอจึงสอบถามว่าหลังคลอดคนนี้แล้วทำหมันเลยดีไหม เพราะการตั้งครรภ์อาจเป็นอันตรายกับแม่และเด็ก แต่สามีไม่ยินยอม บอกว่าขัดกับความเชื่อ รายที่ 3 อายุประมาณ 28 ปี แต่งงานมา 3 ครั้ง มีบุตรมาแล้ว 4 คน คราวนี้มาคลอดคนที่ 5 ซึ่งเด็กมีปัญหาสุขภาพและอาจไม่ปกติ หมอจึงพยายามชักชวนให้ทำหมัน ซึ่งน่าจะดีกับเธอและครอบครัว คนไข้ปฏิเสธ หมอจึงแนะนำให้ใช้การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว แบบฝังหรือฉีดยาคุม ก็บอกว่าไม่เอา เท่าที่จากการซักประวัติ การมีบุตรมากๆ อาจจะเป็นภาระที่หนักเกินไป ที่จะเลี้ยง นอกจากนั้นในแต่ละวันที่เข้าตรวจ จะมีเด็กมาอยู่ในห้องคนไข้ ซึ่งเธอบอกว่าเป็นลูกคนที่ 3-4 ส่วนเด็กที่ลูกคนที่ 3 อุ้มอยู่ เป็นหลานสาวที่เกิดจากลูกคนโต(ที่ตอนนี้อายุแค่ 14 ปี) และลูกคนเล็กที่เพิ่งคลอด ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ต้องมีคนดูแล เวลาพ่อแม่ไปทำงาน คนไข้บอกก็ให้ พี่ๆ ที่อยู่ตรงนี้ช่วยกันเลี้ยงไป หรือจ้างคนข้างๆห้องเลี้ยง นิสิตแพทย์เอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับรุ่นพี่ว่าจะโน้มน้าวคนไข้อย่างไรดี รุ่นพี่บอกทำใจเถอะ เวลาเจอคนที่ฐานะไม่ดี มีปัญหาในการเลี้ยงลูก มาคลอดบุตร ปกติหมอจะสอบถามแนะนำเรื่องการทำหมัน ซึ่งทาง รพ ยินดีทำให้ฟรี แต่รุ่นพี่บอก แนะนำไป 10 ราย ตอบรับไม่ถึงครึ่ง เวลามีข่าวดราม่า ต้องไปขโมยของให้ลูกกิน คนดูก็จะ สงสารบริจาคเงินให้ไป วนลูปแบบนี้ เอาจริงเราควรสงสารสังคมที่ต้องมีเด็กที่เติบโตมาโดยไม่ได้รับการเลี้ยงดูอบรม ก็อาจจะเป็นภาระ สร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้างได้ จากการวอร์ดสูติ ก็ไปอยู่วอร์ดนารีเวช ก็จะเจอคนไข้ทั้งชายและหญิงที่มารักษาด้วยเรื่องเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ ก็จะเจอเคสคนที่ป่วยเพราะจากความเชื่อผิดๆ ที่บอกเล่ากันต่อๆมา หรืออ่านจากสื่อโซเชี่ยว และการไม่ระมัดระวังป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะพวกเด็กวัยใส ที่ไม่กินยาคุม ไม่ใช่ถุงยาอนามัย แล้วก็ตั้งท้อง มาหาหมอ บางคนพ่อแม่ทำใจ เก็บหลานไว้ แต่บางคนก็มาขอให้หมอทำแท้งให้ เป็นเรื่องน่าเศร้าใจ และอึดอัดใจสำหรับหมอเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ก็อาจจะไม่ทำให้ ส่วนผู้ชายก็ไปฝังวัสดุที่อัวยวะเพศ จนติดเชื้อ ต้องตัดทิ้งก็มี หลังจากลูกออกไปทำงานนานหลายเดือน เวลาเราอ่านข่าวไวรัลต่างๆ แล้วเอาไปคุยด้วย ลูกมักบอกว่าชีวิตคนจริงๆ มันยังมีมากกว่าที่แม่อ่านเจออีกครับ ยิ่งมาอยู่ รพ ในต่างจังหวัด จะรู้ว่ามีคนในสังคมที่ขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องสุขอนามัยของตัวเอง ปัญหาก็จะวนลูปไม่สิ้นสุด ตอนนี้เราจึงได้คิดว่า ใครว่าคนแก่กว่าจะต้องรู้ดีกว่า หรือขึ้นกับโอกาสของแต่ละคนจะได้พบหรือเจออะไรมากกว่าไหม
|
แมวเหมียวลายสีชมพู
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] | ||||||||||||||
