Aquaman
ผู้กำกับ : James Wan
ผู้อำนวยการสร้าง : Peter Safran, Rob Cowan
ผู้เขียนบท : David Leslie Johnson-McGoldrick, Will Beall
ผู้ประพันธ์ : Geoff Johns, James Wan, Will Beall
อ้างอิงจากตัวละคร Aquaman โดย Mort Weisinger, Paul Norris
นักแสดง : Jason Momoa, Amber Heard, Willem Dafoe, Patrick Wilson, Dolph Lundgren, Yahya Abdul-Mateen II, Nicole Kidman
ดนตรีประกอบ : Rupert Gregson-Williams
ผู้กำกับภาพ : Don Burgess
ผู้ตัดต่อ : Kirk Morri

เป็นเรื่องราวของ “Arthur Curry” ชายหนุ่มที่ได้มารู้ที่มาที่ไปของตัวเองว่ามีสายเลือดของชาวแอตแลนติส  อาณาจักรใต้มหาสมุทรที่หายสาบสูญ  เขาเป็นลูกชายของ Thomas Curry พ่อที่เป็นคนดูแลประภาคารที่ชายฝั่งของอ่าว Amnesty Bay กับ Queen Atlanna แม่ที่เป็นราชินีแห่งอาณาจักรแอตแลนติสที่ถูกเนรเทศออกมา แต่หลังจากที่ Arthur ถือกำเนิดขึ้นได้เพียงไม่นาน Queen Atlanna ก็ได้หายตัวไป… ทำให้ Thomas พยายามออกตามหาภรรยาของตนเอง  ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความที่ตัวเขามีพลังของชาวแอตแลนติส  เขาจึงได้ลุกขึ้นมาเพื่อเป็นฮีโร่และต่อสู้เพื่อมุ่งไปสู่การคอยปกป้องและนำทางผู้คนบนโลกใบนี้

หลังอกหักจากความคาดหวังว่าผู้กำกับภาพยนตร์แซค สไนเดอร์ จะทำ Man of Steel พลิกโฉมซูเปอร์แมนแต่กลับได้หนังหนักกบาลมาแทน หลังคาดหวังให้ Batman V Superman ให้เป็นอภิมหาศึก 2 ฮีโร่ แต่กลับได้หนังที่ฮีโร่มาคิดถึงแม่ขึ้นมาน้ำตามันก็ไหลแบบไม่มีเหตุผล ยิ่ง Justice League ยิ่งอาการหนักเพราะทั้งแซคและจอส วีดอน มาร่วมกันต้มยำทำแกงฮีโร่เสียสะเปะสะปะ ไร้ทิศทางอย่างกับขี้เมาเมาเหล้าขาว จนกว่า Wonder Woman จะมาแก้สถานการณ์ได้ก็เกือบสายเกินไป  หลายคนเลยตั้งความหวังกับเจมส์ วาน ผู้กำกับที่กำลังมือขึ้นทั้งหนังผี หนังแอ็คชั่น ให้มาปั้น Aquaman ให้เสียที!

จากที่บอกไว้ว่าเจมส์ วาน แบกความคาดหวังของแฟนๆ ดีซี สตูดิโอ ไว้หนักอึ้งขนาดไหน ซึ่งตอบในฐานะที่ผู้เขียนเป็นแฟนดีซีคนหนึ่งได้เลยว่าขอบคุณเจมส์ วาน มากๆ ที่ทำให้แฟนๆ อย่างเราได้สู้กับเหล่าแฟนมาร์เวลเสียที จากที่เคยโดนเดดพูล เอาเรื่องความมืดมนของดีซีไปล้อ คราวนี้พี่วานของเราจัดการให้ความเศร้าจากการต้องลาจากของราชินีแอตแลนนา ตัวละครของนิโคล คิดแมน ให้กลายเป็นโทนโรแมนติก โดยเริ่มเรื่องราวกุ๊กกิ๊กระหว่างสาวแอตแลนติสกับหนุ่มเฝ้าประภาคารให้ออกมาน่ารักอมยิ้มเหมือนหลุดมาจากหนังนางเงือกขวัญใจเด็ก ก่อนที่ทหารจากโลกใต้น้ำจะตามมาราวีจนแอตแลนนา ต้องจำใจจากลูกจากผัว ถวายตัวไปเป็นเมียของพระราชาองค์ใหม่จนพ่ออาร์เธอร์ต้องออกมารอเธอที่ท่าน้ำทุกวันเลย 

ซึ่งการปรับโทนเศร้าให้มาอบอุ่นโรแมนติกตั้งแต่ต้นเรื่องยังส่งผลให้ความสัมพันธ์ของอาร์เธอรกับเมราดูน่าเชื่อถือและค่อยๆ เป็นเหตุผลสำคัญที่ผลักให้อาร์เธอร์เริ่มยอมรับในเลือดขัตติยะของตนได้เต็มภาคภูมิมากขึ้นด้วย 

ส่วนฉากแอ็คชั่น เชื่อว่าจะได้รับการจดจำในฐานะหนังฮีโร่ที่ใช้ศิลปะการต่อสู้ได้อย่างเข้าอกเข้าใจในสรีระนักแสดง คือการผสมผสานศาสตร์การต่อสู้ ถูกออกแบบให้เหมาะกับเจสัน โมโม มากๆ แม้เขาจะช่ำชองฉากแอ็คชั่นจากซีรีส์สงครามอยู่แล้ว แต่ใน Aquaman ถูกดีไซน์มาให้เห็นความงามของสรีระอันใหญ่โตของเขาได้ดียิ่งกว่า ส่งผลให้ฉากบู๊ของหนังมีพลังมาก ซึ่งถือว่าเจมส์ วาน ตัดสินใจถูกต้องที่ไม่ให้ฉากแอ็คชั่นมีแต่แสดงซีจีทั้งหมดแต่สัดส่วนครึ่งๆ แบบนี้ถือว่าปลอดภัยแล้วสำหรับคอหนังฮีโร่และแอ็คชั่นแบบผู้เขียน

แน่นอนว่าแฟนบอยอย่างเราจะขาดสาวๆ เซ็กซี่ในหนังฮีโร่ได้ไง หลังปล่อยให้สาวๆ จากฝั่งมาร์เวลมาขโมยหัวใจหนุ่มๆ มาเป็น 10 ปี ในที่สุดหลังจากส่งกัล กาดอต มาโชว์เท่เป็นวันเดอร์วูแมนแล้ว ก็ได้เวลาแอมเบอร์ เฮิร์ต พาชุดแหวกอกเกล็ดปลาสีเขียวพร้อมผมแดงเปียกๆ ที่โผล่จากน้ำทีไรหนุ่มๆ ได้ตาค้างแน่นอน ด้วยชุดที่เหมือนโป๊ก็ไม่โป๊ โชว์เพียงร่องอกสวยๆ แค่นี้ก็ทำเอาหนุ่มๆ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว หนังยังให้เธอโลดโผนโจนทะยานเล่นฉากบู๊ พุ่งตัวในน้ำ ให้เราใจคอไม่ดีเลยตลอดเรื่อง ที่สำคัญสีผมของเธอ ถ้าหนังวางโปรดักส์เพลซเมนต์เป็นยาย้อมผมนี่รับรองขายดีแน่ เพราะผมแดงเพลิงของเธอนี่ติดดีเหลือเกิน ฮ่า

ไม่เพียงแค่นักแสดงนำอย่างเจสัน โมโม แอมเบอร์ เฮิร์ต หรือนิโคล คิดแมน เท่านั้นนะ หนังยังได้นักแสดงยอดฝีมือทั้งวิลเลม เดโฟ ดอล์ฟ ลุนด์เกรน และ เจสัน แพตทริก ที่มารับบทคิงออร์ม ได้หล่อมาก เอ๊ย! ไม่ใช่แค่หล่อนะ แต่ยังทำให้บทผู้ร้ายดูไม่แบน มีมิติ ซึ่งก็ต้องยกประโยชน์ให้เจมส์ วาน ที่เขียนบทมาได้อย่างดี แม้จะมีบางจุดที่หนังยังเล่าได้ไม่ละเอียดหรือขยี้บางปมไม่มากพอ แต่ความบันเทิงของหนังก็มาเต็มมหาสมุทรแล้วล่ะ