Three grand essentials to happiness in this life are something to do, something to love, and something to hope for
|
|||
เรื่องของแทนเธอ
แทนลูกรัก
วันที่ลูกได้อ่านบันทึกนี้ แม่จะอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย (เพราะกว่าจะอ่านออก คงอีกหลายปี ตอนที่แม่บันทึก เวลานี้ แทนยังแค่สามเดือนกว่าๆ เองจ๊ะ) ฮ่าๆ แม่เคยบันทึกเหตุการณ์วันที่จะคลอดแทนไว้ แต่ข้อมูลในเครื่องคอมแม่ โดยลบเกลี้ยงเลย ทุกอย่างหายหมด แม่เลยต้องขอเขียนใหม่อีกรอบ ขอแม่เริ่มตั้งแต่วันที่เริ่มตรวจเลยล่ะกันนะ จริงๆ แล้ววันที่แม่สงสัยว่าตัวเองท้องก็คือแม่ไปทำโยคะร้อนที่ศูนย์ออกกำลังกาย รู้สึกว่าทำไมมันหน้ามืดบ่อย สงสัยเพราะไม่ค่อยได้นอน เพลียๆ เพื่อนโทรมาหาแม่ แม่เลยบอกว่า หน้ามืดระหว่างทำโยคะร้อน สงสัยจะเป็นประจำเดือน เพื่อนบอกว่า ไม่ใช่ท้องเหรอ เพราะแม่พูดแบบนี้มาหนึ่งอาทิตย์ล่ะ ไม่เห็นเป็นประจำเดือนสักที โอ้ จริงของยู (เพื่อนญี่ปุ่นบ็องๆ นะลูก เลยต้องพูดภาษาอังกฤษกัน) คืนนั้นแม่เลยเกิดความสงสัย กะว่าพรุ่งนี้เช้าที่ไปสัมนา แม่จะซื้อที่ตรวจตั้งครรภ์มาลอง เช้ามา แม่นั่งรถไปสัมนา เหนื่อยและเพลียมาก ซื้อที่ตรวจที่ป้ายรถเมล์ แล้วก็ลืมตรวจ จนสิบโมงเช้าจึงเข้าห้องน้ำไปตรวจ มันขึ้น 2 ขีด เข้มกับจางๆ ด้วยความที่ยังไม่เชี่ยวชาญ ก็เลยคิดว่า เดี๋ยวเย็นนี้ลองอีกทีล่ะกัน ตกเย็นกลับบ้าน วันนั้นมีกินข้าววันเกิดน้าเหน่ง มีก๋ง ยาย น้าเหน่ง น้าอั๋น แม่ และป๊ะป๋าของแทน ระหว่างที่รอป๊ะป๋ากลับจากที่ทำงาน แม่ก็เลยตรวจอีกรอบ ที่ตรวจ แม่ออกไปซื้อตอนเที่ยงที่โรบินสันรัชดา ร้านวัตสันจ๊ะ เลือกยี่ห้อที่ไม่ใช่เมื่อเช้า มันจะได้หลากหลายหน่อย เพื่อความแม่นยำ แล้วจึงสัมนาตอนบ่ายต่อ ผลมันก็ขึ้น 2ขีดอีก ก็เลยเรียกน้าเหน่งออกมาหน้าบ้านแล้วก็ให้ดูผล น้าเหน่งกับแม่ ดีใจกันใหญ่ พอแม่เดินเข้าไปในครัว ระหว่างที่เริ่มๆ กินกัน แม่อดใจไม่ไหว เลยบอกก๋งกับยายว่า "นาจะมีน้องแล้ว ท้องแล้วอ่ะ" ก๋งกับยายค่อนข้างจะงง อึ้งๆ ไป เหมือนนึกว่าแม่พูดเล่น ขำๆ พอป๊ะป๋าแทน กลับมาจากที่ทำงาน ซื้อเค้กมาด้วย แม่ก็ไปบอกป๊ะป๋า นี่ๆ เค้าท้องแล้ว ป๊ะป๋า พูดออกมาอย่างรวดเร็วระคนตกใจ "พูดเป็นเล่นไป!!" ฮ่าๆ นั่นคือเหตุการณ์วันประทับใจอีกวันของแม่ที่เกี่ยวกับแทนจ๊ะ ปล.จากการคำนวณ แม่เข้าใจว่า เหตุการณ์ที่ทำให้แทนโผล่มาในท้องแม่ น่าจะเป็นทริปที่ป๊ะป๋ากับแม่พา ก๋ง ยายและยายวาลย์ ไปเที่ยวเขาใหญ่ ฉลองวันเกิดยายวาลย์วันที่ 16ตุลาคม 2553 จ๊ะ อิอิ แล้วเจอกันในบันทึกครั้งหน้านะจ๊ะ เมื่อเจ้าตัวเล็กกลับหัว
หลังจากภารกิจในการผลิตทรัพยากรมนุษย์เพื่อมนุษยชาติสำเร็จลง
(ฟังดูอลังการดีแท้ สำหรับการมีลูกคนแรกของเรา) ตอนนี้ได้ 33 อาทิตย์กว่าๆ ล่ะ วันนี้อยากจะบันทึกเรื่องราวตอนเจ้าตัวเล็กจะกลับหัวไว้นิดหนึ่งจ๊ะ เริ่มตอน 28 อาทิตย์ กำลังจะ 29 รู้สึกจั๊กกะจี้ ด้านล่างๆ ล่ะ ยังนึกสงสัย ว่าเจ้าตัวเล็กเตรียมกลับหัวหรือเปล่าน๊า เคยอ่านในหนังสือ เขาว่า กลับหัวตอนท้องแก่ (ไอ้เราท้องยังไม่แก่ แค่คนท้อง "แก่" ไม่น่าจะเกี่ยวกันเนาะ) ครบ 29 อาทิตย์ (24/เม.ย./2554) หมอนัดตรวจพอดี หมอเห็นท้องใหญ่ ก็เลยตรวจว่าเจ้าตัวเล็กกลับหัวหรือยัง ไปบีบๆ ตรงท้องน้อย ใช้เครื่องฟังเสียงหัวใจเจ้าตัวเล็ก แล้วหมอก็บอกว่า อืม กำลังกลับหัว แต่ยังกลับไม่สมบูรณ์เท่าไร คราวหน้าตรวจใหม่ ....โอ๊ว ดีใจสุดๆ อยากคลอดเอง ปัจจัยเรื่องเด็กกลับหัว สำเร็วแล้ว รอดูปัจจัยอื่นต่อไป ครบ 31 อาทิตย์ (8/พ.ค./2554) หมอนัดตรวจ และหมอก็เช็คเหมือนเดิม แล้วก็สรุปเหมือนเดิม ว่ายังกลับหัวไม่สมบูรณ์นะ กับตักเตือนคุณแม่แสนตะกละ ที่ทำน้ำหนักขึ้นไปที่รุ่นเฮฟวี่เวท หมอบอก น้ำหนักขึ้นเยอะไปนะ ควบคุมนิดหนึ่ง T_T ตอนหมอเช็คเสียงหัวใจเจ้าตัวเล็ก เอาเครื่องมือไปจี้ๆ เจ้าตัวเล็กคงรำคาญ ดิ้นหนี ครั้งแรกไม่แรง พอครั้งที่สอง แรงมาก ท้องเบี้ยว จนหมอตกใจ หมอบอกว่า โอ้ แรงมาก ยังกับสึนามิ ..แล้วก็นั่งขำ ออกจากห้องหมอ เราเลยคุยกับเจ้าตัวเล็ก รำคาญลุงหมออีกแล้วเหรอลูก เป็นอย่างนี้ตั้งแต่สองเดือนล่ะ ที่หมอพยายามจะฟังเสียงหัวใจ แต่ลูกก็ดิ้นหนีตลอด ขี้อายหรือขี้รำคาญอ่ะ เจ้าหนุ่มน้อย ^_^ ครบ 33 อาทิตย์ (22/พ.ค./2554) หมอตรวจอีกรอบ คราวนี้ยืนยันล่ะ ว่ากลับหัวเรียบร้อยล่ะ หมอถามว่าท้องแข็งบ้างหรือยัง...อืม..ยังค่ะ แล้วก็มาคุยกับพ่อเจ้าตัวเล็กข้างนอก ท้องแข็งเพราะตัวเล็กดิ้นอ่ะ ก็มีบ่อย แต่ท้องแข็งที่เขาว่า เจ็บเตือนอะไรนั่นนะ ยังไม่เคยนะ...อ่านหนังสือมาว่า ช่วงนี้ ยังไม่ควรจะคลอดออกมา เพราะปอดเด็กยังไม่แข็งแรง ควรจะคลอดสัก 36 อาทิตย์ เป็นอย่างน้อย ต้องพยายามไม่เดินมาก แล้วก็ห้ามบีบหัวนม (สำหรับคนที่หัวนมบอด หรือสั้น และพยายามจะนวดให้มันยาวขึ้น) เราไม่มีปัญหาประเด็นหลัง มีแต่ประเด็นเดินมาก ต้องพยายามลดการเดินซะหน่อย ตั้งแต่ที่ตัวเล็กเริ่มกลับหัว เราก็รู้สึกจั๊กกะจี้ เสียวแปล๊บๆ เป็นระยะๆ เวลารู้สึกเมื่อไร ก็จะถามเขาว่า เอ๊า มุดเข้าไปลูก อยากออกมาแล้วเหรอ ใจเย็นนะลูก อะไรประมาณนี้...พอกลับหัวแล้ว ก็ขอบคุณมากเจ้าตัวเล็ก เป็นเด็กดีนะลูก เดี๋ยวอีกสักสี่อาทิตย์ เจอกันนะลูก แม่รออยู่นะจ๊ะ ชื่อนั้น สำคัญฉไน
ชื่อเล่น ของคนเรา เป็นสิ่งที่ใช้แทนคำเรียกของคนๆ นั้น พ่อแม่บางคน ก็จะตั้งชื่อลูกเป็นการแก้เคล็ด เช่น ลูกตัวดำ ก็จะตั้งชื่อว่า หนูสำลี (อืม ตรงข้ามกันดีแท้) บางคน ลูกโกนผมไฟ เห็นหัวโล้นๆ ผมยังไม่ขึ้น ก็เรียกว่า หนูเหน่ง ทั้งที่เป็นเด็กผู้หญิง (อืม..ชื่อมาจากการโดนล้อเลียนนั้นเอง) เด็กบางคน ดูอ้วนกลม ตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ก็ตั้งซะน่ารักทีเดียว ว่า ลูกหมู (โตขึ้น น้องเขาเลยไม่ยอมลดเลย กลัวพ่อแม่จะผิดหวังในการตั้งชื่อกระมัง)
อันนี้คือตั้งตามลักษณะที่เห็น แต่ในกรณีพฤติกรรมหรือนิสัย ที่ยังไม่แสดงออกมาในวัยเด็ก พ่อแม่ก็จะตั้งชื่อเพื่อเป็นเคล็ด เช่น ไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กเจ้าเล่ห์ อยากให้เรียบร้อย ก็ตั้งชื่อเด็กว่า น้องเล่ห์ (อืม เท่ดีแฮะ) บางคน อยากได้ลูกผู้หญิง ตั้งชื่อไว้เรียบร้อยล่ะ แต่ดันได้ลูกชาย ก็เลยเอาชื่อนั่นแหละ ตั้งไปเลย เช่น น้องเก๋ น้องมด น้องแก้ว เด็กผู้ชายทั้งนั้น ก็น่ารักดีแฮะ แล้วในทางกลับกัน ตั้งชื่อผู้ชายไว้ล่ะ ดันได้ลูกผู้หญิง ...มีไหมหนอ...คงมีแหละเนาะ แต่ตอนนี้นึกไม่ออก ใครนึกออกได้บ้าง ก็บอกกันนะ บางคน ก็ตั้งชื่อลูกได้ซ้ำกับคนอื่น เยอะมาก เช่น ส้ม แก้ว นก เปิ้ล แหม พอไปทำงานที่เดียวกัน เลยต้องหาคำมาต่อ เพื่อขยาย ว่าเป็นส้มลูกไหน บางทีก็เรียก พี่ส้ม กับน้องส้ม แต่บางที อายุใกล้เคียงกัน จะไปแยกว่า พี่หรือน้องก็ลำบาก ใช้รูปร่างแบ่งแยกก็มี เช่น นกใหญ่ หรือนกเล็ก ที่ฮามาก ก็คือ ในที่ทำงานแห่งหนึ่ง ดันมีพี่ผู้หญิงที่ชื่อเล่นเหมือนกันว่า จิ๋ม พอมีน้องใหม่เข้ามา ก็บอกน้องว่า นี่ๆ น้องเอาเอกสารตัวนี้ไปส่งพี่จิ๋มใหญ่ให้หน่อยนะ น้องเธอก็หน้าใสตาซื่อ ไม่รู้ว่า ใหญ่เล็กเนี้ย เขาใช้แยกแยะ ไม่ใช่ ชื่อพี่เขาจริงๆ พอไปเจอพี่เขา เธอก็เอ่ยปากถามเพื่อความแน่ใจ... เออ พี่จิ๋มใหญ่ ใช่ไหมคะ ฮากันไปทั้งแผนกกันเลยทีเดียว อ่ะ นี่ยังดีนะ ถือว่าให้เกียรติ เกิดไปถามเขาว่า ขอโทษค่ะ พี่จิ๋ม เล็ก อยู่ไหมคะ ดูท่าจะเป็นเรื่องกันเลยทีเดียว ฮ่าๆ เราไม่ได้ทะลึ่งจริงๆ นะเออ เพียงแต่กำลังคิดเรื่องนี้อย่างหนัก เพราะตอนนี้เจ้าตัวเล็กสี่เดือนล่ะ ปลายเดือนนี้ก็จะรู้ว่าผู้หญิง ผู้ชาย จึงต้องมานั่งคิดก่อนว่า จะเอาหลักการอะไรมาตั้งชื่อดีหนอ.. จะตั้งแปลกๆ ก็สงสารลูก จะตั้งซ้ำๆ เดี๋ยวเจอหลักการแบ่งแยก ก็จะลำบากอีก เหอ เหอ ชื่อนั้น สำคัญฉไนหนอ?? คนที่ฉันรอคอยมาทั้งชีวิต ทำไมไม่โผล่เข้ามาในชีวิตฉันสักที
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง หรืออารัมภบทให้เสียเวลา
ฉันแค่นึกน้อยใจและอยากจะตะโกนบอกใครต่อใคร สาเหตุที่ฉันซึมเศร้าช่วงนี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของใครหลายคน แค่...ฉันเพิ่งมารู้สึกตัวว่า คนที่ฉันรอคอยมาทั้งชีวิต... เขายังไม่โผล่หัวมาในชีวิตฉันเลย แค่จะชะโงกหัว หรือส่งสัญญาณมาสักนิดสักหน่อยก็ไม่มี อายุอานามมันก็เริ่มไปเยอะล่ะ ใครๆ ก็เริ่มทัก เริ่มแอบมองพร้อมซุบซิบๆ ใช่สิ ฉันมันอายุก็เลขสามแล้วนิ!! แต่...เออ..ขอโทษนะคะ แค่เขายังไม่มา ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่มีความสามารถในการที่จะมีใครคนนั้นในชีวิต ชิ...ไม่พูดพร่ำทำเพลงล่ะ คืนนี้ต้องจัดการ!! ตาอ้วนขาวที่บ้าน..เสร็จฉันแน่ ฉันจะได้มี "ลูก" คนที่ฉันรอมาทั้งชีวิตสักที สาธุ๊ รีบๆ มานะลูกนะ อยากเลี้ยงลูกเต็มแก่แย้ว |
nang_sida
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Life is Beautiful.... หลังไมค์คุยกันได้ตามสะดวก สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ รูปภาพ เพลงในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด Start Counting: March 10,2008 All Blog Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |